ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 320 เจ้าผิดหวังเรื่องอะไร?

“ทอดพระเนตรสองขาของหม่อมฉันสิเพคะ ตอนนี้ไปกันใหญ่แล้ว ถึงกับใช้การไม่ได้เสียเลย ก็มิใช่เพราะว่าหม่อมฉันรับบาดเจ็บแทนพระองค์หรอกหรือ….”
 
 
หากคิดดูให้ดีแล้ว ถ้านางไม่ได้ใช้ยันต์แลกอาการบาดเจ็บล่ะก็ ตอนที่ปะทะกับมือสีดำภายในช่องว่างมิติเวลา ก็คงไม่ต้องบาดเจ็บจนถึงขั้นนี้
 
 
ดังนั้นถ้านางพูดออกมาเช่นนี้ก็สมควรจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
 
 
ตู๋กูซิงหลันให้กำลังใจตนเอง
 
 
หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นทีละน้อย จดจ้องไปยังจีเฉวียน
 
 
ทันทีที่มองขึ้นไป พระโอษฐ์ของจีเฉวียนก็โผเข้ามา ประกบลงไปบนริมฝีปากของนางอย่างเนิ่นนาน
 
 
การที่นางพยายามจะอธิบายกับพระองค์ด้วยตนเอง ก็แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่ามิใช่ว่าในใจของนางไม่มีพระองค์อยู่
 
 
เป็นเพราะกังวลห่วงใยถึงได้พยายามอธิบายมิใช่หรือ?
 
 
คำพูดของตู๋กูซิงหลันล้วนถูกผนึกอยู่ใต้ริมฝีปาก พอถูกจีเฉวียนจุมพิตลงมา สมองของนางก็มีแต่เสียงวิ้งวิ้ง หัวใจเจ็บแปลบครั้งหนึ่ง
 
 
นางต้องรวบรวมพละกำลังอยู่นานถึงได้สามารถระงับอาการเจ็บหัวใจนี้ได้สำเร็จ ถึงจะพยายามปฏิเสธเช่นไรก็ไม่อาจทำได้
 
 
ตอนนี้นางกลายเป็นคนพิการไปแล้ว ยังจะไปต่อสู้อะไรกับจีเฉวียนได้อีก?
 
 
ชือหลีที่ขายมิตรสหายทิ้งนั้นก็เผ่นแน่บไปตั้งนานแล้ว ทิ้งนางเอาไว้ตรงนี้เพียงผู้เดียว ราวกับว่านางก็คือเนื้อปลาบนเขียง
 
 
ดูเอาเถอะขนาดสัตว์อสูรในพันธสัญญาของจีเฉวียนก็ยังอยู่ด้านข้างมองอยู่แท้ๆ
 
 
นี่มันชัดเจนเลยว่าเขาจงใจลากมันออกมาข่มขู่นางใช่ไหม?
 
 
“ทีหลัง ไม่อนุญาตให้เจ้าทำเรื่องโง่เช่นนี้อีก” เนิ่นนาน จีเฉวียนถึงได้ปล่อยตัวนาง
 
 
“ก็ได้” ตู๋กูซิงหลันพยักหน้าอย่างว่าง่าย อีกหน่อยเวลามีเรื่องอันตราย นางจะผลักเขาออกไปข้างหน้าก่อนเลย
 
 
นางจะไม่เอาตนเองออกไปหาเรื่องจนต้องมากลายเป็นเนื้อปลาบนเขียงอีกแล้ว
 
 
ยากนักที่จะได้เห็นนางเชื่อฟังวาจา จีเฉวียนจึงจุมพิตลงไปที่ข้างแก้มของนางอีกครั้ง จากนั้นค่อยเอนพระองค์ลงนอนที่ข้างกายของนาง
 
 
พระองค์ยื่นพระหัตถ์มาคว้านางเข้าไปในอ้อมพระพาหา กอดเอาไว้จนแนบแน่น ตรัสเบาๆ ที่ริมหูของนางว่า “เรื่องอื่นๆ ปล่อยไปก่อน เราจะรักษาเจ้าเสียก่อน”
 
 
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาทั่วร่างในทันที
 
 
ความคิดของฮ่องเต้สุนัขทำไมถึงได้กระโดดไปกระโดดมาได้รวดเร็วปานนี้?
 
 
นางเกือบจะตามไม่ทันเอา
 
 
“เราจะทำตามที่เทพธิดาสายน้ำแนะนำเอาไว้”
 
 
ร่างกายของตู๋กูซิงหลันตื่นเต้นจนแข็งทื่อไปหมดแล้ว
 
 
ในร่างของจีเฉวียนมีไอหยินที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่ก็มีไอมังกรอยู่ด้วยจริงๆ
 
 
ตอนนี้เบื้องหน้าของนางมีทางเลือกอยู่สามทาง
 
 
ทางแรกก็คือ ชิงร่าง เปลี่ยนเป็นร่างใหม่
 
 
ทางที่สอง คือทำตามที่ชือหลีว่า เพื่อสลายไอหยินขุมนั้นไปเสีย
 
 
ทางที่สาม อยู่อย่างทรมานเช่นนี้เป็นคนพิการไปทั้งชาติ
 
 
หรือไม่ก็กลับไปยังโลกปัจจุบัน หากมีท่านอาจารย์อยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิธีอื่นก็ได้
 
 
แต่เพราะว่าตอนนี้นางยังไม่อาจกลับไปได้
 
 
ตู๋กูซิงหลันคิดๆ ดูแล้ว ยังคงต้องยอมรับว่าวิธีที่สองคือวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
 
 
มิว่าเรื่องใดๆ หากนำมาเปรียบเทียบกับเรื่องชีวิตและสุขภาพแล้ว ก็ไม่อาจเทียบค่าได้ทั้งนั้น
 
 
พอสรุปได้เรียบร้อยแล้ว ก็กวาดตาไปมองดูดวงพักตร์ที่งดงามเกินใครเทียบของจีเฉวียน ในที่สุดนางก็ตัดสินใจทุบหม้อข้าว
 
 
เมื่อมีกฏของสำนักค้ำคออยู่ นางย่อมไม่อาจใช้วิธีชิงร่าง ทั้งยังไม่คิดจะเป็นคนพิการไปจนชั่วชีวิต
 
 
ช่างเถอะ….ยอมๆ ไปก็แล้วกัน
 
 
อย่างมากก็ต่อไปภายหน้าเชิดหนีไม่รับเสียก็สิ้นเรื่อง อย่างไรเสียเรื่องหน้าไม่อายทั้งหลายนางก็เคยกระทำมานักต่อนักแล้ว
 
 
หลังจากที่ได้คำตอบในใจแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็จำต้องยอมรับ
 
 
จีเฉวียนเห็นท่าทีที่เชื่อฟังไม่มีการต่อต้านของนาง พระหัตถ์ใหญ่โตก็คว้าลงไปบนบั้นเอวนั้นทันที
 
 
เอวของนางเล็กบาง ราวกับว่าแค่ใช้แรงมากไปสักหน่อยก็จะหักแล้ว
 
 
พระหัตถ์ของจีเฉวียนเย็นมาก พอสัมผัสลงมาก็ทำเอาตู๋กูซิงหลันหนาวสั่นไปทั้งตัว แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังพลอยเย็นเฉียบไปด้วย
 
 
ด้านนอกห้อง ชือหลีเจาะรูเล็กๆ บนหน้าต่าง เพื่อแอบดู
 
 
จุ๊ จุ๊ …..โอสรสวรรค์ช่างสมเป็นโอรสสวรรค์ แม้แต่แตงที่ฝืนหักมาก็ยังจะเสวยให้ได้ ลงมือรวดเร็วยิ่งนัก
 
 
พอมองเข้าไปนางก็เห็นว่า ไอหยินบนร่างของจีเฉวียนกำลังกำจายตัวออกมา
 
 
ฟู่ ฟู่ ฟู่…….
 
 
ภายในห้องเกิดลมพัด สายลมนั้นพัดออกไปจนทำให้แสงเทียบจากห้องข้างๆ ดับวูบไป
 
 
จากนั้นหมอกสีดำกลุ่มหนึ่งก็มาขวางอยู่ตรงหน้าต่างบังรอยเจาะนั่นเอาไว้
 
 
เมียเมียออกไปเฝ้าข้างนอกโดยมิต้องให้บอก มันออกไปขวางอยู่ตรงหน้าชือหลี ตาสบตากันอยู่ตรงนั้น
 
 
ชือหลี “…….” คนที่เป็นถึงโอรสสวรรค์ทำไมถึงได้ใจแคบขนาดนี้ ดูนิดดูหน่อยก็ไม่ได้ ใช่ว่ามีใครจะเป็นอะไรสักหน่อย
 
 
ทันทีที่แสงเทียนจากห้องข้างๆ ดับไป ภายในห้องที่ตู๋กูซิงหลันอยู่ก็พลอยมืดสนิทลงไปด้วย
 
 
ในตอนนั้นเอง จีเฉวียนก็กัดลงไปที่เอวของนางคำหนึ่ง
 
 
พระหัตถ์ของจีเฉวียนคว้ามือของนางเอาไว้ ทั้งสิบนิ้วประกบเข้าหากันอย่างแนบแน่น
 
 
“โอ้ย เจ็บจะตายแล้ว!” ตู๋กูซิงหลันเจ็บจนแทบจะดีดขึ้นมานั่ง
 
 
ความเจ็บนี้ ทำเอาคนแทบขาดใจตาย
 
 
นี่จีเฉวียนเกิดความชอบพิศดารอะไรกับเอวของนางหรือไม่? ขนาดมีเสื้อผ้าอยู่ยังสามารถกัดทะลุลงไป
 
 
ในความมืด ตู๋กูซิงหลันหันไปจับจ้องดูเขา “ฝ่าบาท ทรงเห็ว่าเอวของหม่อมฉันเป็นเนื้อลายติดมันหรืออย่างไรเพคะ?”
 
 
จีเฉวียนบีบลงไปใต้พระหัตถ์เบาๆ “ผอมมากเกินไป ไม่มีไขมันเลย ไม่ใช่เนื้อลายหรอก….”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “…..”
 
 
“ซิงซิง เจ้าผิดหวังในที่ใด?” จีเฉวียนเงยพระพักตร์ขึ้นมา มองดูรูปร่างของนางในความมืด “เจ้าอยากให้เราทำอย่างอื่นด้วยหรือ?”
 
 
จะช้าหรือเร็วนางก็ต้องเป็นของเขา
 
 
แต่จะต้องมิใช่เพราะถูกสถานการณ์บีบบังคับเช่นนี้
 
 
พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ที่มีศักดิ์ศรีสูงส่ง มีแต่เรื่องนี้เท่านั้นที่พระองค์จะไม่ทรงบีบบังคับนาง
 
 
พระองค์รักนาง จึงเคารพการตัดสินใจของนาง ขณะที่นางยังไม่ยอมรับพระองค์ พระองค์ก็จะยังไม่ล่วงเกินนาง
 
 
ตู๋กูซิงหลันถูกเขาดักคอจนพูดอะไรไม่ออก
 
 
อะไรกัน….ที่แท้ผู้รู้ดีอย่างนางถึงกับเข้าใจทุกอย่างผิดไปเอง?
 
 
นางผิดหวังกับผีที่ไหน!
 
 
ตู๋กูซิงหลันพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน จนจีเฉวียนตรัสออกมาอีกครั้ง “หากว่าเจ้าต้องการละก็ เราก็พร้อมจะสนอง”
 
 
ตายโห….ง!
 
 
พูดอย่างงี้ได้อย่างไร?
 
 
นางคาดหวังอะไรที่ไหนกัน?
 
 
นางก็แค่อยากจะมีร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น!
 
 
หัวใจของตู๋กูซิงหลันระทึกจนเต้นตูมตาม นางสูดหายใจเข้าไปลึกๆ อีกหลายครั้ง จากนั้นค่อยบอกกับจีเฉวียนว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่อยากจะเป็นคนพิการไปชั่วชีวิต”
 
 
ดังนั้นรบกวนท่านอย่าได้พิรี้พิไร ใช้ไอมังกรอันสูงส่งของท่าน ช่วยหม่อมฉันสลายไอหยินในชีพจรออกไปเร็วๆ โอเค?
 
 
ประโยคหลังๆ เหล่านั้น ตู๋กูซิงหลันไหนเลยจะกล้าพูดออกไป
 
 
“เรารู้แล้ว” จีเฉวียนพยักพระพักตร์น้อยๆ”
 
 
พระองค์เคยมีความคิดจะตัดขานางอยู่หลายครั้ง ให้นางหนีไปไหนไม่ได้อีก แต่พอได้มาเห็นนางพิการเข้าแล้วจริงๆ ในพระทัยนอกจากความเจ็บปวดก็มีแต่ความเจ็บปวดมากกว่าเดิม
 
 
ทรงรักนางมาถึงเพียงนี้ ไหนเลยจะอยากให้นางต้องทนรับความเจ็บปวดแม้เพียงเล็กน้อย
 
 
ตรัสแล้ว ก็ทรงกัดซ้ำลงไปอีกคำโต
 
 
ตู๋กูซิงหลันเจ็บจนต้องสูดลมหายใจเย็นเฉียบเข้าไปอีกเฮือก นางรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่กำลังแทรกเข้าไปภายใต้ผิวเนื้อได้อย่างชัดเจน
 
 
ราวกับว่าถูกคมเขี้ยวของสุนัขดุร้ายฝังลงไป
 
 
ความเจ็บปวดนี้ลึกลงไปถึงแก่นกระดูก
 
 
แม่จ๋าแม่! ฮ่องเต้สุนัขผู้นี้ต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ!
 
 
ตู๋กูซิงหลันฝืนทนต่อความเจ็บปวดคิดไปถึงเหล่าลูกสะใภ้ภายในวังหลัง พูดตามตรงนะ….ผู้ที่ถูกฮ่องเต้สุนัขผู้นี้หมายตา ช่างน่าสงสารแท้ๆ
 
 
เขาชอบกัดคน! กัดจมเขี้ยวถึงตาย!
 
 
โอ้ย ไม่ไหวแล้ว พอแล้วเถอะ!
 
 
จีเฉวียนทรงใคร่ครวญอยู่ในพระทัยอย่างเงียบๆ ว่านางผอมเกินไปแล้ว บนเอวนี่ไม่มีเนื้อเลยสักนิด
 
 
เอาไว้พากลับไปแล้ว จะต้องบำรุงให้มากๆ เลี้ยงนางให้อวบอ้วนขึ้นมาให้ได้
 
 
ตอนนี้ตู๋กูซิงหลันไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อน ถึงอย่างไรก็ถูกฮ่องเต้สุนัขผู้นี้กัดไปแล้ว เขาอยากจะกัดอีกนานเท่าไหร่ก็กัดไปเถอะ
 
 
นางเป็นคนหนังหนา ถึงถูกกัดไปหลายคำก็คงไม่ตาย
 
 
นางเหมือนกับปลาเค็มที่วางอยู่บนเขียง ความปวดบริเวณที่บาดเจ็บลดลงไปแล้ว
 
 
พอผ่านไปครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีไอหยินขุมหนึ่งแทรกซึมเข้าไปในจุดที่บาดเจ็บ
 
 
เย็นเฉียบอย่างยิ่ง หนาวเย็นเสียยิ่งกว่าไอหยินที่อยู่ภายในจุดชีพจรที่บาดเจ็บ
 
 

 
 
——
 
 
ตอนต่อไป “เจ้าต้องการเช่นไร”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset