ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 528 การประลองสามฝ่าย

อาคมกักขังที่ซือเป่ยผนึกเอาไว้ในร่างของฉู่เจียงเดิมทีก็มิได้ซับซ้อมมาจนเกินไป ยังพอคลี่คลายได้อยู่
 
 
เพียงแต่พลังที่ใช้ในการคลี่คล้ายนี้จำต้องพิเศษอยู่บ้าง นางได้แต่ใช้พลังจิตของตนเองทดลองดู
 
 
คิดไม่ถึงว่ากลับพบกับความสำเร็จ
 
 
สายตาของตู๋กูซิงหลันทอประกายวับวาว รอให้ฉู่เจียงมากราบกรานขอบคุณนาง
 
 
ฉู่เจียงเหลือบตามองดูนางแวบหนึ่ง ขณะที่คิดจะชมนางว่ามีฝีมือเก่งกาจออกมา คำพูดที่มาถึงริมฝีปากก็กลืนกลับลงไปเสียอย่างนั้น
 
 
 ท่าทางเช่นนั้น มันโอ้อวดเกินไปแล้ว ราวกับกลัวว่าจะไม่มีใครรู้ว่านางเก่งถึงเพียงไหน
 
 
เขาหันศีรษะไปทางอื่น กล่าวเสียงต่ำคำหนึ่ง “ขอบใจ”
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “เจ้าว่าอะไรนะ ลมพัดแรงเกินไปแล้วข้าไม่ได้ยินเลย”
 
 
ว่าแล้วนางก็ยกมือขึ้นมาป้องหู ทำท่าทางรอคอยอย่างตั้งใจ
 
 
ฉู่เจียงรู้แต่แรกแล้วว่านางไม่ใช่เจ้านายที่วางตัวรักษาธรรมเนียม แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นหนักถึงเพียงนี้
 
 
เขาได้แต่ยกมือขึ้นมานวดขมับที่ปวดตุ๊บๆ ทำสีหน้าชิงชังรังเกียจ
 
 
พอก้มหน้าลงมองดูเจ้าตัวไร้เดียงสาที่อยู่ในอ้อมแขน อืม อยู่ๆก็รู้สึกว่าเจ้าตัวไร้เดียงสานี้เรียบร้อยน่าเอ็นดูกว่าเยอะเลย
 
 
เชื่อฟังวาจาดีมาก
 
 
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกลับไม่ยอมปล่อยเขา ยังคงทำท่าทางน่ารังเกียจนั้นต่อไป “พูดอีกครั้งสิ?”
 
 
ฉู่เจียง “…..”
 
 
หากมิใช่เพราะว่านางทำลายผนึกในร่างกายเขาออกไปแล้วจริงๆ ดูสิว่าเขาจะตีนางตายได้ไหม!
 
 
เขาฮึดฮัดอยู่ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็ค่อยเอ่ยปากขึ้นมา อย่างอึกๆอักๆ “ขะ ขอบคุณ”
 
 
“หา แค่คำว่าขอบคุณอย่างเดียวไม่ได้นะ เจ้าจะตอบแทนเราอย่างไร?” ตู๋กูซิงหลันเป็นพวกที่ได้คืบต้องเอาศอกอยู่แล้ว นางกำลังไล่บี้เพื่อทดสอบขีดจำกัดของฉู่เจียง
 
 
แต่ว่าฉู่เจียงกลับไม่อาจทำอย่างไรกับนางได้ทั้งสิ้น
 
 
ลูกศิษย์ของหมิงอ๋อง ฮ่องเต้หญิงแห่งดินแดนโบราณ ด้วยสองฐานะนี้….มิว่าอันไหนเขาก็ไม่อาจล่วงเกินได้ทั้งนั้น
 
 
อ๋อ เขายังไม่รู้สินะว่า ฮ่องเต้หญิงที่ไม่ทรงรักษาพระพักตร์ของตนเองพระองค์นี้ พึ่งจะกลายเป็นผู้ปกครองแดนมังกรองค์ใหม่ของเผ่ามังกรทมิฬอีกด้วย
 
 
“ในเมื่อได้รับบุญคุณจากเจ้า ข้าผู้เป็นอ๋องย่อมจะต้องตอบแทน” ฉู่เจียงเองก็เป็นชายชาติบุรุษ และถึงอย่างไรก็เป็นหนึ่งในสิบยมราช ในแก่นกระดูกยังมีเลือดของเผ่าหมิงไหลเวียนอยู่
 
 
ในเมื่อตอนนี้ได้รับอิสระคืนมาอีกครั้ง แล้วไยจะไม่ไปแก้แค้นกันเล่า?
 
 
พอเขาพูดจบ สีหน้าที่ล้อเลียนของตู๋กูซิงหลันก็เปลี่ยนเป็นเอาจริงเอาจังขึ้นมาในทันที
 
 
“สำหรับอีกเจ็ดยมราช เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด?” นางสอบถาม
 
 
“พวกเราต่างก็เป็นยมราชของเผ่าหมิง ย่อมต้องมีวิธีติดต่อกันเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าจะไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน แต่ว่าอย่างไรก็สามารถติดต่อกันได้” ฉู่เจียงว่าต่อไป “หน้าที่ที่เจ้าต้องการมอบหมายให้ข้าทำ ก็คือตามหายมราชคนอื่นๆใช่หรือไม่?”
 
 
ตู๋กูซิงหลันพยักหน้าติดๆกัน “ข้าอยากเสาะหาพวกเขาให้พบเร็วๆ เจ้ามีความมั่นใจไหม?”
 
 
ฉู่เจียงทำสีหน้ายุ่งยาก “ข้าไม่อาจยืนยันได้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่…. สงครามเผ่าสวรรค์และเผ่าหมิงในตอนนั้น ซือหนานตายใต้คมดาบ ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย แม้แต่หมิงอ๋องก็ยังบาดเจ็บสาหัส”
 
 
ว่าแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็ยื่นมือออกมาตบหนักๆลงไปบนบ่าของเขา
 
 
“เจ้าน้องชาย ภาระหนักหนทางยาวไกล ต้องลำบากเจ้าแล้ว”
 
 
ฉู่เจียง “….” เจ้าต่างหากเป็นน้องชาย ทั้งครอบครัวเจ้าสิเป็นน้องชาย!
 
 
เขาโตมาจนป่านนี้แล้ว ยังไม่เคยมีใครเรียกเป็นน้องชายมาก่อนเลย ฮ่องเต้หญิงเยาว์วัยผู้นี้กลับกล้านัก
 
 
พูดแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็ล้วงเอายันต์สีเหลืองออกมาสิบกว่าใบมอบให้เขาไป “นี่เป็นยันต์ถ่ายทอดสำเนียง พวกเราจะได้สามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา”
 
 
จากนั้น นางก็สอนวิธีใช้และคาถากำกับให้กับฉู่เจียงด้วยตนเอง
 
 
ของสิ่งนี้เมื่อสื่อสารกันรอบหนึ่งก็ต้องใช้ยันต์หนึ่งใบ ย่อมไม่สะดวกเท่ากับโทรศัพท์มือถือแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่านางจะไม่อยากนำมือถือมาใช้ในโลกนี้ ประเด็นสำคัญก็คือเอามาก็ไร้ประโยชน์เปล่า ….ไม่มีสัญญาณจะทำอะไรได้?
 
 
ฉู่เจียงรับยันต์ถ่ายทอดสำเนียงไปโดยไม่พูดอะไร ว่ากันตามจริง เขาแทบจะไม่อยากติดต่อกับนางเลย
 
 
ฮ่องเต้หญิงที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยผู้นี้ ไม่รู้ว่าจะมีแผนการใดกับเขาแน่
 
 
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกลับเหมือนอ่านใจเขาออกจนหมดสิ้น นางหัวเราะฮาฮา บอกว่า “เจ้าวางใจเถอะ ลูกพี่ลูกน้องข้าอยู่ในมือของเจ้าแล้ว ในภายหน้าเจ้าก็ต้องเป็นน้องเขยของข้าไม่ใช่หรือ? ครอบครัวเดียวกันยังจะวางแผนอะไรกับเจ้าอีก?”
 
 
คราวนี้ ฉู่เจียงถึงกับฉงนสงสัย
 
 
น้องเขยน่ะหรือ? เหลียงเซิงเซิงคือเครื่องมือในร่างมนุษย์ที่เขาเอาไว้สำหรับดูดกลืนไอทิพย์และพลังจิตเพื่อเพิ่มพูนการฝึกฝนเท่านั้น …..เขาเป็นถึงอ๋องฉู่เจียง จะไปหลงรักเด็กสาวชาวมนุษย์คนหนึ่งได้อย่างไร?
 
 
 เขาได้แต่แอบกรอกตาขาว ที่ไม่ได้เหมาะกับใบหน้าอันงดงามของเขาเลย
 
 
เจ้าสุนัขสีขาวตัวโตตัวนั้นนั่งลงอย่างเรียบร้อยอยู่ข้างกายฉู่เจียง มันมองดูเหลียงเซิงเซิงที่สลบตายไปแล้วด้วยความสงสาร มันยังใช้จมูกสีดำอันใหญ่คอยดุนมือของฉู่เจียงอยู่ตลอดเวลา
 
 
กลายเป็นว่าฉู่เจียงมือหนึ่งโอบกอดเหลียงเซิงเซิง อีกมือหนึ่งก็ต้องคอยลูบไล้สุนัข
 
 
ครู่ต่อมาเขาค่อยสอบถามตู๋กูซิงหลันบ้าง
 
 
“เจ้าล่ะ จะไปที่ใดอีก?” เขามันคนปากแข็งแต่ใจอ่อน ถึงอย่างไรก็เห็นแก่ที่นางคือศิษย์ของหมิงอ๋อง ย่อมต้องห่วงใยกว่าเดิม
 
 
“ย่อมต้องไปจัดการเรื่องบางประการ”
 
 
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้บอกรายละเอียด รอจนเหลียงเซิงเซิงตื่นขึ้นมา กินข้าวกับทั้งสองแล้ว นางก็ค่อยไปจากเขาฝูซางซาน
 
 
…………………………
 
 
ยามที่กลับไปถึงต้าโจวนั้น ก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว
 
 
ในคุกหลวง กลุ่มของเทพบุตรหงเหมินทั้งหมด ที่สมควรบอกก็บอกออกไปแล้ว ที่ไม่สมควรสารภาพก็ล้วนสารภาพออกไปแล้วเช่นกัน
 
 
หลงเซียวรวบรวมข่าวสารที่เป็นประโยชน์เรียบร้อยแล้ว  ก็ทำเป็นสมุดเล่มเล็กมอบให้กับตู๋กูซิงหลัน
 
 
ประเด็นหลักก็คือขุมกำลังต่างๆของดินแดนจิ่วโจวในตอนนี้ถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจน
 
 
ห้าแคว้นใหญ่ สามขุมกำลังหลัก และสำนักเล็กๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน รวมกันเป็นดินแดนสวรรค์จิ่วโจว ทุกคนมุ่งหมายไปที่การบำเพ็ญเพียรเป็นสำคัญ
 
 
ห้าแคว้นหลักนี้ แบ่งเป็น แคว้นทอง พฤกษา วารี พสุธา และอัคคี
 
 
ชื่อของแต่ละแคว้นบ่งบอกลักษณะความโดดเด่นของทรัพยากรที่แว่นแคว้นครอบครองอยู่
 
 
อย่างเช่นแคว้นทอง ภายในแคว้นก็เต็มไปด้วยเหมืองทองคำ สามารถพูดได้ว่าเป็นแคว้นที่ร่ำรวยที่สุดในดินแดนจิ่วโจว ในแคว้นนี้เปี่ยมไปด้วยพลังธาตุทองเข้มข้น
 
 
แคว้นพฤกษา ตั้งอยู่กลางพื้นที่ของป่ากว้าง ทั่วแคว้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังของธาตุไม้
 
 
แคว้นวารี ตั้งอยู่ในผืนน้ำกว้างใหญ่ไพศาล ผู้คนส่วนใหญ่ในแคว้นเป็นชาวเงือก คนในแคว้นยังไม่ถือว่าเก่งในการบำเพ็ญเพียรเท่าไรนัก
 
 
แคว้นอัคคี ทั่วทั้งแคว้นแทบจะมีสภาพเป็นภูเขาไฟเป็นต้นกำเนิดของธาตุอัคคีในดินแดนจิ่วโจวทั้งหมด
 
 
สามขุมอำนาจใหญ่ นั้นได้แก่ สำนักเซียนอันดับหนึ่ง วังตันติ่งกง ตำหนักลึกลับซิวหลัวเตี้ยน และสำนักสายสมดุล สำนักหยินหยาง
 
 
วังตันติ่งกงมุ่งเน้นการฝึกฝนเป็นเซียนและหลอมยาตัน  ตำหนักซิวหลัวเตี้ยนค่อนข้างลี้ลับ แม้แต่เจ้าตำหนักคือผู้ใดก็ไม่มีใครรู้
 
 
สำนักหยินหยางนั้น ผู้ก่อตั้งเป็นนักพรตสายหยินหยาง เมื่อหลายปีก่อนต้องถือว่าอ่อนแอมาก แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ อยู่ๆสำนักหยินหยางได้เปลี่ยนเจ้าสำนักคนใหม่
 
 
พอดีกับที่ช่วงนี้ครบกำหนดที่ทุกสิบปีทั้งห้าแคว้นและสามขุมอำนาจจะมีการแข่งขันสุดยอดการประลองสามฝ่าย
 
 
เจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักหยิงหยางสามารถเอาชนะตัวแทนจากทั้งหมดได้ภายในรอบเดียว
 
 
ทั้งห้าแคว้นใหญ่ วังตันติ่งกงและตำหนักซิวหลัวเตี้ยน ถึงกลับถูกเจ้าสำนักหยินหยางผู้นี้ทำเอาหัวใจสลายแทบจะกระอักเลือดออกมา
 
 
ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา การแข่งขันสุดยอดการประลองสามฝ่ายในทุกสิบปี ผู้ได้รับชัยชนะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นวังตันติ่งกงกับตำหนักซิวหลัวเตี้ยนสลับกันไป สำหนักหยินหยางเป็นเพียงตัวประกอบ
 
 
แต่ว่าตอนนี้เจ้าวังของวังตันติ่งกงกับเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนต่างก็ถูกเหยียบย่ำจนราบคาบไปแล้ว!
 
 
นี่ต้องเรียกว่าบาดเจ็บจนชอกช้ำถลอกปอกเปิกไปทั้งเนื้อทั้งตัว!
 
 
………………………………………………….

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset