ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 226 เผาไก่ตัวนั้น

องครักษ์ลับนำขนไก่เส้นนั้นมาถวายตรงหน้าฝ่าบาท 
 
 
สองพระกรของจีฉวนยังทรงโอบอุ้มตู๋กูซิงหลันเอาไว้อย่างแนบแน่น มิได้ผ่อนมือลงแม้แต่น้อย พอทอดพระเนตรเห็นขนไก่แล้วก็หันไปทางเหยียนเฉียวหลัว “เจ้ามาเปรียบเทียบดู” 
 
 
เหยียนเฉียวหลัวได้รับอนุญาตจากเขา จิตใจที่สับสนวุ่นวายอยู่เมื่อครู่พลันหยุดลง 
 
 
นางคล้ายดั่งต้องมนต์นำขนไก่ในมือของตนมายังเบื้องพระพักตร์ของจีเฉวียน 
 
 
ภายใต้สายตาของทุกผู้คน องครักษ์ก็นำขนจากก้นเจ้าติ๊งต๊องส่งถึงตรงหน้าของนาง 
 
 
เหยียนเฉียวหลัวรับมาถือเอาไว้ในมือ ทำท่าตรวจสอบอย่างละเอียดละออ หลังจากนั้นก็นำขนไก่ในมือหันไปแสดงต่อฝูงชน “ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหม ขนไก่ทั้งสองเส้นนี้ มีลักษณะและสีสันเป็นแบบเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน” 
 
 
“เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเห็นได้ว่า แผนที่ขุมทรัพย์ที่หายไปของเรา จะต้องเกี่ยวพันกับไทเฮาอย่างแน่นอน เจ้าศพคืนชีพตัวประหลาดนั่นก็อาจจะถูกไทเฮาเลี้ยงเอาไว้ เพื่อจะทำร้ายเราผู้เป็นองค์หญิงก็เป็นได้” 
 
 
“ฝ่าบาททรงเป็นประมุขผู้กล้าหาญ ไม่มีทางถูกหลอกลวงด้วยฝีมือเช่นนี้ ถึงได้ทรงให้โอกาสเราได้พิสูจน์ด้วยตนเอง” 
 
 
พอเหยียนเฉียวหลัวเปรียบเทียบขนไก่ทั้งสองเสร็จ ในใจของนางก็ปลอดโปล่งขึ้นมา 
 
 
น้ำเสียงของนางเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจมากกว่าเดิม พอนางตรัสจบแล้วก็หันกลับไปถวายคำนับจีเฉวียนอีกครั้งหนึ่ง 
 
 
“ตอนนี้แผนที่ขุมทรัพย์ถูกทำลาย ชื่อเสียงของเฉียวหลัวก็ได้รับความกระทบกระเทือน แต่ที่เสียหายที่สุดยังคงเป็นฝ่าบาท เดิมทีแผนที่ขุมทรัพย์นี้ก็นำมาเพื่อถวายพระองค์ แคว้นต้าเหยียนของข้าและแคว้นต้าโจวก็กำลังจะผูกพันเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่กลับต้องมาถูกไทเฮาที่มีพระทัยริษยาทำลายไป” 
 
 
“เฉียงหลัวก็เคยได้ยินมาว่า ตระกูลตู๋กูมิได้มีความจงรักภักดีต่อฝ่าบาทสักเท่าไร…..” 
 
 
“ฟู่!” เหยียนเฉียวหลัวตรัสยังไม่ทันจบก็เห็นติ๊งต๊องอ้าปากขึ้น หันมาหานางแล้วพ่นไฟออกมา 
 
 
เหยียนเฉียวหลัวหลบไม่ทัน เส้นผมยาวสลวยจึงถูกไฟลนไปทั่วศีรษะ 
 
 
พร้อมกับเสียงนั้น เปลวไฟสีทองจับตาก็พวยพุ่งอยู่เหนือศีรษะของ นางเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมาเสียงดัง 
 
 
ซิวรีบถอดเสื้อชั้นนอกของเขาออกมาในทันที แล้วพุ่งเข้าไปดับไฟบนร่างนางอย่างรวดเร็ว 
 
 
เพียงครู่เดียว เส้นผมของเหยียนเฉียวหลัวก็มอดไหม้จนหงิกงอ ดวงพักตร์ของนางมีแต่เขม่าดำ ราวกับคนที่ถูกฟ้าผ่าเข้าใส่อย่างไรอย่างนั้น 
 
 
ผู้คนทั้งหลายก็ยังไม่ทันได้สติกลับมาเช่นกัน 
 
 
ประเด็นสำคัญคือ……เจ้าไก่ตัวนั้นทำไมอยู่ๆ ถึงสามารถพ่นไฟได้กัน? 
 
 
ติ๊งต๊องจิกตามองไม่เลิกรา ทั้งยังใช้อุ้งเท้าตะกุยพื้นอย่างไม่พอใจ 
 
 
มันอ้าปากขึ้นมา คิดจะพ่นไฟรอบที่สอง 
 
 
เหยียนเฉียวหลัวเห็นมันอ้าปาก ในใจก็เกิดภาพจนผวา 
 
 
ภายใต้การคุ้มครองของซิว นางก็ถอยกรูดไปอีกหลายก้าว พอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ใจก็ยังคงหวาดหวั่นอยู่ หากว่าซิวชักช้าไปเพียงครู่เดียว ตอนนี้นางก็คงจะต้องเสียโฉมไปแล้ว 
 
 
ไม่รอให้นางทันได้อาละวาดออกมา ซูเม่ยที่เย้ายวนก็จุ๊ปาก เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นตกใจ “อ้ายย่าห์ ทำไมขนไก่ในมือของเจ้า เส้นหนึ่งไหม้เกรียม อีกเส้นหนึ่งไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?” 
 
 
“จริงด้วยสิ ข้าเองก็พึ่งสังเกตเห็น ไฟนั่นเผาขนไก่ทั้งสองเส้นพร้อมๆ กัน ทำไมเส้นหนึ่งไหม้ดำ อีกเส้นถึงไม่เป็นอะไรเลยละ?” หยวนเฟยเองก็ช่วยกระพือลมโหมไฟ 
 
 
“ใช่หรือไม่? ข้าเกือบจะนึกว่าตนเองตาลายไปเสียแล้ว ที่แท้น้องสาวหยวนเฟยก็เห็นเหมือนกัน” ซูเม่ยมองดูหยวนเฟยคล้ายดั่งได้เจอผู้รู้จักเสียงดนตรี ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า ‘ข้าคิดว่าคืนนี้สายตาของเจ้ายอดเยี่ยมมาเลย’ 
 
 
“เห็นชัดเลยนะ เอ๊ะ แปลกจริง ขนที่มาจากไก่ตัวเดียวกัน พอถูกไฟเผาไหงจึงเกิดผลที่ไม่เหมือนกันล่ะ?” หยวนเฟยทำสีหน้าประหลาดใจ 
 
 
“น้องสาวหยวนเฟย เจ้านี่โง่จริงๆ นี่มันชัดเจนเลยว่าขนไก่ทั้งสองเส้นไม่ได้มาจากไก่ตัวเดียวกัน” ซูเม่ยลูบท้อง “เขาพูดกันว่าคนพอตั้งท้องจะเขลาไปสามปี ข้าว่าเจ้ายังดูโง่ไปกว่าข้าอีกนะเนี่ย?” 
 
 
หยวนเฟยลูบศีรษะตนเองอย่างเขินอาย นางยิ้มน้อยๆ “พี่สาวหวงกุ้ยเฟยเห็นเป็นที่ขบขันแล้ว ข้านี่โง่จริงๆ ไม่ใช่เพราะว่าถูกองค์หญิงต้าเหยียนร้องงิ้วนำไปหรือไง เกือบจะเสียคนซะแล้ว” 
 
 
ทั้งสองคน คนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ เล่นกันเป็นคณะลูกคู่เลยทีเดียว 
 
 
ผู้คนทั้งหลายต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ พวกเขาต่างรู้ดี ที่ผ่านมาหยวนเฟยและหวงกุ้ยเฟยไม่เคยลงรอยกัน คิดไม่ถึงว่าคืนนี้ทั้งสองจะสามัคคีเข้าขากันราวกับแฝดตัวติดกัน ปุ๊บปั๊บก็ติดกันขึ้นมาราวกับว่ามีกาวเชื่อมเลยทีเดียวเชียวรึ? 
 
 
อ้อ…….นี่จะต้องเป็นเพราะว่าองค์หญิงแคว้นเหยียนคือศัตรูเข้มแข็ง พอมีศัตรูเช่นนี้เข้าวังมา ย่อมต้องเข้ามาปันความโปรดปรานของฝ่าบาทไป ทุกวันนี้ซูหวงกุ้ยเฟยและหยวนเฟยคือพระสนมที่ได้รับความโปรดปรานสูงสุดในวังหลวง พวกนางย่อมไม่ต้องการให้อยู่ๆ ก็มีองค์หญิงแคว้นหนึ่งเข้าวังมาอย่างแน่นอน 
 
 
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เหยียนเฉียวหลัวถึงค่อยได้สติขึ้นมา นางมองดูขนไก่ทั้งสองเส้นในมือ เส้นหนึ่งไหม้เกรียม อีกเส้นหนึ่งสวยงามสมบูรณ์ 
 
 
เส้นที่ไหม้เกรียมนั้นคือเส้นที่ตระเตรียมไว้ก่อนจะเกิดเรื่อง เส้นที่สวยงามสมบูรณ์คือเส้นที่ถูกถอนออกมาจากก้นของเจ้าไก่ดำตัวนั้น 
 
 
นางอ้าปากค้าง คิดจะแก้ตัว 
 
 
พลันได้ยินเสียงฮ่องเต้มีพระบัญชา “เผาเจ้าไก่นั่น” 
 
 
เหล่าองครักษ์รับพระบัญชา ก็รีบจุดไฟขึ้นมา โหมเพลิงไปทางเจ้าติ๊งต๊อง ติ๊งต๊องก็ขี้เกียจจะขยับหนี มันนั่งลงราวกับแม่ไก่ฟักไข่ปล่อยให้พวกเขาเผาจนพอใจ 
 
 
เผากันอยู่เป็นนาน แต่ขนของมันกลับไม่ติดไฟสักเส้นเดียว 
 
 
ผู้คนทั้งหลายต่างก็พากันประหลาดใจ นี่มันไก่เทพอะไรกระทั่งไฟก็ยังไม่กลัว! 
 
