ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 286 ผิวขาวราวหิมะ

เหยียนเฉียวหลัวมองไปด้วยความยินดี หัวใจของนางลิงโลดขึ้นมา
 
 
‘ผู้ที่’ เลือกสรรนาง กำลังจะออกมาแล้วใช่หรือไม่?
 
 
ผู้คนต่างก็ล่ำลือกันว่าในขุมสมบัติของแคว้นเซอปี่ซือมีโชคชะตาลี้ลับที่ประเมินค่ามิได้อยู่
 
 
และโชคชะตานี้ถูกนางค้นพบเข้าแล้ว
 
 
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมานางจะถูกดูถูกเหยียดหยาม แต่พอคิดว่าตอนนี้นางกำลังจะกลายเป็นสตรีที่ฟ้าได้เลือกสรร ความโศกเศร้าทั้งหมดก็ถูกนางโยนทิ้งไปด้านหลัง
 
 
ดูสิ นางกำลังจะได้รับโชคชะตาอันยิ่งใหญ่แล้ว ส่วนตู๋กูซิงหลันล่ะ นังสารเลวนั่นก็จะถูกฝังอยู่ในนี้ กลายเป็นหนึ่งในศพแห้งมากมายอยู่ที่นี่
 
 
หมอกสีดำยิ่งทีก็ยิ่งเข้มข้น กระจายออกมาจนแทบจะครอบคลุมก้นทะเลสาบทั้งหมด
 
 
เดิมทีที่นี่ก็ดำมืดจนแทบจะมองไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้าอยู่แล้ว
 
 
ในหมอกดำที่ขุ่นข้นนั้นเอง มีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังออกมา “เย่วซิงหลัน ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”
 
 
น้ำเสียงนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง แผ่วเบาเสียจนคนแทบจะจับความไม่ได้
 
 
แต่พอถูกเรียกชื่อขึ้นมา ก็ให้ความรู้สึกเหมือนจะขาดใจ
 
 
ทันทีที่เขาส่งเสียงออกมา รอบๆ โลงทองแดงก็ยิ่งส่งเสียงกึกกักครืนครืนมากกว่าเดิม เสียงเสียดสีจากการเลื่อนของโลงทองแดงดังสนั่น อักขระที่ซับซ้อนบนโลงศพทอประกายแสงสว่างออกมา
 
 
น้ำเสียงของบุรุษผู้นั้นทำให้ทั้งวิญญาณทมิฬและตู๋กูซิงหลันตื่นตัวขึ้นมาในทันที
 
 
เหยียนเฉียวหลัวตกตะลึงไปแล้ว ถึงน้ำเสียงของบุรุษผู้นั้นทำให้นางต้องขนลุกซู่ กระนั้นนางก็ยังอยากจะให้ ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ ผู้นั้นเรียกนาง
 
 
นางไม่กล้าส่งเสียงออกไป
 
 
ยามที่ ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ กล่าวออกมานั้น นางก็ไม่สามารถควบคุมหมอกสีดำที่อยู่รอบๆ กายได้อีกต่อไป
 
 
ดาบสีดำในมือก็สลายกลายเป็นหมึกดำจนไม่เหลืออะไรอยู่อีก นางได้แต่รอคอยโอกาสที่กำลังจะมาถึงอยู่กับที่
 
 
อย่างไรเสีย…. ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ จะต้องส่งมอบโชคชะตานั้นให้กับนางอย่างแน่นอน
 
 
ถึงตอนนั้น ทั่วทั้งแผ่นดินก็จะไม่มีผู้ใดกล้าแข็งข้อกับนางอีก
 
 
รวมทั้งจีเฉวียนด้วย!
 
 
ในเมื่อเขากล้ารังเกียจนาง นางก็จะต้องทำให้เขาได้เห็นดี!
 
 
นางจะต้องจัดการเขาอย่างโหดเ**้ยม เหนือกว่าที่เคยคิดเอาไว้เป็นร้อยเป็นพันเท่า!
 
 
อีกด้านหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันก็ตอบกลับไป “ไม่ได้พบกันนานแล้วจริงๆ เสินฟาง”
 
 
คนบางคน ถึงแม้ไม่ได้พบหน้า แค่ได้ยินน้ำเสียงก็สามารถเรียกชื่อของเขาออกมาได้
 
 
อย่าว่าแต่เสินฟางที่เป็น…..จอมมาร
 
 
ท่านผู้นี้ พูดไปแล้วก็ต้องนับว่าหนักหนาจริงๆ!
 
 
เสินฟาง เป็นหนึ่งในผู้ปกครองขุมนรกทั้งสิบ และ ถือเป็นอันดับหนึ่งในขุมนรกทั้งสิบด้วย
 
 
ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น อยู่ๆ เขาก็ถูกจิตมารเข้าครอบงำ
 
 
หลังจากนั้นก็เริ่มก่อหายนะขึ้นมา เพียงแค่เวลาสั้นๆ ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องตายจากไป แม้ตายไปแล้ววิญญาณก็ยังถูกนำไปทรมาน
 
 
ต่อมาค่อยสืบพบว่า เป็นฝีมือของเสินฟาง
 
 
เขาดูดกลืนจิตวิญญาณมากมาย อย่างไม่ยอมหยุด
 
 
ตัวนางก็เพราะการปะทะกับเสินฟางในครั้งก่อน สู้กันจนล้มตายตัวเย็นชืด
 
 
เพียงแต่ว่าก่อนที่จะตาย นางได้ใช้พลังทั้งหมดของตนเอง และพลังของหยกสรรพชีวิต จัดการกับเสินฟางจน ‘ตาย’ ไปแล้ว
 
 
เดิมทีนางมั่นใจว่า เสินฟางนั้น ‘ดับดิ้นสิ้นสูญ’ ไปแล้ว จนกระทั่งเมื่อได้เจอกับพวกปีศาจไร้หน้าในทะเลทราย นางถึงได้เกิดความรู้สึกที่คุ้นเคยขึ้นมา….นางค่อยคาดเดาว่า เสินฟางยังไม่ตาย
 
 
แต่ว่ามาอยู่ในโลกมิติเดียวกันกับนาง
 
 
และแล้วก็เป็นจริงเสียด้วย…..เพราะคาดเดาเอาไว้เช่นนี้นางจึงมิได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
 
 
เพียงแต่ว่านางคิดไม่ถึงว่าเสินฟางจะมาหลบซ่อนตัวอยู่ในขุมสมบัติของแคว้นเซอปี่ซือ
 
 
ร่างของผู้ที่นอนอยู่ในโลงศพขนาดใหญ่ใต้ทะเลสาบสมควรจะเป็นฮ่องเต้ของแคว้นเซอปี่ซือ
 
 
แต่ที่พักผ่อนอันสงบสุขของเขา ถูกนกพิราบเข้าครองรังเสียแล้ว
 
 
บนยอดเขามีทะเลสาบ โอบล้อมด้วยภูเขาทั้งแปดลูก สถานที่ที่มีชัยภูมิเป็นภูเขาล้อมรอบแหล่งน้ำเช่นนี้นับว่าเป็นฮวงจุ้ยชั้นเลิศ
 
 
ไอทิพย์และจิตวิญญาณในธรรมชาติที่หมุนวนอยู่ ล้วนถูกดึงดูดลงมาที่ทะเลสาบแห่งนี้
 
 
ฮ่องเต้แคว้นเซอปี่ซือที่พักผ่อนอย่างสงบอยู่ในโลงทองแดง ร่างของเขาจะได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ ทำให้สามารถรักษาร่างเอาไว้เป็นพันปีโดยไม่เสื่อมสลาย
 
 
และบางทีรูปสลักขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือโลงศพขึ้นไปนั้น อาจจะมีเอาไว้เพื่อดึงดูดจิตวิญญาณธรรมชาติลงมาก็เป็นได้
 
 
บางทีในตอนนั้นเมื่อพสกนิกรในแคว้นเซอปี่ซือตายไปแล้ว อาจมีการทำพิธีฝังอยู่ในน้ำใต้สระสวรรค์ เพื่อจะได้เฝ้ารักษาแคว้นของพวกเขาตลอดไป
 
 
แต่ว่า…..สถานที่ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ กลับกลายเป็นประโยชน์ต่อจอมมารอย่างเสินฟางอย่างที่สุด
 
 
ตู๋กูซิงหลันเชื่อมั่นว่า ตอนที่นางทุ่มพลังทั้งหมดออกไปนั้น ก็ได้จัดการเสินฟางจนดับสิ้นไปแล้ว
 
 
ดังนั้นเมื่อเสินฟางมาถึงยังโลกมิติแห่งนี้ สมควรจะอ่อนแออย่างยิ่ง
 
 
แต่ว่าเขากลับโชคดีบังเอิญได้พบกับฮวงจุ้ยที่ล้ำเลิศเช่นนี้ หลังจากนั้นจึงได้ยึดโลงของฮ่องเต้องค์นี้เอาไว้ ดูดกลืนไอบริสุทธิ์ที่อยู่ในร่างของผู้คนในแคว้น เพียงไม่ถึงหนึ่งปีก็สามารถฟื้นฟูได้มากจนถึงขนาดนี้แล้ว
 
 
นางหรี่ตาลงมองดูโลงทองแดงหลังนั้น ท่ามกลางหมอกดำที่เข้มข้น ก็เห็นว่ามีมือที่ซีดขาวราวหิมะข้างหนึ่ง กำลังค่อยๆ ขยับด้านนอกของโลงอยู่
 
 
ในบรรดายมราชของขุมนรกทั้งสิบ เสินฟางนับว่ามีผิวขาวที่สุด
 
 
ขาวจนปราศจากสีอื่นๆ ทั่วทั้งร่างคล้ายดั่งถูกโปรยด้วยผงแป้งชั้นหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันจดจำเขาได้อย่างล้ำลึก
 
 
ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเห็นเพียงแค่มือข้างเดียว นางก็รู้แล้วว่า เขากำลังจะฟื้นร่างกลับคืนมา
 
 
เขาดูดกลืนจิตวิญญาณที่อยู่ในสระสวรรค์ทั้งหมดเข้าไป แล้ววันนี้ก็ยังได้สูบเอาพลังชีวิตของผู้คนหลายร้อยชีวิตเข้าไปด้วย ที่สามารถสร้างร่างขึ้นมาได้ จึงมิได้น่าแปลกใจอันใด
 
 
คำทักทายเพียงประโยคเดียวของนาง ถึงกับทำให้ ‘คน’ ที่อยู่ในโลงทองแดงหัวเราะออกมาแล้ว
 
 
“เฮอะ เฮอะ”
 
 
“ยากนักที่เจ้ายังสามารถจดจำชื่อของเราผู้เป็นอ๋องได้”
 
 
น้ำเสียงของเขายังคงลึกลับน่ากลัว มือสีขาวราวหิมะของเขายังคงผลักฝาโลงอยู่ไม่ยอมหยุด “เย่วซิงหลัน เราได้พบกับเจ้า รู้สึกปิติอย่างยิ่งจริงๆ”
 
 
ว่าแล้ว ก็เห็นมือสีขาวข้างนั้นค่อยๆ ยื่นออกมาจากโลง
 
 
ผอมอย่างยิ่ง! จนสามารถเห็นข้อกระดูกได้อย่างชัดเจน แม้แต่เส้นลายนิ้วมือก็ยังเป็นสีขาว
 
 
มือสีขาวข้างนั้นค่อยๆ ยื่นออกมาอย่างช้าๆ
 
 
ตู๋กูซิงหลันจับตามองดู พลางหรี่ตาน้อยๆ
 
 
ความขาวโพลนเช่นนั้น นับว่าเตะตาท่ามกลางความมืดอย่างยิ่ง
 
 
เหยียนเฉียวหลัวประหลาดใจอย่างแรง นางไม่รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเช่นไรกันแน่ ทำไมตู๋กูซิงหลันถึงได้รู้จักกับ ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ ที่อยู่ในโลงศพ?
 
 
เย่วซิงหลัน?
 
 
ไม่ใช่ตู๋กูซิงหลันหรือ?
 
 
ตอนนี้สมองของนางสับสนไปหมดแล้ว จนชักจะสงสัยว่าตนเองมีปัญหาเรื่องการฟังหรือเปล่า
 
 
มิใช่ว่าท่าน ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ จะต้องมอบโชคชะตาให้กับนางหรอกหรือ? ทำไมถึงได้ไปสนทนากับตู๋กูซิงหลันได้กัน?
 
 
นางเพ่งตามองเข้าไป ครู่หนึ่งก็เห็นว่าฝาด้านบนของโลงศพถูกเลื่อนออกมาจนหล่นลงไป นอกจากข้อมือที่ขาวราวหิมะแล้ว ก็ยังมีบางอย่าง…..ศีรษะโล้นที่สว่างจนส่องประกายออกมา
 
 
หืม? ศีรษะโล้นๆ???
 
 
ส่วนใหญ่….ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายล้วนมีลักษณะเด่นเฉพาะใช่ไหม?
 
 
ตู๋กูซิงหลันกลับไม่รู้สึกแปลกประหลาดในที่ใด
 
 
พอได้เห็นศีรษะโล้นที่ค่อยๆ โผล่ออกมาจากโลงศพแล้ว นางกลับสงบนิ่งลง
 
 
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หัวไข่พะโล้ของเจ้าก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปสักนิดเดียว”
 
 
นางพึ่งจะพูดออกไป ก็เห็นว่าภายใต้ศีรษะโล้นเลี่ยนที่ส่องประกายนั้น ค่อยปรากฏใบหน้าที่แปลกประหลาดชวนน่าหวาดผวาขึ้นมา
 
 
นั่นเป็นเครื่องหน้าที่คล้ายกับว่าใช้พู่กันวาดขึ้น
 
 
รายละเอียดของเส้นคิ้ว หัวตา ดั้งจมูกและริมฝีปาก แม้แต่ขนคิ้วและขนตาต่างก็ขาวราวหิมะ
 
 
ดวงตาคู่นั้นคล้ายกับว่าไม่มีนัยตาดำ มีแต่ดวงตาสีขาว ที่ดูน่ากลัว
 
 
ข้างแก้มที่เป็นสีขาวราวหิมะ ปรากฏลายเส้นคล้ายดั่งดอกพลับพลึงแดง
 
 
นี่ไม่ใช่ภาพที่วาดลงไป แต่ว่าเป็นดอกพลับพลึงแดงงอกเงยอยู่ในนั่นจริงๆ!
 
 
พลับพลึงสีแดงเพลิงเมื่ออยู่บนผิวที่ขาวราวหิมะเช่นนี้ก็ยิ่งกลายเป็นจุดเด่น
 
 
ในโลกก่อน ครั้งแรกที่ตู๋กูซิงหลันได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเขา นึกถึงแต่คำนี้เพียงคำเดียว ความงามอันเลอะเลือน
 
 
ใช่แล้ว….งดงาม
 
 
ไม่ว่าเสินฟางจะมีรูปลักษณ์เช่นไร เขาก็ยังงดงาม เป็นความงดงามที่เหนือโลก
 
 

 
 
——
 
 
คุยกันนิดนึง:
 
 
ยมราชทั้งสิบ: ตามความเชื่อในยุคสมัยหนึ่งของจีน เชื่อว่านรกมีสิบขุมแต่ละขุมมียมราชของตนเอง โดยจะมีชื่อเป็นอ๋องต่างๆ (王)
 
 
แม่ก็ไปศึกษาดูเล็กน้อย แต่ไม่มีท่านใดชื่อเสินฟางแฮะ! มันคงจะเป็นจินตนาการของผู้แต่งละมั้ง
 
 
ดอกพลับพลึงแดง: (曼珠沙华, Red Spider Lily, Higanbana) เป็นดอกไม้ที่มีมากในจีนและญี่ปุ่นชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ ดอกมีพิษ ทำให้อาเจียน นิยมปลูกตามคันนาเพื่อป้องกันหนูแมลงกัดกินพืชผล หรือปลูกในสุสาน กันสัตว์เข้าไปคุ้ยทำลาย ดอกไม้ชนิดนี้จะผลิบานในช่วงเปลี่ยนฤดู (ขณะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง) ใกล้กับช่วงสารทจีน จึงกลายเป็นความเชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับคนตาย มีตำนานเล่าว่าดอกไม้นี้เกิดในนรกภูมิ ทุ่งดอกไม้ชนิดนี้จะผลิบานตลอดเส้นทางที่วิญญาณจะต้องผ่านไปเพื่อนำทางวิญญาณที่จะไปเกิดใหม่ไปสู่อีกฝากฝั่งหนึ่ง ด้วยลักษณะพิเศษที่เมื่อออกดอกก็จะไม่มีใบ เมื่อมีใบก็ไม่ออกดอก จึงเป็นที่มาของตำนานอีกตำนานว่า Manshu (曼珠) ผู้พิทักษ์ดอก และ Shahua (沙华) ผู้พิทักษ์ใบ คือสองคนรักที่ละเมิดกฎ เลยถูกสาปให้มาเกิดอยู่ในดอกพลับพลังแดงนี้ ทำให้ไม่อาจได้อยู่ร่วมกันตลอดกาล

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset