ดูมันสิ นี่นะหรือคือบุตรสาวแท้ๆของเขา!
ทั้งๆที่ไม่เคยสร้างความภาคภูมิใจใดๆให้กับทะเลตะวันตกเคยสักครั้ง แล้วตอนนี้ยังคิดจะให้เขาอยู่มิสู้ตายอีก?
เจ้าเดรัจฉานน้อยนั่น ตอนนั้นเขาไม่สมควรจะให้นางได้เกิดมาบนโลกนี้เลย ต้องโทษที่เขามีเมตตามากเกินไป!
“เฮอะ” สายตาของชือหลียิ่งเกลียดชังอย่างลึกล้ำกว่าเดิม “กระดูกมังกรของข้าถูกถอดออกไปตั้งนานมาแล้ว เจ้าเป็นคนถอดเองกับมือ ลืมแล้วหรือ?”
“ข้าชือหลีไม่ได้ติดค้างอะไรไอ้แก่ชั่วอย่างเจ้าทั้งนั้น!”
นางไม่รู้สึกว่าการที่ตู๋กูซิงหลันช่วยแก้แค้นแทนนางเป็นเรื่องน่าละอายอันใด นางไม่มีกระดูกมังกรแล้ว เรื่องการแก้แค้นย่อมเป็นไปไม่ได้ในชาตินี้
แต่ครั้งนี้นางติดค้างตู๋กูซิงหลันแล้ว ย่อมต้องตอบแทนนางไปชั่วชีวิต!
“เจ้า!” ลู่กว่างพิโรธเดือดดาล “ตอนนั้นมารดาของเจ้าจมผู้คนไปทั้งเมือง ทำผิดอย่างมหันต์ เจ้าต้องรับโทษแทนมารดา แต่กลับเอาความผิดนั้นมาสุมใส่ศีรษะของเรา ใครสั่งสอนให้เจ้าไม่รู้จักแยกแยะเช่นนี้?”
ว่าแล้ว เขาก็หันไปมองทางตู๋กูซิงหลัน ด้วยสายตาคมกริบราวมีดดาบ “เป็นเพราะว่ามนุษย์ผู้นี้หลอกลวงเจ้าใช่หรือไม่? เผ่ามนุษย์ล้วนเจ้าเล่ห์หลอกลวงมาโดยตลอด เจ้าก็ยังจะไปเชื่อ?”
“ใช่แล้ว หลีเอ๋อร์ ตอนนั้น…..เหล่าเทพบนสวรรค์ต่างก็ต้องการชีวิตของเจ้า แต่ว่าท่านพี่กลับออกหน้าวิงวอนอยู่หลายครั้ง ถึงได้สามารถรักษาชีวิตของเจ้ากับชือฉิงเอาไว้ได้ พวกเจ้าเพียงแค่ถูกถอดกระดูกมังกร แต่ว่าเสด็จพ่อของเจ้ากลับสูญเสียความสำคัญในสายตาทวยเทพเชียวนะ”
“ตอนนี้เสด็จพ่อของเจ้าเลือกการแต่งงานที่ดีงามให้กับเจ้า ได้แต่งไปยังเผ่ามังกรทมิฬนั่นเป็นความใฝ่ฝันของหญิงสาวในเผ่ามังกรตั้งเท่าไร เจ้าจะเห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัวได้อย่างไร ทั้งยังชักนำหมาป่ามาทำร้ายคนในบ้านตนเองอีก?”
ตู๋กูซิงหลันเคยเห็นคนที่ไร้ยางอายมามาก แต่ที่ไร้ยางอายได้จนถึงขนาดนี้นางนับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
วิญญาณทมิฬโกรธจนอยากจะหัวเราะออกมา มันเอ่ยออกมาอย่างเรื่อยเฉื่อยว่า “นี่มันจะต่างอะไรกับ ‘เจ้าสูญเสียขาไปข้างหนึ่ง ส่วนไอ้ชั่วนั่นต้องสูญเสียความรักของนางไป’?”
ชือหลีเชิดจมูกขึ้นมา “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตู๋กูซิงหลันคือครอบครัวของข้า อย่างเจ้านับเป็นอะไรได้กัน?”
ตู๋กูเจวี๋ยกระซิบที่ข้างหูของนางว่า “ข้าด้วยนะ! ข้าก็เป็นคนในครอบครัวด้วย!”
ชือหลี “…….”
หากว่าตู๋กูซิงหลันเป็นบุรุษละก็ นางจะต้องแต่งให้อย่างแน่นอน
หน้าตางดงาม มีทั้งฐานะและอำนาจ วรยุทธ์ก็ล้ำเลิศ ให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างเต็มเปี่ยม แล้วสตรีใดจะไม่ชอบกันเล่า?
ส่วนเจ้ากระต่ายน้อยตู๋กูเจวี๋ยนั้น กลิ่นน้ำนมยังไม่จางเลยด้วยซ้ำ
ขณะที่ตู๋กูซิงหลันสามารถลงมือทุบตีได้นั้น นางย่อมไม่จำเป็นจะต้องพูดจาไร้สาระอันใด
สู้ไม่ไหวก็หนี หากสู้ได้ก็ตีมันให้ตายไปเลย นางคือคนที่ยืดได้หดได้อยู่แล้ว
ขณะที่ลู่กว่างยังคิดจะตีโพยตีพายต่อไปอยู่นั้น นางก็กระชับดาบยักษ์เอาไว้ในมือ กระโดดโผร่างขึ้นไปเหนือเศียรของเขา ฝ่าเท้าข้างหนึ่งกระทืบลงไปบนหน้าผาก
ลู่กว่างที่เหาะอยู่กลางอากาศถึงกับดิ่งวูบลงมาจนเกือบจะโหม่งกับพื้นกระจกอยู่แล้ว
ทันทีที่ตู๋กูซิงหลันกระทืบลงมานั้น ก็เหมือนกับถูกภูเขาลูกหนึ่งกดทับลงไป จนร่างของเขาเหมือนถูกถีบลงไปสู่ก้นเหว
เขาถูกเหยียบจนจมลงไปบนพื้น แผ่นกระจกแวววาวที่ปูอยู่บนพื้นถูกกระแทกแตกกระจายจนยุบลงไปเป็นหลุม ฝุ่นผงกระจายจนคลุ้งขึ้นมา
เขาเค้นพลังมังกรในร่างออกมา คิดจะสะบัดตู๋กูซิงหลันลงไปจากร่าง
แต่ว่าพลังมังกรพึ่งจะเคลื่อนไหว ก็เห็นปลายนิ้วของตู๋กูซิงหลันปรากฏยันต์แผ่นหนึ่ง เพียงพริบตาเดียวก็ผนึกลงไปในร่างของเขา กักขังพลังมังกรในร่างของเขาเอาไว้
ราชามังกร นั้นย่อมแข็งแกร่ง
แต่แข็งแกร่งแล้วจะอย่างไร หากเขาไม่อาจใช้พลังในร่างออกมาได้ก็เท่ากับว่าสูญเปล่า!
ยันต์กักจิตวิญญาณของตู๋กูซิงหลัน สิ้นเปลืองเวลาของนางไปถึงสามวันสามคืน ต่อให้เจ้าเป็นเทพมารปีศาจอันใด เมื่อถูกผนึกยันต์นี้เข้าไปแล้ว พลังทั่วทั้งร่างก็จะถูกกักขังเอาไว้จนหมดสิ้น
หากว่าผู้ถูกกักขังพลังยิ่งแข็งแกร่ง ระยะเวลาในการกักขังก็จะยิ่งสั้นลงไปเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้นางมีพลังไม่เพียงพอ ไม่อาจวาดยันต์เช่นนี้ออกมาได้ แต่ว่าตอนนี้……นางมิใช่ตู๋กูซิงหลันเมื่อสองปีก่อนแล้ว
ถึงแม้ว่าพื้นฐานนิสัยของนางจะกล้าจนบ้าบิ่น แต่ก็มิใช่คนที่ไร้สมอง
มิว่าจะลงมือทำสิ่งใด นางล้วนต้องชั่งน้ำหนักของตนเองและตระเตรียมการเอาไว้ก่อนอยู่เสมอ คิดจะบุกวังมังกรมาช่วยคน ไหนเลยจะไม่มีการตระเตรียมใดๆได้กัน
พอยันต์แผ่นหนึ่งผนึกลงไป แม้แต่ลู่กว่างเองก็ต้องตื่นตะลึงไปแล้ว
ตอนที่หอกสามง่ามถูกดูดพลังออกไป และหักจนกลายเป็นเศษเหล็กไร้ค่านั้น เขาก็ยังไม่แตกตื่นเท่านี้
ตอนนี้พอถูกสกัดกั้นพลังในร่างทั้งหมด เขาถึงได้ร้อนรนขึ้นมาจริงๆ
ทันใดนั้น ตู๋กูซิงหลันก็ยกเท้าขึ้นมา เตะเขาจนกลิ้งไปกับพื้น
คนที่เป็นถึงราชามังกร ถูกนางเตะลงไปกองอยู่ในหลุมบนพื้น ครึ่งค่อนวันก็ยังปีนขึ้นมาไม่ได้
เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์กลายเป็นเช่นนี้ หลิ่วฮุ่ยก็ยิ่งไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น…..
ตอนนั้นเพื่อให้ลู่เวยสามารถกำเนิดเป็นร่างมังกรทอง……นางได้สละพลังทั้งหมดในร่างออกไปเป็นการแลกเปลี่ยน ถึงแม้ว่าจะเป็นเผ่ามังกร แต่ก็เป็นตัวไร้ประโยชน์ที่ไม่มีพลังใดๆทั้งสิ้น
หลังจากนั้นนางก็ซื้อตัวหมอตำแย ให้แสดงละคร ‘คลอดยาก’ฉากใหญ่ขึ้นมา ทำให้ลู่กว่างเข้าใจว่าเพราะนางให้กำเนิดมังกรทอง จึงได้สูญสิ้นพลังทั้งหมดในร่างไป
ดังนั้นตอนหลังเขาไม่เพียงไม่รังเกียจนาง แต่กลับยังรู้สึกติดค้างจนอยากจะชดเชยให้กับนางอยู่เสมอ
ตลอดหลายปีมานี้ทะเลตะวันตกก็สงบสุขมาโดยตลอด เวยเอ๋อร์ก็เอาถ่าน จึงไม่มีเรื่องใดให้นางต้องใช้พลังวรยุทธ์เลยด้วยซ้ำ
นางไม่เคยคิดเลยว่า สักวันหนึ่งจะมีเผ่ามนุษย์บุกเข้าประตูมาและลู่กว่างก็ยังถูกทำร้ายถึงเพียงนี้
ขณะที่กำลังร้อนรนไปหมดแล้วนั้น หลิ่วฮุ่ยก็ใช้บัญชาราชามังกรเพื่อเรียกกองทัพของทะเลตะวันตกออกมา
ทั้งหมดล้วนเป็นตัวประหลาดในท้องทะเลที่สำเร็จเป็นภูติหรือปีศาจ จึงแข็งแกร่งกว่าพวกทหารกุ้งปูปลามากมายนัก
คราวนี้ หัวใจของหลิ่วฮุ่ยค่อยรู้สึกว่ามีแต้มต่ออยู่บ้าง
แต่ว่านางยังไม่ทันจะได้หายใจให้คล่องคอ ก็เห็นว่าบนแผ่นหลังที่กว้างของราชาสุนัขป่าตัวใหญ่ มีเจ้าไก่สีดำตัวหนึ่งใช้สองปีกเท้าสะเอวอยู่ มันอ้าปากพ่นไฟสีทองออกมา เผาผลาญเหล่าปีศาจในท้องทะเลเหล่านั้นจนวอดตายไปทั้งแถวในชั่วพริบตา
ครู่ต่อมาก็สามารถได้กลิ่นหอมที่เข้มข้นลอยออกมา
เจ้าไก่ดำขนฟูทำตาเป็นประกาย ใช้ปีกตบลงไปบนศีรษะของราชสุนัขป่า “กะกะต๊าก!
อาหวังเพื่อนยาก เย็นนี้มากินอาหารทะเลมื้อใหญ่ด้วยกันเถอะ อาเฮียจะเลี้ยงเจ้าเอง!”
ราชาสุนัขป่า “อาวบรู๊~” ได้เลย ไม่มีปัญหา ขอบคุณนะเฮียไก่!
วิญญาณทมิฬเหลือบมองดูพวกมันแวบหนึ่ง เจ้าสองตัวนี้พอใช้เวลาด้วยกันมากเข้า ก็สนิทสนมกลมเกลียวกันจนต้องเรียกว่าไร้เส้นแบ่ง
อืม …….มันก็อยากจะกินอาหารทะเลอยู่เหมือนกัน!
เพลิงสีทองของติ๊งต๊อง แม้แต่ชือหลีก็ยังต้องกริ่งเกรงอยู่บ้าง เจ้าปีศาจในท้องทะเลเหล่านั้นต่อให้เก่งกาจเพียงไรก็ยังไม่เหนือกว่าชือหลีไปได้
พอถูกเผาผลาญกันไปแถบหนึ่ง พวกที่เหลืออยู่ก็มีบางส่วนที่ไม่คิดจะขายชีวิตให้อีกต่อไปแล้ว ต่างก็ชักขาถอยหลังกลับไป
โดยเฉพาะหมึกยักษ์แปดขานับว่าหนีได้ไวที่สุด!
แน่นอนว่ายังมีบางพวกที่จงรักภักดีถึงขนาดยอมตายถวายชีวิตอยู่บ้าง แต่ก็ถูกวิญญาณคนตายกลุ้มรุมเข้าไป ฉีกกระชากฆ่าฟันอย่างไร้ปราณี
ฮ่องเต้หญิงผู้นั้นได้ให้สัญญาเอาไว้แล้ว หากว่าพวกมันทำงานสำเร็จ จะช่วยทำการชำระวิญญาณให้กับพวกมัน ให้พวกมันได้มีโอกาสไปเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง
ยากนักที่จะได้เจอเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้สักครั้ง พวกมันย่อมต้องเชื่อฟังอย่างว่าง่ายอยู่แล้ว
ครั้งนี้……หลิ่วฮุ่ยต้องตะลึงงันไปแล้ว แม้แต่ส่งเสียงก็ยังไม่กล้าเอ่ยออกมาสักแอะหนึ่ง ได้แต่หุบปากเงียบเอาไว้
นางเริ่มจะหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆแล้ว
ลู่เวยเองก็ใจสั่นขึ้นมาเช่นกัน……
ปีศาจในท้องทะเลของวังมังกร ไม่ว่าตัวไหนๆต่างก็สามารถล่มเรือใหญ่ลงได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าตอนนี้พวกมันกลับถูกไก่ตัวหนึ่งเผาวอดวายไปอย่างง่ายๆ?
ตู๋กูซิงหลัน …… สตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่? ขนาดแค่ไก่ที่อยู่ข้างกายตัวหนึ่งก็ยังเก่งกาจจนประหลาดล้ำถึงเพียงนี้?
……………………..
อีกด้านหนึ่ง
ตู๋กูซิงหลันปักดาบยักษ์ลงไปบนพื้นข้างกายของตนเอง สิ่งที่อยู่ด้านหลังล้วนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกติ๊งต๊องจัดการ
ตอนนี้นางสนใจแต่จะแก้แค้นให้กับชือหลีเท่านั้น
คราวนี้ นางกุมดาบกระดูกมังกรขึ้นมา แทงดาบลงไป กรีดลึกลงไปตามแนวกระดูกสันหลังของลู่กว่าง
ริมฝีปากสีแดงฉ่ำของนางยกขึ้น น้ำเสียงก็เย็นชาลึกล้ำ “ติดหนี้คืนเงิน ติดค้างกระดูกก็คืนกระดูก”
……………………………………
ไรท์: ชอบชื่อตอนมากเลย
ตอนต่อไป “มันกำลังเคลื่อนไหว”