 
ตอนนี้ผลลัพธ์ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า องค์หญิงแคว้นเหยียนโกหกหลอกลวง ไทเฮาน้อยมิได้แตะต้องแผนที่ขุมทรัพย์ของนางเสียด้วยซ้ำ ขนไก่สีดำนั่นเป็นพวกนางจงใจใส่ร้ายไทเฮา 
 
 
ช่างน่าสงสารไทเฮา คนนั่งอยู่ในบ้านแท้ๆ แต่กระทะยังหล่นลงมาจากฟ้า [1] ได้ 
 
 
ถึงแม้ว่านางจะมิได้เป็นที่ชื่นชอบ แต่เพราะนางเลี้ยงไก่ดำเอาไว้ตัวหนึ่งก็นำพาเอาโชคร้ายเช่นนี้มาถึง นับว่าน่าสงสารน่าเห็นใจจริงๆ 
 
 
ช่วงนี้นางถูกหวงกุ้ยเฟยกดเอาไว้จนเงยหน้าไม่ขึ้นแล้ว ตอนนี้ยังโดนใส่ความอีก โถ โถ โถ ….. 
 
 
เหลียนเฉียวหลัวตกตะลึงพรึงเพริดจนชาไปทั้งร่าง นางมีแต่เขม่าควันเกาะทั่วใบหน้า ชั่วขณะถึงกับกล่าวอะไรไม่ถูก 
 
 
นางหันกลับไปมองฮ่องเต้ด้วยความระมัดระวัง ก็เห็นว่าพระพักตร์ที่งดงามของเขาฉาบหิมะเอาไว้ชั้นหนึ่ง 
 
 
นางยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากอธิบายอะไร ก็ได้ยินเสียงศพคืนชีพผู้นั้นเอ่ยขึ้นมา “องค์หญิงแคว้นเหยียน เจ้าอย่าได้ข้ามน้ำรื้อสะพาน [2] ! เจ้าให้ข้าขโมยแผนที่ขุมทรัพย์ เสาะหาขนไก่ ผลักเรื่องชั่วร้ายใส่ความไทเฮา พอใช้งานข้าเสร็จก็คิดจะถีบทิ้งไป ไหนเลยจะมีเรื่องดีเช่นนี้?” 
 
 
เหยียนเฉียวหลัวแทบจะโมโหตายเพราะมันอยู่แล้ว! 
 
 
ไยมันจึงกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมา? 
 
 
ทั้งๆ ที่มันเป็นฝ่ายมาขอควาร่วมมือจากนางก่อนชัดๆ! นางก็แค่ผลักเรือตามน้ำไปเท่านั้นเอง แต่ตัวประหลาดผู้นี้กลับกัดนางไม่ยอมปล่อย! 
 
 
เหยียนเฉียวหลัวมองดูสีพระพักตร์ที่เย็นชาของฮ่องเต้ ทันใดนั้นก็คล้ายดั่งจะเข้าใจอะไรขึ้นมา 
 
 
นางหลงกลแล้ว! 
 
 
ตั้งแต่แรกแล้วศพคืนชีพผู้นั้นคือหลุมพราง! รอให้นางมาติดกับ! 
 
 
มันทำทีเป็นฝ่ายมาขอความร่วมมือจากนาง จากนั้นก็แว้งกัดนางคำหนึ่ง ให้นางต้องตกที่นั่งลำบาก ทั้งนางและแคว้นต้าเหยียนล้วนเป็นฝ่ายสูญเสีย 
 
 
แต่คนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้คือใครกัน? 
 
 
จีเฉวียน หรือว่าตู๋กูซิงหลัน? 
 
 
ไม่ จีเฉวียนไม่มีทางร้ายกาจกับนางถึงเพียงนั้น! 
 
 
จะต้องเป็นตู๋กูซิงหลัน…..เรื่องทั้งหมดในคืนนี้เป็นฝีมือของนางที่กำกับเองเล่นเองเป็นแน่ เพื่อให้จีเฉวียนชิงชังรังเกียจนาง! 
 
 
สตรีผู้นี้ ช่างวางแผนได้ร้ายลึกยิ่งนัก! 
 
 
 
 
 
—— 
 
 
[1] คนนั่งอยู่ในบ้านแท้ๆ แต่กระทะยังหล่นลงมาจากฟ้า (人在家中坐,锅从天上来) : อยู่ดีๆ ก็มีเคราะห์มาเยือน 
 
 
[2] ข้ามน้ำรื้อสะพาน (过河拆桥) [guò hé chāi qiáo] : พอหมดประโยชน์ก็กำจัดทิ้งไป 

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset