ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 319 เจ้าคิดว่าเราจะไม่ปวดใจหรืออย่างไร

ตู๋กูซิงหลัน “!!!”
 
 
ชื่อหลี “เอ่อ…..”
 
 
ตอนที่อยู่ในถุงเฉียนคุน จีเฉวียนทรงได้ยินคำพูดของพวกนางอย่างชัดเจนหมดแล้ว
 
 
ฟังจากคำพูดของชือหลี ก็รู้ว่าก่อนหน้านี้นางจับบุรุษมาให้ตู๋กูซิงหลันมากมาย
 
 
นี่ย่อมทำให้พระองค์ทรงพิโรธอยู่บ้าง แต่พอคิดว่าบุรุษเหล่านั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้สัมผัสเส้นผมสักเส้นของนาง พระทัยของพระองค์ก็ค่อยสงบลงได้อีกครั้ง
 
 
ดวงเนตรหงส์คู่นั้นจดจ้องมองนาง
 
 
แยกจากกันไปหนึ่งเดือนกับอีกแปดวัน สำหรับพระองค์แล้วแต่ละวันล้วนเป็นความทรมานที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น
 
 
พระองค์ทรงทอดพระเนตรมองนางไปทุกส่วนอย่างไม่ยอมให้สิ่งใดเล็ดลอดพระเนตรไป นับตั้งแต่เจอกันจนถึงตอนนี้ นางก็นั่งอยู่บนพื้นมาโดยตลอด ตั้งแต่ส่วนเอวลงไปไม่เคยขยับเลยสักนิด
 
 
พระหัตถ์ข้างหนึ่งของจีเฉวียนยังคงจับตัวของนางเอาไว้โดยไม่ยอมคลาย เมื่อครู่ไม่ทันสังเกต แต่ตอนนี้ทรงรู้สึกได้ว่าร่างกายของนางเย็นกว่าแต่ก่อนมาก
 
 
ในร่างกายของนาง มีไอหยินที่รุนแรงสายหนึ่งอย่างชัดเจน
 
 
แววพระเนตรของพระองค์อึมครึมกว่าเดิม แต่มิได้ทรงตรัสถามเรื่องที่เดินขึ้นภายในโลงทองแดงหลังนั้น
 
 
เพียงแค่ทรงเห็นใบหน้าที่ซูบผอมของนาง พระทัยก็เจ็บปวด
 
 
ทั้งยังมีพระพิโรธ
 
 
นางยินยอมตามเทพธิดาสายน้ำมาที่นี่ แต่กลับไม่ยอมกลับไปหาพระองค์ที่เมืองหลวง เพราะต้องการปฏิเสธพระองค์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
 
 
องครักษ์ลับของพระองค์ไม่ได้กินแต่ข้าวเปล่า นางอยู่ในเมืองกู่เย่วแท้ๆ แต่พวกเขากลับหานางไม่เจอแม้แต่เงา ก็แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่านางจงใจซ่อนตัว
 
 
พระหัตถ์ของจีเฉวียนที่จับเอวของนางเอาไว้ยิ่งออกแรงมากกว่าเดิม
 
 
สีหน้าของตู๋กูซิงหลันเปลี่ยนไปทันที นางหันไปสบตากับชือหลีอย่างเงียบๆ
 
 
ชือหลี ดูสิว่าเจ้าทำอะไรลงไป?
 
 
จับใครมาไม่จับ ไปจับเจ้าฮ่องเต้สุนัขนี่มา นี่ไม่ใช่ว่าเขาคิดจะบี้นางให้ติดกับพื้นหรอกหรือ?
 
 
ชือหลีลังเลไปเล็กน้อย ยังคงเดินไปข้างหน้าสองก้าว “ฮ่องเต้ต้าโจว ท่านทำให้นางตกใจแล้ว”
 
 
จีเฉวียนหันพระเศียรไปช้าๆ กวาดพระเนตรมองดูชือหลี ก็ไม่รู้ว่าทำไม ชือหลีที่เป็นถึงเทพธิดาแห่งสายน้ำ กลับรู้สึกตัวแข็งขึ้นมา แม้แต่หัวใจก็ยังชาวาบ
 
 
นางรีบถอยหลังไปอีกก้าว “ข้าหมายความว่า ฝ่าบาททรงเป็นฮ่องเต้แห่งต้าโจวสมควรรักบุปผาถนอมหยกให้มากหน่อย”
 
 
“โดยเฉพาะ นางยังคงเป็นสาวน้อยที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “!!!” โว้ย ชือหลีไม่ต้องกลัวเอามากขนาดนี้ได้หรือไม่? อย่างไรก็เป็นถึงเทพธิดาแห่งสายน้ำ! มั่นใจในตัวเองหน่อยได้ไหม!
 
