ยอดนักรบจอมราชัน – ตอนที่ 341 การประลองศิลปะการต่อสู้สามแขนง

ตอนที่ 341 การประลองศิลปะการต่อสู้สามแขนง
คนเหล่านี้หามาเย่เชียนถึงหน้าประตูด้วยตัวเองเช่นนี้แต่เย่เชียนก็ไม่สามารถที่จะลงมือทำอะไรได้เพราะตอนนี้มีนักข่าวจากหลายสื่อหลายสำนักอยู่ที่นี่ด้วยดังนั้นจึงเป็นเป็นผลดีนักถ้าหากจะทำอะไรในที่สาธารณะเช่นนี้

ชายที่ดูเหมือนผู้นำก็จ้องมองเย่เชียนอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “ฉัน! ..อุเอโนะสึโยชิ..เป็นเจ้าของโรงยิมคาราเต้สายดำขั้นแปด..ฉันได้ยินมาว่าวันนี้สโมสรศิลปะการต่อสู้เปิดให้บริการน่ะ..ฉันจึงมาที่นี่เพื่อแสดงให้เห็นและบอกให้โลกรู้เกี่ยวกับคาราเต้ของฉันว่ามันเป็นศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกและเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหน..และบอกให้รู้ว่าศิลปะการต่อสู้แบบอื่นน่ะมันก็เป็นเพียงแค่หมัดและเท้าที่เบาเหมือนดอกไม้ไม่กี่ดอก”

เย่เชียนก็ยังไม่ได้พูดอะไรใดๆ แต่ทว่าจู่ๆ ก็มีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากทางด้านนอกประตูและคนที่เดินนำมาก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “อาจารย์อุเอโนะ! ..คุณมั่นใจเกินไปหน่อยมั้ย? ..เทควันโดของฉันจากเกาหลีน่ะดีที่สุดในโลกแล้ว..กังฟูและคาราเต้น่ะจะมาเทียบอะไรได้”

เย่เชียนก็ยักไหล่เล็กน้อยและจ้องมองทั้งสองคนด้วยความสนใจ ซึ่งหลังจากนั้นอุเอโนะก็ตะคอกกลับไปว่า “อาจารย์อันคยอง..ถ้างั้นเราก็มาสู้กันหน่อยดีกว่า!”

“ฉันเกรงว่าคุณจะไม่ไหวเอาน่ะสิ..เพราะฉันอันคยองซูผู้ถือครองตำแหน่งนักเทควันโดขั้นแปด..เพราะงั้นเราก็สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างผู้ชนะและผู้แพ้ได้โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรให้มันปวดหัว” อันคยองซูพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม

“ครั้งที่แล้วฉันก็แค่อ่อนข้อให้เท่านั้น..แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่!” อุเอโนะพูดพร้อมกับพับแขนเสื้อของเขาขึ้นและเตรียมที่จะต่อสู้กับอันคยองซู

“เดี๋ยวก่อนสิ..เดี๋ยวก่อน!” เย่เชียนโบกมือขึ้นอย่างรีบร้อนและพูดว่า “พวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่..พวกคุณจะมาถล่มโรงยิมของผมงั้นเหรอ?”

อุเอโนะและอันคยองซูก็อดไม่ได้ที่จะจ้องหน้ากันและหลังจากนั้นพวกเขาก็มองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “ใช่! ..ฉันมาที่นี่เพื่อถล่มโรงยิมของนาย!” ทั้งสองพูดเกือบจะพร้อมกัน

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและก็มองหน้ากันแล้วพูดว่า “คุณก่อนเลย!..คุณก่อนเลย!” พวกเขาพูดพร้อมกันอีกครั้งแต่ทว่าครั้งนี้ทั้งคู่ดูประหม่าเล็กน้อย

“แกพูดตามฉันทำไมวะ! ..อยากจะสู้กับฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” อุเอโนะตะคอกออกมาอย่างเสียงดัง

“แกคิดว่าฉันกลัวแกรึไงวะ!” อันคยองซูพูดอย่างไม่มั่นใจ

เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “โถ่เอ๊ย..พวกคุณสองคงจะเล่นอะไรกันเนี่ย..เถียงกันไปเถียงกันมาอยู่นั่นแหละ..ถ้างั้นพวกคุณก็เข้ามาพร้อมๆ กันเลย..ผมจะได้จัดการพวกคุณทั้งหมดในครั้งเดียว..มันจะได้ไม่วุ่นวาย”

เฉินโม่ก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มออกมาและเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนและพูดว่า “บอส! ..ไอ้พวกตัวตลกสองตัวนี้ไม่ต้องถึงมือบอสหรอก..เดี๋ยวผมจัดการให้”

“ไม่เป็นไรๆ ..ฉันใช้เวลาไม่นานอยู่แล้ว” เย่เชียนพูดอย่างง่ายๆ สบายๆ

การฟังบทสนทนาของเย่เชียนและเฉินโม่โดยไม่มีลูกร้องหรือพรรคพวกอยู่ข้างหลังพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียวเช่นนี้จึงทำให้อุเอโนะและอันคยองซูประหลาดใจอย่างมาก “นี่แกคิดว่าแกจะเอาชนะพวกเราทั้งสองด้วยตัวคนเดียวได้อย่างงั้นเหรอ? ..แกประเมิณตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า? ..ฉันเกรงว่าแกนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายแพ้และจะมาอ้อนวอนขอร้องความเมตตาจากฉันในภายหลัง!” อันคยองซูพูด

“ก็เอาสิวะ! ..ถ้าฉันไม่สามารถจัดการแกได้ภายในห้านาทีล่ะก็..อุเอโนะคนนี้ก็จะไม่มาเหยียบไต้หวันอีกต่อไป!” อุเอโนะพูดอย่างมั่นใจ

“ห้านาทีเหรอวะ! ..โถ่เอ๊ย..ฉันขอแค่สามนาทีก็พอแล้ว..เพราะงั้นถ้าฉันไม่สามารถจัดการแกได้ภายในสามนาทีล่ะก็..ฉันจะว่ายน้ำกลับไปที่เกาหลีเลย!” อันคยองซูพูดอย่างมั่นใจ

“แม่งเอ๊ย! ..จะเถียงอะไรกันนักหนา..สามนาทีก็สามนาที..ถ้าพวกคุณล้มผมได้ล่ะก็ผมจะว่ายน้ำกลับไปที่จีนแผ่นดินใหญ่..แต่ถ้าผมชนะพวกคุณทั้งสองล่ะก็พวกคุณจะต้องว่ายน้ำกลับบ้านเกิดของตัวเองไปซะ!” เย่เชียนพูด

“นี่คุณจะทำได้หรอคะ” หูวเค่อเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนและกระซิบถามด้วยความกังวล “พวกเขาเป็นยอดฝีมือในสายดำระดับแปดเลยนะ..พวกเขาไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะ”

เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและโน้มตัวเข้าไปข้างๆ หูของหูวเค่อและพูดว่า “คุณลืมไปแล้วหรอว่าทักษะการต่อสู้ของผมน่ะมันมีเอาไว้เพื่อฆ่า..ไม่ได้มีเอาไว้เพื่อแสดงโชว์ลีลาและการเคลื่อนไหวที่ดูดี..เพราะงั้นแค่สามนาทีมันก็พอแล้ว”

หูเค่อก็ตกตะลึงไปชั่วขณะและเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ทว่าเธอก็แอบคิดในใจไว้ว่าเธอจะคอยช่วยเขาอยู่อย่างลับๆ ถ้าหากมีอะไรผิดพลาด

เย่เชียนก็โบกมือให้เหล่านักข่าวจากสื่อมวลชนทั้งหลายและพูดว่า “พี่ๆ น้องๆ ผู้สื่อข่าวครับ..วันนี้ทุกคนมาร่วมเป็นสักขีพยานกันเถอะเถอะว่าวันนี้ผมและคุณอุเอโนะจากสโมสรคาราเต้..และคุณอันคยองซูจากสโมสรเทควันโด..ถ้าหากว่าใครแพ้ล่ะก็คนคนนั้นก็ต้องว่ายน้ำกลับบ้านเกิดไป..ซึ่งถ้าผมแผ้ล่ะก็ผมจะกลับไปประเทศจีนและผมจะไม่มาเหยียบไต้หวันอีกเลยในชีวิตนี้!”

“เย่เชียน! ..เย่เชียน! ..เย่เชียน! ..” เหล่าคนหนุ่มสาวชาวไต้หวันต่างก็ตะโกนเชียร์เย่เชียนกันอย่างเมามันนั่นก็เพราะว่าไม่มีเหตุการณ์ใดที่ตื่นเต้นไปมากกว่าการเผชิญหน้าของยอดฝีมือทั้งสามของศิลปะการต่อสู้ทั้งสามแขนง

เมื่อเย่เชียนประกาศกร้าวเช่นนี้ออกไปแล้วทั้งอุเอโนะและอันคยองซูต่างก็ไม่มีข้อแก้ตัวหรือเหตุผลที่จะปฏิเสธใดๆ ซึ่งหนึ่งบวกหนึ่งนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเท่ากับสองเสมอไปเพราะบางครั้งมันก็อาจจะน้อยกว่าสองซึ่งนี่ก็เป็นความจริงที่เถียงไม่ได้ เพราะว่าคนคนเดียวนั้นสามารถขุดหลุมได้ภายในหนึ่งนาทีแต่ทว่าคนหกสิบคนกลับไม่สามารถขุดหลุมได้ภายในหนึ่งวินาทีและนั่นก็เหมือนในกรณีของอุเอโนะและอันคยองที่ทั้งสองเป็นถึงยอดฝีมือเทียบเท่าปรมาจารย์ด้วยกันทั้งคู่แต่ถึงยังไงความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเพิ่มขึ้นด้วยการร่วมมือกัน ซึ่งถ้าหากว่าพวกเขาทำเช่นนั้นมันก็อาจจะลดความแข็งแกร่งและความสามารถของพวกเขาลง และในอีกแง่หนึ่งก็คือพวกเขานั้นไม่เคยร่วมมือกันมาก่อนเพราะฉะนั้นการที่จะต้องร่วมมือกันสิ่งที่สำคัญก็คือความสามัคคีและความเข้าใจและในทางกลับกันพวกเขาต่างก็ภูมิใจในตัวเองมากเกินไปและไม่เคยชมเชยหรือเยินยอหรือให้เกียรติใครมาก่อนเช่นกัน และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เย่เชียนมั่นใจที่จะจัดการพวกเขาภายในสามนาที

แน่นอนว่าการเผชิญหน้ากันแบบนี้ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะลดน้อยลงก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในสายดำระดับแปดทั้งคู่ เพราะฉะนั้นเย่เชียนจึงต้องแสดงความสามารถที่แท้จริงของเขาออกมาเท่าที่จะทำได้เช่นกัน

“เชิญพวกคุณทั้งสองเข้าไปข้างในเลยครับ!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม การประลองของยอดมีมือที่แท้จริงนั้นผู้ใดที่ยังสามารถสงบเสงี่ยมและสุขุมได้มากที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ได้นั้นเขาคนนั้นก็คือนักสู้ที่แท้จริง ซึ่งไม่ต้องพูดถึงการประลองศิลปะการต่อสู้ธรรมดาๆ แบบนี้เลยเพราะแม้จะเผชิญกับความตายและนักฆ่ามามากมายแต่เย่เชียนก็ยังคงสามารถรักษาความสงบและความมั่นคงในใจของเขาได้อย่างดีเยี่ยม

อุเอโนะกับอันคยองซูก็มองหน้ากันหลังจากนั้นพวกเขาก็รีบเข้าไปด้านในส่วนเหล่าผู้สื่อข่าวจากสื่อต่างๆ ก็รีบกรูกันเข้าไปแต่โชคดีที่เหล่าสมาชิกของหน่วยหมาป่าเพชฌฆาตนั้นรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อยในสโมสรแห่งนี้ดังนั้นพวกเขาจึงกันเหล่านักเอาไว้ด้านนอกได้ แต่พวกเขาก็ยังคงถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอกันอยู่เพราะพวกเขาทุกคนต่างก็อยากดูว่าใครนั้นที่จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดดและใครเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาสามคนนี้และศิลปะการต่อสู้ของชาติใดที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นมวยจีนหรือเทควันโดของเกาหลีหรือจะเป็นคาราเต้ของญี่ปุ่นกันแน่ และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้พวกเขาสนใจอย่างมากก็คือการเดิมพันที่ว่าผู้แพ้นั้นจะต้องว่ายน้ำกลับไปที่บ้านเกิด ซึ่งการว่ายน้ำข้ามทะเลนั้นคนคนนั้นจะจะต้องตายอย่างแน่นอนและไม่ต้องพูดถึงเหล่าฉลามในทะเลเลยเพราะขนาดเจ้าแห่งทะเลอย่างพวกมันก็สามารถตายท่ามกลางทะเลได้ถ้าพวกมันเหนื่อยล้า

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูกังวลของหูวเค่อเช่นนี้เฉินโม่ก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวลไปหรอก..สองคนนั้นน่ะไม่เกินความสามารถของบอสหรอก..คนเขาเป็นถึงนักสู้อันดับหนึ่งของเขี้ยวหมาป่าของเราเลยนะ..และเขาก็เคยได้ติดตามปีมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงของจีนและเขาก็ได้ปรับใช้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ และผสมผสานเข้ากับสไตล์การต่อสู้คอมแบทของทหาร..เพราะงั้นเขาคงจะใช้เวลาไม่นานหรอกในการล้มสองคนนั้นน่ะ”

หูวเค่อก็หันไปมองเฉินโม่ด้วยความประหลาดใจและถามว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าเย่เชียนเคยเรียนศิลปะการต่อสู้โบราณหรอ..แล้วใครคืออาจารย์ของเขาหรอคะ?”

เฉินโม่ก็แน่นิ่งไปชั่วขณะและพูดว่า “เอ้า..พี่สะใภ้ไม่รู้เหรอ..ที่จริงแล้วผมไม่รู้ว่หรอกว่าอาจารย์ของบอสคือใคร..แต่หลังจากที่บอสกลับมาหลังจากที่ไปฝึกฝนกับอาจารย์ของเขามาน่ะ..ทักษะการต่อสู้ก็ของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด..และคนที่ไปฝึกฝนกับอาจารย์ในเวลานั้นกับบอสก็คือหมาป่าผีไป๋ฮวยหรือที่รู้จักกันในนามของนักสู้อันดับหนึ่งของเขี้ยวหมาป่า”

“อ๋อค่ะ!” หูวเค่อตอบด้วยความสงสัยว่าอาจารย์ของเย่เชียนนั้นจะเก่งและยอดเยี่ยมเหมือนกับอาจารย์ของเธอเองหรือเปล่า? แต่หลังจากที่ตระหนักถึงเรื่องนี้แล้วเธอก็คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ล่ะทักษะมวยจีนของเย่เชียนก็คงจะไม่ได้แย่ถึงขนาดนี้หรือว่าเขาจงใจปกปิดเอาไว้? ไม่ว่าจะคิดอย่างไรหูวเค่อก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เช่นนั้น

เย่เชียนก็ถอดเสื้อคลุมออกบนเวทีและเหลือเอาไว้เพียงเสื้อซับในสีดำของเขาซึ่งมันรัดเข้ากับร่างกายของเขาอย่างแนบชิดจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่สวยงามของเขาและดูเหมือนว่ามันจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นเหล่าหญิงสาวและเด็กผู้หญิงๆ ต่างก็จ้องมองอย่างใจจดใจจ่อและกรีดร้องกันอย่างบ้าคลั่งและพวกเธอแต่ละคนก็ถึงกับเพ้อฝันว่าถ้าหากพวกเธอได้หลับนอนกับเย่เชียนล่ะก็มันคงจะยอดเยี่ยมและมีความสุขมากอย่างแน่นอน

ถ้าหากเย่เชียนรู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นแบบนี้เขาก็คงไม่คิดที่จะถ่ายทำโฆษณาโปรโมทสโมสรศิลปะการต่อสู้เช่นนี้อย่างแน่นอน นั่นก็เพราะว่าตอนนี้ที่ไต้หวันแห่งนี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากประเทศญี่ปุ่นและตะวันตกจึงทำให้มีสาวๆ ในไต้หวันตจำนวนมากและด้วยเอกลักษณ์และความเป็นลูกผู้ชายของเย่เชียนในโฆษณานั้นก็ทำให้พวกเธอกระสับกระส่ายกันอย่างมากและพวกเธอก็หลงเสน่ห์ของเย่เชียนไปอย่างสมบูรณ์และทำให้พวกเธอคลั่งไคล้เย่เชียนกันอย่างมาก

คาราเต้นั้นมีพื้นเพมาจากมวยจีนโดยหลังจากการรุกรานของชาวญี่ปุ่นเมื่อสมัยก่อนนั้นทักษะเหล่านี้จึงถูกนำไปปรับใช้และอานุภาพของมันก็ร้ายแรงมากขึ้นโดยเน้นที่การรุกและการป้องกันควบคู่กันไป แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีข้อดีก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาก็มองข้ามเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมากเช่นกันเพราะเนื่องจากการเคลื่อนไหวแบบนี้นั้นไม่ค่อยที่จะอิสระมากเท่าไหร่และไม่มีความยืดหยุ่นมากนัก

ส่วนเทควันโดนั้นส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่การโจมตีของขาและขานั้นก็มีความยืดหยุ่นอย่างมากแต่มันก็มีท่าทางและลีลาเยอะมากเกินไปซึ่งมันจะช่วยลดโอกาสในการโค่นล้มหรือจัดการกับศัตรูไปอย่างมากเช่นกัน

อุเอโนะและอันคยองซูก็มองหน้ากันและหลังจากนั้นพวกเขาก็หันไปหาเย่เชียนและโค้งคำนับในฐานะคู่ต่อสู้และแสดงท่าทางตามมารยาทของนักกีฬาศิลปะการต่อสู้ เย่เชียนก็ขยับนิ้วของเขายั่วยุทั้งสองตรงหน้าเขา และหลังจากที่ทั้งสองคำนับเสร็จหลังจากนั้นภายในสามนาทีเย่เชียนนี้เย่เชียนก็ต้องใช้ความคิดและใช้การโจมตีในรูปแบบต่างๆ เพื่อล้มพวกเขาให้ได้และใช้เวลาให้คุ้มในการสังเกตจุดอ่อนของพวกเขาและโจมตีพวกเขา ซึ่งโชคดีที่หลินจินไถ่ได้บอกเย่เชียนถึงจุดอ่อนของคาราเต้และเทควันโดมาอย่างดีและในตอนนั้นเองหลินจินไถ่ก็ยังสอนคาราเต้และเทควันโดให้กับเย่เชียนอีกด้วย ดังนั้นเย่เชียนจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับศิลปะการต่อสู้ทั้งสองประเภทนี้เป็นอย่างดี

“เย่เชียน! ..เย่เชียน! ..เย่เชียน! ..เย่เชียน! ..” ที่ขอบสนามเหล่าคนหนุ่มสาวก็ตะโกนเชียร์เย่เชียนกันอย่างกระตือรือร้นและแสงแฟลชจากกล้องของเหล่านักข่าวก็ยังคงเต็มไปทั่วเวทีกันอย่างบ้าคลั่ง

เย่เชียนก็หันหน้าออกไปและยิ้มให้กับผู้คนรอบๆ และหลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็มืดมนลงและมือของเขาก็หยุดลงทันที ทันใดนั้นเจตนาฆ่าและจิตสังหารที่ทรงพลังก็ปกคลุมไปทั่วสโมสรและเย่เชียนนั้นก็ไม่ได้ปกปิดออร่าอันทรงพลังของเขาอีกต่อไปและปลดปล่อยพวกมันออกมาอย่างสง่าผ่าเผย สำหรับการต่อสู้ของยอดฝีมือและปรมาจารย์นั้นก่อนอื่นเลยเราต้องข่มคู่ต่อสู้ด้วยจิตวิญญาณของเราที่มองไม่เห็น เย่เชียนจิตวิญญาณของเย่เชียนนั้นก็เป็นเหมือนสายน้ำที่ไหลเวียนไปทางอุเอโนะกังและอันคยองซูอย่างบ้าคลั่งและแม้แต่หูวเค่อที่อยู่ในกลุ่มผู้ชมก็ตกตะลึงเช่นกัน เพราะเธอไม่คาดคิดเลยว่าทักษะและความสามารถในปัจจุบันของเย่เชียนนั้นจะสามารถแผ่จิตวิญญาณอันทรงพลงเช่นนี้ออกมาได้

อุเอโนะและอันคยองซูก็เริ่มปล่อยจิตวิญญาณและอ่อร่าพวกเขาออกมาเช่นกันโดยพยายามต่อต้านจิตวิญญาณที่ทรงพลังของเย่เชียนกลับไป แต่ทว่าพวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังทำไปโดยไร้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดเพราะออร่าและจิตวิญญาณของเย่เชียนนั้นน่ากลัวอย่างมากและจิตสังหารกับเจตนาฆ่าภายในดวงจาของเย่เชียนนั้นราวกับใบมีดที่แหลมคมซึ่งแทงทะลุหัวใจของพวกเขาโดยตรงจนเหงื่อของพวกเขาไหลออกมาจากหน้าผากของพวกเขาโดยไม่รู้ตัว

.

.

.

.

.

.

.

ยอดนักรบจอมราชัน

ยอดนักรบจอมราชัน

อ่านนิยาย ยอดนักรบจอมราชัน
Status: Ongoing
เรื่องย่อ เขาคือผู้ปกครองที่อยู่เหนือเหล่าทหารรับจ้างและหน่วยรบพิเศษ เขาคือผู้น่าเกรงขามที่สามารถทำให้ผู้นำประเทศแต่ละประเทศถึงกับสั่นคลอน! เพื่อพวกพ้องของเขาแล้วเขาพร้อมที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อครอบครัวของเขา..เขาก็ไม่ลังเลที่จะหลั่งเลือด! เขานั้นดุจดั่งมังกรที่ทยานขึ้นเหนือสรวงสวรรค์.. พลังของเขานั้นทำให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ไม่ว่าสถานการณ์จะเสียเปรียบและย้ำแย่เพียงใดก็ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดเขาได้ แม้ว่าจะเป็นสายลมหรือผืนน้ำก็ตาม… ————————————– ————————————– ..โปรย.. ชายหนุ่มผู้เป็นดั่งจุดสูงสุดของเหล่าทหารรับจ้าง..ผู้ที่หวนกลับคืนสู่บ้านเกิดเพื่อจะใช้ชีวิตที่แสนธรรมดา..แต่โชคชะตากลับนำพามาเจอแต่เรื่องวุ่นวาย..ชายที่มีนามว่า ‘เย่เชียน’ ถูกขนานนามว่า ‘ราชันหมาป่า’ แต่กลับต้องมาปลอมตัวใช้ชีวิตเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะปกป้องหญิงสาวจากองกรค์นักฆ่านานาชาติ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset