ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 439 ต้าโจวไม่อาจไร้ฮ่องเต้

ใบหน้าที่งดงามนั้นแม้อยู่ใต้แสงสว่างรำไรของแมลงกินวิญญาณก็ยังงดงามเกินกว่าจะเป็นจริง
 
 
ในชั่วขณะหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าเขาเหมือนกับคนที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความฝัน
 
 
“เจ้ากระโดดลงมายังหุบเหวไร้ก้นเพื่อคนผู้นี้” เยี่ยจ้านเอ่ยเบาๆ อย่างมั่นใจ
 
 
ตู๋กูซิงหลันไม่มีอะไรจะโต้แย้ง นางมองดูจีเฉวียนนิ่งๆ บาดแผลของเขายังไม่สมานตัว ปากแผลยังมีรอยเลือดให้เห็นอยู่
 
 
“เสี่ยวหลัน เจ้าชอบคนผู้นี้ใช่หรือไม่ ชอบอย่างยิ่ง?” เยี่ยจ้านถามต่อไป
 
 
เขาเข้าใจความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี ตอนนั้นเพื่อชิงชิง เขาก็กระโดดลงมาในหุบเหวไร้ก้นเช่นกัน
 
 
หากมิใช่เพราะว่ารักชอบจนถึงในกระดูก ใครเล่าจะยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออีกคนหนึ่ง แม้แต่ชีวิตของตนก็ยังทุ่มเทลงไป
 
 
ตู๋กูซิงหลันเงียบงัน ที่จริง ขาดไปอีกนิดเดียวนางก็เกือบจะยอมรับเขา เกือบจะหลงรักเขาเข้าแล้ว
 
 
เป็นเขาเข้ามาพัวพันนาง ทำลายระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง และก็เป็นเขาที่ผลักไสนางออกไปจนไกล
 
 
นางไม่มีทางยอมรับการที่เขาจะมีแสงจันทราอื่นอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็เข้าหานางได้
 
 
ที่กระโดดตามเขาลงมาในหุบเขาไร้ก้น ….เพราะไม่คิดจะติดค้างอะไรเขา และก็เพราะตราประทับบงกชดำทองที่บั้นเอวของเขาด้วย
 
 
พอนางยื่นมือออกไป ก็เห็นกิ่งไม้ช่วยกันส่งจีเฉวียนมาตรงหน้านาง
 
 
เส้นผมสีดำของเขาพลิ้วไปตามแรงลม สัมผัสกับมือของนางเบาๆอย่างอ่อนโยน
 
 
ตู๋กูซิงหลันมองดูเขา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากจริงๆ ใบหน้าซีดขาวดุจกระดาษ แม้แต่ริมฝีปากทั้งสองก็ยังมีรอยเลือดแห้งเกรอะอยู่จางๆ
 
 
นางยื่นมือออกไป เหนือใบหน้าของเขา
 
 
แต่พอห่างเพียงแค่ครึ่งนิ้วก็พลันหยุดลงเสียดื้อๆ
 
 
นางหันหน้ากลับไป มองไปยังเยี่ยจ้าน กล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านพ่อ ข้าป่วยเป็นโรคที่หากชอบใครขึ้นมาหัวใจก็จะเจ็บปวด ความรัก สำหรับข้าแล้วคือความทรมานที่ฟุ่มเฟือยอย่างหนึ่ง”
 
 
ดังนั้นตอนแรกนางไม่สนใจอาการเจ็บปวดของตนเองก็คิดจะยอมรับเขา ชอบเขาให้ได้ ….ทั้งยังคิดจะอยู่ร่วมกับเขาอย่างจริงจัง
 
 
เยี่ยจ้านออกจะประหลาดใจอยู่บ้าง เขาขยับริมฝีปากน้อยๆ ยื่นมือออกไปตามทิศทางที่คิดว่าเป็นมือข้อมือของนาง
 
 
พลังวิญญาณสายหนึ่งแทรกซึมเข้าไปในร่างของตู๋กูซิงหลันแต่ยังไม่ทันลงลึกเข้าไป ก็ถูกบางสิ่งสกัดกั้นออกไป
 
 
หัวคิ้วที่งดงามของเขาขมวดน้อยๆ พลังมังกรของเขาสัมผัสได้ว่าหัวใจของนางถูกพลังคำสาปสกัดกั้นเอาไว้ พอคำสาปวิญญาณนั้นถูกฉีกออกส่วนหนึ่ง หัวใจของนางก็ถูกฉีกเป็แผลรอยหนึ่ง
 
 
บุตรสาวถูกคนสาปแช่ง!
 
 
ไม่อาจชมชอบผู้อื่น ….มิเช่นนั้นจะทำให้อาการกำเริบ สร้างความทุกข์ทรมานให้กับตนเอง
 
 
คำสาปนี้ไม่เพียงแต่ประทับอยู่ในร่างของนาง แม้แต่จิตวิญญาณของนางก็ถูกสาปด้วย ….หากจะบอกว่าโหดร้ายก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ทำร้ายถึงเอาชีวิต
 
 
เพียงแต่….ออกจะไร้แก่นสารเกินไป
 
 
ตอนที่นางยังเป็นทารกนั้น เขาไม่เคยรู้สึกถึงคำสาปเช่นนี้มาก่อน
 
 
พอเห็นสีหน้าของเขา ตู๋กูซิงหลันก็รู้แล้วว่าเรื่องราวไม่ธรรมดา
 
 
“เรื่องนี้ ซื่อมั่วเองก็ไม่รู้หรือ?” ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เยี่ยจ้านถึงได้ถามออกไป ถูกคนสาปวิญญาณ เรื่องที่ไม่อาจชอบใครได้ทั้งนั้นเช่นนี้ บอกว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่เ เรื่องเล็กก็ไม่เล็ก….ดูการบำเพ็ญเพียรของซื่อมั่ว เขาสมควรจะรู้อย่างชัดเจนต่างหาก
 
 
“ก่อนที่จะได้พบโอรสสวรรค์แคว้นโจวผู้นี้ ข้าไม่เคยชอบใครมาก่อนเลย ท่านอาจารย์ย่อมไม่รู้” ตู๋กูซิงหลันว่าแล้วก็เหลือบมองไปทางจีเฉวียนอีกแวบหนึ่ง
 
 
คำว่าชอบที่นางหมายถึงย่อมเป็นการชอบพอกันระหว่างชายหญิง
 
 
นางอยู่ข้างกายท่านอาจารย์มานานหลายปี….ก็ไม่เคยรู้สึกปวดใจ ท่านอาจารย์ย่อมไม่เคยทราบ
 
 
นานอีกพักใหญ่ เยี่ยจ้านถึงได้ถอนหายใจออกมา เขาชักจะอยากรู้จริงๆแล้วว่าโอรสสวรรค์แคว้นโจวผู้นี้มีรูปลักษณ์เช่นไร ถึงได้ทำให้บุตรสาวของเขาถึงกับยอมทนต่ออาการเจ็บหัวใจเพื่อไปชอบเขา
 
 
คนผู้นั้นตกลงมาอย่างกระทันหัน และบังเอิญหล่นลงมาบนต้นไม้มังกรของเขาเข้าพอดี ไม่ต้องไปลูบคลำดูก็รู้ได้ว่า ร่างกายของเขาถูกทำร้ายโดยพลังของพัดวายุ
 
 
เรื่องนี้ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดดูก็บอกได้ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับหวาชางสุ่ยอย่างแน่นอน
 
 
พอเขายื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของคนผู้นั้น ก็รู้ได้เลยว่านี่เป็นบุรุษยอดที่งดงามอย่างยิ่ง …..ยิ่งไปกว่านั้นในร่างของเขาก็ยังมีพลังของซื่อมั่วอยู่ด้วย
 
 
นี่ยิ่งประหลาดเข้าไปใหญ่แล้ว เพราะมีพลังของซื่อมั่ว ถึงได้สามารถต้านทานพลังทำลายล้างของพัดวายุได้ แถมยังมีชีวิตอยู่
 
 
แต่เพราะอย่างไรก็ยังเป็นร่างของมนุษย์ ดังนั้นจึงต้องกระดูกหักไปเจ็ดแปดท่อน อวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัส ถึงจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังคงไม่ฟื้นได้สติขึ้นมา
 
 
คิดไม่ถึงว่า คนที่เผอิญช่วยเอาไว้ จะเป็น ‘คนในดวงใจ’ ของบุตรสาวเข้าพอดี
 
 
ในใจของเยี่ยจ้านเกิดความว้าวุ่นขึ้นมา ….เขาอยากจะรู้ฐานะที่แท้จริงของ ‘โอรสสวรรค์แคว้นโจว’ ผู้นี้ให้ชัดเจน อยากจะรู้ว่าคนผู้นี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับซื่อมั่ว
 
 
เขายื่นมือออกไป สำรวจลึกลงไปในร่างกายของจีเฉวียน ในชั่วขณะนั้น ก็สามารถสัมผัสถึงพลังหยินที่เย็นยะเยือกและพลังของพัดวายุที่บิดเกลียวอยู่ภายในร่าง กำลังโรมรันกันอยู่ที่ภายในร่างกายของเขา
 
 
ผู้ที่มีร่างกายเป็นเพียงแค่มนุษย์ กลับสามารถทนรับพลังขนาดนี้ได้
 
 
ด้วยข้อจำกัดของร่างกายมนุษย์ เมื่อต้องรับพลังมากมายเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นก็สมควรจะตายไปตั้งแต่แรกหลายรอบแล้ว
 
 
แต่ว่าเขากลับยังอยู่รอดมาได้ ไม่เพียงแค่นั้น ในร่างกายของเขาก็ยังมีพลังของหยกสรรพชีวิตอยู่ด้วย
 
 
พลังของหยกสรรพชีวิตนี้สมควรจะเข้าสู่ร่างกายของเขาได้ไม่นาน อย่างไรไม่เกินครึ่งปี
 
 
ใช้ร่างกายของมนุษย์มารองรับพลังเหล่านี้….เห็นชัดว่ามิใช่ธรรมดา
 
 
หรือบางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะไม่รู้ชัดเจน ว่าเขามีพลังเช่นนี้ได้อย่างไร
 
 
ขนตาของเยี่ยจ้านกระพริบเบาๆ ขณะที่คิดจะสัมผัสพลังเหล่านั้นให้มากขึ้น ก็พบว่าพลังของจีเฉวียนผลักไสพลังของเขาออกมา ทำให้เขาต้องหยุดลง
 
 
แต่พลังนั้นก็ไม่อาจทำร้ายเยี่ยจ้านได้เช่นกัน
 
 
“เขามีปัญหาอะไรหรือเจ้าคะ?” ตู๋กูซิงหลันเห็นเยี่ยจ้านนิ่งเงียบไป จึงเข้าใจว่าเขาสังเกตสิ่งใดออก
 
 
เยี่ยจ้านส่ายศีรษะ “แปลกมากๆ แข็งแกร่งเกินมนุษย์มนา”
 
 
เรื่องที่ในร่างกายของเขามีพลังของซื่อมั่ว เยี่ยจ้านไม่ได้บอกกับตู๋กูซิงหลัน
 
 
เรื่องที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจชัดเจน ไม่ควรบอกออกไปให้บุตรสาวกังวลใจ
 
 
ตู๋กูซิงหลันย่อมรู้ว่าจีเฉวียนแข็งแกร่ง แต่ว่าแข็งแกร่งถึงเพียงไหน แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ชัดเจน
 
 
“เจ้าสามารถวางใจได้ เขาไม่ตายหรอก พลังในร่างกายของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง อยู่ในหุบเขาไร้ก้นนี้ไปอีกสักปีกว่าๆ กระดูกในร่างของเขาก็จะประสานกันได้เอง”
 
 
ปีกว่าๆ สำหรับราชามังกรมีชีวิตยืนยาวราวกับชั่วกาลนานเช่นเขาก็เหมือนเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น
 
 
“แคว้นต้าโจวไม่อาจไร้ฮ่องเต้” ตู๋กูซิงหลันกระพริบตาครั้งหนึ่ง “หากแว่นแคว้นวุ่นวาย บ้านก็ไม่อาจเป็นบ้าน ทำร้ายชีวิตมากมาย”
 
 
แต่ไหนแต่ไรนางก็เป็นคนที่แยกแยะเรื่องราวชัดเจนอยู่แล้ว ย่อมไม่ปล่อยให้เป็นเพราะเรื่องของนางกับจีเฉวียนกระทบกระเทือนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของราษฏร
 
 
หากแคว้นหนึ่งปราศจากฮ่องเต้….นานถึงปีกว่า ย่อมต้องเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ ถึงตอนนั้นย่อมกลายเป็นภัยพิบัติต่อหลายชีวิต
 
 
ถึงแม้ว่าจีเฉวียนจะกระทำเรื่องที่ผิดต่อนางอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาเป็นฮ่องเต้ที่ดี
 
 
ต้าโจวต้องการเขา
 
 
เยี่ยจ้านชะงักไปเล็กน้อย จึงค่อยยิ้มออกมาอ่อนๆ “บุตรสาวที่แสนดีของข้าห่วงใยใต้หล้า เป็นสตรีดีงามที่มีความคิดอ่าน”
 
 
ไม่เสียทีที่ซื่อมั่วเลี้ยงดูจนเติบโตมา…ถึงแม้ว่าจะมีสายเลือดของเผ่ามังกรทมิฬ แต่ก็ถูกซื่อมั่วสั่งสอนจนกลายเป็นคนรุ่นเยาว์ที่มีความดีอยู่ในตัว
 
 

 
 

 
 
………………………………….
 
 
ตอนต่อไป “คนคร่ำครึที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset