ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 505 ที่แท้นาง….ก็ยังเป็น…..

ชั่วขณะนั้นเอง ใบหน้าของทั้งสองแทบจะทับซ้อนกัน  
 
 
ซื่อมั่วมองไปที่จีเฉวียน เห็นริมโอษฐ์บางนั้นขยับน้อยๆ “นอกจากจะเป็นธิดาของราชามังกรทมิฬแล้ว ซิงซิงยังมีฐานะใดอีก?”  
 
 
ซื่อมั่วไม่ได้ตอบเขา แต่กลับย้อนถามไปว่า “เรื่องที่เจ้าต้องการเจรจาแลกเปลี่ยนคือเรื่องอะไร?”  
 
 
“ท่านตอบคำถามของเรามาก่อน”  
 
 
จีเฉวียนประทับนั่งหลังตรงดุจพู่กัน ทั่วทั้งร่างกำจายราศีสูงส่งของฮ่องเต้ออกมา  
 
 
“ปีศาจหมาป่าที่บุกมาเมื่อคืน มีเป้าหมายอยู่ที่นาง พวกมันลงมือโหดเ**้ยม ทุกฝ่ามือมุ่งเอาชีวิต เราจำไม่ได้เลยว่า นางเคยล่วงเกินพวกเผ่าปีศาจใดมาก่อน”  
 
 
แม้แต่ในโลกโบราณ เผ่าปีศาจก็ปรากฏตัวน้อยนัก แล้วในโลกที่สงบสุขเช่นโลกปัจจุบันใบนี้ อยู่ๆจะปรากฏปีศาจมากมายได้อย่างไร?  
 
 
“ปีศาจหมาป่าหรือ?” ซื่อมั่วหรี่ตาลง แววตาภายใต้ขนตาที่หนาเป็นแพนั้นปรากฏแววสังหารที่เย็นชาขึ้นมาแววหนึ่ง  
 
 
พวกปีศาจที่สามารถทำให้จีเฉวียนบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้ ย่อมไม่ใช่ธรรมดา  
 
 
พวกเขาพบอะไรเข้าแล้ว?  
 
 
ไม่….เรื่องที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่กล้ามั่นใจ….ผู้อื่นจะค้นพบได้อยางไร?  
 
 
ครู่ต่อมา ซื่อมั่วถึงได้ขยับลิ้นเอ่ยปากอะไรกับจีเฉวียนอีกหลายประโยค  
 
 
สุดท้ายก็บอกกับพระองค์ว่า “เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน”  
 
 
เดิมทีในสายพระเนตรของจีเฉวียนยังมีประกายอยู่บ้าง แต่พอได้ฟังคำพูดของซื่อมั่วไปหลายประโยคเข้า ประกายในดวงเนตรก็หม่นหมองลง  
 
 
ที่แท้แล้วนาง….ก็ยังเป็น……  
 
 
เนิ่นนาน พระองค์ถึงได้ตรัสว่า “ใต้หล้านี้ มีแต่ท่านเพียงผู้เดียวที่พอจะสามารถปกป้องคุ้มครองนางได้”  
 
 
ดังนั้นพระองค์ยินดีจะใช้ชีวิตของพระองค์ ไปแลกกับความปลอดภัยในชีวิตของนาง  
 
 
เจรจาแลกเปลี่ยนกับซื่อมั่ว มอบชีวิตของพระองค์ให้กับเขา ให้ได้เขาปกป้องคุ้มครองนางไปทุุกชาติภพ  
 
 
จีเฉวียนปรารถนาให้ตู๋กูซิงหลันเป็นคนที่มีความสุข ใช้ชีวิตในโลกอย่างสงบสุข  
 
 
พระองค์ปิดพระเนตรลง ชั่วขณะนั้น ในสายพระเนตรมีแต่ภาพของนาง  
 
 
นับตั้งแต่ในตำหนักเย็นของต้าโจวเรื่อยมา ภาพทั้งหมดย้อนกลับมาอีกครั้ง ยามที่พระองค์ลืมพระเนตรขึ้นมาใหม่ ก็ตรัสว่า “ได้ยินมาว่าท่านแข็งแกร่งอย่างยิ่ง หลังจากแลกเปลี่ยนเรื่องนี้แล้ว เราคิดจะขอให้ท่านกระทำเรื่องหนึ่ง”  
 
 
ซื่อมั่ว “เรื่องใด?”  
 
 
“ทำให้นางลืมเรา”  
 
 
ซื่อมั่วเงียบงันไปครุ่หนึ่ง “ศิษย์รักคิดจะจดจำใคร ไม่อยากจะจดจำใคร นั่นก็เป็นสิทธิในการเลือกของนาง ข้าไม่เคยก้าวก่ายมาก่อน”  
 
 
“หากว่านางยังคงจดจำเราได้ ก็จะต้องยิ่งเจ็บปวดทรมาน”  
 
 
สำหรับนางแล้ว หากให้เลือกระหว่างพระองค์และซื่อมั่วเป็นเรื่องที่แสนยากลำบาก ไม่ว่าใครก็ไม่อาจตัดสินใจได้ง่ายๆทั้งนั้น  
 
 
ซื่อมั่ว “คนเราย่อมต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตและเผชิญหน้ากับความจริง ไม่ใช่เพราะว่ากลัวความเจ็บปวด จึงเลือกลืมเลือน หรือหลบหนี”  
 
 
“ทุกประสบการณ์ที่นางได้พบเจอ คือเส้นทางที่นางต้องก้าวผ่านเพื่อเติบใหญ่ขึ้น เจ้าไม่มีสิทธิที่จะทำให้นางลืมเลือน”  
 
 
ซื่อมั่วเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการอย่างยิ่ง ทุกสิ่งที่เขาทำ ล้วนให้เกียรติกับการตัดสินใจของนาง  
 
 
ต่อให้นางจะชอบจีเฉวียน เขาก็ยังเคารพการตัดสินใจของนาง  
 
 
จีเฉวียน “เราไม่สนใจเรื่องการเติบใหญ่ใดๆ เรารู้แต่เพียงว่า ไม่ต้องการเห็นนางเจ็บปวด”  
 
 
พระองค์ไม่เหมือนกับซื่อมั่ว มีข้อให้ขบคิด มีเรื่องให้วิตกมากมาย สำหรับพระองค์สิ่งใดก็ตาม ขอเพียงทำให้นางมีความสุขได้ ก็ดีทั้งนั้น  
 
 
สายลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง พัดพาเอากลิ่นอายกระหายเลือดของปีศาจปะปนเข้ามาด้วย  
 
 
บรรยากาศในค่ำคืนพลันอึดอัดขึ้นมา แม้แต่สายฟ้าฟาดก็มีให้เห็นประปราย  
 
 
ในทันใดนั้นเอง ที่ด้านนอกหน้าต่างมีเงาร่างของผู้คนหลายเงา ท่ามกลางเงาเหล่านั้นมีเงาของหมาป่าปะปนอยู่ด้วย  
 
 
ซื่อมั่วพลิกฝ่ามือรับพิณที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาถือเอาไว้ ปลายนิ้วตวัดผ่าน เกิดเป็นสำเนียงหนักๆขึ้นมา  
 
 
เสียงพิณที่ถูกดีดออกมา สะท้อนออกไปในอากาศรอบด้าน  
 
 
เงาคนและหมาป่าที่ริมหน้าต่างจางหายไปจนหมดสิ้น ในอากาศเพิ่มพูนกลิ่นเลือดขึ้นมาแทนที่   
 
 
ซื่อมั่วเพียงกรีดพิณไม่กี่ครั้ง ใบหน้าที่เดิมซีดขาวก็ยิ่งย่ำแย่กว่าเดิมลงไปอีก  
 
 
เขากระอักเลือดออกมาต่อหน้าต่อตาจีเฉวียน ริมฝีปากซีดถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดง แม้แต่เงาร่างก็เปลี่ยนเป็นไหววูบอ่อนสลัวขึ้นมาวูบหนึ่ง  
 
 
จีเฉวียนทรงรู้สึกเหมือนกับว่า พระทัยถูกคนแทงหนักๆใส่ดาบหนึ่ง เจ็บปวดจนถึงกระดูกกระจายไปทั่วร่าง  
 
 
พระองค์กับซื่อมั่วเดิมทีก็คือร่างเดียวกัน…..ซื่อมั่วได้รับบาดเจ็บ พระองค์ก็ไม่อาจดีกว่าสักเท่าไร  
 
 
จีเฉวียนกดพระทัยเอาไว้ สีพระพักตร์เปลี่ยนเป็นซีดขาวขึ้นมา  
 
 
พอมองออกไปด้านนอก กิ่งใบของต้นฮว๋ายฮวายังคงไหววูบ คล้ายกับว่าบางสิ่งพร้อมที่จะพุ่งออกมาอยู่ทุกเมื่อ  
 
 
พอเสียงพิณของซื่อมั่วดังสะท้อนออกไป ด้านนอกของตัวบ้านก็สงบเงียบลงในทันที แม้แต่สายฟ้าที่อึมครึมอยู่ในอากาศก็สลายหายตัวไปด้วย  
 
 
เมฆหมอกในค่ำคืนกระจายหายไป แสงดาวสลัวๆปรากฏขึ้นแทนที่  
 
 
 
 
 
คืนนี้ ตู๋กูซิงหลันดื่มชาสงบจิตใจไปถ้วยหนึ่ง เดิมทีนางหลับสนิทอย่างยิ่ง  
 
 
แต่แล้วก็พลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความเคลื่อนไหวภายนอก  
 
 
นางลุกขึ้นนั่ง คว้าดาบยักษ์ออกมาจากถุงเฉียนคุณอย่างรวดเร็ว พอกุมดาบลุกออกจากที่นอน วิ่งออกไปที่ห้องของจีเฉวียน  
 
 
ทันทีที่เปิดประตู ก็เห็นว่าหมอนบนเตียงถูกจัดวางเอาไว้อย่างเรียบร้อย แต่ไม่มีเงาของคนแม้แต่นิดเดียว  
 
 
หัวใจของตู๋กูซิงหลันหนักอึ้งขึ้นมาในทันที  
 
 
นางควรจะใส่ใจเขาให้มากกว่านี้ วันนี้ตอนที่พาเขากลับมา ก็รู้สึกได้เลยว่าเขาไม่ปกติ  
 
 
นางกุมดาบยักษ์เอาไว้ เดินซอยเท้าไปที่ห้องโถงอย่างรวดเร็ว  
 
 
ทันทีที่ไปถึง ก็ได้ยินเสียงประตูถูกกระแทกออกดังลั่น จากนั้นก็เห็นเงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาพร้อมกับสายฟ้าฟาด  
 
 
ทั้งๆที่เป็นหน้าร้อนอยู่แท้ๆ แต่พอคนผู้นี้มาถึง บรรยากาศโดยรอบก็เหมือนจะถูกแช่แข็งขึ้นมา  
 
 
หนาวเย็น จนแทรกซึมเข้าไปในกระดูก  
 
 
เพียงแค่ชั่วแวบเดียว พื้นใต้ฝ่าเท้าถึงกับปรากฏเกร็ดหิมะ  
 
 
เป็นเกร็ดหิมะจริงๆ!  
 
 
ตู๋กูซิงหลันตะลึงไปเล็กน้อย เงาคนผู้นั้นก็พุ่งมาถึงตรงหน้านาง  
 
 
ด้วยความรวดเร็ว ที่นางมองเห็นได้ไม่ชัดเสียด้วยซ้ำ  
 
 
นางได้แต่ยกดาบยักษ์ขึ้นมา ตัดสินใจฟันออกไปตรงๆ  
 
 
คนที่บุกรุกเข้ามาในที่พักของนางกลางดึก ย่อมไม่ใช่คนดีไปได้  
 
 
“ตึง…..” ดาบยักษ์กวาดออกไป เกิดเสียงสะท้านดังกึกก้องคล้ายฟันลงไปบนเหล็กเย็นพันชั่ง   
 
 
ง่ามมือของนางถูกแรงสะท้อนจนเกือบจะฉีกขาดออก  
 
 
พลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!  
 
 
นางคิดอยู่ในใจ  
 
 
สองมือกุบดาบยักษ์เอาไว้ ขยับร่างไหววูบ คิดจะถอยหลังไปอีกหลายก้าว  
 
 
แต่ทันทีที่ขยับ ก็เห็นอีกฝ่ายยื้อดาบยักษ์ของนางเอาไว้ ดึงเข้าหาเบาๆ  
 
 
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกเหมือนกับว่าเรี่ยวแรงถูกพลังที่แข็งแกร่งดึงดูดออกไป จนคนแทบจะถลาออกไปทั้งตัว  
 
 
ตู๋กูซิงหลันตัดสินใจปล่อยดาบยักษ์ในทันที ท่ามกลางละอองหิมะ เส้นผมยาวสลวยสีเงินอมดำกระจายออกมา นางพึ่งจะยืนได้มั่น ก็เห็นเงาร่างของคนผู้นั้นมาถึงตรงหน้านางแล้ว  
 
 
ฝ่ามือที่ใหญ่โตคว้าลำคอของนางเอาไว้ พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งไหลผ่านร่างกายของนาง  
 
 
คนผู้นั้นอยู่ในกลุ่มแสง ตู๋กูซิงหลันเห็นใบหน้าของเขาอย่างเลือนลาง  
 
 
คนที่แหลมคมมากผู้หนึ่ง  
 
 
พลังที่ส่งออกมาจากร่างกายของเขายังแข็งแกร่งกว่าพลังของพวกที่ไล่ล่าสังหารอาจารย์ก่อนหน้านี้เสียอีก แข็งแกร่งกว่ามากนัก  
 
 
นับตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวขึ้นมา ทุกชีวิตในหุบเขาปีศาจคล้ายจะถูกแช่แข็งไปแล้ว  
 
 
แข็งแกร่งอย่างรุนแรง  
 
 
คนผู้นั้นคว้านางเอาไว้ ขณะที่แววตาหลังแสงสว่างนั้นกวาดผ่านใบหน้าของนาง กำลังในมือก็คลายออกเล็กน้อย  
 
 
ชั่วขณะนั้นเอง ตู๋กูซิงหลันฉวยโอกาสดิ้นหลุดอย่างรวดเร็ว ดีดร่างขึ้นไปบนชั้นสอง ยังไม่ทันยืนได้มั่นคง ก็ถูกฝ่ามือที่ใหญ่โตข้างหนึ่งคว้าแขนเอาไว้  
 
 
………………..  

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset