ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 374 สนับสนุนฮ่องเต้ต้าโจว

เขาทำลายแคว้นเหยียนทั้งแคว้นลงไปกับมือ แต่กลับไม่รู้จักสำนึกเลยสักนิด
 
 
เอาแต่จะโยนความผิดที่ต้องถูกก่นด่าประนามไปนับพันปีไปให้กับจีเฉวียนเท่านั้น
 
 
จีเฉวียนแย้มสรวลอย่างเย็นชา “อย่างงั้นหรือ?”
 
 
“ย่อมต้องใช่อยู่แล้ว จีเฉวียน เจ้าทำลายชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปมากมาย ในใจไม่รู้สึกละอายบ้างเลยหรืออย่างไร? ไม่กลัวหรือว่ายามค่ำคืนเวลานอนจะได้ฝันเห็นคนเหล่านั้นมาทวงชีวิตกับเจ้าหรอกหรือ?” องค์ชายเจ็ดเหยียนฉิวเองก็เอ่ยขึ้นมาบ้าง
 
 
เขาจับจ้องไปที่จีเฉวียนอย่างไม่ละสายตา ในใจก็ครุ่นคิดอยู่ว่าทำไมมันถึงได้ไม่กลายเป็นผีดิบเสียที
 
 
จากด้านที่เขาอยู่ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าบนลำคอของจีเฉวียนมีบาดแผล แค่ดูก็รู้ว่าถูกกัดมา
 
 
โรคผีดิบนั่นจะช้าเร็วก็ต้องกำเริบขึ้นอย่างแน่นอน พวกเขาแค่คอยถ่วงเวลาเอาไว้ มันก็จะต้องมีแต่ตายกับตายเท่านั้น
 
 
แนวหน้าส่งข่าวมาแล้วว่า ทหารม้าของจีเฉวียนถูกทำลายไปในเมืองจิงหวากว่าครึ่ง พอออกมาจากเมืองจิงหวาได้ก็มีคนอีกเกินครึ่งที่ติดเชื้อผีดิบ ดังนั้นกองกำลังของเขาในยามนี้….เกรงว่าต่อให้รวมเข้าด้วยกันทั้งหมดก็คงจะไม่เกินพันคน
 
 
เมืองหลวงแคว้นต้าเหยียนของพวกเขามีทหารแกร่งอย่างน้อยๆ ก็นับแสนคน แล้วทำไมจะต้องไปกลัวเขาอีกกัน?
 
 
เหยียนฉิวผู้นั้นกลับไม่ฉุกคิดดูสักหน่อยเลยว่า ขนาดตอนนี้ทั่วทั้งตำหนักมีเพียงแค่จีเฉวียนผู้เดียว……พวกเขาก็ยังไม่กล้าบุกเข้าไปเลย
 
 
ยิ่งไม่ได้คิดถึงว่า จีเฉวียนเข้ามาในตำหนักได้อย่างไร
 
 
น้ำเสียงของเหยียนฉิวพึ่งขาดหาย ก็เห็นประตูใหญ่และหน้าต่างทั้งหมดของตำหนักถูกเปิดออก แสงสว่างที่เจิดจ้าสาดเข้ามา
 
 
ในใจของทุกคนต่างก็พากันเกิดความตื่นตัว พอกวาดสายตามองออกไป ก็เห็นระเบียงรอบตำหนักที่เดิมเคยว่างเปล่า ตอนนี้กลับมีราษฏร์แคว้นเหยียนยืนอยู่อย่างแน่นขนัดไปหมด
 
 
และทหารของแคว้นต้าโจวมากกว่าพันคนต่างก็คอยพิทักษ์อยู่ด้านหลังของประชาชน
 
 
จีเฉวียนหันพระองค์กลับไปทอดพระเนตรมองดูราษฏร์ที่ยืนอยู่บนระเบียง ทันทีที่พระองค์กวาดพระเนตรมองก็เห็นราษฏร์พากันคุกเข่าลงไป
 
 
“ฮ่องเต้แห่งต้าโจว โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วยเถอะ!”
 
 
แม่เฒ่าผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าสุด นางกล่าวทั้งน้ำตาว่า
 
 
“พวกลูกๆ และหลานๆ ของข้าต่างก็ทำการค้าขายอยู่ในเมืองจิงหวา ครึ่งเดือนก่อนยังส่งจดหมายกลับมา บอกว่ากองทัพต้าโจวเข้าเมืองมา แต่มิได้ทำร้ายผู้คนแม้แต่คนเดียว ทุกอย่างล้วนเหมือนดังเดิม บอกให้คนชราอย่างข้าไม่ต้องกังวล”
 
 
“แต่ใครจะคิดกันว่า….แค่เพียงไม่กี่วัน….เมืองจิงหวาจะเปลี่ยนเป็นขุมนรก…..ลูกๆ หลานๆ ของข้า พวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย….”
 
 
แม่เฒ่าพูดจบแล้ว ก็เห็นสตรีมีครรภ์ผู้หนึ่งลุกขึ้นมา มือข้างหนึ่งยันหลังเอาไว้ มืออีกข้างโอบลงไปบนท้อง นางหลั่งน้ำตาดั่งสายฝน “ข้ากับสามีแต่งงานกันมาสามปียังไม่มีทายาท สามีไม่เพียงไม่รังเกียจข้า แต่ยังดีกับข้าเหมือนยามแรก ในที่สุดฟ้าก็เมตตาให้พวกเรามีบุตร แต่น่าเสียดายบุตรยังไม่ทันได้เกิดมาก็ไม่มีโอกาสจะได้พบหน้าบิดาของเขาแล้ว….”
 
 
“สามีที่น่าสงสารของข้า แค่เพราะเห็นว่าข้าชอบกินลูกพลับแห้งของร้านเหล่าซุนที่เป็นแผงข้างเมือง ……เขาไปแล้วก็ไม่กลับมา คนที่หนีเอาชีวิตรอดยังบอกว่า…..บอกว่าเขากลายเป็นผีดิบไปแล้ว ….บนร่างของเขายังแบกลูกพลับแห้งที่ข้าชอบกินที่สุดอยู่ด้วยซ้ำฮือๆ …”
 
 
แม่ม่ายตั้งครรภ์ผู้นั้นกล่าวจบ ก็อดทนไม่ไหว ร่ำไห้เสียดังออกมา
 
 
“บิดาและมารดาของพวกเราก็ไม่อยู่แล้ว…..” พี่สาวน้องชายคู่หนึ่งลุกขึ้นมาร้องไห้เสียงดัง
 
 
ตอนนี้นอกจากเมืองหลวง เมืองอื่นๆ ต่างก็กลายเป็นขุมนรกไปหมดแล้ว
 
 
คนที่ยังอยู่ในเมืองหลวง มีสักกี่คนที่ครอบครัวยังอยู่ครบ?
 
 
เพียงครู่เดียว ทั้งหมดก็พากันร้องไห้ออกมา
 
 
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ยังเหลืออยู่ในเมืองเช่นพวกเขา ต่างก็ถูกจับไปไว้ที่กำแพงเมือง
 
 
ด้านนอกกำแพงเมืองหลวง รอบด้านล้วนมีแต่ผีดิบวนเวียนอยู่เต็มไปหมด….ทุกระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาที่เป็นเพียงคนธรรมดาจะต้องถูกจับโยนลงไปทีละหลายๆ คนเพื่อเป็นอาหารของผีดิบเหล่านั้น….
 
 
มิเช่นนั้นพวกมันก็จะพากันบุกเข้าประตูเมืองมาอย่างสุดชีวิต
 
 
ตอนนี้พวกเขาใช่คนที่ไหนกัน ในสายตาของฮ่องเต้ต้าเหยียนแล้ว พวกเขามิได้ต่างอะไรกับปศุสัตว์
 
 
ยังดีนะ……ที่ฮ่องเต้ต้าโจวนำทัพเข้ามา…..ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ได้ทัน
 
 
ต่อให้ฝันพวกเขาก็ยังคิดไม่ถึงว่า พวกเขาที่เป็นราษฏร์ของแคว้นเหยียนแท้ๆ สุดท้ายแล้วกลับต้องมาถูกฮ่องเต้ของแคว้นตัวเองพรากลูกพรากเมียจนครอบครัวแตกสลาย กระทั่งตนเองก็ยังต้องกลายเป็นเหมือนสัตว์ที่เลี้ยงเอาไว้เป็นเหยื่อ
 
 
และผู้ที่มาช่วยพวกเขากลับเป็นฮ่องเต้ของแคว้นศัตรู
 
 
คนหนึ่งคือฮ่องเต้โฉดพระทัยชั่วร้ายที่ทำให้คนของแคว้นตนเองกลายเป็นผีดิบ อีกคนคือฮ่องเต้ผู้มีเมตตาน้ำพระทัยกว้างขวางของแคว้นศัตรู
 
 
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาก็ได้แต่เกลียดชังตนเองที่ไม่ได้เป็นคนแคว้นต้าโจว
 
 
“ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเรายินดีเป็นคนแคว้นต้าโจว ขอฝ่าบาททรงช่วยเหลือพวกเราด้วยเถอะ…..”
 
 
ฝูงชนต่างก็พากันร้องไห้คร่ำครวญไม่ยอมหยุดจนเสียงดังเข้าไปในพระตำหนัก ทำให้เหยียนเหลียนทรงกริ้วจนตะโกนด่าออกมาว่า “พวกเจ้ามันเป็นพวกคนขายชาติหรืออย่างไร? ทำไมถึงได้ยอมแพ้แก่ศัตรู? พวกเจ้าเกิดมาเป็นคนแคว้นต้าเหยียน ตายไปก็ต้องเป็นผีของต้าเหยียน! ห้ามมิให้คุกเข่ายอมแพ้ให้กับไอ้เด็กเมื่อวานซืออย่างจีเฉวียน!”
 
 
ฮ่องเต้ผู้ชราทรงรู้สึกว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาพระองค์ไม่เคยถูกลบหลู่ดูหมิ่นเช่นนี้มาก่อนเลย!
 
 
พระองค์ยังไม่ทันตายแท้ๆ แต่ว่าราษฏร์ของพระองค์กลับยอมคุกเข่าลงตรงหน้าจีเฉวียน ต่อหน้าต่อตาพระองค์เอง?
 
 
“พวกเจ้าสมองเพี้ยนกันไปหมดแล้วหรืออย่างไร? หากมิใช่เพราะว่าจีเฉวียนมาบุกแคว้นของพวกเรา ญาติมิตรของเจ้า ก็คงไม่มีทางต้องกลายเป็นผีดิบเช่นนี้! ในเมื่อเป็นคนแคว้นต้าเหยียน ต่อให้ต้องเปลี่ยนเป็นผีดิบ ก็ยังต้องปกป้องแคว้นของตนเองสิ!”
 
 
“เหล่าคนที่ตายไปนั้น จะต้องภาคภูมิใจที่ได้เสียสละตนเพื่อพวกเจ้าอย่างแน่นอน! พวกเจ้าเองก็เช่นเดียวกัน! ในเมื่อมีโอกาสจะได้ปกป้องแคว้นต้าเหยียนเอาไว้เช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นบุญกุศลของพวกเจ้าแล้ว!”
 
 
พอเห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจตนเอง ฮ่องเต้ผู้ชราก็กริ้วหนักเสียจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
 
 
ในขณะเดียวกันก็ได้ยินแม่เฒ่าร่ำร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวเช่นกัน “เป็นบุญ บุญกุศลพ่อแม่เจ้าน่ะสิ!”
 
 
“บุญกุศลนี้ทำไมเจ้าถึงไม่เอาไว้เองเล่า? ทำไมเจ้าถึงไม่ไปตายเสีย? บ้านเมืองแว่นแคว้นหรือ? พวกเราในตอนนี้มีบ้านเมืองแว่นแคว้นที่ไหนกัน? ต่อให้ไม่มีต้าโจวมาโจมตี พวกเราก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนไม่ใช่คนอยู่แล้ว! จะช้าหรือเร็วก็ต้องมีคนกบฏต่อเจ้า!”
 
 
สตรีมีครรภ์เองก็ตอบรับ “เจ้าสั่งให้แพร่โรคระบาดด้วยตนเอง คนที่สามารถอำมหิตกับราษฏร์ของตนเอง ยังจะมีหน้าอะไรมาขอให้พวกเรายอมตายเพื่อปกป้องแคว้นอีก?”
 
 
“ฮือ ฮือ ฮือ ข้าไม่ชอบที่นี่ ไม่ชอบเลยสักนิด ขอฮ่องเต้ต้าโจวโปรดช่วยพวกเราด้วยเถอะ” สองพี่น้องตัวน้อยร้องไห้ออกมา
 
 
คราวนี้ ฮ่องเต้ถูกผู้คนตะโกนใส่อย่างโกรธแค้น
 
 
“ตอนนี้พวกเราจะสนับสนุนฮ่องเต้ต้าโจว! ฮ่องเต้ต้าเหยียนสมควรตาย ไม่มีเสียก็ดี!”
 
 
“สนับสนุนฮ่องเต้ต้าโจว!”
 
 
ราษฏร์ทั้งหลายต่างพากันส่งเสียงสนับสนุนขึ้นมา หากว่าไม่มีฮ่องเต้ต้าโจวล่ะก็ เกรงว่าพวกเขายังคงถูกจับขังอยู่ใต้กำแพงเมือง รอให้ถูกโยนเป็นเหยื่อของผีดิบต่อไป
 
 
เหยียนเหลียนไม่เคยเห็นพวกเขาเป็นคนของตนเอง พวกเขาไหนเลยจะต้องไปปกป้องแว่นแคว้นของเขาด้วย?
 
 
“กบฏแล้ว! กบฏแล้ว ก่อกบฏกันหมดแล้ว!” เหยียนเหลียนกริ้วจนพ่นควันออกทางนาสิก รีบหันไปตรัสกับเหยียนฉิวว่า “ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นพวกกบฏ ไอ้พวกสวะชั้นต่ำ ฆ่าพวกมันให้กับเรา อย่าได้เหลือเอาไว้แม้แต่คนเดียว!”
 
 
“แคว้นเหยียนของเราไม่ต้องการคนเนรคุณที่อ่อนแอขี้ขลาดแล้วยังมาทำเป็นอวดดี!”
 
 
“พระบิดา พระองค์ต้องการให้มีคนตายอีกมากมายเท่าใดกัน?” เหยียนหยุนทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ทั่วทั้งแคว้นต้าเหยียนเหลือแต่เพียงคนในเมืองหลวงเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่
 
 
หากว่าพระองค์มีพระบัญชาให้สังหารราษฏร์ทั้งหมด….เช่นนั้นแคว้นต้าเหยียนจะต่างอะไรกับแคว้นที่ล่มสลายไปแล้ว?
 
 
“ไอ้คนอกตัญญู เจ้าหุบปากให้เรา!” เหยียนเหลียนโผร่างที่กำลังจะล้มลงเข้าไปตบกกหูของเหยียนหยุน
 
 
“แค่ก แค่ก แค่ก…..” พระองค์ฉวยผ้าเช็ดพระพักตร์ขึ้นมา กรรสะออกมาเป็นเลือด
 
 
“เสด็จพ่อ!” เหยียนฉิวทำเสียงตระหนกอย่างเสแสร้งคำหนึ่ง “พระองค์ถูกรัชทายาทยั่วโทสะจนจะกริ้วตายแล้ว”
 
 

 
 
………………………….
 
 
ตอนต่อไป “จีเฉวียน ไอ้เด็กเมื่อวานซืน”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset