ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 464 ที่แท้นางก็ชอบจีเฉวียน ตอนที่ 465 “ตามที่ศิษย์ปรารถนา”

ตอนที่ 464 ที่แท้นางก็ชอบจีเฉวียน
 
 
พระองค์ไม่ได้ทรงคิดว่าตนเองจะรอดกลับไปตั้งแต่แรกแล้ว
 
 
พระองค์ทรงคิดที่จะเสียสละพระชนม์ของตนเพื่อปูทางให้กับนางมาตั้งแต่แรกแล้ว
 
 
ในที่สุดยามนี้ ริมพระโอษฐ์ของฮ่องเต้ก็แย้มสรวลออกมา พระองค์กุมดาบดำทองที่หักแล้วเอาไว้ มุ่งหน้าไปยังก้นทะเลลึก พุ่งสู่ความมืดมิดไร้สิ้นสุดแต่เพียงลำพัง
 
 
จะอย่างไรเสียย่อมต้องมีใครสักคนที่รับหน้าที่นำทางเพื่อขจัดความมืดมิดออกไป ให้ใต้หล้าได้พบกับความสว่างสดใสและสงบสุข
 
 
ช่างโชคร้าย….และก็โชคดีแล้ว ที่คนผู้นั้นก็คือพระองค์เอง
 
 
ในชั่วขณะที่เงาของพระองค์หายลับไปนั้น หัวใจของตู๋กูซิงหลันก็เย็นวาบตามไปด้วย
 
 
หัวใจของนางกระตุกอย่างรุนแรง ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังทุบลงไปบนหัวใจของตนเองจนมันจะแตกร้าว
 
 
“จีเฉวียน!” นางตะโกนเสียงดัง ขับพลังวิญญาณในร่างออกมา แทบจะสะบัดหลุดจากการรัดของจู๋จู๋ออกไป เส้นผมสีทองขาดกระจายไปกระจุกใหญ่ จู๋จู๋ส่งเสียงร้องขึ้นมา มันรู้สึกว่าบนศีรษะมีแต่ความร้อนระอุ เพียงครู่เดียวก็ต้องเหลือบตาขึ้นไปดู
 
 
พอได้เห็นก็ต้องร้องว่าย่ำแย่แล้ว ตู๋กูซิงหลันถึงกับกระอักเลือดสดๆออกมาคำโต
 
 
นางใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งกุมดาบยักษ์ คนคุกเข่าลงไปข้างหนึ่งอยู่บนศีรษะของมัน
 
 
“เจ้าอย่าตายนะ” เสี่ยวจู๋จู๋รับบัญชาจากฝ่าบาท มิว่าอย่างไรก็ต้องปกป้องเจ้าให้ปลอดภัย!
 
 
เลือดสดๆไหลจากริมฝีปากลงไปตามลำคอ เปรอะเปื้อนไปครึ่งร่าง จู๋จู๋ชักจะร้อนรนแล้ว หางของมันขมวดจนม้วน ไม่เข้าใจเลยว่าอยู่ดีๆทำไมนางถึงได้กระอักเลือดออกมาได้?
 
 
ดวงหน้าที่งดงามล้ำโลกซีดขาวจนปราศจากสีเลือด ราวกับว่าประสบอาการบาดเจ็บอย่างหนักจนเกือบจะเอาชีวิต
 
 
ก่อนหน้านี้ตอนที่ต่อสู้กับอสุรกายโลกันตร์ ก็เห็นอยู่ชัดๆว่าเป็นฝ่าบาทที่ทรงรับความบาดเจ็บส่วนใหญ่ไว้นี่นา …..แล้วทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้ไปได้?
 
 
“ไปหาเขา!” ตู๋กูซิงหลันกุมหัวใจเอาไว้ ยามที่เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาดอกท้อที่เคยมีแต่ความเย็นชาคู่นั้นก็ปกคลุมไปด้วยหมอก
 
 
หยาดน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา
 
 
ฟันของนางถูกย้อมไปด้วยเลือดที่แดงฉาน พอพูดออกไปคำหนึ่ง ก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
 
 
ชั่วขณะที่เงาหลังของจีเฉวียนหายลับไปกับร่างของอสุรกายโลกันตร์นั้น ในสมองของนางก็พลันปรากฏภาพทุกฉากทุกชั่วเวลายามที่เคยอยู่กับจีเฉวียนขึ้นมา
 
 
ตั้งแต่แรกเริ่มที่เกลียดชังมาจนถึงหัวใจบังเกิดความรัก
 
 
ตั้งแต่ตอนที่นางคอยเอาอกเอาใจเขาด้วยความหวาดระแวง มาจนถึงยามที่เขาทะนุถนอมเอาไว้บนฝ่ามือ
 
 
สองปี….บอกว่ายาวก็ไม่ยาว บอกว่าสั้นก็ไม่สั้น
 
 
เดิมทีเพราะเรื่องของฉางซุนอิง…..นางจึงไม่เคยเชื่อถือในความรักที่ออกจากปากของเขา
 
 
คิดไม่ถึงว่า……ที่นางก่อเรื่องขึ้นมามากมายจนถึงขนาดนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่า…..หัวใจของนางร่ำร้องด้วยความรู้สึกนั่นเอง…
 
 
ที่แท้นางก็ ชอบจีเฉวียนเข้าแล้ว!
 
 
เพราะว่ารักจึงได้ผิดหวัง….ถึงได้ผลักไสเขาออกไปจนไกลอยู่ตลอดเวลา
 
 
เขาที่เป็นถึงฮ่องเต้แห่งต้าโจว กลับไม่เคยห่วงหน้าตา บากหน้ามาแต่ไกล
 
 
ยอมกระทั่งปลอมเป็นบุรุษบำเรอของนาง ต่อให้ต้องรับแส้ไปกี่ครั้งก็ยอมเพียงเพื่อจะได้เข้ามาอยู่ใกล้ๆนาง
 
 
ที่จริงตอนนั้นตู๋กูซิงหลันสมควรจะ…..เชื่อเขาได้แล้ว
 
 
เลือดแต่ละคำที่กระอักออกมานี้ ทำให้ตู๋กูซิงหลันเจ็บปวดไปจนถึงกระดูก สมองถึงได้คิดอะไรออกขึ้นมา
 
 
นางไม่อาจจะปฏิเสธตนเองได้ว่า……นางรักจีเฉวียนเข้าแล้ว
 
 
ยิ่งไม่อาจทนมองดูเขาจากไปตาย!
 
 
และยิ่งไม่อาจเหยียบย่ำไปบนซากศพของเขาเพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสุขสบาย
 
 
หากเป็นเช่นนั้น นางคงไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขไปจนชั่วชีวิต!
 
 
“ฝ่าบาททรงสั่งเอาไว้ ….ไม่อาจให้เจ้าไปเสี่ยงอันตราย!” จู๋จู๋ยังคงยึดถือพระบัญชาของฝ่าบาทเอาไว้ อย่างไม่กล้าบิดพลิ้วแม้แต่น้อย
 
 
“หากเจ้าไม่ไปหาเขา ข้าก็จะฆ่าตัวตายตอนนี้เลย!” ตู๋กูซิงหลันขยับดาบยักษ์ ทรวงอกของนางปวดร้าวเสียจนร่างกายเหมือนถูกทิ่มแทงไปทั่วร่าง
 
 
“อย่า อย่า อย่า ….” จู๋จู๋เห็นว่านางมิได้กล่าวล้อเล่น ก็ร้อนลนขึ้นแล้ว
 
 
“ไม่ใช่อะไร….แต่เจ้าอสุรกายตัวนั้นมันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไปก็เท่ากับหาเรื่องตายเปล่า ….ฝ่าบาททรงใช้พระองค์เป็นเหยื่อล่อ ก็เพราะอยากจะมอบทางรอดให้กับเจ้า….ฮ่องเต้หญิง เจ้าอย่าได้ทำให้ตัวน้อยที่น่ารักและอ่อนแออย่างข้าต้องตกอยู่ในความลำบากใจได้หรือไม่?” จู๋จู๋อยากจะร้องไห้แล้ว
 
 
มันพึ่งจะพูดจบ ก็เห็นดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันกรีดลงไปบนลำคอของนางเองจนกลายเป็นแผลหนึ่งขึ้นมา
 
 
จู๋จู๋ส่งเสียงกรีดร้องออกมาคำหนึ่งก็พุ่งตัวออกไปไล่ตามไปยังก้นทะเลลึก
 
 
พ่อแก้วแม่แก้ว! ฮ่องเต้หญิงองค์นี้ช่างโหดเ**้ยมเกินไปแล้ว นางฟั่นเฟือนถึงขนาดจะสับคอของตนเองแล้ว! แบบนี้ไม่ไหวแน่ ไม่ไหวแล้ว!
 
 
จู๋จู๋เดินทางด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง เพียงครู่เดียวก็ติดตามจนกลับมายังก้นทะเลลึก
 
 
เมื่อไล่ตามมาตลอดเส้นทางอันยาวไกล ทำให้เห็นว่าอสุรกายโลกันต์ถูกล่อไปยังภูเขาไร้สิ้นสุด
 
 
ตู๋กูซิงหลันได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น ดาบยักษ์ในมือกุมแนบแน่นกว่าเดิม
 
 
พอจู๋จู๋พานางมาถึงก้นทะเลลึก ก็เห็นเงาร่างสีม่วงเงาหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากความมืดมิด
 
 

 
 

 
 
ตอนที่ 465 “ตามที่ศิษย์ปรารถนา”
 
 
นั่นคือดวงตาคู่หนึ่งที่นางคุ้นเคยอย่างที่สุด
 
 
ดวงตาที่ไม่เคยหวั่นไหว ราวกับว่าสิ่งใดๆในโลกนี้ก็ไม่มีคุณค่าในสายตาของเขาทั้งนั้น
 
 
เขาปรากฏตัวขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ ในชุดสีม่วงที่เปล่งประกายน้อยๆตลอดทั่วทั้งร่าง เส้นผมสีดำพลิ้วไหว เป่าผ่านใบหน้าของนาง
 
 
ใบหน้าของเขาซุกซ่อนอยู่ในความมืดมิด เมื่ออยู่ใต้น้ำทะเลที่ลึกลงมาเช่นนี้จึงไม่อาจมองเห็นองคาพยบทั้งห้าได้อย่างชัดเจน เห็นเพียงเค้าโครงที่งดงามอย่างที่สุดเท่านั้น
 
 
แต่ว่าเพียงแค่เส้นสายแต่ละเส้นของเค้าโครงนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้รู้ถึงความปราณีตที่ละเอียดอ่อนงดงามอย่างที่สุดนั้นแล้ว
 
 
เส้นผมที่ให้สัมผัสที่เย็นสบายนั้นทำให้ตู๋กูซิงหลันถึงกับตัวแข็งค้างไปทั้งร่าง
 
 
นางเงยหน้าขึ้นมา ด้วยความตื่นตะลึงอยู่เนิ่นนาน ถึงได้เอ่ยออกมาสองคำอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “ท่านอา…จารย์?”
 
 
ใช่แล้ว ไม่อยากจะเชื่อ
 
 
เบื้องหน้านี้คือจิตวิญญาณดวงหนึ่ง….ที่โปร่งแสง จนทำให้สามารถมองเห็นน้ำทะเลสีฟ้าที่อยู่ด้านหลังของเขาได้อย่างชัดเจน
 
 
เดิมทีท่านอาจารย์สมควรจะอยู่ในโลกปัจจุบัน …..ทำไมถึงได้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ทั้งยังอยู่ในสภาพของจิตวิญญาณเช่นนี้?
 
 
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำเอาสมองของนางมีแต่ความมึนงงไปหมดแล้ว
 
 
วิญญาณทมิฬเองก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง มันปรากฏตัวขึ้นมา เกาะอยู่บนหัวไหล่ของตู๋กูซิงหลัน
 
 
กล่าวอย่างไม่หายประหลาดใจว่า “ตาเฒ่า ไม่ใช่สิ…ท่านอาจารย์ผู้หล่อของหล่อของหล่อ….นี่อายุไขของท่านก็สิ้นสุดแล้วเหมือนกันหรือ ถึงได้ติดตามมาจนถึงที่นี่?”
 
 
ตาเฒ่าที่ไม่รู้จักตายอย่างซื่อมั่วนี้ ต่อให้ตายไป นรกก็คงไม่กล้ารับเขาไว้หรอกมั้ง?
 
 
จะสนใจไปทำไมว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เอาเป็นว่าส่วนหนึ่งของเขามาแล้วจริงๆ ทั้งยังเป็นส่วนที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย!
 
 
การที่ซื่อมั่วมาถึงเท่ากับว่าอะรไ? เท่ากับสัญลักษณ์ที่สื่อถึงคำว่าปลอดภัย เท่ากับความแข็งแกร่งในระดับที่โลกไม่อาจจะอธิบายอะไรได้!
 
 
จะอย่างไรนี่ก็เป็นศิษย์ที่เขาไม่อาจทอดทิ้งได้ จึงต้องมาหาด้วยตนเอง!
 
 
แล้วก็ไม่รู้จักมาตั้งแต่แรกๆ…..หากมารับศิษย์น้อยกลับไปเสียแต่แรกก็คงจะไม่ต้องมีปัญหามากมายเช่นนี้แล้วมิใช่หรือ?
 
 
ซื่อมั่วสะบัดแขนเสื้อเบาๆครั้งหนึ่ง ปากของวิญญาณทมิฬก็ปิดสนิทได้ทันที เปิดไม่ขึ้นอีกแล้ว
 
 
อู้ๆๆ…..ยังคงอารมณ์เสียง่ายอยู่เช่นเดิมไม่มีเปลี่ยน!” วิญญาณทมิฬบ่นพึมพำอยู่ในใจอย่างดุเดือด แต่ตู๋กูซิงหลันกลับไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย
 
 
ยามที่อยู่ในโลกปัจจุบัน วิญญาณทมิฬนับได้ว่าเป็นเครื่องจักรสังหารชนิดหนึ่ง
 
 
แต่เมื่อมาอยู่ในโลกมิติโบราณนี้ มันก็เป็นได้แค่เพียงเครื่องรางชิ้นหนึ่ง ที่ตะกละและกลัวตาย
 
 
สายตาของซื่อมั่วทอดลงไปยังร่างของตู๋กูซิงหลัน ร่างของเขาล่องลอยอยู่กลางน้ำทะเลประหนึ่งอยู่ในความฝัน เสมือนภาพวาดที่พลิ้วไหว
 
 
ผ่านไปครู่หนึ่งริมฝีปากบอบบางถึงได้ขยับ “ตายไปหนหนึ่งแล้ว ยังคิดจะตายอีกหรือ?”
 
 
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ ไร้คลื่นอารมณ์ขึ้นลง ราวกลับว่าไหลผ่านผิวน้ำแข็งออกมา แต่ถึงอย่างไรก็ยังฟังออกว่าเจือความห่วงใยอยู่ในนั้น
 
 
ตู๋กูซิงหลันอ้าปากขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่าสมควรจะพูดอะไรดี
 
 
ตอนนี้จิตใจของนางสับสนวุ่นวายไปหมด อยู่ๆอาจารย์ก็ปรากฏตัวขึ้นมา หัวใจของนางจึงตกตะลึงไม่หาย แต่ว่าในขณะเดียวกันก็เป็นห่วงความเป็นความตายของจีเฉวียนด้วย
 
 
“ศิษย์เอ๋ย” ในขณะที่นางกำลังเป็นใบ้อยู่นั้น บุรุษผู้นั้นก็ยื่นมือออกมา ปลายนิ้วที่เรียวยาวสัมผัสกับริมฝีปากของนาง ปาดเช็ดรอยเลือดบนริมฝีปากของนางเบาๆ
 
 
เขาเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน แบบที่มักจะทำยามนางได้รับบาดเจ็บขณะยังเป็นเด็กน้อย
 
 
“ไม่อนุญาตให้ตายแล้ว” เขาทางหนึ่งปาดเช็ดให้ ทางหนึ่งก็มองดูด้วยดวงตาสีม่วงที่ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดแม้แต่น้อย
 
 
ในก้นบึ้งของแววตา มีความปวดใจจางๆ
 
 
“อาจารย์…….ท่าน……” ตู๋กูซิงหลันรู้อาการของตนดี บาดเจ็บเพียงเท่านี้ ยังไม่ตายไปได้
 
 
นางคิดอยากจะถามเขาว่ามาได้อย่างไร
 
 
แต่คำพูดยังไม่ทันถามออกจากปากก็ได้ยินซื่อมั่วเอ่ยว่า “ศิษย์ของข้าซื่อมั่ว ผู้อื่นไม่อาจรังแกได้”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “…..” ท่านอาจราย์ ที่ทำร้ายข้านั้นเป็นสัตว์อสูรตัวหนึ่ง มันแข็งแกร่งมาก
 
 
ซื่อมั่ว “อสูรก็ไม่ได้”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “อาจารย์ เคยตกลงกันแล้วว่าจะไม่แอบฟังความในใจผู้อื่นอย่างไรเล่า….”
 
 
ซื่อมั่ว “ลูกศิษย์ไม่ใช่ผู้อื่น” คือสมบัติล้ำค่าที่เขาถนอมเอาไว้ในฝ่ามือตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “……” จริงๆเลย ไม่พบกันมาสองปี ท่านอาจารย์ยังพูดจาอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้นดังเดิม
 
 
จู๋จู๋ลืมตาโตจนกลมกว้างอย่างเงียบๆ มันเหลือบตาดูฮ่องเต้หญิงที่อยู่บนศีรษะ แล้วก็เหลือบตาไปมองดูจิตวิญญาณสีม่วงที่งดงามจนทำให้ตาบอดได้ดวงนั้น
 
 
“เอ่อคือ …..ข้าเพียงแต่คิดว่า…..ฮ่องเต้ของพวกเรานั้นยังพอจะมีหนทางช่วยเอาไว้ได้” มันพูดกับตู๋กูซิงหลันว่า “ฮ่องเต้หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ท่านมิใช่ว่าต้องการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือฝ่าบาทหรอกหรือ?”
 
 
ทำไมพอแค่เจออาจารย์เข้า……ก็โยนฝ่าบาททิ้งไปไกลโพ้นเลยเล่า?
 
 
ฝ่าบาทช่างน่าสงสาร…..ฮือฮือฮือ
 
 
จู๋จู๋มองออกไปไกลยังทิศทางที่ตั้งของภูเขาไร้สิ้นสุด ที่นั้นแสงเพลิงลุกท่วมไปทั่วทุกทาง กลายเป็นสมรภูมิที่น่าหวาดกลัว
 
 
มันยังสามารถเห็นเงาร่างของฝ่าบาทเคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง ดาบนั้นหักไปแล้ว …..พระองค์พุ่งตัวลงไปในปล่องของภูเขาไฟ
 
 
จู๋จู๋เอ่ยเพียงประโยคเดียว ก็เห็นสีหน้าของซื่อมั่วมีความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
 
 
พอเขากวาดตามาทางมันครั้งหนึ่ง ทั้งๆที่สายตานั้นก็สงบราบเรียบ…..ไม่มีสิ่งอื่นเจอปนอยู่แท้ๆ
 
 
แต่ว่าสายตาที่สงบราบเรียบนั้นกลับแหลมคมประหนึ่งปลายดาบทิ่มแทงจนมันรู้สึกเจ็บปวด
 
 
“ท่าอาจารย์……” ตู๋กูซิงหลันเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง คิดจะบอกเขาว่า นางต้องการจะไปช่วยคนแล้ว
 
 
“ฮ่องเต้ของชาวมนุษย์ผู้นั้น….” ซื่อมัวหันไปที่ด้านหลังมองไปยังภูเขาไร้สิ้นสุดที่อยู่ไกลออกไป “ นั่นเป็นการเลือกทางของเขาเอง ไม่จำเป็นจะต้องให้เจ้าไปช่วย”
 
 
“แต่ว่า…..” ตู๋กูซิงหลันไม่เข้าใจว่าเขาไปทราบเรื่องอะไรมาบ้าง
 
 
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” ซื่อมั่วส่ายศีรษะเบาๆ “ศิษย์เอ๋ย ใต้หล้านี้แต่ละคนล้วนมีลิขิตของชีวิตตนเอง เขาเองก็มิได้นอกเหนือ การได้เสียสละชีวิตเพื่อมวลชนในใต้หล้า เป็นชะตาที่ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่เขาเกิดมาแล้ว”
 
 
จู๋จู๋ “ไม่ไม่ไม่ ฝ่าบาทของพวกเรายอมตายเพื่อฮ่องเต้หญิงมากกว่าต่างหาก….”
 
 
ทุกสิ่งที่ฝ่าบาททรงปกป้องเอาไว้ในตอนนี้ ก็เพื่อฮ่องเต้หญิง!
 
 
วิญญาณทมิฬเองก็ทำท่าอย่างเห็นพ้องด้วย
 
 
ตาแก่ซื่อมั่วที่ไม่ยอมตาย….คงจะมิได้อิจฉากระมั้ง?
 
 
พอมาเห็นศัตรูความรักตรงหน้าเป็นต้องตาแดงใส่ …..ดังนั้นถึงได้อยากให้อีกฝ่ายตายๆไปเสีย?
 
 
ขณะที่วิญญาณทมิฬคิดเช่นนั้นอยู่ มันก็พลันรู้สึกว่ารอบกายมีแต่ความอึมครึมและวังเวง ราวกับว่ามีวิญญาณแค้นนับพันนับหมื่นกำลังจดจ้องมาที่มันอย่างไรอย่างนั้น
 
 
มันรีบหันไปมองที่ซื่อมั่วในทันที ท่านอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านไม่รู้หรอกว่าเจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นั้นคิดจะงาบศิษย์รักของท่านอยู่ตลอดเวลาถึงเพียงไหน
 
 
หากไม่ใช่เพราะว่าตัวน่ารักอย่างข้าคอยสกัดขัดขวางเอาไว้ เกรงว่าเจ้าฮ่องเต้สุนัขนั้นคงจะจับศิษย์รักของท่านกลืนลงไปอย่างเรียบร้อยแต่แรกแล้ว!
 
 
เจ้าฮ่องเต้สุนัขนั่นจะมาเทียบเคียงกับท่านได้อย่างไร?
 
 
ท่านเป็นดั่งจันทรากลางฟ้า ส่วนเขาอย่างมากก็เป็นได้แค่เสี้ยวแสงโคม……
 
 
วิญญาทมิฬชะเลียจนจบไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าอารมณ์ของซื่อมั่วจะเปลี่ยนแปลงอะไร
 
 
วิญญาณทมิฬต้องร้อนลนจนกระโดดโลดเต้นขึ้นมาในทันที ….มันรู้สึกว่าอีกประเดี๋ยวตัวมันมีหวังต้องถูก ‘วิญญาณแค้น’ นับพันนับหมื่นกลืนลงไปแน่ๆ
 
 
“ท่านอาจารย์ ตั้งแต่เล็กท่านเคยสอนข้าเอาไว้ว่า ไม่อาจยอมแพ้แก่โชคชะตา” ตู๋กูซิงหลันกุบดาบยักษ์ในมืออย่างแนบแน่ “ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาต้องตาย”
 
 
ซื่อมั่วมองดูนาง ร่างที่ล่องลอยอยู่ขวางอยู่ตรงหน้าของนาง ไม่ให้นางเข้าใกล้ภูเขาไร้สิ้นสุด
 
 
กระทั่งภูเขาไร้สิ้นสุดพ่นเปลวเพลิงและลาวาออกมาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน เขาถึงได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ต่อให้ตนเองตายก็ไม่ยอมให้เขาตาย?”
 
 
คำถามนี้ทำเอาตู๋กูซิงหลันตะลึงไปแล้ว…..
 
 
นางกุมหัวใจของตนเองเอาไว้ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่านางชอบจีเฉวียนเข้าแล้ว แต่ว่าความชอบนี้ ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นรักจนแยกแยะสิ่งใดไม่ออกทั้งสิ้น
 
 
แต่ว่าชีวิตนี้ของนาง ก็ไม่ต้องการติดค้างจีเฉวียนเช่นกัน
 
 
ดังนั้น นางจึงผงกศีรษะต่อหน้าซื่อมั่ว
 
 
“ข้าไม่อาจปล่อยให้เขาตายได้”
 
 
คำตอบนี้ของนาง ทำเอาสายตาของซื่อมั่วอึมครึมลงไป เมื่อมองดูลาวาที่ทะลักออกมาอย่างถล่มทลาย เขาก็ยอมเอ่ยว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าเถอะ”
 
 

 
 

 
 
…………………………………
 
 
ตอนต่อไป “ซื่อมั่วผู้ตามใจศิษย์”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset