เจียงเฮยเจียงไป๋อึดอัดแล้ว เหตุผลไม่ใช่อื่นใด แม่ทัพอู่เลี่ยมักจะชอบมาสนทนากับพวกเขาอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไร หัวข้อสนทนาก็จะต้องวกมาถึงคุณชายสี่เสมอ สืบถามทั้งทางตรงทางอ้อมว่าคุณชายสี่มีงานอดิเรกอะไร ชอบสตรีแบบไหน ความในใจนั้นใครบ้างจะไม่รู้
เจียงเฮยยังดีหน่อย เขาเป็นคนหน้าตาย ปกติก็ไม่ชอบพูดคุยอยู่แล้ว แม่ทัพอู่เลี่ยเองก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจ คู่สนทนาหลักของเขาคือเจียงไป๋ เจียงไป๋ก็ยิ่งอึดอัด เจ้าเป็นถึงแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ แต่ทำตัวเหมือนเหมือนสตรี ใช้ได้หรือ
คุณชายสี่ คุณชายสี่ นั่นคือคุณหนูสี่รู้หรือไม่ ท่านนำทัพมากว่าครึ่งชีวิตแม้แต่ชายหญิงยังแยกไม่ออกหรือไร ท่านตีท้ายครัวคุณชายพวกเราเช่นนี้จะดีจริงๆ หรือ
อันที่จริงแม่ทัพอู่เลี่ยก็ยังน้อยใจ ใครอยากคุยกับเด็กสองนี้กัน คนหนึ่งก็ปิดปากสนิทราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง คนหนึ่งก็ไหลลื่นประหนึ่งปลาในน้ำ พูดจ้อไม่หยุด แต่ไม่มีประโยชน์แม้แต่ประโยคเดียว หากไม่ใช่ว่าคุณชายสวีเย็นชาเกินไป ใครจะทนคบค้าสมาคมกับเด็กสองคนนี้อยู่ เพื่อความสุขของบุตรสาวเขาเองก็นับได้ว่ายอมลดตัวลงมากแล้ว
วันนี้ ในที่สุดเจียงไป๋ก็ทนไม่ไหวแล้ว มองแม่ทัพอู่เลี่ยแล้วกล่าวด้วยความเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด “แม่ทัพใหญ่ของข้า ท่านยังหนุ่มยังแน่น เหตุใดสายตาถึงไม่ดีเพียงนั้นแล้วเล่า นั่นไหนเลยจะเป็นคุณชายสี่ นั่นคือสตรีแท้ๆ ต่างหาก! มิเช่นนั้นคุณชายของพวกข้าจะรบเร้าขอไปอยู่ใกล้ๆ นางไม่หยุดทำไม เพราะพวกเขาเป็นเช่นนี้!” เจียงไป๋ยื่นหัวแม่มือข้างซ้ายข้างขวาหันเข้าหากัน
แม่ทัพอู่เลี่ยจางเฮ่าหรานไหนเลยจะเชื่อ ชี้เจียงไป๋แล้วกล่าวอย่างอารมณ์เสีย “เจ้าเด็กโง่ อย่ามาหลอกข้า” คุณชายสี่จะเป็นสตรีได้อย่างไร ไหนเลยจะมีสตรีที่เก่งกาจเพียงนี้ ท่าทางการเดิน สำเนียงการพูด ไหนเลยจะเหมือนสตรี เจ้าเด็กนี่ต้องโกหกแน่นอน
เจียงไป๋แสยะปาก “เฮ้อ ผู้น้อยจะหลอกท่านทำไม ผู้น้อยพูดความจริงทั้งนั้น หากท่านไม่เชื่อก็ไปถามท่านเสิ่นโห่วกับคุณชายใหญ่เสิ่นดูได้” เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “ผู้น้อยจะบอกอะไรท่านให้ คุณชายสี่ตัวจริงของจวนจงอู่โหวอยู่บ้านรอง ชื่อเสิ่นเหนียน เพิ่งจะอายุสิบเอ็ดปี เป็นบุตรอนุภรรยา”
เจตนาในคำพูดชัดเจนอย่างยิ่ง บุตรอนุภรรยาคนหนึ่งไม่ขี้ขลาดตาขาวก็ไม่เลวแล้ว ไฉนจะมีวรยุทธ์ยอดเยี่ยมและมีอุบายมากมายเช่นนี้ได้
จางเฮ่าหรานเห็นเจียงไป๋ไม่เหมือนกับพูดโกหกจึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเล็กน้อย “เจ้าไม่ได้หลอกข้าจริงๆ หรือ” เขาส่งสายตาไต่ถามไปหาเจียงเฮยที่มีสีหน้าเรียบเฉย เจียงเฮยพยักหน้าอย่างจริงจัง
คราวนี้จางเฮ่าหรานว้าวุ่นแล้ว ให้ตายเถอะ ลูกเขยที่เขาหมายปองคาดไม่ถึงว่าเป็นสตรี! ไม่นึกว่าคุณชายสี่จะเป็นสตรี! เป็นไปได้อย่างไร! เขาคิดแล้วคิดอีกก็ยังคงเชื่อไม่ลง แปลกประหลาดราวกับเจ้าบอกเขาว่าผู้ชายสามารถคลอดลูกได้อย่างนั้นแหละ
จางเฮ่าหรานยังไม่ยอมแพ้ หน้าตาบูดบึ้งไปขอหลักฐานจากท่านเสิ่นโหว เสิ่นเชียนเองก็อยู่ด้วยพอดี
“ท่านโหว ฟังว่าคุณชายสี่เป็นสตรีหรือ” จางเฮ่าหรานมองปู่หลานทั้งสอง ความรู้สึกซับซ้อน
“ก็ใช่น่ะสิ!” ท่านเสิ่นโหวยอมรับอย่างง่ายดาย เขาเองก็ไม่คิดจะปิดบัง เพียงแค่ไม่มีใครมองออกก็เท่านั้นเอง “เจ้าสี่เป็นบุตรสาวบ้านสามของข้า ลูกชายผู้นั้นของข้าไม่ค่อยได้เรื่องนัก น้องชายนางก็ยังเล็ก ตอนนี้บ้านสามจึงมีนางคอยประคับประคองอยู่ก่อน”
เสิ่นเชียนเองก็กล่าว “น้องสี่คือน้องสาวคนที่สี่ผู้ไปรักษาตัวอยู่ที่บ้านเก่าในชนบทผู้นั้น นามว่าเวย”
ดวงตาจางเฮ่าหรานตะลึงงัน ท่าทางถูกโจมตีอย่างหนักนั้นทำให้ท่านเสิ่นโหวทนดูไม่ได้ แต่เรื่องที่เจ้าสี่เป็นสตรีก็เป็นเรื่องจริง ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องถูกผู้คนก็ต้องรู้อยู่ดี
จางเฮ่าหรานไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียวลอยออกไปราวกับวิญญาณ ดวงตาทั้งคู่เลื่อนลอย ในสมองมีเพียงเสียงๆ หนึ่ง คุณชายสี่เป็นสตรี ลูกเขยแสนดีของเขาไม่มีแล้ว!
สิ่งที่ตามมาติดๆ ก็คือความเสียใจที่ตามมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ฮูหยินเคยเสนอคุณหนูสี่ผู้นี้ให้ลูกชายคนโตของตน หลังจากถูกจวนโหวปฏิเสธเหตุใดจึงไม่ยืนกรานเล่า เขาควรจะมาแสดงความจริงใจถึงหน้าบ้านวันละสามครั้ง หากคุณหนูสี่เป็นลูกสะใภ้ใหญ่ของตนได้ แม้แต่ในฝันเขาก็ยิ้มออกแล้ว
น่าเสียดายนัก! จางเฮ่าหรานสำนึกผิดจนใจช้ำแล้ว มิน่าเล่าคุณชายใหญ่จวนจิ้นอ๋องถึงตามคุณหนูสี่ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว ยังคิดว่าเขามาเมืองชายแดนเพื่อสร้างคุณูปการ ไม่คิดว่าเขาจะทำเพื่อคู่หมั้น!
ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิยงเซวียนจึงได้อ่านรายงานลับสองฉบับที่มีเนื้อหาเหมือนกัน หนึ่งฉบับเป็นของแม่ทัพอู่เลี่ยจางเฮ่าหราน ในรายงานลับเขาสาธยายถึงแต่คุณูปการต่างๆ นานาของคุณชายสี่จวนจงอู่โหว วิทยายุทธ์สูงส่งบ้างล่ะ เก่งกล้าสังหารข้าศึกบ้างล่ะ ภักดีต่อแว่นแคว้นต่างๆ บ้างล่ะ คำศัพท์ชื่นชมเต็มหน้ากระดาษ เขียนไปเขียนมาจู่ๆ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา บอกว่าที่แท้แล้วคุณชายสี่ผู้นี้ก็เป็นโฉมสะคราญ ชื่นชมจักรพรรดิว่าเหตุใดถึงมีสายตาเฉียบแหลม จับคู่สตรีที่โดดเด่นเช่นนี้ให้คุณชายใหญ่สวีมาแต่เนิ่นๆ เป็นคู่รักฟ้าประทาน สวรรค์บันดาลให้คู่กัน ทั้งชื่นชมอีกยืดยาว ท้ายที่สุดก็ขอบำเหน็จจากจักรพรรดิด้วยความนับถือจากใจจริง สตรีวิเศษที่ทำเพื่อแว่นแคว้นเช่นนี้ไม่ยกย่องให้มากหน่อยจะทำให้ผู้อื่นผิดหวังมิใช่หรือ
รายงานลับอีกหนึ่งฉบับก็เป็นรายงานที่สวีโย่วเขียนด้วยตัวเอง เด็กน้อยเป็นว่าที่ภรรยาของเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องแสวงหาผลประโยชน์ให้นางหน่อยมิใช่หรือ ไม่ว่าจะเลื่อนตำแหน่งพระราชทานบรรดาศักดิ์ อย่างไรเสียก็ต้องให้ตำแหน่งเสี้ยนจู่หรือไม่
