ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 538 ริมฝีปากของเขาเหมือนดั่งกลีบบัวจากขุมนรก

แต่ถึงจะยื่นศีรษะออกไปมองดูอย่างไร ด้านนอกก็มีแต่ความว่างเปล่า ดวงดาวเกลื่อนเต็มฟ้า เหล่าดอกไม้ในวังตันติ่งกงสยายกลีบไหวไปมา  
 
 
กลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ปะปนกัน หอมจรุงเข้าไปในจมูก  
 
 
ฝูลิ่วใช้พลังวิญญาณสำรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติ  
 
 
“ท่านเจ้า ที่ด้านนอกไม่มีสิ่งใดเลยเจ้าค่ะ”  
 
 
ครู่หนึ่ง นางถึงได้หันศีรษะกลับมา เอ่ยตอบซ่งชิงอี  
 
 
ขลุ่ยหยกที่ซ่งชิงอีเขวี้ยงออกไปวนอยู่ในอากาศรอบหนึ่ง ค่อยกลับคืนสู่ฝ่ามือของนาง โดยไม่มีสิ่งใดบุบสลาย  
 
 
ดวงตาของนางมีไอสังหารเปี่ยมล้น ยกขลุ่ยหยกในมือขึ้นรองใต้จมูกสูดดมเบาๆครั้งหนึ่ง  
 
 
คราวนี้ ไอสังหารนั้นก็เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม  
 
 
บนตัวขลุ่ยมีกลิ่นหอมจางๆของดอกฮว๋ายฮวา และจางหายไปอย่างรวดเร็ว  
 
 
“มีคนเล็ดลอดเข้ามา รีบปิดล้อมวังตันติ่งกงในทันที ตามหาตัวคนให้เจอ สังหารโดยไม่เว้น”  
 
 
ฝูลิ่วตกตะลึงไป นางไม่รู้เลยว่าท่านเจ้าทราบได้อย่างไรว่ามีคนบุกเข้ามา….  
 
 
แต่นางก็ไม่กล้าประมาท อีกเพียงไม่นานเทศกาลหมื่นบุปผชาติก็จะมาถึงแล้ว ก่อนที่ยาบุปผาสะคราญจะหลอมเสร็จ เฉพาะหน้านี้ไม่อาจปล่อยให้เกิดเหตุผิดพลาดใดๆได้ทั้งสิ้น  
 
 
“บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” ฝูลั่วรีบถอยออกไปในทันที นางขึ้นไปบนหลังคาวังตันติ่งกง ยกมือขึ้นสะบัดพลุสีแดงในมือออกไป  
 
 
พลุไฟนั้นระเบิดขึ้นในอากาศ ราวกับประกายสายฟ้าสีแดงเลือด  
 
 
เพียงครู่เดียวทั่วทั้งวังตันติ่งกงก็ตื่นตัวขึ้นมา  
 
 
นั่นคือสัญญาณจากท่านเจ้าวัง….ถึงกับมีคนกล้าบุกรุกสำนักเซียนอันดับหนึ่งของพวกเขา?  
 
 
ทั้งยังบุกเข้ามาในสถานที่ที่มีเวรยามกวดขันอย่างแน่นหนาถึงเพียงนี้!  
 
 
นี่มิเท่ากับว่าท้าทายอำนาจของวังตันติ่งกงอย่างเปิดเผยหรอกหรือ?  
 
 
รอบนอกของวังตันติ่งกง มีแสงสว่างสีแดงเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก  
 
 
ที่นี่คือศูนย์กลางของวันตันติ่งกง ศูนย์กลางที่เข้มแข็ง ที่แม้แต่ยุงตัวเดียวก็ยังเล็ดลอดเข้าไปไม่ได้  
 
 
ซ่งชิงอียืนอยู่บนยืนอยู่ริมหน้าต่างชั้นบน กวาดตาลงมามองดูความเคลื่อนไหวของเหล่าองครักษ์และศิษย์ในสำนัก  
 
 
ขลุ่ยหยกในฝ่ามือถูกนางบีบจนแตกละเอียดไปแล้ว   
 
 
วันนี้แมลงวันตัวหนึ่งก็กล้าบุกรุกเข้ามาในวังตันติ่งกงของนางหรือ?  
 
 
ดีมาก…ถึงตอนนั้นเจ้าแมลงวันตัวนี้ จะต้องไม่ได้ตายดีอย่างแน่นอน!  
 
 
…………….  
 
 
อีกด้านหนึ่ง ในห้องเล็กๆที่มืดมิด สายตาของตู๋กูซิงหลันจับจ้องอยู่ที่ฝ่ามือใหญ่โตที่จับแน่นอยู่บนข้อมือของตนเอง  
 
 
ถึงแม้ว่าที่นี่มีเพียงแสงสว่างอ่อนจางของดวงดาวส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นฝ่ามือที่ได้รูป ข้อนิ้วที่สวยงาม นิ้วเรียวยาว สะอาดสะอ้าน  
 
 
คนผู้นี้สวมใส่ชุดสีดำ เส้นผมดกดำยาวเป็นเงางาม สยายลงมา เส้นผมที่เรียงตัวอยู่ด้วยกันคล้ายดั่งผืนผ้าไหมโบราณ  
 
 
เมื่อครู่ตอนที่อยู่บนตึกสูง ขณะที่ขลุ่ยหยกเลานั้นเขวี้ยงออกมา คนชุดดำผู้นั้นก็พลันปรากฏตัวขึ้น คว้าตัวนางเหาะออกไป เพียงพริบตาเดียวก็พานางหลบหนีออกจากตึกสูง  
 
 
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้ขัดขืนเขา แต่ว่าติดตามมาทางด้านหลังของเขาอยู่ตลอดเวลา ด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด  
 
 
ฝ่ามือใหญ่ที่จับมือของนางเอาไว้นี้ เย็นมาก ราวกับเนื้อหยก ความรู้สึกที่ได้รับนางบรรยายออกไปไม่ถูก  
 
 
กระทั่งเมื่อเข้าไปภายในห้องเล็กๆที่มืดมิด เขาถึงได้ปล่อยมือของนาง  
 
 
เขาหันหลังให้กับนาง พลางมองออกนอกหน้าต่างไปไกล ครู่ใหญ่ถึงได้ยินเขากล่าวออกมาคำหนึ่งว่า “ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรจะมา”  
 
 
น้ำเสียงของเขาทุ้มลึก คล้ายแผ่นเหล็กที่มีแรงดึงดูด เพียงเอ่ยไม่กี่คำ ก็ทำให้คนเหมือนถูกแม่เหล็กดึงดูดเข้าไปหา  
 
 
ตู๋กูซิงหลันได้แต่มองดูแผ่นหลังของเขา  
 
 
รอบด้านมีแต่ความมืดมิด เขาเองก็สวมใส่ชุดดำทั่วทั้งร่าง คนจึงเหมือนสถิตย์อยู่ในความมืดมิด  
 
 
มีแต่มุมหน้าที่หันมาทางตู๋กูซิงหลันเล็กน้อยเท่านั้นที่มีสีสัน  
 
 
หน้ากาก….เขายังสวมใส่หน้ากากครึ่งใบ  
 
 
เป็นหน้ากากทองแดงที่ดูเก่าโบราณ ปิดบังตั้งแต่หน้าผากจนถึงปลายจมูก เอาไว้อย่างมิดชิด แม้แต่แววตาก็ไม่ได้เผยสิ่งใดออกมา  
 
 
แต่ถึงแม้ว่าจะมีหน้ากากปิดบังอยู่ ก็ยังสามารถมองเห็นได้ว่าเขามีโครงหน้าและรูปคางที่สวยงาม  
 
 
ปลายคางแหลม เส้นโค้งไปตามลำคอเรียบลื่น ลูกกระเดือกที่ขยับยามพูดให้เสียงของบุรุษที่มีเอกลักษณ์….  
 
 
ตู๋กูซิงหลันเหลือบตาดูเพียงครั้งเดียวก็ไม่สามารถจะละสายตาไปไหนได้อีกเลย  
 
 
ริมฝีปากของเขาเป็นสีแดงราวกลีบบัวที่ผุดขึ้นจากนรก สีแดงดุจโลหิตที่ใกล้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเข้าไปแล้ว  
 
 
บุรุษผู้หนึ่งที่มีริมฝีปากเช่นนี้ แต่กลับมิได้ทำให้ผู้อื่นรู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย  
 
 
กลับกัน…..ตู๋กูซิงหลันยิ่งรู้สึกสงสัยว่า ภายใต้หน้ากากนั้นจะเป็นใบหน้าเช่นใดกันแน่  
 
 
นางสมควรจะไม่รู้จักคนผู้นี้…..แต่ว่าทำไม? แค่เพียงได้เห็นเงาหลังของเขา เห็นขอบหน้าด้านข้างของเขา ก็รู้สึกว่า….เหมือนกับรู้จักกันมานานแสนนานมาแล้ว  
 
 
ความรู้สึกที่แสนคุ้นเคยที่ผุดขึ้นมาจากแก่นกระดูก ทำให้นางไม่ได้ผลักคนผู้นี้ออกไปตั้งแต่แรก  
 
 
และแม้แต่ยามที่ถูกเขาพาหนีมา ก็ไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย  
 
 
ด้านนอกของวังตันติ่งกงยามนี้วุ่นวายราวกระทะที่เดือดพล่านไปแล้ว มีผู้คนไม่น้อยออกค้นหาอย่างบ้าคลั่ง  
 
 
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันก็ไม่ได้สนใจ เดิมทีนางคิดเอาไว้ว่า ต่อให้โดนพบตัวก็แค่ปะทะกันสักตั้ง  
 
 
วังตันติ่งกงกระทำเรื่องผิดคุณธรรมถึงเพียงนี้  ย่อมไม่สมควรจะคงอยู่ต่อไปอีกแล้ว  
 
 
แต่เพราะอยู่ๆก็ถูกคนผู้นี้พาตัวออกมา ความรู้สึกที่แสนจะคุ้นเคยนั้นทำให้นางปล่อยเรื่องของวันตันติ่งกงทิ้งไปในทันที  
 
 
“เจ้าคือใคร?” นางจับจ้องไปที่ริมฝีปากสีแดงของเขา สำรวจดูรูปปากนั้นอย่างละเอียด  
 
 
ไม่หนา ไม่บาง เป็นรูปปากที่สวยงาม ดุจกลีบดอกไม้  
 
 
“คนผ่านทาง” เขาคิดอยู่ชั่วครู่ ค่อยให้คำตอบกับนาง  
 
 
ตู๋กูซิงหลันใคร่ครวญถึงความรู้สึกที่ได้จากกลิ่นอายบนร่างของเขาอย่างละเอียด นางคิดจะตรวจสอบให้ลึกลงไปว่าเป็นอะไร แต่ว่าก็ไม่อาจจับความเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณได้แม้แต่น้อย  
 
 
เช่นนี้ ก็เป็นไปได้อยู่สองทาง  
 
 
ประการแรกคือคนผู้นี้อ่อนแอมาก อ่อนแอจนถึงขนาดไม่มีพลังวิญญาณ  
 
 
อีกประการหนึ่งก็คือเขาแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนถึงขึ้นสามารถปิดบังกลิ่นอาย และพลังวิญญาณของตนเองได้จนหมดสิ้น แม้แต่ตัวนางก็ตรวจสอบไม่ออก  
 
 
บุรุษผู้นี้สามารถพานางหลบหนีออกมาจากตึกสูงได้โดยไร้ซุ่มเสียง ชัดเจนเลยว่า เขาเป็นประเภทหลัง  
 
 
ดินแดนจิ่วโจวมีผู้มีฝีมืออยู่มากมาย แต่ก็มิใช่ว่าใครที่ไหนก็จะสามารถบุกรุกวังตันติ่งกงได้ง่ายๆ  
 
 
เพราะที่นี่คือสำนักเซียนอันดับหนึ่งของดินแดนจิ่วโจว  
 
 
“เจ้าคือเจ้าสำนักหยินหยาง หรือว่าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน?” ตู๋กูซิงหลันไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับจากเขาเลย นางยืนอยู่ที่ด้านหลังของเขา สายตาไม่เคยละไปจากตัวเขาแม้เพียงแวบเดียว  
 
 
ปลายนิ้วใต้แขนเสื้อของนางขยับช้าๆ คิดจะถอดหน้ากากของเขาออกมา  
 
 
แต่พอนิ้วมือยื่นออกไปจนถึงหน้ากากของเขา มือของนางก็ถูกเขาจับเอาไว้ และด้วยการโอบอย่างนุ่มนวลตู๋กูซิงหลันก็เข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเขาทั้งร่าง  
 
 
นางยังไม่ได้เอ่ยปาก  นิ้วมือของบุรุษผู้นั้นก็แตะลงบนริมฝีปากของนาง “ชวู่….”  
 
 
เขาทำมือให้เงียบเสียงเอาไว้  
 
 
จากนั้นก็ได้ยินเสียงประตูถูกกระแทกออกอย่างแรง  
 
 
ศิษย์สำนักตันติ่งกงหลายคนเข้ามาข้างใน  
 
 
คบเพลิงในมือของพวกเขายกขึ้นสูง หลังเข้ามาในห้อง ก็เริ่มรื้อค้นทุกซอกทุกมุม  
 
 
แต่ว่าทั้งๆที่ตู๋กูซิงหลันกับบุรุษชุดดำยืนอยู่ตรงมุมห้อง คนเหล่านั้นก็ยังเหมือนกับมองไม่เห็น   
 
 
ที่จริงตู๋กูซิงหลันรู้สึกเหมือนกับว่าคบเพลิงเล่มนั้นกำลังลนใบหน้าของนางอยู่เสียด้วยซ้ำ แต่ว่าศิษย์เหล่านั้นเหมือนดั่งคนตาบอด ที่เห็นนางกับคนผู้นี้เป็นเพียงอากาศที่ว่างเปล่า  
 
 
ยามที่คบเพลิงนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอ้อมแขนของคนผู้นี้รัดแน่นขึ้นอีกหลายส่วน  
 
 
ฝ่ามือที่ใหญ่โตของเขาสัมผัสกับใบหน้าของนาง กันความร้อนจากคบเพลิงนั่นออกไปจากนาง  
 
 
……………………   

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset