ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 130-3 อนุกลายเป็นนางโสเภณีประจำบ้าน คุณชายรองถูกทอดทิ้ง

“นายท่าน! กระดูกของอาไท่หักหมดแล้ว หากไม่ได้รับการรักษาที่ดี กลัวว่าจะมีผลต่อเนื่อง ท่านทุบตีก็แล้ว ด่าก็แล้ว ยังต้องการอะไรอีก!” สิงซื่อร้อนใจ

 

 

ท่านโหวอาวุโสมู่หรงแค่นเสียงฮึคราหนึ่ง เพราะชาติกำเนิดและภูมิหลังของตระกูลสิง ตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงปัจจุบันเขาไม่เคยขัดใจภรรยา ถึงขั้นให้ความเคารพเสียด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นคงยกฐานะผู้สืบทอดให้กับผู้อื่นไปแล้ว แต่ครั้งนี้เขาไม่ยอม “ฮึ! เป็นเพราะความใจอ่อนของเจ้าที่ทำให้อาไท่มีนิสัยเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ลักลอบเป็นชู้ กับน้องภรรยาตระกูลอวิ๋น เกิดเสียงวิจารณ์เกรียวกราวทั่วบ้านทั่วเมือง ข้ายอมไม่สนใจ แต่วันนี้ช่างน่าขันและน่าชัง ทานอาหารข้างนอกก็ไม่รู้จะเช็ดปากให้สะอาด เมามายเละเทะเหมือนโคลนตม ถอดเสื้อผ้าและนอนอยู่หน้าประตูทางเข้าจวนโหว ปล่อยให้คนนอกได้มองเห็นกันชัดๆ อีกไม่กี่วันคงเล่าลือกันเมืองหลวง! อนุเขาผู้นั้นเผยเรือนร่างให้บรรดาคุณชายทั่วเมืองหลวงได้เชยชม วันนี้มาถึงคราวของเขาบ้างแล้ว! ข้าไม่ได้ตายในสนามรบ กลับต้องมาจมน้ำลายของคนนอกตายหรือ! ไม่ได้! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ชื่อเสียงจวนโหวของข้าจะสูญสิ้นในมือเขา! ใครก็ได้มาเอาตัวเขาไป…”

 

 

แม้ว่าหลานชายคนนี้จะมั่วซั่วขนาดไหน ก็ไม่ก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ และไม่โง่ถึงขนาดจะปรากฏตัวที่หน้าจวนส่งตัวเองให้ท่านปู่มาด่าตน นอกจากนี้ เขาจะไปเที่ยวเล่นโดยไม่พาข้ารับใช้ไปด้วยได้อย่างไร สิงซื่อเต็มไปด้วยความสงสัย ขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “อาไท่ เจ้าพูดกับท่านปู่ของเจ้าให้ชัดเจน เจ้าไม่ได้ไปหอโคมเขียว เจ้าไม่ได้ดื่มสุรา มีคนจงใจทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่! เจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดแล้วท่านปู่ท่านย่าจะเป็นคนตัดสินใจเอง!”

 

 

มู่หรงไท่จะอธิบายให้ชัดเจนได้อย่างไร จะให้บอกว่าตนสมคบคิดกับอวิ๋นหว่านเฟย เพื่อล่อลวงพระชายาในอนาคตขององค์ชายสามมาย่ำยีทำให้เสียหาย หลังจากนั้นก็ถูกองค์ชายจับตัวไปเล่นสนุกอย่างโหดร้ายอย่างนั้นหรือ

 

 

ตอนนี้ถูกทุบตีอย่างทารุณเช่นนี้ หากท่านปู่ได้รับรู้ความจริง กลัวว่าจะไม่ทำเพียงแค่การทุบตีแล้ว จะกลายเป็นแรงระเบิดโทสะอย่างรุนแรงเสียมากกว่า และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการพัวพัน เป็นไปได้ว่าจะขับไล่ตัวเองออกจากบ้านในทันที!

 

 

มู่หรงไท่รู้สึกน้ำท่วมปาก รู้ได้รับความไม่ยุติธรรมแต่พูดออกไปไม่ได้ ทำเพียงกอดขาสิงซื่อเอาไว้อย่างหวาดกลัว “ข้าผิดไปแล้ว ท่านยาย.”

 

 

สิงซื่อเห็นว่าเขายอมรับแล้ว ก็พูดอะไรไม่ออก แต่เพื่อปกป้องหลานชาย จึงกล่าวว่า “นายท่าน อาไท่ถูกเลี้ยงดูโดยข้า เป็นข้าที่สั่งสอนเลี้ยงดูไม่ดี ตอนนี้ขาของเขาเป็นเช่นนี้แล้ว โปรดยกโทษให้เขาเถิด เมื่อได้รู้ข้อผิดพลาดย่อมสามารถแก้ไขได้ หลังจากนี้ข้าจะสั่งสอนเขาให้ดีๆ ความผิดพลาดเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก!”

 

 

เรื่องราววุ่นวายในครั้งก่อนก็ยังพูดเช่นนี้! แล้วผลลัพธ์เล่า ท่านโหวอาวุโสมู่หรงไม่ยอมผ่อนปรนแม้เพียงครึ่ง แผดเสียงหนักแน่น “ไม่ได้!”

 

 

สิงซื่อพบกับความเจ็บปวดของมู่หรงไท่ก็เหงื่อตกเกือบจะเป็นลม กลัวเพียงว่าจะรักษาขาไว้ได้ยาก ไหนเลยจะสนใจเรื่องอื่น พลันอดทนกัดฟันพูด “ถ้านายท่านยืนกรานจะทำเช่นนี้ ไม่เห็นแก่เลือดเนื้อเชื้อไข ข้าก็ทำได้เพียงนำป้ายเหล็กอักษรชาดออกมาแล้ว!”

 

 

ป้ายเหล็กอักษรชาดมอบให้โดยจักรพรรดิองค์แรก เมื่อวัยเด็กในตอนที่หนิงซีฮ่องเต้ยังเป็นองค์รัชทายาท ทรงเลือกแม่นม ไม่ว่าจะเป็นน้ำนมของผู้ใดก็ไม่ดื่ม ร่างกายขาดสารอาหารและอ่อนแอมาก หลังจากสิงซื่อให้กำเนิดบุตร ครั้งหนึ่งบังเอิญเข้าไปในพระราชวัง องค์รัชทายาทหิวมากและร้องไห้ แม่นมไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร นางจึงตัดสินใจให้นม อุ้มองค์รัชทายาทไว้ในอ้อมแขน ลองป้อนน้ำนมให้สองคำ ใครก็คิดไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะดื่มเข้าไปไม่รู้อิ่ม ตั้งแต่ใครก็ไม่ต้องการ ดื่มเพียงน้ำนมของสิงซื่อเท่านั้น ฮ่องเต้และฮองเฮามีความสุขมาก สิงซื่อยังได้รับพระราชโองการ หลังจากเลี้ยงดูหนิงซีฮ่องเต้ได้ระยะหนึ่ง องค์รัชาทายาทแข็งแรงขึ้นทุกวัน เติบโตขึ้นอย่างราบรื่น ฮ่องเต้รู้สึกขอบคุณสิงซื่อที่ช่วยชีวิตองค์รัชทายาท และได้จัดสรรรางวัลที่ยิ่งใหญ่นี้ไว้ให้

 

 

ป้ายเหล็กอักษรชาดนี้ถูกเก็บไว้ในห้องโถงบรรพบุรุษของตระกูลเสมอ ไม่เคยขยับมาหลายสิบปี ท่านโหวอาวุโสมู่หรงไม่คาดคิดว่าวันนี้ภรรยาจะนำออกมาช่วยหลานชายไม่รักดีคนนี้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ “เจ้า…”

 

 

เมื่อเห็นสายตาดุร้ายของสิงซื่อ คำพูดจึงถูกกลืนลงท้องไป

 

 

ป้ายเหล็กอักษรชาดนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของราชวงศ์ เป็นของฮ่องเต้องค์ก่อน แม้แต่ไทเฮาและหนิงซีฮ่องเต้ก็ยังต้องให้ความระมัดระวังหลายส่วน ท่านโหวอาวุโสจะขัดขืนได้อย่างไร

 

 

ท่านโหวอาวุโสมู่หรงสะบัดแขนเสื้อ และเอ่ยว่า “ดี! ข้าจะดูว่าเจ้าจะปกป้องเขาได้นานแค่ไหน!” เอ่ยจบก็จากไปด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ

 

 

สิงซื่อรีบพาหลานชายกลับห้อง เรียกข้ารับใช้ให้ตามหมอมา ท่ามกลางความวุ่นวาย หมอดามกระดูกที่ขาของมู่หรงไท่ สิงซื่ออยู่กับเขาเกือบทั้งคืน และบอกให้ฮว่าซั่นดูแลให้ดีก่อนจากไป

 

 

ฮว่าซั่นเพิ่งกลับมาจากเรือนด้านนอกพร้อมกับลูกน้องสองคนที่พออกพอใจ เมื่อเห็นสภาพการณ์เลวร้ายของนายน้อยก็ตกใจเช่นกัน จึงคิดทบทวนอีกครั้ง เมื่อรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ตกใจจนเหงื่อตก หากนางไม่ไปรายงานฉินอ๋อง คุณชายรองก็จะไม่ถูกทำร้าย แต่ในตอนนั้นนางคิดว่าเพียงว่าจะไม่ปล่อยให้กลอุบายของอวิ๋นหว่านเฟยประสบความสำเร็จ ไหนเลยจะรู้ว่าคุณชายรองมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย! นี่กลับทำให้คุณชายรองถูกทำร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ!

 

 

แต่นี่โทษนางได้หรือ ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าจะโทษก็ต้องโทษอวิ๋นหว่านเฟยที่เป็นคนออกความคิด! ความสำนึกผิดของฮว่าซั่นกลายเป็นความแค้นต่ออวิ๋นหว่านเฟย แต่นางจะกล้าเปิดโปงเสียที่ไหน ทำได้แค่ดูแลมู่หรงไท่อยู่เงียบๆ ทุกวันในตอนที่ออกไปส่งอาหารนอกบ้าน ก็แค่ขอให้อาเป้ากับต้าจู้เปลี่ยนกลยุทธ์ ทำให้อวิ๋นหว่านเฟยเจ็บปวดทรมาน

 

 

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฮว่าซั่นยังคงบ้าคลั่ง เปลี่ยนคนรับใช้ขั้นต่ำอีกครั้ง ด้วยวิธีนี้ เปลี่ยนคนทุกสองวัน กลุ่มคนรับใช้ที่เรือนด้านนอกจวนโหวกลุ่มหนึ่งล้วนถูกฮว่าซั่นพาตัวไปหาอวิ๋นหว่านเฟย

 

 

ในจวนโหว ไม่กี่วันต่อมา มู่หรงไท่ร่ำไห้ทุกวัน

 

 

แรงเตะหนักมากจนทำให้กระดูกหัก ต้องใช้เวลานานกว่าจะหายดีและมีอาการหน่วงๆ เมื่อหมอกลับมาเยี่ยม เขาบังเอิญได้ยินว่าแม้ขาซ้ายของเขาจะหายดี แต่ก็กลัวว่าจะใช้งานไม่ได้ ได้ยินเช่นนั้นหัวใจก็ยิ่งสั่นไหว

 

 

ครั้งนี้ยังต้องเสียทั้งฮูหยินทั้งไพร่พล!

 

 

แต่สิ่งที่มู่หรงไท่ไม่คาดคิดก็คือ สิ่งที่จะทำให้เขาหวาดผวายังหลังจากนี้ ผ่านไปสองสามวัน ความเจ็บที่กระดูกหักก็เริ่มดีขึ้น แต่เขารู้สึกว่าส่วนอื่นของร่างกายเริ่มเกิดความผิดปกติ

 

 

เรื่องคันในที่ลับที่แสนน่าอับอาย ต้องใช้มือเกาสองสามทีถึงจะสบายขึ้น เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ต่อให้เกาไม่ได้ผล ก็ยังมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งอยู่ดี

 

 

ในตอนเริ่มแรกเป็นฮว่าซั่นที่พบจุดผิดปกติ ทุกๆ วันหลังเช็ดตัวให้คุณชายรอง น้ำภายในอ่างทองแดงจะมีสีขุ่นออกเหลือง ยังระคนหยดเลือดอีก วันนี้ยามถอดซักเสื้อผ้า ก็พบว่าอาการหนักขึ้นแล้ว ฮว่าซั่นที่อยากจะเรียกฮูหยิน กลับโดนคุณชายรองสั่งห้ามไว้

 

 

มู่หรงไท่ไหนเลยจะไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร หลังยืนยันเป็นที่แน่ชัดแล้ว พลันเลื่อนลอยในบัดดล นางคณิกาชั้นต่ำสองคนนั้นทำให้ตนติดเชื้อกามโรค!

 

 

โรคนี้ร้ายกาจดั่งหมาป่าดั่งพยัคฆ์ มีชื่อเสียงในหมู่นางคณิกา แต่ละคนต่างหลีกหนีไม่พ้น เพียงครั้งเดียวก็ได้รับเชื้อแล้ว จะไม่สามารถสนุกสนานในเรื่องแบบนั้นได้อีก เป็นโรคที่รักษาไม่หายไปตลอดชีวิต มีแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ สุดท้ายทั่วทั้งตัวก็มีแต่หนอง แม้แต่จะเจอคนก็ยังเจอไม่ได้!

 

 

ซย่าโหวซื่อถิง! คาดไม่ถึงว่าจะชั่วร้ายเช่นนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset