ตอนที่ 1462 การเปลี่ยนแปลงของหวงอิงอิง (9)
มุมปากของอวิ๋นลั่วเฟิงกระตุก เหตุผลง่ายๆ ที่เสี่ยวซู่ชวนให้นางไปที่ภูเขาก็คือเขาหิว ทุกวันนี้สมุนไพรวิญญาณที่โตมาจากสมุนไพรธรรมดาไม่ถูกปากเขาอีกต่อไป แล้วสมุนไพรพลังฌานที่เขาต้องการก็ต้องเป็นสมุนไพรอายุพันปีขึ้นไปด้วย!
ถ้าพวกนางไม่ได้บังเอิญโชคดีเจอก็เป็นเรื่องยาากที่จะหาสมุนไพรแบบนั้นพบ
วันต่อมา อวิ๋นลั่วเฟิงพาเสี่ยวซู่ไปที่ภูเขาอ้าย โชคดีที่ภูเขาอยู่ใกล้ที่พักนางมากๆ ทำให้ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึง
ตอนนี้ภูเขาอ้ายเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย นอกจากพรรคที่มาเป็นกลุ่มแล้วก็ยังมียอดฝีมือไร้สังกัดด้วยตัวอย่างเช่นสตรีที่เสี่ยวซู่คุยด้วยเมื่อวาน
“นั่นเจ้าหรือ” สตรีผู้นั้นหันหลังมาก็เห็นเสี่ยวซู่เดินเข้ามา นางเดินมาหาเขาช้าๆ ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“ท่านน้า เมื่อวานขอบคุณมากขอรับ” เสี่ยวซู่พูดอย่างนอบน้อม
หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ้มแล้วหันมามองอวิ๋นลั่วเฟิง “นี่คือมารดาเจ้าหรือ”
ตอนแรกฉาฉาจ้องนางโดยไม่ละสายตาอย่างระแวดระวัง แต่เมื่อมันสัมผัสจิตอันตรายจากนางไม่ได้ สีหน้าก็ผ่อนคลายลง จากนั้นมันก็นอนบนศีรษะของเสี่ยวซู่อย่างผ่อนคลาย
เมื่อเห็นเสี่ยวซู่พยักหน้า หญิงสาวก็ยื่นมือออกมา “สวัสดี ข้าชื่อเหยียนเข่อ ให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรดี”
“อวิ๋นลั่วเฟิง” อวิ๋นลั่วเฟิงบอกชื่อตัวเองช้าๆ
“แค่กๆ” วัยรุ่นที่ยืนอยู่ข้างเหยียนเข่ออดไม่ได้ที่จะไอออกมาเมื่อได้ยินชื่อของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาทำสีหน้าประหลาด
อวิ๋นลั่วเฟิงประสาทสัมผัสไวจึงรู้สึกได้ถึงสีหน้าประหลาดของพวกเขาและเผลอขมวดคิ้ว
“ทำไม ชื่อข้ามีปัญหาหรือ”
หญิงสาวยิ้มอ่อน “แม่นางอวิ๋น นี่อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่เจ้าชื่อนี้ แต่ข้าอยากเตือนอะไรเจ้าสักอย่าง เจ้าห้ามบอกชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงกับคนอื่นเด็ดขาดเมื่อเจ้าออกไปข้างนอก”
“ทำไมล่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงแสดงสีหน้าสงสัย เห็นได้ชัดว่านางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เรื่องนี้…” เหยียนเข่อมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง เมื่อตรวจสอบแล้วว่าไม่มีใครมองอยู่ นางก็พูดต่อ “เพราะว่าชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงเป็นชื่อต้องห้ามในแคว้นเจ็ดเมือง มีข่าวลือว่าถ้าเจ้าพูดชื่อนี้แล้วแม่นางหงหลวนจากเมืองบูรพาได้ยิน เจ้าจะถูกนางตีเจียนตาย”
อวิ๋นลั่วเฟิงสับสน หงหลวน? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหงหลวนได้อย่างไร
“ข้าปิดด่านฝึกพลังฌานอยู่สามปีจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำไมการพูดชื่อนี้จึงทำให้หงหลวนโกรธล่ะ”
เหยียนเข่อมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างสงสัย ไม่แปลกใจเลยที่นางไม่รู้ว่าชื่อนี้เป็นชื่อต้องห้าม เพราะว่านางปิดด่านฝึกพลังฌานนี่เอง
“เรื่องที่เกิดขึ้นก็คือ…” เหยียนเข่อตัดสินใจเสี่ยงแล้วเล่าเรื่องราวเบื้องหลังเรื่องชื่อนี้กับอวิ๋นลั่วเฟิง
“สามปีที่แล้ว คนจากหุบเขาพิษทำให้สตรีผู้หนึ่งที่ชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงตาย ใครเล่าจะรู้ว่านางเกี่ยวข้องกับพรรคจำนวนมาก คนแรกคือผู้อาวุโสจวินจากตระกูลจวิน ยังมีจวนเจ้าเมืองบูรพา และสุดท้ายก็สำนักศึกษาเมืองประจิม พวกเขาเดินทางไปสังหารคนของหุบเขาพิษ…
“ตอนแรกเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับหุบเขาพิษเพียงอย่างเดียว ไม่ได้สร้างปัญหาให้คนอื่น แต่ว่าหงหลวนเป็นคนขี้โมโห มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางเดินผ่านเหลาอาหารแล้วได้ยินใครบางคนพูดถึงอวิ๋นลั่วเฟิง นางจึงเข้าไปตีเขาจนเกือบตายทันที!”
อวิ๋นลั่วเฟิงตัวแข็งค้าง นางถูกคนของหุบเขาพิษสังหารงั้นหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกัน
ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่านิสัยของหงหลวนจะชอบวางอำนาจ แต่นางก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล คนพวกนั้นต้องพูดอะไรบางอย่างตอนที่กำลังพูดเรื่องนางแน่นอน หรือไม่ก็มีความสุขที่นางตายจนทำให้หงหลวนเดือดดาล แต่ว่ายิ่งข่าวลือแพร่ไปมากเท่าไหร่ เรื่องก็ยิ่งเพี้ยนมากขึ้นเรื่อยๆ …
ตอนที่ 1463 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (1)
“แม่นางอวิ๋น ตอนนี้ข้าก็บอกเหตุผลให้เจ้าฟังแล้ว ในอนาคตเจ้าไม่ควรแนะนำตัวด้วยชื่อนั้นอีก ไม่อย่างนั้นถ้าเรื่องไปถึงหูหงหลวน นางต้องตามมาสร้างปัญหาให้ท่านแน่” เหยียนเข่อพูดอย่างระมัดระวังด้วยกลัวว่าจะมีใครได้ยิน
“ข้าเข้าใจแล้ว” ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมสามพรรคใหญ่ถึงโจมตีหุบเขาพิษ สาเหตุก็เพราะตัวนางนี่เอง
อันที่จริงหุบเขาพิษก็ไม่ได้ถูกเข้าใจผิดแต่อย่างใด หากจีจิ่วเทียนไม่ได้อยู่ข้างนาง นางก็อาจจะตกอยู่ในแผนร้ายของพวกเขาแล้ว ส่วนเหยียนเข่อหลังตจากเห็นท่าทีตอบสนองของอวิ๋นลั่วเฟิงก็เข้าใจไปว่าอวิ๋นลั่วเฟิงรับฟังคำเตือนของนางแล้ว ในที่สุดก็นางก็สบายใจ
“ท่านน้า” เสี่ยวซู่มองเหยียนเข่อพร้อมรอยยิ้ม “พวกเราจะขึ้นเขาได้เมื่อไหร่”
คนที่อยู่ข้างเหยียนเข่อชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เด็กน้อยคนนี้ตั้งใจจะตามพวกเขาไปงั้นหรือ
ภูเขาอ้ายเต็มไปด้วยอันตราย การพาสตรีและเด็กที่อ่อนแอไปด้วยย่อมกลายเป็นภาระ
ส่วนหุ่นเชิดแข็งแกร่งที่อยู่ข้างหลังอวิ๋นลั่วเฟิง ถึงแม้ว่าเขาจะดูทรงพลังและเข้มแข็ง แต่พวกเขาก็สัมผัสความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาไม่ได้ ทว่าก่อนที่คนอื่นจะทันได้คัดค้าน เหยียนเข่อที่ตกอยู่ในภวังค์หลังจากได้ยินเสียงของเสี่ยวซู่ก็ปฏิเสธคำขอของเขาไม่ได้
“พวกเราจะขึ้นไปตอนไหนก็ได้ เด็กน้อย เจ้ากับมารดาอยากตามพวกเราไปด้วยหรือไม่”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวซู่ยิ่งสดใส “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนท่านน้าแล้ว”
อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาที่นี่ อีกทั้งพวกเขายังไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์นี้ ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงตามพวกเขาไปก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้พวกเขาเดินไปผิดทาง นี่คือความตั้งใจของเสี่ยวซู่
“ศิษย์น้องหญิง!”
สีหน้าของชายหนุ่มในชุดผ้าไหมปักดิ้นทองเปลี่ยนไปแล้วขมวดคิ้ว “ถ้าพวกเขาทั้งคู่แข็งแกร่งก็ไม่มีปัญหา แต่พวกเขาเป็นแค่เด็ก! อีกอย่าง ชายอีกคนก็ไม่มีร่องรอยของพลังฌาน ถ้าพวกเราพาพวกเขาไปด้วยจะไม่เป็นการสร้างภาระให้พวกเราหรือ”
“ศิษย์พี่ วางใจเถอะ ข้ารู้ข้อจำกัดของตัวเองดี ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” เหยียนเข่อขมวดคิ้ว “ที่สำคัญการเดินทางครั้งนี้ของพวกเราก็เพื่อเพิ่มความรู้และประสบการณ์ ไม่ใช่เพื่อสมบัติที่อยู่ภายในร่องรอยของเทพเซียน”
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของเหยียนเข่อ ชายหนุ่มชุดผ้าไหมปักดิ้นทองก็ไม่พูดอะไรอีกนอกจากถอนหายใจเบาๆ แล้วแสดงสีหน้าอับจนหนทาง
“เด็กน้อย ข้ายังไม่รู้ชื่อเจ้าเลย” เหยียนเข่อเป็นรักเด็กตัวจริง ไม่อย่างนั้นนางก็คงไม่ยินดีพาอวิ๋นลั่วเฟิงและเสี่ยวซู่ไปด้วย
เสี่ยวซู่กะพริบตาปริบๆ “ข้าชื่ออวิ๋นซู่ [1] !”
อวิ๋นซู่?
ดวงตาของเหยียนเข่อว่างเปล่า ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนคิดชื่อแบบนี้ขึ้นมาได้ ชื่อนี้ไม่เหมาะกับหน้าตาดุจหยกของเขาแม้แต่น้อย
“พวกเราไปกันเถอะ” เหยียนเข่อไม่ได้คิดมาก นางกลับมามีสติอีกครั้ง “มีคนมากมายมาที่ภูเขา ถ้าพวกเราไม่รีบ สมบัติอาจจะตกอยู่ในมือคนอื่นจนหมด”
…
ถึงแม้ว่าความอันตรายของภูเขาอ้ายจะเทียบกับสถานที่อันตรายอื่นไม่ได้ แต่ที่นี่ก็ยังมีกับดักอยู่นับไม่ถ้วน อีกอย่างยังมีคนอีกมากเดินทางไปที่นั่น ดังนั้นระหว่างพวกนางจึงพบศพของทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรวิญญาณ
ระหว่างทาง อวิ๋นลั่วเฟิงก็ได้รู้จักสมาชิกที่ไร้ประสบการณ์คนอื่นๆ และชื่อของชายหนุ่มที่ใส่ชุดคลุมผ้าไหมปักดิ้นทองก็คือ ฟู่จิ่น พวกเขาออกจากสำนักมานานแล้วและเดินทางไปทั่วแคว้นขนาดใหญ่นี้เพียงลำพัง
ในกลุ่มยังมีอีกคนที่เป็นชายมีกล้ามชื่อจ้าวหง นอกเหนือจากนั้นก็มีชายหนุ่มรูปร่างบอบบางและใบหน้าน่ารัก ถึงแม้เขาจะอ่อนแอแต่เขาก็เป็นแพทย์คนเดียวภายในกลุ่ม
——
[1] 云 (y ú n) อวิ๋นแปลว่า เมฆ จากนามสกุลของอวิ๋นลั่วเฟิง และ 树 (sh ù ) ซู่ที่แปลว่า ต้นไม้ จากเสี่ยวซู่