ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 101 ดูแลไก่ของเจ้าให้ดี

ตู๋กูซิงหลันฟังแล้ว ในใจก็เกิดความเจ็บปวด นางรีบคว้ามือของหยวนเฟยเอาไว้ หยวนเฟยน้อยที่สวยงามน่ารักขนาดนี้เขายังไม่ยอมเข้าหอด้วย แสดงว่าไอ้นั่นของเขาจะต้องป่วยแน่ๆ? 
 
 
หรือพูดได้อีกอย่าง เจ้าฮ่องเต้สุนัขนั่นเป็นพวก……. ถึงได้มีปฎิกิริยาแต่เฉพาะกับท่านราชครู 
 
 
แต่แบบนี้ก็ถือว่าชั่วร้ายมาก ในเมื่อทำเรื่องจ้ำจี้กับสตรีไม่ได้ แล้วยังแต่งเอาสาวงามมากมายเข้ามาอีก นี่ไม่เท่ากับว่าทำให้แต่ละคนต้องกลายเป็นม่ายทั้งเป็นหรือไง? 
 
 
เพียงเพื่อจะได้ดึงขั้วอำนาจต่างๆ เข้ามา เสริมความมั่นคงของตำแหน่งฮ่องเต้ ช่างน่าสงสารสาวงามเหล่านี้จริงๆ 
 
 
ตู๋กูซิงหลันเพียงแสนเสียดายที่ตนเองมิใช่บุรุษ ไม่เช่นนั้นละก็มีสาวงามมากมายขนาดนี้ นางจะต้องไม่พลาดไปโปรดปรานให้ครบเลยทีเดียว 
 
 
พอคิดๆ ดูแล้ว นางก็พยักหน้าหงึกๆ ลูบไล้ปอยผมข้างหูของหยวนเฟย “หยวนเฟยน้อยที่น่ารักน่าสงสาร เจ้าวางใจเถอะ ถึงฮ่องเต้จะไม่เอ็นดูเจ้า แต่ข้าจะคอยรักแลเเอ็นดูเจ้าเอง” 
 
 
สตรีแบบหยวนเฟยนี้ ถึงแม้จะไม่อาจทำเรื่องจ้ำจี้กันเช่นนั้นได้ แต่ว่าหากได้ชมดูใกล้ชิดบ่อยๆ จับไม้จับมือลูบไล้ใบหน้าเล็กๆ นี้ ก็ถือว่าดีเยี่ยมไปเลย 
 
 
ทั้งคำพูด และการแสดงออก ทำให้หยวนเฟยถึงกับขนอ่อนลุกชันทั้งตัว 
 
 
นางดิ้นรนสะบัดมือตู๋กูซิงหลันสุดชีวิต ใบหน้าอึมครึมดุจท้องฟ้ายามจะมีฝน สองใบหูก็ทั้งร้อนทั้งแดงก่ำ 
 
 
รีบถอยออกไปให้ห่างจากนาง หัวคิ้วนั้นขมวดมุ่นจนติดกันแล้ว สตรีผู้นี้จะต้องตั้งใจเป็นแน่ เพราะไม่คิดจะชดเชยตะขาบของนาง ถึงได้งัดเอาไม้นี้ออกมาใช้ ทั้งหลอกลวง ทั้งล่อลวงนางด้วย! 
 
 
หากว่าได้สมใจแล้ว จะต้องจัดการนางอย่างโหดร้ายเหมือนที่เต๋อเฟยโดนไปแล้วเป็นแน่! 
 
 
“ตู๋กูซิงหลัน ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ! ฝ่าบาททรงมึนเมาไปแล้ว ถึงได้หลงไปกับมารยาของเจ้า ข้าเป็นสตรีจริงแท้แน่นอน จะชอบแต่บุรุษที่มีขนบนอกเท่านั้น! ” หยวนเฟยสองมือกอดอกเอาไว้ “ต่อให้เจ้าจะเป็นคนที่หน้าตาดีขนาดไหน ชั่วชีวิตนี้ข้าก็ไม่มีทางสนใจเจ้าหรอก! “ 
 
 
ไม่เพียงไม่สนใจ ทั้งยังรังเกียจอย่างมากด้วย! 
 
 
ก็จะไม่ให้รังเกียจได้หรือ ท่านพ่อทุ่มเทเสียสละชีวิตช่วยเหลืออดีตฮ่องเต้กลับมา แต่สุดท้ายกลับสิ้นพระชนม์เพราะความงามของนาง! 
 
 
ทุกครั้งที่คิดถึงข้อนี้ หยวนเฟยก็อดจะรู้สึกไม่ได้ว่าบิดาของตนตายเปล่า ในใจจึงยิ่งชิงชังตู๋กูซิงหลัน 
 
 
เพียงแต่ว่ายามปกติสตรีผู้นี้ก็ไม่ได้มาจ้องหาเรื่องอะไรกับนาง นางเองก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายก่อเรื่องยุ่งยาก คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ ตู๋กูซิ่งหลันจะบังเกิดความคิดที่ไม่สมควรกับนาง 
 
 
หยวนเฟยกำหมดในมือแน่น ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว และยังจ้องมองนางอย่างเคียดแค้น 
 
 
ตู๋กุซิงหลันมึนตึ๊บไปแล้ว นางไม้รู้ว่าหยวนเฟยกำลังชม หรือว่ากำลังด่านางกันแน่ 
 
 
แต่ว่าหยวนเฟยน้อยจะชอบอะไรล้วนไม่เป็นปัญหา แต่กลับชอบบุรุษมีขนที่หน้าอก….. บุรุษที่มีขนหน้าอกยาวนะใช้ไม่ได้หรอก เป็นพวกอารมณ์รุนแรง ไม่รู้จักรักบุปผาถนอมหยก 
 
 
ในสมองของตู๋กูซิงหลันปรากฎภาพของกอริล่า พาลให้นางรู้สึกปวดฟันขึ้นมาตะหงิดๆ 
 
 
“ฮึ! ดูแลไก่ของเจ้าให้ดีๆ! ข้าเป็นคนใจกว้าง ครั้งนี้ถือว่าแล้วกันไป แต่หากครั้งหน้ามันยังกล้ามาที่ตำหนักฉางซินของข้าอีกละก็ ข้าก็จะไม่ไว้หน้าอีกต่อไป จะต้องจับมันมาทำไก่ย่างตัวใหญ่อย่างแน่นอน! “ 
 
 
ทันทีที่พูดจบ หยวนเฟยก็เสมือนกับกระต่ายตัวหนึ่ง ผลุบๆ โผล่อยู่ไม่กี่ครั้งก็ไม่เห็นเงาของคนอีก 
 
 
นางวิ่งรวดเดียวกลับมาถึงตำหนักฉางซินของตนเอง ผลซิ่งบนต้นข้างประตูตำหนักถูกเด็ดหมดแล้ว นางพิงกับลำต้นอยู่ครู่ใหญ่ค่อยปรับลมหายใจให้เป็นปกติ 
 
 
งูเขียวเลื้อยลงมาจากต้นซิ่ง พันตัวเองบนท่อนแขนของนางอีกครั้ง แลบลิ้นซี่ๆ ให้นาง 
 
 
วันนี้ช่างเป็นวันที่โชคร้ายจริงๆ เกือบจะถูกเจ้าไก่ตัวนั้นบุกเข้ามาจับกินเสียแล้ว ยังดีที่มันวิ่งเร็ว ไม่เช่นนั้นคงจะต้องมีจุดจบเช่นเดียวกับตะขาบพวกนั้น 
 
 
“ช่างเป็นสตรีที่สมควรตายนัก! ” เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ หยวนเฟยก็รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองใบหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมา พาลเตะใส่ต้นซิ่งไปครั้งหนึ่ง 
 
 
“หวังไฉ เจ้าว่าหากข้าถูกสตรีผู้หนึ่งหมายตาเข้าแล้ว สายเลือดตระกูลหยวนจื่อที่เป็นหัวหน้าเผ่าหนานเจียงจะขาดหายไปหรือไม่” 
 
 
งูเขียว “??? “ 
 
 
“คนในราชวงค์แคว้นต้าโจวนี้ช่างน่าหัวเราะนัก ฮ่องเต้โปรดปรานบุรุษ ไทเฮาโปรดปรานสตรี ข้าดูๆ แล้วนะ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องล่มจมแน่ ” หยวนเฟยอารมณ์ไม่ดี ก็เตะใส่ต้นซิ่งอยู่หลายชุด เตะจนกระทั่งใบของต้นซิ่งล่วงหล่นลงมา 
 
 
วิญญาณเจ้าผึ้งน้อยที่แอบจำศีลอยู่ใต้ดินก็สั่นสะท้าน นี่มันเผอิญได้ยินเรื่องที่ไม่สนควรเข้าแล้วหรือเปล่า? 
 
 
……………………………… 
 
 
 
 
 
ณ ตำหนักเฟิ่งหมิง 
 
 
ตู๋กูซิงหลันมองดูเงาหลังของหยวนเฟยที่กลืนหายไปกับความมืดของยามราตรี นางเลียริมฝีบากค่อยคลี่ยิ้มอย่างหยาดเยิ้ม ผ่านไปอีกพักใหญ่ถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าที่ข้างตัวยังมีเสียนไท่เฟยอยู่ด้วย จึงหันไปพูดกับนางว่า “ท่านว่าหยวนเฟยน้อยช่างน่ารักหรือไม่? “ 
 
 
เสียนไท่เฟย “…….” หากไม่ใช่ว่าหยวนเฟยผู้นี้ปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันวิชาสะกดจิตของนางก็คงจะไม่ถูกขัดเสียก่อนเช่นนี้ 
 
 
สตรีที่บุ่มบ่ามเช่นนั้น อยู่ในวังไปก็นับว่าเป็นตัวประหลาด ทั้งยังมีเรื่องการแต่งตัวเช่นนั้นทำให้ใครๆ ต่างก็รู้สึกไม่ดี ยังจะว่าน่ารักได้หรือ? 
 
 
เสียนไท่เฟยไม่กล่าววาจา นางเอื้อมมือออกไปข้างหนึ่ง ให้ชิงผิงช่วยพยุงตัวนางไว้ เมื่อครู่ฝืนใช้วิชาสะกดจิตออกไป ร่างกายของนางตอนนี้ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว 
 
 
“จริงสิ เมื่อครู่เสียนไท่เฟยกำลังพูดเรื่องอะไรกับข้าอยู่หรือ? ” ตู๋กูซิงหลันทำเหมือนไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของตนเองแม้แต่น้อย นางยิ้มๆ พลางถามออกไป 
 
 
“ไม่มีเรื่องใดแล้ว” ใบหน้าของเสียนไท่เฟยซีดขาว “ข้ามาที่นี่ก็ตั้งนานแล้ว ไม่ขอรบกวนแล้ว” 
 
 
นางกล่าวจบก็หันไปส่งสายตากับชิงผิง 
 
 
ชิงผิงถวายคำนับให้ตู๋กูซิงหลันครั้งหนึ่ง ก็ประคองเสียนไท่เฟยจากไปโดยเร็ว 
 
 
ตู๋กูซิงหลันเอนตัวพิงกับขอบประตูตำหนัก จดจ้องดูเงาหลังของเสียนไท่เฟย ดวงตาดอกท้อคู่นั้นหรี่ตามมองอย่างเพ่งพินิจ สายตาของนางทอประกายเย็นยะเยียบ 
 
 
“สตรีผู้นี้ไม่ธรรมดา ” ครู่เดียวเจ้าวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในเงาของนางก็ออกมา กระโดดไม่กี่ครั้งก็ขึ้นไปเกาะอยู่บนบ่าของนาง “ไท่เฟยผู้หนึ่ง กลับรู้จักใช้วิชาสะกดจิต วิชาศาสตร์มืดลี้ลับเช่นนี้” 
 
 
“นางย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ” ตู๋กูซิงหลันยกยิ้มมุมปาก นางยื่นมือออกมา ใจกลางฝ่ามือก็ปรากฎกลุ่มก้อนจิตวิญญาณธาตุหยินที่เข้มข้น ภายในยังรู้สึกได้ถึงแรงอาฆาตที่แฝงไว้อย่างรุนแรง 
 
 
วิญญาณทมิฬมองดูใจกลางฝ่ามือของนาง ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนไป “สตรีผู้นั้นที่แท้ก็คือ….” 
 
 
ใช่แล้ว” ตู๋กูซิงหลันเก็บฝ่ามือขึ้นมา รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งทียิ่งเข้มข้น “วังหลวงแห่งนี้ช่างเป็นที่ซ่อนพยัคย์ถ้ำมังกรจริงๆ “ 
 
 
“กุ๊กๆ กรู้ ~” เจ้าไก่ขนฟูส่งเสียงตอบ ราวกับว่ามันเองก็เห็นด้วย 
 
 
วิญญาณทมิฬเหลือบตามองดูมันแวบหนึ่ง น้ำลายก็ไหลออกมา 
 
 
………………………………….. 
 
 
เหมันต์ฤดูของแคว้นตาโจวมาถึงอย่างรวดเร็ว เดือนสิบเอ็ด ในเมืองหลวงก็หนาวเสียจนทำให้คนแทบจะตัวแข็งแล้ว จากฤูดูใบไม้ร่วงมาฤดูหนาวอุณหภูมิแทบจะมิได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่ 
 
 
พิธีแต่งตั้งของท่านหญิงฉางซุนซุ่นเอ๋อร์ธิดาขององค์หญิงใหญ่ ใกล้จะมาถึงอยู่รอมร่อแล้ว 
 
 
แม้แต่หิมะแรกของฤดูหนาวนี้เองก็ยังรีบร้อนมาร่วมชมความครึกครื้นด้วยเลย 
 
 
ถนนทิศเหนือของเมืองหลวงถูกประดับประดางดงาม 
 
 
จวนขององค์หญิงใหญ่ที่เคยเงียบสงบก็แขวนโคมแดง ผูกผ้าแดงโดยรอบ 
 
 
นับตั้งแต่ท่านราชบุตรเขยจากโลกนี้ไปแล้ว ตลอดหกปีที่ผ่านมาในจวนแทบจะไม่เคยเห็นสีแดงมงคลเช่นนี้มาก่อน 
 
 
หลายวันนี้บรรดาข้ารับใช้ในจวนต่างก็กำลังวุ่นวาย ทั่วทั้งจวนองค์หญิงคึกคักขึ้นมาทีเดียว 
 
 
อีกเพียงสองวัน ก็จะถึงวันงานพิธีแต่งตั้งที่แสนสำคัญของท่านหญิงแล้ว 
 
 
แต่ว่าพวกเขากลับไม่อาจรู้สึกยินดีขึ้นมาได้ เพราะตั้งแต่หลายวันก่อน ในเมืองหลวงก็เกิดเรื่องที่เด็กๆ พากันหายตัวไป เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันมีเด็กๆ หายตัวไปแล้วถึงสิบกว่าคน 
 
 
ที่ยิ่งน่ากลัวก็คือ ยามที่ศพของเด็กเหล่านั้นถูกค้นพบนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา ถูกควักหัวใจออกไป ดูดโลหิตจนหมดตัว เสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง 
 
 
ทุกวันนี้ผู้คนในเมืองหลวงต่างใจคอไม่สู้ดี ไม่ว่าบ้านไหนต่างก็ไม่กล้าให้บุตรหลานออกมาข้างนอกเพียงลำพัง 
 
 
และก็ไม่รู้ว่าใครกันที่เป็นคนปล่อยข่าว ว่าสิ่งที่ควักหัวใจ สูบโลหิตนั้น คืบคลานออกมาจากสุสานของเย่วฮูหยินนั่นเอง เรื่องนี้คงจะต้องมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับไทเฮาเป็นแน่ 

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset