ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 293 เสี่ยวซิงซิง เราผิดไปแล้ว

พอคิดถึงตรงนี้ วิญญาณทมิฬก็แคะขี้มูกออกมาอีกครั้ง ความกล้าก็ชักจะกลับคืนมาด้วย
 
 
“หลันหลัน พวกเราจะต้องกลับไป! ซื่อมั่วต่างหากที่ดีที่สุด! จัดการตัดเจ้าฮ่องเต้สุนัขนี้ทิ้งไปซะ! เขามันพึ่งพาไม่ได้!”
 
 
มันขยับปากพร่ำเพ้อต่อไป ดูสิว่าเขาจะงัดอะไรออกมาสู้อีก?
 
 
อ้อ….ดีที่ตอนอยู่บนทะเลสาบเมื่อครู่ ยังช่วยรับดาบแทนตู๋กูซิงหลันไปครั้งหนึ่ง
 
 
แต่ว่า….หลันหลันของพวกเราหลบเองก็ได้ รู้ไหม? แต่เพราะถูกเขากักตัวเอาไว้ถึงได้ไร้ทางหลบหนี!
 
 
สายพระเนตรของจีเฉวียนในยามนี้เย็นวาบลงไปอีก
 
 
ไอสังหารพลุ่งพล่านท่วมท้น แทบจะส่งเจ้าวิญญาณทมิฬขึ้นสวรรค์ไปเสียเดี๋ยวนี้แล้ว
 
 
เอาละเว้ย อารมณ์ของเจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้ชักจะควบคุมไม่อยู่เสียแล้ว? นี่เขาจะฆ่ามันหรือไม่? ไม่แน่เว้ยเฮ้ย!
 
 
ในตอนนี้ สมองของวิญญาณทมิฬมีแต่คำว่า ‘ที่นี่อยู่นานไม่ได้แล้ว’
 
 
“ซื่อมั่ว?” จีเฉวียนกอดตู๋กูซิงหลันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ยามที่ตรัสสองคำนั้นออกมา ความเย็นยะเยือกในน้ำเสียงแทบจะทำให้ให้คนต้องแข็งตายแล้ว
 
 
พระองค์นึกว่านางไม่ชอบการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ นึกว่านางไม่ได้ชอบพระองค์ ถึงได้จะกลับไปยังโลกเดิมของนาง
 
 
ที่แท้ก็เพื่อคนผู้นั้น?
 
 
แค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นไอ้หนุ่มหน้าขาวคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นไอ้หนุ่มหน้าขาวที่มีดียิ่งกว่าจีเย่และซูเม่ย
 
 
ในตอนนั้นเอง จีเฉวียนก็ทรงเข้าพระทัยขึ้นมาในทันที ที่แท้แล้วทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำหรือพูดออกไป นางไม่เคยใส่ใจเลยสักนิด เพราะว่าในใจของนางมีผู้อื่นอยู่แล้วแต่แรก?
 
 
ตู๋กูซิงหลันอยากจะเย็บปากของวิญญาณทมิฬให้รู้แล้วรู้รอดไปจริงๆ มันช่างเป็นหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนของแท้ รู้อยู่แล้วว่านางจะต้องไป แต่ก่อนจะไปยังไม่วายก่อความแค้นเอาไว้อีก
 
 
กับท่านอาจารย์ นางมีแต่ความเคารพนบนอบอย่างบริสุทธิ์ใจ
 
 
ยิ่งไปกว่านั้น อย่างท่านอาจารย์ต้องถือเป็นราชาจอมมาร ขยับนิดขยับหน่อยเป็นต้องโยนนางลงไปในสุสานพันปีที่มีแต่ภูติผีปีศาจอยู่เต็มสุสาน หรือไม่ก็โยนพวกปีศาจมาเล่นงานนาง
 
 
“ใช่แล้ว ซื่อมั่วนั้นเหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติด” เสินฟางที่อยู่ด้านข้างก็มิวายว่าตามอีกประโยค “หากว่าข้าเป็นสตรีล่ะก็ จะต้องเลือกเขาแน่นอน”
 
 
ตู๋กูซิงหลันอยากจะร้องไห้ แม่ขอเถอะพวกเจ้าช่วยเงีบยๆ กันหน่อยจะได้ไหม!
 
 
นางมีลางสังหรณ์ว่า ฮ่องเต้สุนัขจะตัวระเบิดแล้ว
 
 
เดิมทีนางคิดจะ ‘เลิกกัน’ แบบจบด้วยดี แต่ถูกเจ้าสองตัวนี้ทำเอาวุ่นวายเสียจนกระทั่งจะลาไปแบบเงียบๆ ก็ยังทำไม่ได้เลย
 
 
ระหว่างนางและท่านอาจารย์มีแต่ความบริสุทธิ์ใจ ทำไมพอออกจากปากของพวกมันถึงได้ทำให้คนเข้าใจผิดไปง่ายๆ
 
 
“เราไม่ดีตรงไหนหรือ?” ฮ่องเต้ทรงร้อนพระทัยจนซวนเซไปหมดแล้ว หากว่าซื่อมั่วอยู่ตรงหน้า พระองค์ก็จะท้าให้ออกมาประลองความเป็นความตายกันไปตั้งนานแล้ว
 
 
สีพระพักตร์มืดครึ้ม น้ำเสียงสั่นเทา หงุดหงิดพลุ่งพล่านอย่างที่สุด ราวกับว่าจะออกไปต่อยตีให้ได้เสียเดี๋ยวนี้
 
 
ตู๋กูซิงหลันยังคงถูกพระองค์กอดเอาไว้ หัวใจดวงน้อยเต้นดังตึกตักตึกตัก หากว่าคนผู้นี้ใช้กำลังอีกสักหน่อย ต่อให้นางไม่ตายก็ต้องถูกบีบจนแหลกแล้ว
 
 
จีเฉวียนมองดูสตรีในอ้อมแขน ด้วยท่าทีหนักแน่นดังเดิม “เราไม่ดีตรงไหน เราจะแก้ไข!”
 
 
พระองค์ใช้น้ำเสียงดุดันอย่างที่สุด ตรัสด้วยคำที่น่ากลัวที่สุดออกมา
 
 
ฮ่องเต้มิทรงกลัวจะเสียพระพักตร์บ้างเลยหรือ
 
 
ภรรยาของซุนต้มยากล่าวเอาไว้แล้ว เรื่องของการจีบสตรี หากว่าไปถึงจุดที่ไม่มีหนทางอื่น เช่นนั้นให้หน้าด้านเข้าไว้ ขอเพียงหน้าหนาพอ กระทำโดยไม่ห่วงหน้าตาใดๆ ทั้งสิ้น ก็ไม่มีหญิงใดที่จีบไม่สำเร็จ
 
 
ถึงพระพักตร์ของฝ่าบาทนี้จะสูงส่งเพียงไร แต่เพื่อนางแล้ว ไม่เอาก็ได้
 
 
เดิมทีตู๋กูซิงหลันตระเตรียมไว้ว่าจะต้องโดนเขาอาละวาดเข้าใส่ แต่เขากลับกล่าวประโยคนั้นออกมา ทำเอานางถึงกับไปไม่เป็น
 
 
วิญญาณทมิฬและเสินฟางต่างก็ตกตะลึงไป
 
 
วิญญาณทมิฬนั้นรู้ว่าฮ่องเต้สุนัขนั้นไร้ยางอาย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะหน้าไม่อายจนถึงขั้นนี้
 
 
ความรัก ที่แท้แล้วก็เหมือนกับสุราพิษ ดื่มลงไปถ้วยหนึ่งก็ออกฤทธิ์แล้ว โอ้  ~
 
 
ดูเอาสิฮ่องเต้พระองค์หนึ่งถึงกลับกลายเป็นคนที่ไม่รักหน้าตาไปได้
 
 
“หลันหลัน อย่าได้ใจอ่อน ลองคิดดูสิ ก่อนหน้านี้เขาทำกับเจ้าอย่างไร!” วิญญาณทมิฬถึงกับทุบหม้อข้าวทิ้งแล้ว
 
 
จะอย่าไรเสียก็ผิดใจกับฮ่องเต้สุนัขไปแล้ว ก็ผิดไปให้ถึงที่สุดเลยแล้วกัน “เขาขังเจ้าเอาไว้ในตำหนักเย็น ให้เจ้าไปอยู่ในบ้านสุนัข แล้วยังหาผู้หญิงอีกกลุ่มใหญ่มารังควาญเจ้า”
 
 
“นับๆ ดูนะ เริ่มตั้งแต่เหลียนไฉเหริน ต่อด้วยฉีผิน เต๋อเฟย ยังมีอันหว่านจรือ สุดท้ายนั่นใครนะ….. เหยียนเฉียวหลัว แม่เจ้าโว้ย แต่ละคนยิ่งมายิ่งแสบสัน”
 
 
“ฮ่องเต้สุนัขผู้นี้มีรูปโฉมเป็นบุรุษเสเพล กวักเรียกดอกท้อเน่าเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน พวกเราไม่อาจเชื่อใจเขา”
 
 
“ที่สำคัญที่สุด ก็คือซูหวงกุ้ยเฟยผู้นั้น ก่อนหน้านี้พึ่งจะถูกเขาจัดการจนท้องโตขึ้นมา ไอ้เด็กน้อยนั่นยังไม่ทันได้ออกมา เจ้าฮ่องเต้สุนัขนี่ก็มาสารภาพรักกับเจ้าแล้ว นี่หรือคือรักจะเป็นจะตาย?”
 
 
“เฮอะ เฮอะ!”
 
 
วิญญาณทมิฬกรอกตาขาวหัวเราะเสียงเย็น “ซูหวงกุ้ยเฟยในวันนี้ ก็คือตัวเจ้าในวันหน้า เชื้อพระวงศ์ล้วนไร้น้ำใจห่วงใยแต่ตนเอง เจ้าอย่าได้ไปฝากความหวังเอาไว้กับเขาเลย”
 
 
“ซื่อมั่ว…. เป็นบุรุษแท้อายุปานนี้แล้วก็ยังรักษาตัวบริสุทธิ์ผุดผ่องดุจดั่งหยกงาม ข้างกายไม่มีห่วงผูกมัด ที่สำคัญคือดีต่อเจ้ามากมายก่ายกอง! มีแต่หญิงตาบอดถึงได้ไปเลือกเจ้าฮ่องเต้สุนัขนั่น!”
 
 
วิญญาณทมิฬคำก็ฮ่องเต้สุนัขสองคำก็ฮ่องเต้สุนัข เรียกเสียสนุกปาก
 
 
ก่อนหน้านี้ได้แต่แอบนินทาเขาลับหลัง ตอนนี้ด่าเสร็จก็เตรียมจะลุกหนี จึงมีความกล้าขึ้นมาแล้ว วิญญาณทมิฬอยากจะไปขุดบรรพบุรุษทั้งสิบแปดรุ่นของเขาขึ้นมาเอาแส้ฟาดเสียด้วยซ้ำ
 
 
ก่อนหน้านี้ที่บอกให้ตู๋กูซิงหลันไปล่อลวงเขา ……ก็เป็นเพราะว่าตกอยู่ในสถานการณ์บังคับมิใช่หรือ?
 
 
ตอนนี้ได้ระบายอารมณ์โกรธออกมาช่างสะใจดีแท้
 
 
แต่ไหนแต่ไรจีเฉวียนทรงเป็นผู้ที่ภายนอกเย็นชาแต่ภายในจดจำความแค้นได้อย่างดี ตอนนี้พอถูกวิญญาณทมิฬก้มหน้าก้มตาด่ากราดออกมา จึงได้ย้อนกลับไปคิดถึงสิ่งที่เคยทำกับตู๋กูซิงหลันเอาไว้ พระองค์ย่อมคิดจะย้อนกลับไปตบพระโอษฐ์ตนเองสักหลายครั้ง
 
 
ด้วยเหตุทั้งหลายทั้งมวลนี่เองส่งผลให้ เสี่ยวซิงซิงถึงได้รังเกียจเขา ที่ไม่อาจยอมรับเขานั่นก็นับว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง
 
 
ที่ผ่านมาเขา…..ทำไม่ดีกับนางเอาไว้
 
 
ทำไม่ดีเอาไว้มากๆ
 
 
“หากว่าเป็นเพราะเรื่องในอดีต เราต้องขอโทษเจ้าแล้ว เสี่ยวซิงซิง เราผิดไปแล้ว” จีเฉวียนกอดตู๋กูซิงหลันเอาไว้ วางคางลงบนบ่าของนาง “เราสัญญา ต่อไปจะไม่ทำให้เจ้าต้องขัดใจหรือทุกข์ใจอีกแล้ว”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “…..” ไม่ใช่ ทั้งหมดนี้มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
 
 
“ขอเพียงแค่เจ้ารั้งอยู่ ต่อให้ครึ่งชีวิตหลังของเราต้องอยู่ในรังสุนัขก็ไม่เป็นไร”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “???” เรื่องรังสุนัขเนี่ย ให้มันผ่านๆ ไปจะได้ไหม?
 
 
“หากว่าเจ้าชอบบุรุษหนุ่ม……ที่ยังบริสุทธิ์ เป็นเราก็นับว่าใช่พอดี”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “???” ให้ตายเถอะ! แล้วที่ซูคนงามท้องโตนั้นเป็นฝีมือของใครกัน?
 
 
แตงกวาเน่าคิดจะป่าวประกาศว่าตนเองเป็นแตงกว่าอ่อน?
 
 
อายบ้างไหม?
 
 
“พูดไปแล้วเจ้าอาจจะไม่เชื่อ ซูเม่ยผู้นั้นเป็นบุรุษ”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “อ่อ….” นางเชื่อกับผีนะสิ!
 
 
วิญญาณทมิฬ “หลันหลัน อย่าไปเชื่อเขา!”
 
 
ฮ่องเต้สุนัขผู้นี้มีปากที่อยากจะพูดจาเหลวไหลอะไรก็ได้ทั้งนั้น
 
 
“ลมปากของบุรุษ หลอกลวงยิ่งกว่าผีสาง! หากว่าตอนนี้เจ้าเลือกจะรั้งอยู่ รับรองว่าวันเวลาที่เหลือต้องถูกรังแกจนอเนจอนาถเป็นแน่”
 
 

 
 
ใช่แล้ว….หากว่าหลันหลันอยู่ต่อล่ะก็ วิญญาณทมิฬก็รู้เลยว่าวันเวลาที่เหลือของมัน มีหวังต้องถูกฮ่องเต้สุนัขเฆี่ยนตีทุกวันเป็นแน่
 
 
ทอดในกระทะ ห้าม้าแยกร่าง จิตแตกสลาย …..จุ๊ จุ๊ จุ๊ มันไม่อยากจะคิดถึงเลย
 
 
ยิ่งคิดก็ยิ่งน่ากลัว จากนั้นมันก็ยิ่งคิดจะไปจากฮ่องเต้สุนัขให้ไกลกว่าเดิม ไปหลบอยู่ในร่มอันปลอดภัยของซื่อมั่ว
 
 
ส่วนท่านยมราชที่ฟังทั้งหมดอยู่ด้านข้างนั้น “……”
 
 
เขากำลังคิดว่า หากว่าซื่อมั่วได้รู้ว่าลูกศิษย์สุดรักสุดหวงของตนเองถูกพัวพันถึงขนาดนี้ เขาจะทำเช่นไร?
 
 
อย่าได้เห็นว่าไอ้เฒ่านั้นภายนอกหน้านิ่งๆ รักษามาด ….ในกระดูกก็ดำมืดเหมือนกันแหละ
 
 

 
 
——
 
 
คุยกันนิดนึง:
 
 
ไรท์ : เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าถวนจื่อสมควรโดนเอาไปเก็บไว้ก่อน โทษฐานขวางพี่เต้
 
 
ถวนจื่อ: เค้าทำตามหน้าที่นะ

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset