ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 247 จีเฉวียนซับซ้อนมากเกินไปแล้ว

“เมื่อครู่ตอนที่พึ่งจะเข้าสู่แดนทะเลทราย พวกเราก็เผชิญกับอันตรายมาไม่น้อย” เหยียนเฉียวหลัวกล่าวอีกว่า “คราวที่ฝ่าบาทยังทรงเยาว์วัยพำนักอยู่ในแคว้นต้าเหยียน พวกเราก็เคยร่วมมือกันฝ่าฟันลมพายุ ก่อนหน้านี้ยามอยู่ในต้าโจว เพราะความเข้าใจผิดเล็กน้อยทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่ว่าทั้งหมดนั้นก็ผ่านพ้นไปแล้ว”
 
 
“เฉียวหลัวไม่เคยเกลียดชังฝ่าบาท การได้พบกับท่านก็ถือเป็นวาสนา แสดงให้เห็นว่าแม้แต่สวรรค์ก็อยากให้พวกเราเดินทางร่วมกัน”
 
 
เห็นเหยียนเฉียวหลัวพยายามโน้มน้าวจีเฉวียน เหยียนหยุนก็มิได้นิ่งเฉย
 
 
ที่จริงแล้วเมื่อครู่นี้ไม่อาจโทษว่าลูกน้องของพวกเขา ตอนที่พึ่งเข้าสู่ทะเลทราย กลุ่มของพวกเขาก็เกือบจะตกลงไปในหลุมทรายดูด พวกเขาสูญเสียพละกำลังไปมากมาย ถึงสามารถปีนออกมาได้
 
 
เรียกว่าอ่อนล้าจนถึงที่สุดแล้ว ถึงได้เสียทีองครักษ์ลับของจีเฉวียนโดยง่าย
 
 
พูดกันถึงที่สุดแล้ว หากว่าต้องมาเป็นศัตรูกับจีเฉวียนในสถานที่เช่นนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ กับพวกเขาทั้งสิ้น ไม่แน่ว่ายังไม่ทันได้บุกเข้าไปให้ลึกพอ ก็อาจจะต้องดับสูญไปก่อนแล้ว
 
 
หากวางบุญคุณความแค้นระหว่างบุคคลเอาไว้ก่อน แล้วพิจารณาดูแต่เป้าหมายตรงหน้า วิธีที่ชาญฉลาดที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือร่วมทางไปกับจีเฉวียน
 
 
ดังนั้นเหยียนหยุนจึงรีบกล่าวต่อว่า “ฝ่าบาทก็ทรงให้ผู้ติดตามยิงพวกเราไปหลายดอกแล้ว ก่อนหน้านี้แม้จะมีสิ่งใดทำให้เคืองพระทัย ก็คงจะคลี่คลายไปหมดแล้วใช่หรือไม่พะยะค่ะ?”
 
 
“ตอนนี้พวกเราสองพี่น้องขอเชื้อเชิญด้วยความจริงใจ ขอฮ่องเต้แห่งต้าโจวร่วมทางและเสด็จนำ”
 
 
เพราะเกรงว่าจีเฉวียนจะไม่รับปาก เหยียนหยุนจึงเสริมขึ้นอีกประโยคว่า “ฝ่าบาทอาจมิทรงทราบ สถานที่แห่งนี้มีอันตรายมากมายนับพันรออยู่ มีสหายเพิ่มมาคนหนึ่งย่อมดีกว่าเพิ่มศัตรูมากมายนัก”
 
 
ที่สุดแล้วจีเฉวียนจะยอมให้ความร่วมมือหรือไม่ เหยียนหยุนไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด
 
 
เนื่องเพราะตอนที่อยู่ในแคว้นเหยียน เขากับจีเฉวียนไม่เพียงไม่ถูกกัน แต่ยังเป็นฝ่ายตรงข้ามกันมาโดยตลอด
 
 
ขณะที่เขากำลังกังวลอยู่นั้น ก็เห็นจีเฉวียนผงกพระเศียรให้อย่างมิได้คาดคิด
 
 
“ก็ได้”
 
 
เห็นเขาพยักหน้าตกลง หยวนเฟยก็ถึงกับนั่งไม่ติดแล้ว “ฝ่าบาท พระเศียรของพระองค์ถูกกระแทกหรืออย่างไร?”
 
 
สองพี่น้องคู่นี้แค่ดูก็รู้แล้วว่ามิได้มีเจตนาดี ฝ่าบาททรงรับพวกเขามาอยู่ข้างพระองค์ มิเท่ากันว่ามีงูสองตัวที่พร้อมจ้องจะกัดอยู่ตลอดเวลาหรอกหรือ?
 
 
แถมยังเป็นงูพิษอีกด้วย
 
 
จีเฉวียนเพียงกวาดพระเนตรไปทางนางอย่างเย็นชา หยวนเฟยก็หุบปากลงในทันที
 
 
เอาเถอะ แค่ฝ่าบาททรงสบายพระทัยก็พอ นางจะยุ่งให้มากเรื่องไปทำไม?
 
 
ตู๋กูเจวี๋ยเองก็ประหลาดใจ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว จากคดีที่สองคนนี้ก่อนเอาไว้ในวังหลวงของต้าโจว หากว่าจะริบชีวิตของพวกเราไปครึ่งหนึ่งก็ยังไม่ถือว่าเกินไป
 
 
มีแต่ตู๋กูซิงหลันที่สงบนิ่ง ต่อให้ใช้หัวแม่เท้านางก็คิดออก เจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้ กำลังขุดหลุมพรางอีกแล้ว
 
 
ลมพัดแรงขึ้นกว่าเดิม หอบเอาทรายสีเหลืองคลุ้งขึ้นไปบนท้องฟ้า
 
 
ฝ่าบาททรงปล่อยม่านบนรถม้าลง ให้ตู๋กูเจวี๋ยกับหยวนเฟยกลับเข้าไปในรถม้าของตนเอง และออกเดินทางกันต่อ
 
 
พวกเขานำอยู่ด้านหน้า กลุ่มของเหยียนหยุนกับเหยียนเฉียวหลัวติดตามมาด้านหลัง
 
 
แม้ว่าทั้งสองจะเคยห้ำหั่นกันมา แต่ตอนนี้กลับดีต่อกัน หากดูผิวเผินคล้ายกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกันมิปาน
 
 
รถม้าของพวกเขาติดตามมาด้านหลังอย่างกระชั้นชิด ทั้งสองอยู่ในรถคันเดียวกัน เหยียนเฉียวหลัวค่อยๆ จัดการกับบาดแผล “เสด็จพี่รัชทายาท ขอบพระทัยที่ท่านช่วยพูดให้กับเฉียวหลัว ก่อนหน้านี้เฉียวหลัวช่างโง่เขลา ถึงได้ก่อเรื่องทำผิดต่อท่าน จากวันนี้เป็นต้นไปพวกเราจะเป็นดั่งพี่น้องท้องเดียวกัน ทุกสิ่งที่เฉียวหลัวมี ยินดีแบ่งปันร่วมกับเสด็จพี่รัชทายาท”
 
 
น้ำเสียงของนางบ่งบอกความจริงใจ ขณะที่พูดออกไปก็มีประกายน้ำตาออกมา ท่าทางประหนึ่งว่าสำนึกเสียใจอยากจะแก้ไขจริงๆ
 
 
หากมิใช่ว่าตอนที่อยู่ในวังหลวงของต้าโจวนั้นเขาเคยถูกเล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราวของนางหลอกลวงมาก่อน เหยียนหยุนก็คงจะเชื่อไปแล้ว
 
 
เขาไม่สนใจเหยียนเฉียวหลัว หากแต่พิงตนเองเข้ากับหน้าต่าง มองออกไปยังรถคันที่อยู่ด้านหน้าสุด พลางหรี่เนตรลงน้อยๆ
 
 
เมื่อครู่เขาเห็นว่าตอนที่จีเฉวียนอยู่ในรถ กำลังกอดแม่นางน้อยที่อวบอั๋นผู้หนึ่ง ถึงแม้ว่าไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน แต่ก็เผอิญได้เห็นข้อมือของนาง
 
 
รอยแผลเป็นที่คล้ายดั่งตะขาบตัวหนึ่งพาดอยู่บนข้อมือยาวกว่าครึ่ง แทบจะตัดของมือของนางขาดไป
 
 
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในแคว้นต้าโจว เขาตื่นตะลึงกับความสวยงามน่ารักของนาง ตัวนางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าขอเพียงเป็นส่วนที่เปิดเผยออกมา เขาล้วนจดจำได้อย่างละเอียดลออ
 
 
ในสมองของเขาตอนนี้มีแต่คำว่า ‘จีเฉวียนพานางมาด้วย’
 
 
ครั้งนี้นอกจากจะต้องตามหากรุสมบัติของแคว้นเซอปี่ซือแล้ว เขายังจะต้องคิดหาหนทางพูดคุยกับนาง
 
 
เพียงแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่านางคือคนโปรดคนใหม่ของจีเฉวียน เขาก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจไปทั้งตัว
 
 
ครั้งนี้ เขาจะต้องคิดหาวิธีให้ท่านเซียนติดตามเขาไป
 
 
จีเฉวียนผู้นั้น……ซับซ้อนเกินไป ไม่เหมาะกับท่านเซียน
 
 
อย่าได้เห็นว่าภายนอกจีเฉวียนดูแลนางเป็นอย่างดี ไม่แน่ว่าในใจอาจจะวางแผนชั่วช้าอะไรอยู่ก็เป็นได้
 
 
เขารู้จักจีเฉวียนดีมาตั้งแต่เด็ก คนผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นคนเช่นไร เขาย่อมกระจ่างแก่ใจดี
 
 
จีเฉวียนผู้นี้ มิว่ากระทำสิ่งใดล้วนมีเป้าหมายที่ชัดเจน
 
 
เขามั่นใจว่า คนอย่างจีเฉวียนนอกจากตนเองแล้ว ก็ไม่เคยมีรักให้ใครทั้งสิ้น
 
 
ก็แค่คนโปรดคนใหม่เท่านั้น อีกเพียงไม่นานก็จะกลายเป็นอดีตคนโปรดไป ถึงตอนนั้นต้องไปอยู่ในตำหนักเย็น จะน่าสงสารเพียงไหนกัน?
 
 
เหยียนเฉียวหลัวเห็นเขาครุ่นคิดปัญหาอย่างจริงจัง ก็คิดไปว่าเขากำลังวางแผนงานใหญ่อยู่ จึงไม่ได้รบกวน
 
 
เพียงแต่ตอนนี้ในใจของนางเกิดกลัดหนอง
 
 
ถึงแม้ว่าครั้งก่อนจะเกิดเรื่องเช่นนั้น แต่นางก็ยังไม่ยอมถอนใจจากจีเฉวียน
 
 
การเดินทางร่วมกันครั้งนี้ยิ่งถือเป็นโอกาสดีที่ยิ่งใหญ่ นางจะต้องเกาะกุมเอาไว้ให้มั่น ชิงโอกาสที่จะทำให้จีเฉวียนเปลี่ยนแปลงความคิดเรื่องของนางให้จงได้
 
 
นางอยากให้เขายอมรับ ว่านางนั้นเข้มแข็ง ว่านางมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะยืนอยู่เคียงข้างเขา
 
 
คนที่จะเป็นฮองเฮา นอกจากรูปโฉมภายนอกจะงดงามแล้ว ที่สำคัญและจำเป็นยิ่งกว่าก็คือมีสมอง
 
 
สตรีโง่เขลาไม่มีคุณสมบัติจะอยู่เคียงข้างเขา
 
 
ครั้งก่อนที่นางพ่ายแพ้ก็เป็นเพราะแพ้ให้แก่เขา มิใช่ว่าแพ้ให้แก่ตู๋กูซิงหลัน
 
 
ตอนที่ยังเป็นเด็กนางได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านเซียนตู้แห่งภูเขาฮว่าชิง ได้ร่ำเรียนมีวิชาเวทย์ติดตัว เพียงแต่ยามปกติการช่วงชิงในวังหลังไม่อาจกระทำสิ่งใดโดยเปิดเผย
 
 
ตอนนี้เมื่อเข้าสู่แคว้นเซอปี่ซือ ความสามารถเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องปกปิดอีกต่อไป
 
 
จีเฉวียนยอมรับข้อดีของนาง
 
 
แต่ตอนนี้นางก็ทำได้เพียงเฝ้ามองรถม้าของเขา ทั้งยังครุ่นคิดถึงเงาของคนที่อยู่ในรถคันเดียวกับเขาอยู่ตลอดเวลา
 
 
เป็นตู๋กูซิงหลัน หรือว่าเป็นนางกำนัลที่มีหน้าตาคล้ายตู๋กูซิงหลันอย่างที่สุดผู้นั้นกัน?
 
 
นางขมวดคิ้วแน่น ในใจก็บังเกิดความริษยาเข้มข้นขึ้นมาอีกครั้ง
 
 
จนกระทั่งลมทะเลทรายที่พัดโหมดึงสติของนางกลับมา
 
 
รถม้าถูกลมกรรโชกอย่างรุนแรง รถเขย่าอย่างหนักไปทั้งคัน เสียงลมดังอู้อยู่ตลอดเวลา ทรายบนพื้นก็เคลื่อนไหวอยู่ตลอด สายลมหอบทรายขึ้นไปจนเต็มท้องฟ้า ราวกับว่าจะกลบทุกอย่างในคืนนี้เอาไว้
 
 
ครู่ต่อมา เหยียนหยุนและเหยียนเฉียวหลัวก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นรุนแรงขุมหนึ่งกำลังแผ่เข้ามาจากทุกทิศโดยรอบ
 
 
ไม่รู้ว่าทำไม บาดแผลที่ถูกหลงเซียวยิงลูกศรใส่เมื่อครู่ถึงได้มีอาการรุนแรงขึ้นมา
 
 
เหยียนเฉียวหลัวพึ่งจะจับแขนของตนเองเอาไว้ ก็เห็นว่าที่ด้านนอกรถม้า มีใบหน้ามนุษย์ที่น่าหวาดกลัวพุ่งเข้ามา
 
 
ใบหน้าแต่ละหน้าปราศจากองคาพยพทั้งห้า ต่างพากันปรากฏขึ้นมาตรงหน้ารถม้าของพวกนาง
 
 
ไม่รอให้นางทันได้ตั้งสติ ก็ปรากฏว่าบนร่างของพวกนางมีเส้นเลือดสีน้ำตาลดำเล็กๆ ยาวๆ เกาะอยู่เต็มไปหมด
 
 
เส้นเลือดเหล่านั้นเจาะทะลุตัวรถม้า บุกเข้ามาจนถึงตัวของพวกนาง
 
 
เส้นเลือดดำๆ เหนียวๆ ลื่นๆ ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นที่น่าขยะแขยงจนคนอยากจะอาเจียนเหล่านั้น พุ่งเข้ามาเกาะดูดอยู่บนปากแผลของพวกเขา
 
 

 
 
——
 
 
คุยกันนิดนึง:
 
 
ไรท์: มาอีกแล้ว ผีๆ หลอนๆ มาอีกแล้ว สารภาพเลยนะ ตอนที่อ่านสิบตอนแรกนี่คิดว่า ตบกันในวังอย่างเดียว คนเขียนลากแม่มาไกลมาก ฮือๆ เป็นคนกลัวผี

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset