ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 292 บุรุษล้วนเป็นตัวเฮงซวย

นางผละมือมาจับหัตถ์ของจีเฉวียนเอาไว้ จับหัตถ์ที่โชกชุ่มไปด้วยเลือดนั่น
 
 
จากนั้นก็เดินไปที่เบื้องหน้าของเขา เงยหน้าขึ้นมองดูดวงพักตร์ที่งดงามนั้น กล่าวอย่างจริงจังว่า “ฝ่าบาท พอได้แล้วเพคะ”
 
 
ไออุ่นจากมือของนางทำให้หมอกดำทั้งหมดในพระหัตถ์ไหลคืนกลับไป พระองค์กระพริบพระเนตร มองดูใบหน้าซาลาเปาที่กลมดั่งดวงหน้าของทารก
 
 
พระทัยของจีเฉวียนเต้นระทึก บังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในทันที
 
 
เสินฟางเองก็รั้งอยู่ด้านข้างโดยมิได้ทำการรบกวน
 
 
บุรุษผู้นี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แข็งแกร่งจนสามารถบอกได้ว่าเป็นตัวอันตราย….เมื่อครู่นี้ ท่อนแขนของเขาถึงกับชาไปทั้งแขนแล้ว
 
 
แม้แต่ในกระดูกก็เจ็บจนร้าว
 
 
พลังเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ฮ่องเต้ที่เป็นคนธรรมดาจะมีได้
 
 
นับตั้งแต่แวบแรกที่ได้เห็นบุรุษผู้นี้ เขาก็รู้สึกว่าทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเขา ตนเองไม่อาจมองได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเช่นไรกันแน่
 
 
บุรุษผู้นี้…..ที่จริงแล้วเป็นใครกันแน่?
 
 
ทั้งๆ ที่มีร่างเป็นมนุษย์ แต่กลับมีพลังดุจปีศาจ แถมยังสามารถควบคุมพลังของหยกสรรพชีวิตได้
 
 
เสินฟางไม่กล้าคิดให้มากความ เพียงแค่พยายามคิดถึงภาพเมื่อครู่สมองของเขาก็เหมือนจะถูกฉีกกระชากออก เจ็บปวดทรมานจนทุกอณูสั่นสะท้าน
 
 
ผ่านไปอีกครู่ใหญ่เขาถึงจะสามารถกดอาการนั้นลงไปได้ ค่อยๆ สงบลงทีละน้อย
 
 
เขารู้ว่าเพื่อซื่อมั่วแล้ว ตู๋กูซิงหลันจะต้องกลับไปยังโลกปัจจุบันอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องทำสิ่งใดเพิ่มเติมอีก
 
 
ตู๋กูซิงหลันยังคงกุมมือจีเฉวียนเอาไว้ดังเดิม นางขยับปากจะกล่าววาจาอยู่หลายครั้ง ในที่สุดค่อยพูดว่า “ท่านแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ก็คงจะดูออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าข้าไม่ใช่ตู๋กูซิงหลัน”
 
 
“เจ้าก็คือนาง” จีเฉวียนพลิกพระหัตถ์มาเกาะกุมนางเอาไว้ เขาเคยได้ฟังคำโกหกของนางมาจนคุ้นชินแล้ว พอตอนนี้อยู่ๆ ได้ฟังนางพูดความจริงออกมา ในพระทัยบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในทันที
 
 
พระองค์ทรงทราบดี…..ว่าร่างเนื้อหนังนี้ถูกเปลี่ยนแปลงจิตภายในไปตั้งนานแล้ว พระองค์ทรงรออยู่ รอคอยให้นางเป็นฝ่ายพูดออกมาในวันหนึ่ง
 
 
หรือไม่ก็…..หากนางไม่บอก พระองค์ก็จะทรงทำเป็นไม่เคยรู้ไปชั่วชีวิต
 
 
แต่เมื่อถึงเวลาที่นางกำลังจะพูดออกมาด้วยตนเอง พระองค์กลับทรงกลัวที่จะได้ยินคำที่จะกล่าวออกมา
 
 
ตู๋กูซิงหลันส่ายศีรษะ “ข้าคือเย่วซิงหลัน เป็นวิญญาณร้ายจาก…..อีกโลกหนึ่ง”
 
 
จีเฉวียน “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนหรือเป็นผี เราก็รับได้”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “ข้าไม่ได้ชอบท่าน คิดต่อต้านก่อกบฏอยู่ตลอดเวลา”
 
 
จีเฉวียนเงียบงันไปชั่วครู่หนึ่ง “เรารู้”
 
 
ทุกถ้อยคำที่นางปรึกษากับตู๋กูจุน องครักษ์ลับได้รายงานให้เขาฟังอย่างชัดเจนแล้ว
 
 
ปากบอกว่าจะก่อกบฏ แต่ว่าทุกสิ่งที่นางทำกลับเป็นการช่วยเหลือให้เขาปกครองแผ่นดินได้อย่างมั่นคง
 
 
ตู๋กูซิงหลัน ได้แต่นิ่งเงียบ
 
 
ที่แท้ฮ่องเต้สุนัขคอยจับตาดูนางอยู่ตลอดเวลา รู้แม้กระทั่งว่านางคิดจะกบฏ แต่ก็ยังปล่อยให้นางกระโดดโลดเต้นอยู่ใต้หนังตา?
 
 
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมาสารภาพรักกับนาง? คือคิดจะให้ความรักมาผูกพันนางเอาไว้ หลอมละลายความคิดต่อต้านของนาง?
 
 
นางกลืนน้ำลายลงไป ค่อยกล่าวว่า “ข้าคิดแต่จะตัดศีรษะของท่านอยู่ตลอดเวลา”
 
 
จีเฉวียนส่ายพระเศียร “เรายังตายไม่ได้ หากเราตายแล้วก็รักเจ้าไม่ได้อีกแล้ว”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “……” สามารถหาเหตุผลใหม่ๆ มาใช้กับเรื่องที่ไม่อยากตายได้ ก็ต้องนับว่าเขาเก่งกาจมากจริงๆ
 
 
“หากว่าเจ้าอยากได้ศีรษะของเราจริงๆ เราสาบานว่าจะตายก่อนเจ้า ตายแล้วก็ยกศีรษะนี้ให้เจ้า อยากจะเอาไปเป็นเก้าอี้ก็ตามใจ”
 
 
ข้าไม่อยากได้ศีรษะของท่านมาเป็นเก้าอี้นั่งหรอกนะ ขอบคุณ
 
 
เสินฟางที่อยู่ด้านข้างถึงกับพูดไม่ออก คนที่เป็นถึงฮ่องเต้ ฝีปากไม่ธรรมดาจริงๆ
 
 
หากว่าซื่อมั่วรู้จักกล่าวคำหวานเช่นนี้ได้สักคำหนึ่ง ไหนเลยจะต้องอยู่อย่างลำพังมาหลายปี?
 
 
ตู๋กูซิงหลันเกือบจะถูกจีเฉวียนทำเอาไขว้เขวหลงประเด็นไปแล้ว ผ่านไปอีกพักใหญ่นางจึงได้ตอบว่า “ฝ่าบาท มิว่าอย่างไร ข้าก็ต้องกลับไปยังที่ที่จากมา ช่วงที่ผ่านมา……..ขอบพระทัยที่ทรงดูแล”
 
 
ถึงแม้ว่าเขาจะเจ้าเล่ห์เอาแต่ใจและบ้าอำนาจ แต่ว่าอย่างไรก็มิใช่คนเลวร้าย
 
 
“พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ที่ดี ข้าขออวยพรให้แผ่นดินของท่านมีแต่ความสงบสุขร่มเย็นตลอดไป”
 
 
ตู๋กูซิงหลันไม่รู้ว่าการชอบใครสักคนหนึ่ง หรือรักใครสักคนหนึ่งเป็นความรู้สึกเช่นไร เพียงแต่รู้สึกว่าขณะที่นางพูดคำเหล่านี้ออกไป หัวใจรู้สึกปวดแปลบอยู่บ้าง ราวกับว่าหัวใจถูกนำบางสิ่งออกไป
 
 

 
 
พอเห็นอยู่ว่านางกำลังจะปล่อยมือ จีเฉวียนก็พลิกมือกลับมากอดนางเอาไว้ ตะโกนเรียกนางครั้งหนึ่ง “ตู๋กูซิงหลัน” !”
 
 
น้ำเสียงนี้ ร้อนลนอย่างที่สุดแล้ว
 
 
ทันใดนั้น ก็สอดพระหัตถ์เข้าไปในเส้นผมของนาง โอบศีรษะของนางเข้ามาชิดพระอุระ ให้นางได้ยินเสียงพระทัยที่เต้นอยู่ ตรัสทีละคำว่า “วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบยี่สิบปีของเรา……เรามีความปรารถนาเพียงอย่างเดียว ขอให้เจ้ารั้งอยู่ ได้ไหม?”
 
 
พระองค์กอดนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ด้วยความหวาดกลัวว่านางจะมลายหายไป
 
 
แค่คิดว่านางอาจจะสาบสูญไปจากโลกของตนเอง พระทัยของจีเฉวียนก็ถึงกับสั่นสะท้าน
 
 
“อย่าไปเลย ได้ไหม” พระองค์ทรงถ่อมองค์ลง แทบจะกลายเป็นโคลนเหลวและฝุ่นผงไปอยู่แล้ว
 
 
หัวใจของนางรู้สึกเจ็บแปลบราวกับถูกคนฉีกเป็นแผล นางยังไม่ทันได้ไปก็รู้สึกขมขื่นและเจ็บปวดราวกับมีแผลจริงๆ เสียแล้ว
 
 
วันคล้ายวันเกิดของเขา……หากว่าเขาไม่ได้พูดออกมา ตู๋กูซิงหลันก็คงจะลืมไปแล้ว
 
 
ช่วงก่อนในวังตระเตรียมงานฉลองกันอย่างวุ่นวาย พอมาถึงแคว้นเซอปี่ซือ นางกลับลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้ว
 
 
นี่เป็นครั้งแรกที่จีเฉวียนร้องขอของขวัญวันเกิดจากผู้อื่น พระองค์กอดตู๋กูซิงหลันเอาไว้ ด้วยความกลัวว่านางจะไม่รับปาก
 
 
“รั้งอยู่ วังหลังของเราจะมีเพียงเจ้าคนเดียว”
 
 
“คำพูดก่อนหน้านี้ของเราล้วนเป็นวาจาผายลม เจ้าปรารถนาหนึ่งชาติหนึ่งภพหนึ่งคู่ครอง เราก็จะทำให้!”
 
 
จีเฉวียนไม่กล้าสนใจปัญหาให้มากความแล้ว ก่อนที่ตู๋กูซิงหลันจะปรากฏตัวขึ้นมา เป้าหมายของพระองค์ก็มีแต่การครอบครองแผ่นดิน พระองค์เคยคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติตนไม่มีทางยอมละทิ้งอำนาจเพื่อสตรีคนใดอย่างเด็ดขาด
 
 
แต่นางกลับปรากฏตัวขึ้นมา ขโมยเอาหัวใจและจิตวิญญาณของเขาไปจนหมดแล้ว
 
 
เพื่อนางแล้ว เขายอมละทิ้งเหล่าคนที่ต้องลากมาเป็นพวกและฐานอำนาจไป วังหลังมีนางเพียงคนเดียวก็พอ
 
 
“หากว่านี่ยังไม่พอละก็ เงิน ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดของเราจะยกให้เจ้าหมดเลย” จีเฉวียนตรัสต่อไป “เรามีเงินเยอะที่สุดอยู่แล้ว จริงๆ นะ ไม่หลอกเจ้าหรอก”
 
 
ตู๋กูซิงหลันถูกเขาทำเอาตกตะลึงไปแล้วจริงๆ
 
 
คืนที่เขามาสารภาพรักกับนาง นางบอกกับเขาว่าต้องการหนึ่งชาติหนึ่งภพหนึ่งคู่ครอง แต่เขาไม่ยินยอม
 
 
ตอนนี้นางจะไปแล้ว เขากลับยอมทุกอย่าง
 
 
พ่อไก่ขนเหล็กที่เงินเหมาเดียวก็ยังไม่กระเด็น กลับบอกจะยกทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดให้นางแล้ว
 
 
วิญญาณทมิฬแคะจมูกของมัน ก็พ่นออกมาประโยคหนึ่ง “บุรุษล้วนเป็นตัวเฮงซวย”
 
 
จริงด้วย ในเมื่อรักชอบ ทำไมไม่ให้แต่ทีแรก?
 
 
เป็นหนึ่งชาติหนึ่งภพหนึ่งคู่ครองตั้งแต่แรก ให้เงินให้ทองให้บ้านตั้งแต่แรกๆ ซิ ไม่แน่ว่าป่านี้คงอยู่บ้านเข้าหอสำเร็จไปเรียบร้อยไปแล้วก็เป็นได้
 
 
ฝ่าบาททรงหันมาถลึงพระเนตรใส่มันครั้งหนึ่ง ทำเอาวิญญาณทมิฬตกใจจนสูดขี้มูกกลับเข้าไป
 
 
มันรีบถอยห่างจากพระองค์อย่างเงียบๆ ไปหาที่นั่งให้กับตนเองบนโคมทองแดงโบราณอันหนึ่ง
 
 
มันรู้สึกว่า ให้ตู๋กูซิงหลันกลับไปโลกปัจจุบันดีกว่า ซื่อมั่วจะต้องเป็นมิตรที่ดีกับมันมากกว่าจีเฉวียนอย่างแน่นอน
 
 
ถึงแม้ว่าปากของคนอย่างซื่อมั่วจะไม่พูดอะไร แต่ทุกเรื่องกลับจัดการอย่างเรียบร้อย
 
 
ถึงแม้ว่าเขาเป็นผู้ก่อตั้งหุบเขาภูติที่ผู้คนพากันครั่นคร้าม แต่กับหลันๆ แล้ว ต้องเรียกว่าประคองเอาไว้ในมือก็กลัวหล่น อมเอาไว้ในปากก็กลัวจะละลายเลยรู้ไหม?
 
 
อย่าได้เห็นว่าวันๆ มันเรียกเขาเป็นตาเฒ่าซื่อมั่ว ปากเรียกเป็นผู้เฒ่า แต่ที่จริงแล้วซื่อมั่วผู้นั้น…..ยังหนุ่มแน่นอยู่มาก

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset