ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 209.2 จำคุก (2)

ชูซย่าส่ายหัว “ฝั่งนายท่านไม่มีเรื่องอันใด เงียบสงบดีเจ้าค่ะ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะนายท่านเคยไปหาเรื่องที่ร้านหรือไม่ คุณชายกลัวทำให้แม่นางหงเยียนอับอายอีก ได้ยินพวกบ่าวรับใช้พูดว่านิ่งสงบเหมือนกันเจ้าค่ะ โดยเฉพาะสองวันนี้ ไม่แม้แต่จะก้าวออกจากห้อง”

อวิ๋นหว่านชิ่นรับทราบเรื่องราว แต่ก็ยังรู้สึกไม่สุขอยู่เล็กน้อย

ตกดึก นางพาเจินจูกับชิงเสวี่ยสองคนไปหาอวิ๋นจวิ่นจ้ง

เมื่อสองวันก่อนน้องชายถอดเฝือกออกแล้ว และไปเรียนหนังสือที่กั๋วจื่อเจียนพร้อมกับม่อเซียงโดยมีทหารองครักษ์จากจวนอ๋องรับส่งทุกวัน

เกาจ๋างสื่อได้จ้างนักปราชญ์ขงจื๊อท่านหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาเป็นอาจารย์ให้คุณชายอวิ๋นตามความประสงค์ของเจ้านาย โดยให้อาศัยอยู่ห้องด้านข้างของเรือนของอวิ๋นจวิ่นจ้ง ซึ่งจ้างมาเพื่อสอนชดเชยบทเรียนที่ขาดเรียนไป

พอเป็นเช่นนี้ แม้จะขาดเรียนไปหลายวัน แต่การเรียนของอวิ๋นจิ่นจ้งไม่เพียงแต่ไม่ถดถอยแต่ยังพัฒนาขึ้นมาก

อวิ๋นหว่านชิ่นเปิดสมุดการบ้านของน้องชายไปมาถึงค่อยสบายใจขึ้น อวิ๋นจวิ่นจ้งเห็นสีหน้าของพี่สาวเริ่มผ่อนคลายจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ท่านพี่ ช่วงกลางวันของเมื่อวาน มีรถม้าจากในจวนมาจอดหน้าประตูกั๋วจื่อเจียนแล้วเรียกข้าออกไปถามว่าช่วงนี้ข้าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วยังบอกอีกว่าจะรับข้ากลับไป”

อวิ๋นหว่านชิ่นได้ยินเรื่องนี้จากองครักษ์ข้างกายของน้องชายตั้งแต่เมื่อวาน นางจึงถามกลับ “ทำไม เจ้าอยากกลับไปหรือไม่”

“ข้าไม่อยาก” อวิ๋นจวิ่นจ้งตอบกลับทันที “คนที่ถามไถ่ถึงข้าและบอกว่าจะรับข้ากลับไป คือท่านแม่”

เรื่องที่ไป๋เสวี่ยฮุ่ยถูกรับกลับไปเรือนเอก อวิ๋นหว่านชิ่นรู้ตั้งแต่แรก แม้เคยคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในสักวัน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นเร็วถึงเพียงนี้ หรือว่าพอเหลียนเหนียงจากไป เรือนหลังว่างเปล่า ท่านพ่อก็รู้สึกเหงาจนแทบทนไม่ได้ ไป๋ซื่อเห็นทีจึงรีบฉวยโอกาสเอาไว้

ไป๋ซื่อได้กุมอำนาจอีกครั้ง สิ่งแรกที่จะทำก็คือการรับน้องชายกลับจวน เพื่อแสดงความรักและความเมตตาของนาง

หากจิ่นจ้งกลับจวนตอนนี้ ไป๋ซื่อที่เพิ่งได้ครองตำแหน่งเอกต้องไม่กล้าหวังผลจากลูกเลี้ยงอย่างแน่นอน แต่ยังจะรักและเอ็นดูมากถึงที่สุด

จิ่นจ้งตั้งแต่รู้ว่าแม่เลี้ยงผู้นี้เคยทำร้ายตัวเอง ภาพลักษณ์ที่เสียไปก็ไม่มีสิ่งใดมาชดเชยได้อีก ตอนนี้ก็ต้องไม่อยากกลับไปอย่างแน่นอน

สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ อวิ๋นหว่านชิ่นจึงไม่บังคับ และยอมทำตามความต้องการของเขา “ถ้าเจ้าไม่อยากกลับไปก็ไม่ต้องกลับไป”

อวิ๋นจวิ่นจ้งได้ยินก็ดีใจยกใหญ่ อาศัยในจวนอ๋องก็หลายวันแล้ว ตอนนี้คนในเรือนเร่งให้กลับ เดิมทีคิดว่าอยู่ต่อไม่ได้แล้วแน่ๆ แต่แล้วสุดท้ายก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่

สองพี่น้องพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นจวิ่นจ้งก็เอ่ย “พี่เขยคงใกล้จะกลับแล้ว ท่านพี่รีบกลับไปเถิด”

หลายวันมานี้ท่านอ๋องสามใช้เวลาในพระราชวังนานขึ้นทุกวัน มีหลายวันถึงกับต้องค้างคืนอยู่ข้างใน บางทีตอนเขากลับมาถึงนางก็เข้านอนไปแล้ว พอนางตื่นขึ้นมาเขาก็ออกจากจวนไปแล้ว บางครั้งที่ได้กลับมาเร็ว ก็กลับมากับเยียนอ๋องหรืออีกหลายคน จากนั้นก็ประชุมกันถึงกลางดึก

เขาเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องหลับใหล

เมื่อภพก่อนเคยได้ยินเรื่องน่าขำของพระราชวัง ยามจักรพรรดิเจาจงประชุมราชกิจ ปกติหนึ่งคืนในพระราชวังจะใช้เทียนสามไม้บรรทัด ใช้กระดาษสามเมตร หรือว่า…นิสัยที่ทำงานอย่างบ้าคลั่งเมื่อภพก่อน ตอนนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างนั้นหรือ

ชั่วโมงนี้ยังไม่กลับ เกรงว่าคงเลยไปถึงกลางดึกอีก หรือไม่ก็ไม่กลับมาแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องตื่นเต้นไป วันนี้คงไม่กลับมาแล้วกระมัง” แม้พูดเช่นนี้ออกไป แต่อยู่นานเกินไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี นางพูดคุยต่อได้ไม่นานก็เดินทางกลับ

เรือนเอก ชูซย่ายืนอยู่ใต้ระเบียงทางเดิน ชะเง้อหน้ากระดกเท้า ราวกับรอคนมาครึ่งค่อนวัน เมื่อเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นกลับมาแล้วจึงวิ่งเข้าไปหาและดึงตัวไปด้านข้าง

อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นท่าทีร้อนรนจึงเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอันใดขึ้นรึ”

“ตระกูลสวี่ ตระกูลสวี่เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ” ชูซย่ายังคงเหนื่อยฮึดฮัดพูดไม่ได้ความ

ความกังวลก่อนหน้านี้ของอวิ๋นหว่านชิ่นได้กลายเป็นความจริงแล้วสินะ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันใดพลางถามต่อ “เกิดอะไรขึ้น”

ชูซย่าลุกลี้ลุกลนเอ่ย “คุณชายเจ้าค่ะ ถูกจับเข้าคุกแล้วเจ้าค่ะ ได้ยินว่าฆ่าคน ถูกจับได้คาหนังคาเขา ถูกนำส่งให้กับทหารลาดตระเวนแล้วเจ้าค่ะ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุและศพผู้ตายโดยสำนักข้าหลวงยุติธรรมมณฑล ยืนยันว่าคุณชายน้อยเป็นผู้กระทำ ใต้เท้าอิ่นจึงทำการจับตัวคุณชายเข้าคุกทันที เพิ่งแจ้งข่าวให้ตระกูลสวี่เมื่อครู่นี้เองเจ้าค่ะ บ่าวรับใช้ตระกูลสวี่ก็เพิ่งวิ่งมาบอกบ่าว ตอนนี้ยังยืนรออยู่ที่ประตูด้านข้างเจ้าค่ะ”

อวิ๋นหว่านชิ่นสั่งทันที “ไปพาตัวมาหาข้า”

ชูซย่าทำตามคำสั่ง ผ่านไปครู่หนึ่งก็พาบ่าวรับใช้ที่วิ่งมาส่งข่าวเข้ามายังห้องโถงภายในเรือนเอก

บ่าวรับใช้ตระกูลสวี่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เมื่อเห็นคุณหนูก็คลานลงไปกับพื้นและร้องไห้โฮ “เหนียงเหนียง ได้โปรดช่วยคุณชายด้วยขอรับ”

อวิ๋นหว่านชิ่นรู้จักบ่าวรับใช้ผู้นี้ เขาคือบ่าวรับใช้ข้างกายของพี่ชาย นางขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เจ้าเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้ข้าฟังหน่อย”

“คนที่คุณชายน้อยลงมือฆ่าคือแม่เล้าที่อยู่บนเรือสำราญว่านชุน” บ่าวรับใช้ร้องไห้พลางเล่าต่อ “ยามบ่ายของวันนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้นายท่านจะไปสู่ขอกับตระกูลหลัว บ่าวคิดว่าคุณชายไม่สบายใจ อยากออกไปรับลมทำใจให้สบาย จึงไม่ได้คิดอะไรมากและตามคุณชายไปยังเรือสำราญว่านชุนที่หนานเฉิง บ่าวคิดว่าคุณชายอยากหาความสุขจากเหล่าหญิงสาว จึงเดินตามขึ้นไป หลังจากคุณชายเดินไปก็ได้จองห้องส่วนตัวไว้หนึ่งห้อง แม่เล้าเห็นคุณชายเป็นคนหรูหราฟุ่มเฟือย ดูก็รู้ว่าเป็นลูกตระกูลผู้ลากมากดี จึงได้เรียกผู้หญิงเข้ามาหลายคน คุณชายเลือกอยู่ครึ่งค่อนวัน ก็หาได้มีที่ถูกใจไม่ จึงบอกไปว่ายังสู้แม่เล้ามิได้เลย แม่เล้าอยากได้เงินจนแทบบ้า เห็นคุณชายหน้ารูปร่างหน้าตาดี จึงเกิดความคิดขึ้นมา สั่งให้ผู้หญิงเหล่านั้นออกไปและตัวเองอยู่ดูแลคุณชายต่อ คุณชายสั่งให้บ่าวออกมา เวลาผ่านไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงร้องเสียงแหลมดังขึ้น พอบ่าวและคนอื่นเดินเข้าไป ก็เห็น——” พูดไปเสียงก็เริ่มสั่นคลอน

“เห็นสิ่งใด” อวิ๋นหว่านชิ่นซักถาม

“เห็นท้องของแม่เล้าถูกแทงจนเป็นรู เลือดไหลเต็มไปหมด นอนอยู่กับพื้นสิ้นลมหายใจ ส่วนคุณชายนั่งอยู่ข้างๆ โต๊ะ กำลังใช้ผ้าเช็ดคราบเลือดบนมีดปลอกผลไม้…พวกอวี๋กง[1]กับพวกมืออันธพาลโกรธแทบตาย จะจับคุณชายส่งทางการ คุณชายยืนขึ้นพูดว่าเขาไม่วิ่งเสียหน่อยจะรีบร้อนทำไมกัน พูดเสร็จก็เดินตามคนพวกนั้นออกจากเรือสำราญ บ่าวเห็นท่าไม่ดี เลยกลับไปรายงานให้กับที่จวนทราบ เวลาผ่านไปไม่นาน ทางการก็ได้ส่งคนมาแจ้งข่าวที่จวน บ่าวกับพ่อบ้านและบ่าวรับใช้อีกหลายคนเลยเดินทางไปที่ทำการแต่กลับไม่พบหน้าคุณชายน้อย ได้ยินว่าพอคุณชายเข้าไป คดีนี้ก็ถูกตัดสินแล้วว่าหลักฐานครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดต้องว่าความอีก ในเมื่อเป็นรูปคดีไปแล้ว เลยนำตัวผู้กระทำความผิดส่งเข้าคุกกรมยุติธรรม…นายท่านถึงกับล้มทั้งยืน เพิ่งถูกพ่อบ้านพากลับเรือนเมื่อครู่นี้เองขอรับ บ่าวทันเห็นสถานการณ์ไม่มากนักเลยรีบมารายงานที่จวนอ๋องก่อน…”

“เป็นรูปคดีไปแล้วงั้นรึ” ชูซย่าตระหนกตกใจ “แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตัดสินไปหรือยัง”

“ได้ยินว่าจะตัดสินอย่างเป็นทางการในวันรุ่งเช้า ก่อนนายท่านกลับจวน นายท่านได้สืบข่าวจากคนในกรมยุติธรรมโดยให้เงินไป นี่เป็นคดีฆาตกรรมคน เป็นคดีความผิดฐานหนัก ทั้งยังถูกจับได้คาหนังคาเขา วิธีฆ่าก็โหดเหี้ยม มิหนำซ้ำยังเป็นช่วงที่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์อีก หลังจากตัดสินอย่างเป็นทางการเสร็จ เกรงว่าคงประหารชีวิตทันที” บ่าวรับใช้เล่าไปร้องไห้ไป “เวลาไม่เคยรอใคร ได้โปรดเหนียงเหนียงช่วยคุณชายของบ่าวด้วยเถอะขอรับ——”

อวิ๋นหว่านชิ่นยืนขึ้น “ชูซย่า เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า ไปคุกกรมยุติธรรมกัน”

ชูซย่าขานตอบ “เจ้าค่ะ”

ชิงเสวี่ยลุกลี้ลุกลน กัดฟันมิยอมพูด สุดท้ายก็ปริปาก “เหนียงเหนียง รอท่านอ๋องสามกลับมาก่อน ให้ท่านอ๋องไปช่วยท่านไกล่เกลี่ยดีหรือไม่ ท่านเพิ่งออกมาจากพระราชวัง ถ้าเกิด…เกิดเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมนี้ขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ”

……………………………………………………………………………..

[1] อวี๋กง หมายถึง ผู้ชายที่ทำงานทั่วไปในซ่อง

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง
Status: Ongoing
อ่านนิยายยอดหญิงอันดับหนึ่งชาติที่แล้ว เพียงเพราะต้องการอยู่อย่างสุขสงบ อวิ๋นหว่านชิ่น จึงก้มหน้าอดทน ยอมให้คนอื่นชักจูงได้ตามใจ กว่าจะรู้ตัวว่านางเป็นหมากในแผนการที่ถูกวางเอาไว้เนิ่นนานแล้วก็สายเกินไป แม้จะดับเครื่องชนสะสางหนี้แค้นจนสำเร็จ แต่ว่าชีวิตก็ต้องจบลงอย่างน่าเวทนานัก เพียงแต่สวรรค์มีตา ส่งนางย้อนกาลเวลากลับมายังวัยสิบสี่อีกครา ช่วงเวลาก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มพลิกผันไปสู่จุดที่ย่ำแย่ในอดีต ความคับแค้นใจในชาติก่อนจะต้องได้รับการชำระในชาตินี้! คำว่าอดทนในยามนั้นทิ้งมันไปเสีย นางจะใช้ทุกทักษะที่เชี่ยวชาญก้าวขึ้นเป็นยอดหญิงอันดับหนึ่งแห่งต้าเซวียน และใช้ทุกเล่ห์เหลี่ยมที่มีจัดการพวกเขาด้วยมือของนาง! ผู้ใดอยากหาเรื่องนักก็เข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างในชาตินี้นางจะเป็นผู้บงการเอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset