ตอนที่ 26 ออกจากมหาลัยมาสู่นรก(3)
ตอนที่พวกเขาล่ากอบลิน พวกเขาจะได้ “มีดที่อ” มาบ้าง ตอนที่ ล่ามอนสเตอร์เลเวลสูงอย่าง “กอบลินยักรบ” หรือ “หัวหน้ากอบ ลิน” พวกเขาจะได้ “หอกที่อ”
แต่พวกมันไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าใดนัก
แต่กับมีด มันคืออาวุธที่แข็งแกร่งใช้ได้สําหรับการต่อสู้ระยะไกล ซองอูถึงไม่คิดจะทิ้งพวกมัน
“เปิดกระเป๋าอุปกรณ์ตกปลา”
เพราะซองอูเองก็มีคนงานมากพอให้ถือสัมภาระ โครงกระดูก เก้าตัวของเขาแบกกระเป๋าที่เก็บได้บนถนน กระเป๋าเหล่านั้นมีอา หารกับของจําเป็นในแต่ละวันที่พวกเขาฉกมาจากร้านสะดวกซื้อ เช่นเดียวกับมีดที่ได้จากพวกกอบลิน
และกระเป๋าใส่อุปกรณ์ตกปลานั้นเป็นกระเป๋าชั้นเยี่ยมสําหรับเก็ บมีด
“ตอนนี้เราจะฆ่าแต่กอบลินไม่ได้อีกแล้ว”
ซองอพูด
จบ
“หือ? นายเบื่อแล้วเหรอ?”
“นายคิดจะล่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าใช่ไหม?”
จีซูอ่านใจเขาได้พอดี
“ใช่ ฆ่าออกได้แปดสิบทอง แต่กอบลินได้แค่สิบทอง เราเอาแต่ จัดการกอบลินมานานแล้ว ได้เวลาที่เราจะต้องไปหาสิ่งที่ยากกว่า”
พวกเขาออกจากร้านมายังถนนหลักเพื่อหาเหยื่อที่ยากกว่า
เมื่อพวกเขามาอยู่ในที่โล่งกว้าง พวกเขากลัวอยู่เล็ก ๆ ว่าจะเจ อมอนสเตอร์อย่างไวเวิร์นที่มาจู่โจมพวกเขา แต่พวกเขาคิดว่าพวก เขาจะไม่มีวันฝันถึงปลาใหญ่ถ้าหากกลัวที่จะลงสู่น้ําลึก
“เหมือนกับฉากหนังซอมบี้เลยนะ”
สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นเหมือนกับที่ฮันโฮพูด รถ จอดแน่นขนัดบนถนนสี่เลน นอกจากนั้นยังมีซากศพกระจัดกระ จายไปทั่วทุกหนแห่งจนเกิดเป็นบรรยากาศประหลาดที่ชวนอา เจียนเพราะกลิ่นเหม็นเน่า
“นั่นไม่ใช่รถของกองทัพเหรอ?”
ฮันโฮชนิ้ว พวกเขาเห็นรถสีเขียวที่จอดเรียงในเลนขวา
ดูเหมือนว่ารถจะนํากําลังทหารมาแต่โชคร้ายที่พวกเขาเห็นศพ ทหารอยู่เต็มไปหมด ที่แปลกคือไม่มีใครถือปืนเลย
“เจ้าพวกนี้เอาพลั่วมาสู้รึไง?”
มีพลั่วทิ้งอยู่บนพื้นหลายอัน เห็นได้ชัดว่าทหารเหล่านี้ใช้พลั่ว เป็นอาวุธ
“หาของที่มีประโยชน์กันดีกว่า ของจากกองทัพอาจจะไม่ดีอย่าง ที่คิด แต่บางทีเราอาจจะได้ปืน…”
ซองอูที่เข้าหารถหยุดเดินไปชั่วขณะ ประตูคนขับเบิดออกและ มีคนเดินออกมา เขาเป็นทหารยศสิบตรีแต่ก็ยังถือพลั่วอยู่หนึ่งอัน
“อ๊ะ คุณเป็นมนุษย์ใช่ไหม?”
สิ่งที่ออกมาจากปากเขาคือคําถามที่ไม่คาดคิด
ซองอูควรจะตอบอย่างไร?
“ที่ตามมาข้างหลังนั่นมัน…”
ซองอูเข้าใจแล้วว่าทําไมเขาถึงถาม สิบตรีคนนี้เห็นฝูงโครงกระดู กที่ตามซองอูอยู่ใกล้ ๆ
“ไม่ต้องห่วง
เขาไม่อธิบายว่าโครงกระดูกเหล่านั้นคืออะไร ถึงอย่างนั้นสิบตรี ก็ดูสบายใจขึ้น ซองอูหันไปมองที่นั่งข้างคนขับ
“สิบเอกคิม พวกเขาเป็นมนุษย์!”
มีเสียงคนมาจากข้างใน
“นี่แก แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นมนุษย์ คิดว่าพวกนั้นเหมือนกอบลิน
เรอะ?”
ซองอูเดินเข้าไปมองด้านใน เขาเห็นทหารคนหนึ่งนั่งอยู่
เขาขมวดคิ้วมองซองอูและพยักหน้า
“อย่างที่เห็น เราออกไปไหนไม่ได้เพราะขาชั้น”
ขาขวาของเขาบวมแดง
“ถูกกอบลินแทงสินะ”
“ใช่ รู้สึกแย่ชะมัดที่ถูกกอบดินที่เหมือนเด็กประถมแทงเข้า ผม ไม่ได้อยู่ในกรมมาสิบแปดเดือนเพื่อมาโดยแบบนี้นะ ผมใช้ศิลปะกา รต่อสู้ได้ แต่…อาา บัดซบ”
“เกิดอะไรขึ้น? ถูกพวกอบลินจู่โจมเหรอ?”
สิบเอกคิมหัวเราะ
“ใช่ พวกเราถูกพวกกอบลินบุกเข้ามา ที่จริงเราจัดการมันไปห มดแล้ว แต่เรื่องมันหลังจากนั้น”
“จัดการพวกมันเหรอ? พวกนายไม่ได้ยิงปืนไม่ใช่เหรอ?”
สิบเอกคิมเองก็คิดว่าถ้าพวกเขามีปืน พวกเขาคงจะฆ่ากอบลิน กับออคได้ไม่ยาก
“ใช่ พวกเรายังไม่ได้”
มันคือคําตอบที่ไม่คาดคิด แต่ซองอูไม่แปลกใจเพราะเขาคิดว่า ระบบเกมอาจทําลายความสามารถทางการทหารของมนุษย์ไป แต่ ทําไมปืนถึงใช้ไม่ได้เลยล่ะ?
“มันไม่ได้ฟัง แต่หน่วยเราไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วก็อย่างที่ เห็น พวกเราใช้พลั่วกับดาบปลายปืนสู้กับมัน เราจัดการกอบดินได้
แต่…”
ฮันโฮเข้ามาจากด้านหลังซองอู
“ซองอู ชั้นได้โพชั่นมาล่ะ…”
ฮันโฮมีโพชั่นสําหรับฟื้นฟู สิบเอกเบิกตากว้าง
“ผมรู้ว่ามันคืออะไร..ผมเห็นคนที่เป็น “ผู้เล่น” พกมันไว้ คุณช่วยผมได้ไหม?”
สิบเอกคิมถามขณะที่มองซองอู แต่สีหน้าของซองอูเย็นชาเป็น อย่างมาก
ซองอพูด
“อย่างที่รู้ มันยากที่เราจะให้เพราะมันเกี่ยวข้องกับความอยู่รอด
ของเรา”
แต่สิบเอกคิมนั้นมีข้อเสนอ
“แบบนี้เป็นไง? ผมจะบอกสิ่งที่เห็นและได้ยินตั้งแต่แรก นอก จากโพชั้น ไม่มีอะไรสําคัญไปกว่าข้อมูลในเวลาแบบนี้อีกแล้ว ถ้า หากจะไปเจอกับมัน พวกคุณก็จะเป็นแบบผม”
“ไม่รู้ว่าข้อมูลของนายจะคุ้มรึเปล่าน่ะสิ”
“สบายใจได้เลย พวกคุณไม่ได้คิดว่าจะมีแค่กอบลินกับออ คบนถนนเส้นนี้ใช่ไหม?”
ซองอูยื่นมือไปหาฮันโฮและหยิบโพชนขวดเล็กมาไว้ในมือ
“ขอฟังก่อนจะตัดสินแล้วกัน ถ้าหากข้อมูลดีพอ ชั้นจะให้โพชัน กับนาย”
สิบเอกคิมพยักหน้าและตอบ
“พวกเราถูกฝูงหมาปาจู่โจม
“หมาป่าเหรอ?”
“ใช่ ผมไม่รู้ว่าพวกมันคืออะไรเพราะจัดการมันไม่ได้ซักตัว แต่ หมาป่าพวกนั้นตัวเท่ากระทิง พวกมันไปไหนมาไหนกันเป็นฝูง ถ้า ผมไม่โงถูกกอบลินแทงขาก็คงถูกพวกหมาป่ากินไปแล้ว”
“จบแค่นี้เหรอ?”
“จะบอกอีกเรื่อง คุณอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่คุณเคยเห็นคิวอาร์โค้ด สีฟ้ามาแล้วใช่ไหม?”
ซองอูมองจีซูกับฮันโฮ ทั้งสองส่ายหน้า
« โอ้ เรื่องนี้มีค่ามากกว่าโพชันแล้ว”
สิบเอกคิมวางมาด แต่เขาก็พูดในไม่นาน
“ผมเคยเห็นมาสองครั้ง ถ้าไปทางนี้จะเจอหนึ่งอันที่แยกซูยอง ส่วนอีกที่อยู่สถานีซูวอน ใช้มือถือสแกนมันดู”
“สแกนแล้วเจออะไร?”
“จะมีแอพนึ่งโหลดเข้ามา ในสถานการณ์บ้า ๆ ที่แม้แต่คลื่นวิทยุ สั้น ๆ ยังใช้การไม่ได้ก็มีแค่แอพนี้ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกับผู้รอดชีวิตได้ ยืนยันไม่ได้หรอกเพราะว่ามือถือผมพังไปแล้ว แต่ผมไม่ได้โกหก”
แอพสือสารเหรอ?
ซองอูให้โพชนกับสิบเอกคิม คิมรีบรับและดื่มโพชั้นในทันที
“ให้ตายเถอะ โง่จริง ๆ ที่คิดว่ามันเป็นรสสตรอเบอรี่ ที่ไหน ได้”
เขาแปลกใจกับเอฟเฟค ไม่นานเขาก็เปิดประตูรถออกมา
“เจ้าเกมบ้านี่ทําตัวเราเป็นบ้าไปหมดแล้ว! พวกคุณจะไปไหน? เราจะกลับกอง”
“คิดว่ามันปลอดภัยอย่างนั้นเหรอ?”
“ตอนที่ “ผู้เล่น” คนแรกปรากฏตัวก็มีเจ้าหน้าที่เก็บอาวุธออก ไปหมด เจ้าพวกบ้านั่น พวกมันบอกให้เราสู้ด้วยพลั่ว พวกมันอาจ จะทิ้งค่ายไปแล้วและใช้อาวุธที่เก็บไปนั่นแหละ”
เมื่อพูดจบ คิมปลดบางอย่างออกจากชุด
“อย่างที่รู้ กองทัพไม่ได้เปลี่ยนไปจนกระทั่งเกิดเรื่องนี้”
“พวกเราต้องไปที่ไหนซักแห่ง”
“ถ้างั้น โชคดี”
มันเหมือนกับการบอกลาทั่วไป
“นายก็ด้วย ระวังบนฟ้าด้วยล่ะ”
คิมเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยสีหน้าสับสนเมื่อฟังคําแนะนําของซอ
“บนฟ้าเหรอ?”