ตอนที่ 1466 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (4)
ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าคนคนนี้เป็นใคร เสียงชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารก็ดังขึ้นช้าๆ
“อวิ๋นอี้ หักมือเขาซะ”
กร็อบ!
ทันใดนั้นอวิ๋นอี้ก็ออกแรง แล้วเสียงร้องแหลมก็ดังลั่นจนถึงขอบฟ้า
ปัง!
จากนั้นอวิ๋นอี้ก็กระแทกฝ่ามือทำให้ผู้อาวุโสถอยหลังไปหลายก้าว เขาเจ็บจนหน้าซีดขณะที่เหงื่อไหลเต็มหน้าผาก เขาจ้องหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงที่เป็นคนออกคำสั่งอย่างมาดร้าย
ทันใดนั้นทุกคนก็หันไปเห็นอวิ๋นลั่วเฟิง แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบอาภรณ์สีขาวของหญิงสาว นางหันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ ทำให้เกิดเป็นภาพงดงามเหมือนภาพวาดที่ร่วงลงมาจากทรวงสวรรค์จนดูเกินจริง
ซูลั่วเฉินมองภาพนี้อย่างโง่งม เขาไม่เคยเจอสตรีคนใดที่งามล่มเมืองขนาดนี้ แม้แต่คนงามทุกคนในสำนักเสวียนชิงก็งามไม่ได้ถึงหนึ่งในสิบของนาง
“เกิดอะไรขึ้น” จู่ๆ ก็มีเสียงเข้มงวดดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ซูลั่วเฉินได้สติจากความตะลึง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบ เขาก็เห็นร่างสีขาวร่างหนึ่งพุ่งไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง
เมื่อหญิงสาวที่กำลังยิ้มอย่างเฉยชาเห็นร่างสีขาวกระโจนเข้ามา ดวงตาทรงเสน่ห์ของนางก็เต็มไปด้วยความสุข
ปัง!
ร่างสีขาวนั่นกระแทกเข้ากับอกของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วใช้แขนกอดอีกฝ่ายไว้แน่นโดยไม่ลังเล นางเงยใบหน้าน่าเอ็นดูขึ้นพร้อมน้ำตา
“อาจารย์ ในที่สุดข้าก็เจอท่านแล้ว ฮือๆ” เด็กสาวร้องไห้อย่างหนักแล้วใช้ทั้งตัวเกาะอวิ๋นลั่วเฟิงเพราะกลัวว่าถ้านางปล่อยมือหญิงสาวข้างหน้า นางก็จะทิ้งนางแล้วหายไป ครั้งสุดท้ายที่นางหายไป นางหายไปถึงสามปี
“เสี่ยวไป๋…” เมื่อเห็นสีหน้าน่าสงสารของนาง อวิ๋นลั่วเฟิงก็ยิ้มบาง “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว หูหลีกับอู๋อยู่ที่ไหน”
แต่เดิมนางทิ้งเสี่ยวไป๋กับคนอื่นไว้ข้างหลังตอนที่นางไปมณฑลคูหลงเพื่อตามหาอวิ๋นเซียว ตอนนี้นางเห็นเสี่ยวไป๋อยู่คนเดียวขณะที่หูหลีและอู๋ไม่ได้อยู่กับนาง
หลินรั่วไป๋ปาดน้ำตา “หูหลีคิดว่าท่านตายแล้ว เขาเลยส่งข้ากลับบ้านเดิมของเขาแล้วฝากข้าไว้กับบิดาเขา จากนั้นก็บอกว่าถึงท่านจะตายแล้ว เขาก็ต้องได้เห็นศพของท่าน เขาพาอู๋ติดตามไปด้วย ข้าไม่อยากรอท่านอยู่ที่นั่นเลยหนีออกมาตอนที่บิดาของหูหลีไม่ได้สนใจ”
เมื่อนึกถึงข่าวเมื่อสามปีที่แล้ว หลินรั่วไป๋ก็แสดงสีหน้าโศกเศร้า “อาจารย์ สามปีมานี้ท่านหายไปไหนมา เห็นชัดๆ ว่าท่านมีชีวิตอยู่ ทำไมท่านถึงไม่กลับมาหาพวกเรา”
สำหรับเสี่ยวไป๋ที่สูญเสียความทรงจำ อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นญาติเพียงคนเดียวของนาง และก็เป็นคนเดียวที่คอยดูแลนางด้วย
ซูลั่วเฉินชะงัก แม่นางหลินรู้จักคนพวกนี้งั้นหรือ นี่…
“น้องรอง เกิดอะไรขึ้น” เสียงเข้มเคร่งเครียดที่ดังขึ้นก่อนหน้านี้ดังขึ้นใหม่อีกครั้ง
ครั้งนี้อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปหาเขา ชายหนุ่มหล่อเหลาที่หน้าตาคล้ายซูลั่วเฉินก็เดินเข้ามา ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเดาความสัมพันธ์ของพวกเขา อวิ๋นลั่วเฟิงแสดงสีหน้าเคร่งขรึมขณะที่ดวงตาเป็นประกายเย็นชาปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายสังหารน่าขนลุก
“ท่านพี่ ผู้คุ้มกันของสตรีคนนี้ทำร้ายผู้อาวุโสขอรับ!” ซูลั่วเฉินกลับมามีสติ เขาพูดขึ้นขณะกัดฟัน
ซูจวิ้นขมวดคิ้วแล้วส่งสายตาเคร่งขรึมไปที่อวิ๋นลั่วเฟิง เขาถามอย่างเย็นชาว่า “แม่นาง เจ้าทำร้ายคนของสำนักเสวียนชิง เจ้าไม่คิดจะอธิบายหน่อยหรือ”
ตอนที่ 1467 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (5)
“อธิบายให้เจ้าฟังงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มเยาะ “คนพวกนี้ต้องการจะจับตัวบุตรชายข้า แค่หักมือเขาข้างหนึ่งก็ใจดีมากแล้ว!”
สีหน้าของซูจวิ้นดูไม่ได้ หลายปีมานี้เขาไม่เคยเจอใครกล้ามีปัญหากับสำนักเสวียนชิง ทั้งเมืองวิญญาณนี้มีแค่ตระกูลจวินเท่านั้นที่สำนักเสวียนชิงกลัว สตรีผู้นี้คิดว่านางเป็นสมาชิกตระกูลจวินหรืออย่างไร น่าขันนัก!
“แม่นาง ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้าเพราะเห็นแก่แม่นางเสี่ยวไป๋ ข้าหวังว่าเจ้าจะขอโทษผู้ติดตามของข้า!” ซูจวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปหาเสี่ยวไป๋แล้วส่งสายตาถามว่านางเกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างไร
“อาจารย์ ปีที่แล้วข้าตกอยู่ในอันตรายแล้วพวกเขาก็ช่วยข้าไว้ ดังนั้น…ข้าก็เลยติดตามเขา” หลินรั่วไป๋กะพริบตาแลัวตอบคำถามอย่างซื่อสัตย์
แต่ว่า…การที่ซูจวิ้นสั่งให้อวิ๋นลั่วเฟิงขอโทษทำให้หลินรั่วไป๋ไม่พอใจ ถึงซูจวิ้นจะช่วยเหลือและดูแลนางอย่างดีมาตลอดหนึ่งปี แต่อาจารย์ของนางไม่ผิด ต่อให้นางทำผิดจริงก็ต้องนับว่านางถูก ไม่มีใครมีสิทธิ์รังแกอาจารย์ของนาง!
เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ อวิ๋นลั่วเฟิงก็หันไปหาซูจวิ้น “ในฐานะที่เจ้าช่วยเสี่ยวไป๋ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่หากเรื่องนี้เกิดขึ้นอีก สำนักเสวียนชิงของเจ้าจะถูกทำลาย! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
หวืด!
หลังจากอวิ๋นลั่วเฟิงพูดจบ หุ่นเชิดแข็งแกร่งก็ย้ายมายืนตระหง่านขวางหน้านางเหมือนภูเขามหึมาแล้วมองซูจวิ้นและพรรคพวกอย่างเย็นชา
“ท่านพี่…” ซูลั่วเฉินรู้สึกกังวล “สตรีผู้นี้ก้าวร้าวเกินไป พวกเราควรจับนางมัดแล้วโยนลงไปในสระทมิฬเพื่อเป็นอาหารงู”
ซูจวิ้นไม่ได้ตอบอะไรขณะมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเย็นชา “แม่นาง ข้าหวังว่าเจ้าจะจดจำคำพูดของตัวเองวันนี้ไว้ ในอนาคตเจ้าจะเสียใจ! พวกเรา ไป!”
พูดจบซูจวิ้นก็ส่งสายตาแฝงความนัยให้หลินรั่วไป๋แล้วสะบัดแขนเสื้อก่อนจะหันหลังเดินนำกลุ่มคนจากสำนักเสวียนชิงจากไป พอพวกเขาเดินพ้นสายตาของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้ว ซูลั่วเฉินก็พูดอย่างไม่พอใจ “ท่านพี่ ทำไมท่านไม่สังหารพวกมัน รวมถึงนางชั่วเหยียนเข่อด้วย! ข้ารู้สึกไม่สบายใจที่ปล่อยให้นางรอดชีวิต!”
ซูจวิ้นหยุดเดินแล้วส่งสายตาเย็นเยียบให้ซูลั่วเฉิน
“ตอนนั้นเป็นเพราะเจ้าทำให้น้องสาวของเหยียนเข่ออับอาย นางก็เลยโจมตีเจ้าด้วยความโมโห แต่พวกเราสำนักเสวียนชิงต้องปกป้องพวกพ้องเลยผลักความผิดไปให้เหยียนเข่อ ถึงอย่างนั้นข้าก็เชื่อว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ดีที่สุด”
ซูลั่วเฉินหยุดพูดแต่ในใจเขาก็ไม่เห็นด้วย ในฐานะที่เขาเป็นนายน้อยของสำนักเสวียนชิง การที่เขาชื่นชอบนางควรเป็นโชคดีของนาง นางมีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธเขา
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องในวันนี้เป็นเพราะเจ้าไปหาเรื่องพวกเขาก่อน” ซูจวิ้นพูดอย่างเคร่งเครียด
“ท่านพี่ ข้าไม่คิดเลยว่าสตรีผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ของหลินรั่วไป๋ อ้อ จริงสิ ไม่ใช่ว่าท่านพ่อบอกให้ท่านพี่ทำให้หลินรั่วไป๋ชอบท่านหรอกหรือ การที่ท่านทำแบบนี้จะไม่เป็นไรหรือ”
ใบหน้าของซูลั่วเฉินมีร่องรอยความวิตกกังวล ถ้าเขาเป็นคนทำให้แผนการของท่านพ่อรวน ท่านต้องลงโทษเขาแน่
“เสี่ยวไป๋และข้าอยู่ด้วยกันมามากกว่าหนึ่งปีแล้ว ข้าเชื่อว่านางตกหลุมรักข้าแล้วแน่นอน” ดวงตาของซูจวิ้นเป็นประกายแปลกๆ “น้องรอง เจ้าต้องเข้าใจเรื่องนี้ เมื่อใดก็ตามที่สตรีตกหลุมรักเจ้าแล้ว พวกนางจะเห็น ได้ยินและเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง ระหว่างข้ากับอาจารย์นาง เจ้าคิดว่านางจะเลือกใคร”