 
นี่นางกลับขายสหายทิ้งเอาดื้อๆ มันน่าตีให้ตายนัก
 
 
ชือหลีพูดจบแล้วก็แปลงเป็นครึ่งคนครึ่งงู เลื้อยออกจากห้องทางหน้าต่าง ขึ้นไปแขวนตัวอยู่บนต้นไห่ถางขนาดใหญ่ในทันที
 
 
จากนั้นก็ไม่ลืมส่งเสียงมายังในห้องว่า “ข้าไม่อยู่รบกวนแล้ว ขอรับลมอยู่ด้านนอกนี่แล้วกัน”
 
 
ใครจะไปรู้ว่าโอรสสวรรค์แคว้นโจวผู้นี้คือตัวอะไรกันแน่ …..ถูกเขาจับจ้องเข้ารอบหนึ่ง นางก็รู้สึกเหมือนจะโดนเอาชีวิตเสียแล้ว
 
 
ถึงอย่างไร…….เขาก็เป็นถึงฮ่องเต้ บนร่างจะมากจะน้อยย่อมต้องมีไอมังกรอยู่บ้าง หากใช้ไอมังกรสลายไอหยิน อาจจะดีกว่าใช้ไอหยางก็เป็นได้ละมั้ง?
 
 
พอคิดได้เช่นนี้ ชือหลีก็สะบัดชายแขนเสื้อออกไปครั้งหนึ่ง ประตูหน้าต่างก็ถูกปิดลงในทันที
 
 
‘การรักษา’ อย่างว่า นางไม่ต้องดูเสียดีกว่า
 
 
พอคิดๆ ดูให้ละเอียด นี่นางก็ไม่ได้พบตู๋กูเจวี๋ยมาเดือนกว่าแล้วสินะ
 
 
เมื่อชือหลีไปแล้ว ภายในห้องก็เหลือแต่ความเงียบงัน
 
 
จีเฉวียนยังคงกอดนางเอาไว้โดยไม่ยอมปล่อย ลมหายใจเย็นของเขายังคงจรดอยู่บนใบหน้าของนาง
 
 
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงเหยียบชายกระโปรงของหม่อมฉันแล้ว” ตู๋กูซิงหลันเบี่ยงหน้าออกไปกระตุกกระโปรงผ้าที่ถูกเขาทับเอาไว้
 
 
จีเฉวียนไม่ยอมขยับ แต่กลับเลื่อนมือไปที่เอวของนาง “ถ้ากระโปรงมันยุ่งยากนักก็ถอดออกไปเถอะ”
 
 
ตู๋กูซิงหลันรีบยื่นมือลงไปจับที่ขอบเอวของตนเองเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว แต่ที่จับได้กลับไม่ใช่เอวของตนเอง แต่กลับเป็นไปคว้าหลังพระหัตถ์ของจีเฉวียนเอาไว้แทน
 
 
ตู๋กูซิงหลันถึงกับมุมปากกระตุก น่าตายนัก ไม่พบกันเดือนหนึ่ง ไยฮ่องเต้สุนัขผู้นี้ถึงได้ทำอะไรเป็นเล่นไปหมด
 
 
“ซิงซิง” จีเฉวียนขยับพระองค์น้อยๆ “นี่เจ้ากำลังยั่วยวนเราอยู่”
 
 
ตู๋กูซิงหลันถูกเขาหยอกเย้าเสียจนหูแดง หากมิใช่ว่านางเป็นคนใจแข็งดั่งเหล็กกล้า เกรงว่าตอนนี้หัวใจคงผู้เขาเป่าจนระเบิดไปแล้ว
 
 
ให้ฟ้าผ่าตายเถอะ ใครก็ได้ช่วยมาเอาตัวมารนี้ออกไปที
 
 
“ฝ่าบาท คงมิใช่ว่าแม้แต่คนพิการพระองค์ก็ไม่ทรงละเว้นกระมัง?” มือของนางยังคงคว้าหลังพระหัตถ์ของเขาเอาไว้ ดวงตาดอกท้อคู่นั้นจดจ้องไปยังเขา
 
 
มีแค่เพียงแสงสว่างจางๆ จากห้องข้างๆ ที่ส่องเข้ามา แต่แสงนั้นกลับสะท้อนเข้าไปในดวงตาของนาง
 
 
พิการ สองคำนี้ดังกึกก้องเข้าไปในใจของจีเฉวียน ปลายพระหัตถ์ลูบไปบนข้างแก้มของตู๋กูซิงหลัน ค่อยสัมผัสลูบไล้นางเบาๆ
 
 
พระหัตถ์อีกข้างคว้ามือของนางเอาไว้ นำมาประทับลงบนพระอุระอย่างช้าๆ
 
 
“ซิงซิง เจ้าไม่คิดว่าเราเองก็ปวดใจหรอกหรือ?”
 
 
หัวใจของเขาเต้นเร็วมาก ตึก…ตึก…..ตึก……
 
 
ทั้งๆ ที่หน้าอกของเขาออกจะเย็นแท้ๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมตู๋กูซิงหลันถึงได้กลับรู้สึกว่าร้อนลวกมือ
 
 
“ก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” นางกลบเกลื่อนไป
 
 
นางไม่ใช่พวกอ่อนไหวเพียงนั้น พอได้รับบาดเจ็บก็ต้องโวยวายให้ใครๆ ได้รู้
 
 
แค่ประโยคเดียว ก็ทำเอาจีเฉวียนต้องหลุบตาลง กุมมือของนางเอาไว้อย่างแนบแน่น พิการไปแล้ว แต่นางกลับบอกว่าเป็นเพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อย?
 
 
นางไม่รู้หรือว่า ต่อให้นางแค่ปลายนิ้วแตก เขาก็ปวดใจมากแล้ว
 
 
ยามนี้เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก คิดแต่อยากจะพานางกลับวัง กักตัวเอาไว้ ถนุถนอมให้ดี
 
 
ดวงตาหงส์ทอประกายข่มขู่ ทอดพระเนตรมายังตู๋กูซิงหลันอย่างตัดสินพระทัยบางประการ
 
 
นางพึ่งจะขยับตัว จีเฉวียนก็โถมพระองค์ลงมาเกือบทั้งตัว
 
 
ร่างครึ่งล่างจากเอวลงไปของตู๋กูซิงหลันไม่มีเรี่ยวแรง พอจีเฉวียนโถมเข้ามา นางก็หงายลงไปทั้งตัว
 
 
นางยังไม่ทันกระทบพื้น พระหัตถ์ของจีเฉวียนก็ยื่นมารองรับแผ่นหลังของนางเอาไว้เสียก่อน ดึงตัวนางกลับขึ้นมาทั้งตัว
 
 
ชั่วขณะที่ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าตัวเองลอยเคว้ง สมองมึนงงไป ก็พลันถูกเขาโอบกอดเอาไว้เสียแล้ว
 
 
จีเฉวียนอุ้มนางขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พาไปที่เตียง ค่อยวางลงไปช้าๆ
 
 
“พื้นเย็นมาก นอนตรงนั้นไม่ได้” พระองค์ประทับนั่งลงข้างกายตู๋กูซิงหลันสายพระเนตรตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่คลาดไปจากนางแม้แต่วินาทีเดียว
 
 
ที่จริงแล้วสำหรับตู๋กูซิงหลัน ในเมื่อพิการก็พิการไปแล้ว ต่อให้ต้องนอนบนพื้นก็ไม่เป็นไร
 
 
ยิ่งจีเฉวียนอ่อนโยนมากเท่าไร่ หัวใจของนางก็ยิ่งว้าวุ้นมากเท่านั้น
 
 
ราวกับว่าตนเองเป็นนักโทษประหาร ที่ได้รับข้าวมื้อสุดท้ายอย่างไรอย่างนั้น นางคิดแต่ว่าจีเฉวียนจะต้องลงมืดจัดการลงโทษนางอย่างแน่นอน
 
 
เพราะตอนนั้น……นางทิ้งเขาไปจริงๆ
 
 
คนที่หยิ่งผยองในตนเองอย่างฮ่องเต้ ไหนเลยจะยอมกล้ำกลืนเรื่องเช่นนี้ได้?
 
 
ตู๋กูซิงหลันยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดหวั่น นางรู้สึกว่าสมควรจะต้องกล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นสักหน่อย จึงกระแอมออกมาสองครั้ง “ฝ่าบาท นั่น เอ่อ….”
 
 
“หืม?” น้ำเสียงของจีเฉวียนอ่อยโยน พระหัตถ์ข้างหนึ่งอยู่ที่ริมหูของนาง ช่วยเหน็บเส้นผมไว้ที่ข้างหูของนาง
 
 
“ตอนนั้น หม่อมฉันมิได้ตั้งใจจะละทิ้งฝ่าบาท” ตู๋กูซิงหลันกล่าวเสียงอู้อี้ “สถานการณ์ในตอนนั้นพระองค์ก็ทรงได้เห็นแล้ว มันวุ่นวายมาก ยมราชผู้นั้นร้ายกาจมากจริงๆ ทั้งยังแทงพระองค์ไปดาบหนึ่ง หากหม่อมฉันไม่ไปละก็ เขาจะต้องไม่ยอมเลิกราเป็นแน่”
 
 
ตอนนี้นางถูกจีเฉวียนจับตัวได้แล้ว ต่อให้หนีก็หนีไม่ได้ ได้แต่สุ่มหาทางออกดู
 
 
คิดแล้วนางก็เริ่มใช้แผนเรียกร้องความสงสาร “หม่อมฉันเพียงแต่คิดเสียสละส่วนน้อย เพื่อสนับสนุนสิ่งที่สำคัญกว่า พระองค์จะทรงเป็นบุรุษที่ครองแผ่นดินทั่วหล้า หม่อมฉันย่อมไม่อาจปล่อยให้พระองค์ได้รับบาดเจ็บ”
 
 

 
 
——
 
 
ไรท์ : ฮือ รู้แล้ว จะเริ่ม ‘รักษา’ กันได้หรือยัง? แอบดูอยู่บนหลังคา ยุงเยอะมาก
 
 
ตอนต่อไป “เจ้าผิดหวังเรื่องอะไร?”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset