ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 178-2 ระหว่างทาง

กองกำลังทหารห้าร้อยนายบวกกับผู้มีฝีมือดีอีกห้าร้อยคนใต้บังคับบัญชาเสิ่นเวย บวกกับยอดฝีมือที่หาญกล้าเหล่านั้นของเสิ่นเวย ทั้งหมดประชิดเข้าไป ทุกๆ คนล้วนตาแดงก่ำ ใช้กระบวนท่าเดียวก็ฆ่าศัตรูได้ไม่ต้องใช้สองกระบวนท่าอย่างสิ้นเชิง ในใจทุกคนต่างก็รู้ดี ตอนนี้ฆ่าฝ่ายตรงข้ามให้มากขึ้นหนึ่งคน โอกาสรอดชีวิตของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน 

 

 

เสียงกีบเท้าม้าค่อยๆ ใกล้เข้ามาแล้ว ราวกับเหยียบย่ำหัวใจคนทุกคน ได้ยินเพียงเสียงก็รู้แล้วว่ามีจำนวนไม่น้อย 

 

 

เสิ่นเวยไม่ได้ร่วมมือกับเถาฮวาแล้ว แต่แยกสู้ลำพัง นางวิ่งไปซ้ายแทงไปขวาแปลกประหลาดเสมือนเงาหนึ่งสาย ฟันหนึ่งครั้ง ฟันเพียงครั้งเดียว เสิ่นเวยฆ่าศัตรูด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว บนพื้นโลหิตไหลเป็นสายน้ำ ทว่าดาบหมื่นโลหิตกลับยิ่งส่องแสงเย็นเยียบเป็นประกาย ภายใต้แสงสะท้อนของเปลวไฟลึกลับไม่อาจคาดเดาเหมือนกับเจ้านายของมัน ส่งกลิ่นอายแห่งความตายที่ทำให้คนหายใจไม่ออก 

 

 

เสิ่นเวยก็คือยมทูตที่มาจากนรกตนนั้น มุมปากอมยิ้มเย็นยะเยือก ดวงตาไม่มีความอบอุ่นแม้แต่นิดเดียว นางคือดาบหนึ่งเล่ม ดาบหนึ่งเล่มที่แหลมคมเหนือสิ่งอื่นใด เก็บเกี่ยวชีวิตคนนับหมื่น 

 

 

“ระวัง หน้าไม้” สวีโย่วที่ถูกสองพี่น้องเจียงเฮยเจียงไป๋คุ้มกันอยู่ด้านหลังพลันตะคอกหนึ่งครา ตามมาพร้อมเสียงพูดก็คือเสียงหน้าไม้ฝ่าอากาศ 

 

 

“เร็ว หมอบลง” เสิ่นเวยตะโกนเสียงเฉียบขาด 

 

 

หน้าไม้ คืออาวุธฉบับปรับปรุงของธนู รัศมีการยิงไกลขึ้น พลังทำลายล้างแข็งแกรงขึ้น ยุคนี้ อาวุธเช่นหน้าไม้ไม่แพร่หลาย มีเพียงกองทัพเท่านั้นจึงจะมีหน้าไม้ อีกทั้งไม่ใช่ทหารทั้งหมดที่จะมีโอกาสสัมผัสหน้าไม้ คนที่สามารถสัมผัสหน้าไม้ได้ต่างก็เป็นทหารหาญของกองกำลังที่เลือกมาฝึกฝนเป็นพิเศษ 

 

 

คนที่เสิ่นเวยพามาแต่ไหนแต่ไรล้วนฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ภายใต้คำสั่งก็หมอบลงพร้อมกัน แม้กองกำลังทหารห้าร้อนนายจะช้าเล็กน้อย แต่กลับนับได้ว่ารวดเร็ว มีเพียงชายชุดดำนั้น รู้ว่าเป็นกองกำลังหนุนของตน ก็ดีใจอย่างถึงที่สุด กระทั่งมีคนมองไปยังทิศทางที่หน้าไม้ยิงมา 

 

 

น่าเสียดาย ลูกธนูไม่แบ่งฝักฝ่าย ลูกธนูปักเข้าไปในเนื้อ ตอนที่เสียงร้องลั่นดังขึ้นสีหน้าพวกเขาก็มีความตกใจที่เหลือเชื่อ 

 

 

เสิ่นเวยเองก็ยืนยันความคิดในใจได้แล้ว คนชุดดำเหล่านี้เป็นกลุ่มสำรวจเส้นทางดั่งคาด ตายก็ตาย พวกเขาไม่รู้สึกเสียดายอย่างสิ้นเชิง ใครกัน ใครที่มีเงินมากถึงเพียงนี้ 

 

 

“ท่านปู่ จะทำอย่างไร” เสิ่นเวยถามท่านปู่ที่หมอบอยู่ข้างๆ นางด้วยเสียงเบา ผู้มาเยือนที่ควบคุมหน้าไม้ล้วนสวมชุดสีเทาทั้งหมด ในแสงไฟเรือนร่างกำลังกระโดดอยู่ ราวกับนกพิราบแต่ละตัวๆ เพียงแค่เห็นท่าทางการเดินก็รู้แล้วว่าคนเหล่านี้เก่งกว่าคนชุดดำมาก 

 

 

ชั่วแวบเดียวคนชุดเทาก็อยู่ตรงหน้าแล้ว คงไม่อาจหมอบอยู่บนพื้นปล่อยให้คนมาทำร้ายตลอดไปได้กระมัง แต่หน้าไม้ในมือพวกเขาก็กดดันจนเสิ่นเวยไม่มีทางลุกขึ้นได้ มีแสงไฟส่อง จะต้องยิงโดนแน่นอน 

 

 

เสิ่นเวยเสียดายอย่างอดไม่ได้ เหตุใดถึงไม่ดับไฟก่อน นี่เท่ากับว่าเป็นการเปิดเผยตัวอยู่ใต้สายตาของฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่หรือ ทำอย่างไรจึงจะล่อคนชุดเทาเหล่านี้มาสู้รบระยะประชิดได้ ความเป็นไปได้ที่ตนจะพาคนคลานเข้าไปมีมากเท่าไร เสิ่นเวยกำลังคิดคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว 

 

 

ท่านเสิ่นโหวจ้องมองข้างหน้า ในใจคลื่นซัดถาโถม นั่นคือหน้าไม้ นั่นคืออาวุธที่ร้ายแรงที่สุดในกองทัพ แววตาเขาเจ็บใจอย่างถึงที่สุด เสิ่นผิงยวนทำสงครามมาทั้งชีวิต ไม่ตายในน้ำมือชาวซีเหลียง หรือว่าจะต้องมาตายในน้ำมือคนของตัวเอง 

 

 

ไม่ ไม่มีทาง 

 

 

ท่านเสิ่นโหวลูบแขนซ้าย มือทั้งมือเปื้อนเลือด แขนซ้ายเขาถูกคนชุดดำแทงหนึ่งครา เขาเม้มปาก แววตามีความเย็นยะเยือกที่ลุ่มลึกสูงตระหง่าน 

 

 

ได้ยินเพียงสั้นยาวไม่เท่ากันดังออกมาจากปากเขาอย่างรวดเร็ว เสิ่นเวยก็เห็นคนหนึ่งกลุ่มหลังรถที่ไม่รู้โผล่ออกมาจากไหน มือถือคันธนูยิงไปยังคนชุดเทา 

 

 

หึๆ นางบอกแล้ว ปู่นางเป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่า จะไม่มีทางหนีทีไล่ได้อย่างไร 

 

 

เสิ่นเวยฉวยโอกาสทำสัญลักษณ์มือกับข้างหลัง นำคนคลานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ขอเพียงแค่วิ่งไปตรงหน้าชายชุดเทาได้ หน้าไม้ของพวกเขาก็ไม่มีประโยชน์แล้ว 

 

 

เมื่อประมือกันฝั่งเสิ่นเวยก็รู้แล้วว่า เมื่อครู่นั้นเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย การต่อสู้ที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้ ตอนนี้ชายชุดเทาคล้ายผ่านการฝึกฝนพิเศษมา แต่ละคนไม่เพียงแต่มีกำลังหาญกล้า การร่วมมือระหว่างกันยังรู้ใจอย่างถึงที่สุด เป็นครั้งแรกที่เสิ่นเวยเจอศัตรูที่ยากจะรับมือเพียงนี้ สู้รบด้วยความลำบากยากเย็น มีคนล้มลงไม่ขาดสาย 

 

 

“หู่โถว!” จู่ๆ ก็มีเสียงร้องตะโกนที่เศร้าโศกดังขึ้น 

 

 

เสิ่นเวยหันหน้าขวับ เห็นเพียงร่างของเสิ่นหู่โถวกำลังถูกกระบี่ยาวหนึ่งเล่มแทงทะลุ “หู่โถว!”  

 

 

เสิ่นเวยเองก็ร้องตะโกนด้วยความเศร้าโศก ร่างประหนึ่งพายุหมุน ดาบหนึ่งเล่มฟันออกไป 

 

 

คนผู้นั้นไม่คิดว่าเสิ่นเวยจะมาเร็วเช่นนี้ รู้สึกเพียงหน้าอกเจ็บปวด ความพอใจบนใบหน้าหยุดชะงักไปชั่วนิรันดร์ เสิ่นเวยถีบเขาออกไป รับร่างที่ล้มลงของเสิ่นหู่โถว “หู่โถว! หู่โถว!” นางตะโกนเสียงสะอื้น 

 

 

เสิ่นหู่โถวอยากยิ้มเล็กๆ แต่กลับรู้สึกลำบากอย่างยิ่ง เขาอ้าปาก แต่กลับไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ออกมาได้ มือก็ตกลง ทว่าเสิ่นเวยกลับเห็นชัดเจนว่าคำที่เขาต้องการพูดคือ ‘ท่านป้า’ 

 

 

ใช่แล้ว ว่ากันตามลำดับรุ่น เสิ่นหู่โถวต้องเรียกเสิ่นเวยว่าป้า เด็กหนุ่มที่เห็นนางก็เขินอายผู้นี้นอนอยู่บนพื้นที่หนาวเย็นเช่นนี้ 

 

 

เสิ่นเวยรู้สึกเพียงมีมือข้างหนึ่งกำลังบีบหัวใจนางอย่างแรง เจ็บปวดยิ่งนัก 

 

 

พวกเขาไม่ตายในสนามรบซีเจียง แต่กลับตายระหว่างทางกลับเมืองหลวง อีกแค่ครึ่งทางก็ถึงเมืองหลวงแล้ว พวกเขากลับมาตายในต่างแดน นางพาพวกเขาออกมา แต่กลับไม่สามารถพาเขากลับไปได้อย่างปลอดภัย 

 

 

เสิ่นเวยแหงนหน้าหัวเราะร่า เสียงหัวเราะโศกเศร้าและเยือกเย็น กระทั่งหัวเราะจนน้ำตานองหน้า 

 

 

“คุณชาย!” มีคนชุดเทาคิดฉวยโอกาสจะจบชีวิตเสิ่นเวย ถูกพลลับหนึ่งของนางที่คุ้มกันอยู่ในความมืดมาโดยตลอดสกัดลง 

 

 

เสิ่นเวยมองข้ามแววตาที่เป็นกังวลของพลลับหนึ่ง จ้องมองคนชุดเทาที่ลอบโจมตีนางอย่างเย็นยะเยือก กล่าวคำเว้นคำ “เจ้าสมควรตาย! พวกเจ้าสมควรตาย!” 

 

 

ไม่ทันได้เห็นว่านางลงมือเช่นไร คนชุดเทาผู้นั้นก็ล้มลงกับพื้นแล้ว กระทั่งปากที่อ้าอยู่ยังไม่ทันได้ปิดลง 

 

 

เสิ่นเวยถูกยั่วโมโหแล้ว นางใช้กระบวนท่าทั้งหมดที่มี ขอเพียงแค่ฆ่าฝ่ายตรงข้ามให้ตายได้ นางก็ไม่สนว่าตนจะบาดเจ็บหรือไม่ เอาแต่ต่อสู้ไม่ป้องกัน ในใจมีเพียงความคิดเดียว นางจะฆ่าคนที่ขวางทางอยู่หน้านาง นางจะฆ่าคนที่ทำร้ายเพื่อนนางให้ตาย มีเพียงโลหิตสดที่จะสามารถดับความเศร้าโศกในหัวใจนางได้ 

 

 

เช่นนั้น เข้ามาสิ หนี้เลือดพวกเราก็ต้องใช้เลือดมาชดใช้ 

 

 

วิธีการต่อสู้ที่ไม่คิดชีวิตเช่นนี้ของเสิ่นเวย ต่อให้จะเป็นคนชุดเทาที่เห็นความเป็นความตายมานับไม่ถ้วนก็ยังอกสั่นขวัญหาย 

 

 

สวีโย่วที่สังเกตเสิ่นเวยมาโดยตลอดก็กังวลอย่างถึงที่สุด เด็กโง่คนนั้น เหตุใดถึงไม่เห็นความสำคัญของชีวิตตัวเองเลยเล่า เขาสั่งเจียงเฮยและคนอื่นๆ สองสามประโยค เจียงเฮยก็มองน้องชายเขาปราดหนึ่ง วิ่งฆ่าออกไปคุ้มกันขนาบข้างเสิ่นเวยกับพลลับหนึ่งอย่างไม่ยอมล่าช้า เขาเข้าใจเป็นอย่างดี เพียงแค่คุณหนูสี่ปลอดภัย คุณชายก็ไร้กังวล 

 

 

ทหารคนสนิทที่เหลือก็ปรากฏตัวอยู่ข้างกายท่านเสิ่นโหว เถาฮวาและคนอื่นๆ เสิ่นหู่โถวเพียงคนเดียวก็ทำให้เด็กน้อยเจ็บปวดใจจนเป็นเช่นนี้ สวีโย่วไม่กล้าจินตนาการว่าหากท่านเสิ่นโหวกับเถาฮวาเป็นอะไรไป เด็กน้อยจะบ้าคลั่งขนาดไหน เด็กน้อยที่ในกระดูกดำดูเหมือนเย็นชาผู้นี้ อันที่จริงกลับรักเพื่อนพ้องและอ่อนไหวที่สุด 

 

 

หัวใจของสวีโย่วเจ็บแปลบ หากตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสนามรบ เขาจะต้องกอดนางเข้ามาในอ้อมอก เยียวยาบาดแผลทั่วทั้งร่างนางแล้วแน่นอน 

 

 

 

 

 

ตอนที่เยี่ยจ้งหมิ่นนายอำเภอเมืองหย่งเหอเห็นป้ายคำสั่งในมือคนโชกเลือดที่กลิ้งตกลงมาจากม้าซึ่งวิ่งเข้ามาในที่ว่าการอำเภอ ก็ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน สวรรค์ ป้ายคำสั่งที่ประหนึ่งฮ่องเต้พระราชทานด้วยตัวพระองค์เองอันนี้ไหนเลยจะเป็นป้ายที่อำเภอเล็กๆ ของเขาจะเห็นได้ วันนี้ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ 

 

 

เมื่อได้ยินต่อว่าจงอู่โหวกับหย่งติ้งโหวที่กำลังกลับเมืองหลวงถูกโจมตีระหว่างทาง ที่เดินทางมาพร้อมกันยังมีหลายชายแท้ๆ ของจักรพรรดิ องค์ชายใหญ่ที่ถูกต้องตามกฎหมายผู้นั้นของจวนจิ้นอ๋อง ร่างทั้งร่างก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี 

 

 

ซีเจียงคว้าชัยชนะยิ่งใหญ่ จงอู่โหวเข้าเมืองหลวงรับบำเหน็จ เรื่องนี้ใครบ้างไม่รู้ เหตุใดถึงมีคนกล้าคิดจะหาเรื่องจงอู่โหวเล่า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าจักรพรรดิหรอกหรือ 

 

 

แย่แล้ว แย่แล้ว เหตุใดเขาถึงซวยเช่นนี้ เหตุใดถึงมาโจมตีในเขตของเขาเล่า คนอื่นไม่เท่าไร แต่หากคุณชายใหญ่ผู้นั้นเป็นอะไรไป จักรพรรดิจะยังเก็บเขาไว้อยู่หรือ นี่มันคนโง่ที่ไหนกัน เหตุใดถึงได้มาหาเรื่องเขาเสียเล่า 

 

 

ยังคงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดึงแขนเขา เขาจึงตื่นจากความฝัน “ระดมพล รีบระดมพลไปช่วยเหลือ” เขากระโดดขึ้นมาทันที 

 

 

เยี่ยจ้งหมิ่นเป็นขุนางฝ่ายบุ๋นที่อ่อนแอบอบบาง แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังขึ้นหลังม้าอย่างสั่นกลัวตามคนที่มาขอความช่วยเหลือไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ในใจก็ภาวนา คุณชายใหญ่อย่าได้เป็นอะไรเลย แม้ว่าจะเกิดเรื่อง ก็หวังว่าจักรพรรดิจะเห็นแก่เขาที่ออกทัพอย่างไม่ล่าช้าแม้แต่วินาทีเดียว ไว้ชีวิตเขา 

 

 

ระหว่างทาง เยี่ยจ้งหมิ่นฟังว่าคนที่ถูกส่งออกมาขอความช่วยเหลือมีสิบกว่าคน แต่มีชีวิตรอดเพียงคนนี้คนเดียว หัวใจของเยี่ยจิ้งหมิ่นก็หวาดกลัว แม่จ๋า ไม่ใช่ว่าเขาไปถึงแล้วคนจะตายกันหมดแล้วหรอกนะ มือของเขาสั่นระริก ไม่กล้าคิดต่อ 

 

 

เห็นเงาคนที่ฆ่าฟันกันท่ามกลางแสงไฟมาแต่ไกลๆ เยี่ยจ้งหมิ่นก็มีจิตใจฮึกเหิมขึ้นมาในชั่วขณะ ดี ดีจริงๆ คุณชายใหญ่ไม่เป็นอะไร รอดแล้ว 

 

 

“จงอู่โหว คุณชายใหญ่อดทนไว้ก่อน ข้าน้อยนำคนมาช่วยแล้ว” เยี่ยจ้งหมิ่นตะโกนเสียงสูง จู่ๆ ในใจก็ฮึกเหิมอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ เขาสะบัดเชือกบังเ**ยนกำลังจะเฆี่ยนม้าวิ่งเข้ามา แต่กลับลืมว่าตนไม่ชำนาญการขี่ม้าอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังเผชิญหน้ากับธนูหน้าไม้หนึ่งดอกที่ลอยเข้ามา เป้าอยู่ที่ศีรษะของเขาพอดี ผู้ใต้บังคับบัญชาข้างกายดึงเขาหนึ่งครา ธนูนั้นก็เฉียดศีรษะของเขาลอยออกไป เยี่ยจ้งหมิ่นตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน เกือบจะตกลงจากม้า 

 

 

สวีโย่วเห็นเหตุการณ์นี้ มุมปากกระตุก ใครบอกเขาได้บ้างว่าคนผู้นี้วิ่งออกมาจากไหน มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่เช่นนี้ แล้วกองกำลังหนุนที่เขาพามาจะเชื่อถือได้หรือ 

 

 

ความจริงถูกพิสูจน์ เยี่ยจ้งหมิ่นอ่อนแอก็จริง แต่กำลังสู้รบของกองทัพอำเภอหย่งเหอยังแข็งแกร่งพอใช้ได้ แม้ว่าจะเทียบคนชุดเทาไม่ได้ แต่ก็ยังมีจำนวนคนเยอะ 

 

 

คนชุดเทาถูกทหารที่โกรธแค้นไม่สนชีวิตกลุ่มนี้ของเสิ่นเวยกำจัดทิ้งไปกว่าครึ่งแล้ว ตอนนี้มีกลุ่มกำลังมาเพิ่ม สามถึงห้าคนล้อมคนเดียวจะไม่ชนะได้อย่างไร แม้ว่าจะไม่ชนะ แต่ก็ยังถ่วงเวลาได้ 

 

 

ฝั่งเสิ่นเวยเห็นว่ากองกำลังหนุนมาแล้ว ชั่วขณะขวัญกำลังใจทหารก็ฮึกเหิม ด้วยเหตุนี้คนชุดเทาที่ล้มลงจึงเพิ่มมากขึ้น 

 

 

คนชุดเทาที่เหลืออยู่มองหน้ากันปราดหนึ่ง รู้ว่าหน้าที่ครั้งนี้ล้มเหลวแล้ว อยู่ต่อไปก็เสียชีวิตเปล่าๆ จึงหนีไปเสีย เอาข่าวกลับไปบอกเจ้านาย 

 

 

คนชุดเทาพลางรบพลางถอย พยายามชิงม้าหนีไป เสิ่นเวยมองแผนของพวกเขาออก ตอนนี้นางเคียดแค้นจนคันไม้คันมือ ไหนเลยจะยอมให้พวกเขาหนีไปได้ 

 

 

“ตั้งใจฟัง พวกเขาจะหนี ล้อมไว้ อย่าปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว” เสิ่นเวยตะโกนสั่งด้วยความโกรธ นำคนวิ่งไปฆ่า 

 

 

คนชุดเทาเห็นว่าวิ่งหนีไม่มีหวังแล้ว ก็ใช้ฝีมือทั้งหมดที่มีสู้สุดชีวิต ชั่วขณะ กลับสู้กันอย่างสูสี 

 

 

ฆ่าฟันต่อไปอีกพักหนึ่ง อย่างไรเสียฝังเสิ่นเวยก็ได้เปรียบเรื่องจำนวนคน คนชุดเทาล้มตายติดต่อกัน แต่ท้ายที่สุดก็ยังปล่อยพวกเขาหนีไปได้สองคน เสิ่นเวยโมโหจนกระทืบเท้า ลากม้าหนึ่งตัวกระโดดขึ้นไปกำลังจะไล่ตาม แต่ถูกสวีโย่วดึงเชือกบังเ**ยนไว้ “ช่างเถอะ ดูอาการบาดเจ็บของพวกเราก่อนดีกว่า” 

 

 

ด้วยเหตุนี้เสิ่นเวยจึงลงจากม้าด้วยความคับแค้นใจ 

 

 

เมื่อตรวจดูแล้ว กองกำลังทหารห้าร้อยนายบาดเจ็บล้มตายไปเกือบครึ่ง คนของเสิ่นเวยตายไปสิบกว่าคน บาดเจ็บก็ยิ่งมาก แต่โชคดีที่เสิ่นหู่โถวไม่เป็นอะไร แม้ว่าเขาจะถูกกระบี่ยาวแทงจนไม่น่ารอด แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บตรงจุดสำคัญ หมอหลิวบอกว่าหากเขยิบเข้ามาอีกครึ่งฉื่อก็ช่วยไม่ได้แล้ว โชคดีจริงๆ 

 

 

เสิ่นหู่โถวถูกหมอหลิวป้อนยาเม็ดรักษาชีวิต นิ้วมือของเสิ่นเวยก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รวยรินของเขา ดีใจจนตาแดง หู่โถวไม่ตาย ดีจริงๆ ดีจริงๆ 

 

 

ที่นี่ไม่ควรอยู่อีกต่อไปแล้ว เยี่ยจ้งหมิ่นเองก็พยายามเชิญทุกคนไปพักที่ที่ว่าการอำเภอหย่งเหอ ท่านเสิ่นโหวกับหย่งติ้งโหวต่างก็เห็นด้วย คนของพวกเขาได้รับบาดเจ็บมากเกินไป ยาที่นำมาด้วยมีจำกัด อยู่กลางป่าเขาชานเมืองเช่นนี้จะทำอย่างไร ย่อมต้องไปพักที่ที่ว่าการอำเภอก่อน 

 

 

กองกำลังทหารที่เสียชีวิตถูกทุกคนฝังไว้ในที่ที่เคยสู้รบแห่งนี้ ฝั่งเสิ่นเวยก็จุดไฟเผาคนที่เสียชีวิต แม้ว่าจะเป็นเถ้ากระดูก นางก็ต้องพาพวกเขากลับบ้านเช่นกัน 

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset