ตอนที่ 1 2 แก่นวิญญาณ
นับเป็นความโชคร้ายของกวนไห่ผิง เพราะหลังจากที่เขาเดินทางไปตามที่ต่างๆทั่วโลก เพื่อเสาะหาผู้ที่รู้จักลูกทองแดงนี้ แต่กลับกลายเป็นว่า เขาคว้าน้ำเหลวมาโดยตลอด ส่วนตัวเองนั้นก็เหลือเงินอยู่ไม่มากนัก จึงได้เลือกมาเปิดร้านเล็กๆอยู่บนถนนค้าของเก่านี้
เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ กวนไห่ผิงก็เข้าไปจับมือของฉีเล่ยไว้ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
“นายท่าน ตอนนี้ผมอายุสามสิบสองปีแล้ว เดิมทีผมคิดว่า ตัวเองคงจะมีชวิตอยู่ต่อได้อีกไม่เกินแปดปี หรือถ้าโชคร้าย ก็อาจจะะอยู่ได้อีกเพียงแค่ห้าปี ..”
“แต่นับว่าสวรรค์ยังเมตตา ในที่สุด ผมก็ได้พบคุณจนได้ ! ได้โปรดเถิดนะครับนายท่าน ได้โปรดช่วยชีวิตผมด้วย !”
“เอ่อ .. ได้ๆๆ”
ฉีเล่ยถึงกับต้องยกมือเกาศรีษะด้วยความงุนงง แต่แล้วก็อดที่จะร้องถามออกไปด้วยความสงสัยไม่ได้
“แต่ผมขอถามอะไรหน่อย ทำไมคุณถึงได้มั่นใจนักว่าผมรู้จักลูกทองแดงนั่น ? ”
แววตาของกวนไห่ผิงเป็นประกายขึ้นมาทันที “ผมไม่มีทางมองผิดแน่ ! ผมเปิดแผงขายของเก่ามานานหลายปี มีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนที่พบเห็นลูกทองแดงนี่ แต่ทุกครั้งที่คนพวกนั้นได้ยินราคาที่ผมบอก พวกเขาต่างก็ด่าว่าผมเสียสติ !”
“มีเพียงนายท่านคนเดียวเท่านั้น ที่หลังจากได้ยินคำว่า ‘สิบล้าน’ ก็เอาแต่ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ท่าทางของคุณบ่งบอกชัดเจนว่า คุณรู้จักลูกทองแดงนี้จริงๆ !”
ฉีเล่ยได้แต่พยักหน้า ..
‘กวงไห่ผิงพูดถูก !’
ความจริงแล้วลูกทองแดงนั่นหาได้มีค่าราคาอะไรมากมายนัก ก็แค่ลูกบอลเล็กๆ ที่ทำจากทองแดงลูกหนึ่่งเท่านั้นเอง จะสวยงามหน่อยก็ตรงที่มีการแกะสลักลวดลายมังกรไว้ด้านนอกเท่านั้นเอง
เพียงแต่ .. สิ่งที่อยู่ด้านในลูกทองแดงนั้นที่ไม่ธรรมดา เพราะมันคือ ‘แก่นวิญญาณ’ !
ภายใต้จักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ไร้ขอบเขตนี้ ทุกสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ และแก่นวิญญาณที่อยู่ภายในลูกทองแดงนี้ ก็เกิดจากการหลอมรวมของจิตวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วน
ฉีเล่ยเองก็ไม่รู้ว่า แก่นวิญญาณนี้มาจากที่ใดกันแน่ แต่เพราะเขาได้ดวงตาแห่งการหยั่งรู้นี้มาจากบรรพชนสกุลเฉิน เขาจึงมั่นใจว่าสิ่งที่เห็นนั้นไม่มีอะไรผิดพลาดแน่
ลูกทองแดงนี้ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งในโลกใบนี้แน่ !
ภายในร่างกายมนุษย์นั้น ส่วนที่เปราะบางที่สุดก็คือจิตวิญญาณ ซึ่งไม่อาจทานทนต่อการถูกกระทบกระทั่งได้แม้เพียงครั้งเดียว เมื่อใดที่จิตวิญญาณเสียหายแม้เพียงเล็กน้อย มนุษย์ก็จะเจ็บไข้ได้ป่วยทันที
ในทางตรงกันข้าม หากคนธรรมดาทั่วไปได้ดูดซับพลังงานจากแก่นวิญญาณนี้เข้าไป จิตวิญญาณของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก อีกทั้งยังจะได้รับประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมายนับไม่ถ้วน ผู้ที่ได้รับพลังงานจากแก่นวิญญาณเข้าไป ไม่เพียงจะมีอายุยืนยาวนับร้อยปี แต่ยังจะมีภูมิต้านทานโรคได้อีกนับร้อยโรคด้วย
สำหรับฉีเล่ยแล้ว ลูกทองแดงนี้มีคุณประโยชน์อย่างมหาศาลทีเดียว !
ทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศที่สุด ซึ่งฉีเล่ยได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพชนสกุลเฉินนั้นก็คือ ความสามารถในการรักษาอาการเจ็บป่วยในระดับจิตวิญญาณนั่นเอง เพียงแต่ความเชี่ยวชาญในส่วนนี้ของเขานั้น ยังไม่สมบูรณ์พร้อมนัก
แต่หากเขาได้รับพลังงานจากแก่นวิญญาณนี้เข้าไป ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป !
เขาจะสามารถรักษาจิตวิญญาณ ผ่านทางร่างกายของผู้ป่วยได้ ซึ่งโรคเหล่านี้ ทางการแพทย์แผนปัจจุบันจะเรียกกันว่า โรคทางจิตเวช ..
หลังจากที่เห็นฉีเล่ยนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาไปนาน กวนไห่ผิงก็รีบยื่นลูกทองแดงในมือให้กับเขาทันที พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ขอเพียงนายท่านยอมรับปากช่วยชีวิตผม ผมยินดีที่จะมอบลูกทองแดงนี้ให้เป็นของตอบแทน !”
“…”
ฉีเล่ยได้แต่นิ่งอึ้งด้วยความตกตะลึง สายตาจับจ้องอยู่ที่ลูกทองแดงแน่นิ่ง จิตใจสั่นสะท้านรุนแรงอีกครั้ง
สมบัติที่ล้ำค่าเช่นนี้ หากจะพูดว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย ก็คงจะเป็นการโกหกตัวเอง ไม่เช่นนั้น ตอนที่กวนไห่ผิงบอกราคาสิบล้าน เขาก็คงไม่คิดที่จะกลับไปยืมเงินหวู่เฉินเทียนแน่ ..
แต่ถึงแม้ชายวัยกลางคนผู้นี้ จะไม่มอบลูกทองแดงให้กับเขาเป็นการตอบแทน ฉีเล่ยก็ยินดีที่จะช่วยอยู่แล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ต้องการเห็นกวนไห่ผิงตายไปโดยไม่ได้ช่วยเหลืออะไร
ด้วยเหตุนี้ ฉีเล่ยจึงรีบบอกกวนไห่ผิงไปว่า “เถ้าแก่กวน คุณเก็บลูกทองแดงนี่ไว้ก่อนเถอะ ! ผมจะลองรักษาให้คุณก่อน ถ้าผมสามารถช่วยคุณได้จริงๆ ถึงตอนนั้นคุณค่อยมอบลูกทองแดงนี่ให้ผม ก็คงจะยังไม่สายเกินไปนัก แต่หากผมไม่สามารถรักษาได้ คุณก็เก็บลูกทองแดงนี้ไว้ เพื่อใช้หาคนที่จะสามารถรักษาคุณได้ก็แล้วกัน ..”
พบเห็นผลกำไร แต่ไม่ลืมความชอบธรรม พบเห็นความมั่งคั่ง แต่กลับไม่โลภโมโทสัน กวนไห่ผิงรู้สึกชื่นชมฉีเล่ยขึ้นมาอย่างมากมาย ..
‘แม้ชายหนุ่มผู้นี้จะรู้จักคุณค่าของลูกทองแดงเป็นอย่างดี แต่กลับรักษาท่าทีสงบนิ่งไว้ได้ ยึดมั่นในหลักการและคุณธรรม คนแบบนี้ต้องมีอนาคตที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน !’
“ตกลง ! ”
กวนไห่ผิงเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนพูดจาไม่รู้ความ เขาวางลูกทองแดงไว้บนโต๊ะ พร้อมกับร้องบอกฉีเล่ยทันที
“นายท่าน ! ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยลงมือรักษาให้ผมเลยจะได้มั๊ยครับ ?”
ฉีเล่ยตอบตกลง และวิธีการตรวจวินิจฉัยโรคของเขานั้น ก็ทำให้กวนไห่ผิงอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
นั่นเพราะฉีเล่ยไม่ได้จับชีพจรคนไข้เหมือนเช่นหมอแผนจีนทั่วไป แต่กลับให้กวนไห่ผิงเปิดเสื้อผ้าขึ้น จากนั้น จึงได้กดจุดสำคัญสองสามจุดที่หน้าอก และแผ่นหลังของเขาแทน
หลังจากกดจุดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดฉีเล่ยก็บอกกับกวนไห่ผิงด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่า “อาการป่วยของเถ้าแก่กวนไม่ธรรมดาเลยจริงๆ !”
กวนไห่ผิงได้เตรียมใจไว้ก่อนแล้ว เขาจึงได้แต่พยักหน้า โดยไม่มีอาการตกอกตกใจจนเกินไปนัก พร้อมกับบอกฉีเล่ยไปว่า
“นายท่านได้โปรดบอกความจริงผม มา ได้เลย ผมพร้อม ฟัง และยินดีที่จะรับรู้ความจริง !”
คิ้วทั้งสองข้างของฉีเล่ยขมวดเข้าหากัน ในขณะที่ตอบกลับไปว่า “ขอบอกตามตรง วรยุทธที่บรรพชนสกุลกวนฝึกฝนมาตั้งแต่โบร่ำโบราณนั้น แข็งแกร่งกว่าศิลปะการต่อสู้ในยุคนี้หลายร้อยเท่ามาก ..”
ฉีเล่ยหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อทันที “แต่ถึงอย่างนั้น วรยุทธนี้ก็มีจุดบกพร่องอยู่ดี ..”
“จุดบกพร่องที่ว่านี้ก็คือ การดึงพลังชี่ในร่างออกมาใช้ให้ได้มากที่สุดนั่นเอง ซึ่งการทำเช่นนั้น ก่อให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างหยินและหยางในร่างกาย .. ”
“ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า เหวียนชี่ หรือชี่แต่กำเนิดนั้น มีทั้งหยินและหยางซึ่งอยู่ร่วมกันภายในจุดตันเถียน และการไม่รบกวนเหวียนชี่คือสภาวะปกติ .. ”
“แต่วรยุทธของบรรพชนสกุลกวนนั้น เพื่อให้สามารถนำพลังออกมาใช้ได้เกินขีดจำกัด จึงต้องให้หยินและหยางในร่างปะทะกันอยู่ภายใน และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ชี่ในร่างพุ่งพล่าน เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเข้า จึงก่อให้เกิดความเสียหายกับเส้นลมปราณทั่วร่าง จนกระทั่งก่อเกิดเป็นโรคภัยไข้เจ็บสาหัส .. ”
หลังจากนิ่งฟังฉีเล่ยเล่ามาถึงตรงนี้ กวนไห่ผิงก็ยิ่งรู้สึกอัศจรรย์ใจ และทึ่งในการวินิจฉัยโรคได้ลึกซึ้งของฉีเล่ยเป็นอย่างมาก จึงได้แต่เอ่ยถามอย่างระมัดระวังคำพูด
“ท่านหมอ .. ไม่ทราบว่าพอจะมีวิธีรักษาให้หายได้มั๊ยครับ ?”
ฉีเล่ยตอบกลับไปทันที “ผมคงบอกได้เพียงแค่ว่า ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถของตัวเอง ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็คงยากที่จะยืนยันได้ อีกอย่าง ต่อให้ผมสามารถรักษาให้หายได้ ก็ใช่ว่าจะทำเสร็จภายในเวลาเพียงแค่วันหรือสองวัน ..”
เพียงแค่รู้ว่ามีความหวัง กวนไห่ผิงก็รีบพยักหน้า และร้องบอกฉีเล่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ “ขอเพียงแค่มีหวัง ผมก็ดีใจแล้วครับ ! ส่วนจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่นั้น ผมยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับท่านหมออย่างเต็มที่ !”
ฉีเล่ยหยิบเข็มทองหางหงส์ที่อาวุโสหวู่มอบให้เมื่อวานนี้ออกมา พร้อมกับหันมองไปรอบๆ ก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปที่ม้านั่งข้างกำแพง แล้วบอกกับกวนไห่ผิงว่า
“คุณ ถอดเสื้อ ผ้า ออก แล้วไปนั่งที่ม้านั่งนั่นก่อน !”
กวนไห่ผิงทำตามคำสั่งของฉีเล่ยอย่างว่าง่าย เขาถอดเสื้อออก และเดินไปนั่งบนม้านั่งตัวนั้น พร้อมกับหันหลังให้กำแพง
“เถ้าแก่กวน ไม่ใช่แค่นั้น .. ” ฉีเล่ยส่ายหน้าไปมา ก่อนจะพูดต่อทันที
“ถอดออกให้หมด ทั้งกางเกง กางเกงชั้นใน รองเท้า แล้วก็ถุงเท้าด้วย ..”
กวนไห่ผิงมีท่าทีเก้อเขินเล็กน้อย แม้ในร้านจะไม่มีใครแล้ว มีแค่ตนเองกับฉีเล่ยเพียงสองคนเท่านั้น แต่เขาก็ไม่คุ้นเคยกับการเปลือยกายต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ ..
แต่เพื่อการรักษา กวนไห่ผิงไม่สนใจอะไรอีก เขาลุกขึ้นยืน และจัดการถอดทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉีเล่ยพูดออกจากร่างทันที และเวลานี้ เขาก็อยู่ในสภาพเปลือยล่อนจ้อน นอนคว่ำหน้าอยู่บนม้ายาวตัวนั้น
ฉีเล่ยแอบสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของเถ้าแก่กวนเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ..
“…”
‘จะอายอะไรกัน ? ’
‘ผมไม่คิดจะทำอะไรคุณอยู่แล้ว ? อีกอย่าง รสนิยมทางเพศของผมก็ปกติดี !
ฉีเล่ยเปิดกล่องหนังที่บรรจุเข็มทองออก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม มือข้างหนึ่งโบกสะบัดไปมา พร้อมกับรวบเอาเข็มทองขึ้นมาพร้อมกันทั้งหมดสิบแปดเล่ม ชายหนุ่มหลับตาแน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ปากก็พึมพำท่องชื่อจุดฝังเข็มออกมา ..
จากนั้น ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา นับตั้งแต่ศรีษะไปจนถึงฝ่าเท้าของกวนไห่ผิง ก็มีมีเข็มทองทั้งสิบแปดเล่มปักอยู่ตามจุดฝังเข็มทั้งสิบแปดแห่ง
เส้นลมปราณหลักทั้งสิบสองเส้นทั่วร่างของกวนไห่ผิงเวลานี้ มีเข็มทองปักอยู่เต็มไปหมด หลังจากเสร็จสิ้น ฉีเล่ยถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พร้อมกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก
ในครั้งแรกนั้น กวนไห่ผิงยังไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย แต่หลังจากนั้น เขาก็เริ่มรู้สึกชาในบริเวณจุดฝังเข็ม กระทั่งผ่านไปชั่วสองลมหายใจ เขาก็เริ่มรู้สึกเหมือนร่างกายเบาขึ้น
ความรู้สึกก่อนหน้านี้ที่คล้ายกับว่า กระดูกทั่วร่าง และแขนขาหนักอึ้งนั้น ได้อันตรธานหายไปในทันที !
“พระเจ้า !! ”
กวนไห่ผิงถึงกับพึมพำออกมา “ท่านหมอ .. นี่ท่านหมอเป็นเซียนหรือยังไงครับนี่ ?”
ฉีเล่ยถึงกับหัวเราะออกมา ก่อนจะตอบกลับไปว่า “อย่าด่วนดีใจไปนักเถ้าแก่กวน ! นี่เป็นเพียงแค่ขั้นตอนผ่อนคลายเส้นลมปราณในร่างเท่านั้น การจะรักษาซ่อมแซม และทำให้หยินหยางในร่างสมดุลนั้น ยังต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ..”
ในระหว่างที่พูดนั้น ฝ่ามือของฉีเล่ยก็เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว และเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวเข็มทั้งสิบแปดเล่มก็ถูกถอนออกจากร่างของกวนไห่ผิงแล้ว จากนั้นเขาก็สั่งให้ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืน และหมุนตัวช้าๆ ก่อนจะลงไปนอนราบอยู่กับพื้น
กวนไห่ผิงเองก็ทำตามคำสั่งของฉีเล่ยอย่างว่าง่าย ..
หลังจากนั้น ฉีเล่ยก็เริ่มทำการฝังเข็มต่อทันที และครั้งนี้ เข็มทองจำนวน 72 เล่ม ก็ถูก ฝังลงไปบนจุดฝังเข็ม บนใบหน้า แผ่นอก ท้องน้อย ขาทั้งสองข้าง ไปจนถึงฝ่าเท้าทั้งสอง ข้างด้วย
และเมื่อมาถึงขั้นตอนการฝังเข็มนี้ ร่างกายของฉีเล่ยก็ได้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ !
แม้การฝังเข็มทั้ง 72 เล่มจะดูเหมือนง่ายดาย แต่ความจริงแล้ว ในการฝังเข็มคนๆหนึ่งนั้น แพทย์จะต้องใช้ทั้งกำลังภายใน และกำลังจิตที่สูงมาก ในการที่จะแทงเข็มแต่ละเล่มลงไปบนร่างของคนไข้ และเข็มทุกเล่มที่ปักลงไปบนร่างของคนไข้ ก็เสมือนนำเอาพลังชี่ในร่างของหมอไปด้วยเช่นกัน ..
เนื่องจากอาการเจ็บป่วยของกวนไห่ผิงนั้น เกิดจากพลังชี่ที่พุ่งพล่านในร่าง เพื่อทำให้พลังชี่ในร่างของชายวัยกลางคนผู้นี้สงบลง ฉีเล่ยจึงจำเป็นต้องฝังเข็มที่จุดฝังเข็มทั้งหมด 108 จุดทั่วร่าง ..