จักรพรรดิยงเซวียนหัวเราะชอบใจ อ่านรายงานศึกชนะครั้งยิ่งใหญ่ของซีเจียงหนึ่งรอบ สีหน้าเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย “อาโย่วผู้นี้นี่!” เขาก็ว่าเหตุใดอยู่ดีๆ ถึงได้มาขอพระราชสมรส ที่แท้แล้วก็หาภรรยาที่มากความสามารถเช่นนี้ให้ตนได้แล้วนั่นเอง ลำบากเขาแล้ว นึกถึงเรื่องผ่านมา จักรพรรดิยงเซวียนก็ถอนพระปัสสาสะ
เสิ่นผิงยวนสุนัขจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้กลับโชคดีนัก ฝั่งนี้ถูกทหารกล้าตายเผาเสบียง ฝั่งหลานสาวตระกูลตนก็ส่งไปให้ ใช้เงินสินเดิมของมารดาจนหมดก็ไม่เสียดาย บุตรสาวในเมืองหลวงคนใดจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ อืม เป็นคนรู้จักลำดับความสำคัญ ไม่ปูนบำเหน็จก็คงจะเสียใจ ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือหลานสะใภ้ของตน เป็นคนในครอบครัวตน
จักรพรรดิยงเซวียนกลับไม่ได้เป็นห่วงซีเจียงเท่าไรแล้ว ตอนนี้พระองค์อารมณ์ดียิ่งนัก ครุ่นคิดว่าจะส่งอะไรให้ซีเจียงดี เสิ่นผิงยวนเองก็ลำบาก อายุปูนนี้แล้วยังต่อสู้อยู่ข้างนอก หรือว่าจะย้ายเขากลับมาเมืองหลวงอยู่ร่วมกับคนในครอบครัว ยังมีว่าที่หลานสะใภ้ผู้นั้น ปูนบำเหน็จอะไรให้ดีเล่า
“ฝ่าบาท องค์ชายรองมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีใหญ่กล่าวเสียงเบาหนึ่งประโยค
“เข้ามา” จักรพรรดิยงเซวียนขึ้นเสียงกล่าว
องค์ชายรองเดินเข้ามาอย่างองอาจผ่าเผย “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ วันนี้เสด็จพ่ออารมณ์ดียิ่งนัก ใช่มีเรื่องมงคลอะไรหรือไม่ ให้ลูกได้ยินดีด้วยสิพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายรองเป็นบุตรของซูเฟย ตระกูลฝั่งมารดาคือจวนเสนาบดีฉิน ท่านเสนาบดีฉินได้รับความสำคัญจากจักรพรรดิยงเซวียน ซูเฟยได้รับความโปรดปรานอย่างถึงที่สุด เป็นถึงบุตรของพระชายาผู้โปรดปราน องค์ชายรองจึงได้รับความโปรดปรานตั้งแต่เล็ก
“ข่าวที่เพิ่งมาถึง ซีเจียงรบชนะอย่างยิ่งใหญ่ เอ้า เจ้าก็ลองอ่านดูเถอะ” จักรพรรดิยงเซวียนกลับมีท่าทีอ่อนโยนต่อบุตรผู้นี้
ขันทีใหญ่รีบกอบรายงานชัยชนะบนโต๊ะส่งมอบให้องค์ชายรอง องค์ชายรองมีประสบการณ์ในกรมพระคลัง สถานการณ์ของซีเจียงเขาเองก็พอรู้มาบ้าง
อ่านเสร็จแล้วเขาก็มองจักรพรรดิยงเซวียนด้วยความเลื่อมใส “ลูกดีใจกับเสด็จพ่อ ขอแสดงความยินดีกับเสด็จพ่อ ดูท่าแล้วใช้เวลาไม่นานซีเหลียงก็คงจะถอยทัพแล้วกระมัง ท่านเสิ่นโหวคู่ควรจะเป็นดาบแกร่งที่ไม่แก่ลงตามอายุจริงๆ”
จักรพรรดิยงเซวียนยิ้ม กล่าวชมหนึ่งประโยคเช่นกัน “เสิ่นผิงยวนไม่เลว”
องค์ชายรองเห็นจักรพรรดิยงเซวียนคล้ายไม่อยากถกเถียงเรื่องนี้ต่อเท่าไร จึงปิดปากอย่างรู้สมควร เปลี่ยนไปพูดถึงประสบการณ์ที่ได้รับการจากฝึกฝนในกรมพระคลังของตน ทั้งยังขอคำแนะนำถึงปัญหาเล็กๆ หลายข้อ หลังจากนั้นจึงกล่าวลาด้วยความอาลัยอาวรณ์
เมื่อออกจากห้องทรงอักษรของจักรพรรดิ เลี้ยวไปยังทางเดินสายเล็กของตำหนักเฉินเย่ว์ องค์ชายรองก็เก็บรอยยิ้มที่มุมปากลงช้าๆ ซีเจียง จวนจงอู่โหว เขาคิดเงียบๆ ในใจ