ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 636 ข้าคงไม่ใช่สินค้าโหลตามโรงงามหรอกนะ

สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาก็คือสีแดงกลุ่มหนึ่ง  
 
 
จิตวิญญาณกึ่งโปร่งใสปรากฏออกมา เส้นผมสีดำอมเงินสยายอยู่ในสายลม บดบังโฉมหน้าที่งดงามล้ำโลกนั้นเอาไว้  
 
 
แม้ว่าไม่อาจกระแทกจนทำให้วิญญาณหลุดออกจากร่าง แต่ก็เพียงพอจะทำให้ตี้เสียได้เห็นนางในบางส่วน  
 
 
เพียงแต่ว่าจากมุมที่พระองค์ทอดพระเนตร ทำให้ได้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าเท่านั้น  
 
 
แถมยังเป็นเสี้ยวหน้าที่ถูกเส้นผมบดบังเอาไว้จนหมดอีกด้วย  
 
 
ตี้เสียหรี่พระเนตรมอง เดิมทีพระองค์เข้าพระทัยว่าจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างจะเป็นจิตวิญญาณของบุรุษที่ลึกลับและชั่วร้ายผู้หนึ่ง  
 
 
ซึ่งอาจจะมาจากเผ่ามังกรทมิฬหรือไม่ก็เป็นพวกเผ่าหมิงที่ยังไม่ตายจนหมดสิ้น คิดไม่ถึงว่า จิตวิญญาณดวงนี้จะเป็นของอิสตรี  
 
 
สตรีที่กล้าบุกขึ้นมาบนแดนสวรรค์อย่างบุ่มบ่าม และทำให้พวกเทพทั้งหลายกลายเป็นเพียงคนโง่ที่ไร้สมอง  
 
 
พระองค์อดไม่ได้ที่จะสรวลออกมาอย่างเย็นชาคำหนึ่ง ขยับพระองค์ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า แผ่พลังกดดันระดับเทียนตี้ออกมา ซัดฝ่าพระหัตถ์ใส่ร่างของตู๋กูซิงหลันอย่างไร้ไมตรีอีกครั้งอย่างเลือดเย็น  
 
 
ฝ่ามือนี้ ทำเอาร่างเนื้อของเยี่ยเฉินถึงกับใกล้จะแตกดับ  
 
 
ร่างเนื้ออ้าปากกระอักเลือดออกมาคำโต เจ้านกยักษ์ที่เดิมถูกยันต์โลหิตสะกดเอาไว้พอได้กลิ่นเลือด ก็เคลื่อนไหวอย่างวุ่นวายอีกครั้ง  
 
 
นอกจากนั้นฝ่ามือนี้ ยังทำให้จิตวิญญาณของตู๋กูซิงหลันที่เดิมทียังไม่แยกออกจากร่างเนื้อหลุดออกมาจากร่างจนหมดสิ้น  
 
 
นางประมาทตี้เสียเกินไปแล้ว นางต้องทุ่มเทพลังไปต้องมากมายจึงสามารถสิงสถิตย์อยู่ในร่างของเยี่ยเฉินได้ แต่ว่ายามนี้พอถูกเขาซัดไปแค่สองฝ่ามือก็หลุดออกมาเสียแล้ว  
 
 
ตอนนี้ จิตวิญญาณของนางกับร่างเนื้อของเยี่ยเฉินลอยห่างกันไปไกลหลายสิบเมตร  
 
 
เมื่อไม่มีดวงวิญญาณของนางคอยควบคุม และจิตมังกรของเยี่ยเฉินก็ยังถูกผนึกอยู่ ร่างเนื้อนั้นจึงเป็นเพียงเปลือกนอกที่ว่างเปล่าและร่วงหล่นลงไปเรื่อยๆ  
 
 
เจ้านกยักษ์ที่ได้กลิ่นเลือดก็วาดปีกโผเข้ามาอย่างกระเ**้ยนกระหือรือ มันอ้าปากกว้าง ส่งเสียงกู่ร้อง คิดจะกลืนร่างเนื้อของเยี่ยเฉินลงไป  
 
 
จิตมังกรของเยี่ยเฉินดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังส่งเสียงวิงวอนตู๋กูซิงหลันอย่างโหยหวน “เห็นแก่ความเป็นพี่น้อง เจ้าอย่าทำต่อข้าเช่นนี้…”  
 
 
“อย่างมากสุด ต่อไปข้าจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีกก็ได้ เจ้าช่วยข้าด้วย?”  
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “ไม่เห็นหรือว่าเจ้ยังเอาตัวไม่รอดเลย?”  
 
 
เยี่ยเฉิน “เจ้าเป็นน้อง…”  
 
 
เขาหมายความว่า ตู๋กูซิงหลันอย่างมากก็เป็นได้แค่น้องสาวเท่านั้น อยู่ๆจะมาเรียกตนเองเป็นพี่สาวได้อย่างไร?  
 
 
เยี่ยเฉินคิดว่าตนเองคงต้องตายแน่แล้ว เขาได้แต่มองดูร่างเนื้อของตนเองดิ่งลงสู่ปากของนกยักษ์อย่างหมดหวัง  
 
 
แต่ว่าในทันใดนั้นเอง ตู๋กูซิงหลันก็เขวี้ยงยันต์โลหิตออกมาอีกใบหนึ่ง ทันทีที่ยันต์แผ่นนั้นเข้าสู่ร่าง ผนึกที่กักขังจิตมังกรของเขาเอาไว้ก็สลายไปทำให้เขาได้รับอิสระ เยี่ยเฉินแปลงร่างเป็นมังกรสีครามขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง พอกวาดกรงเล็บออกไปก็ทำให้เจ้านกยักษ์ที่ไม่ทันได้ระวังป้องกันอยู่เลยลอยกระเด็นไปกระแทกกับกรงที่เย็นเฉียบ  
 
 
นี่มิใช่ว่าตู๋กูซิงหลันมีน้ำใจเมตตา แต่ที่ปลดปล่อยเยี่ยเฉินออกมา ก็เพราะเห็นว่าเขาพอจะต้านทานเจ้านกยักษ์ไว้ได้บ้าง  
 
 
ร่างจริงของเยี่ยเฉินจะอย่างไรก็เป็นถึงมังกรยักษ์ตัวหนึ่ง เจ้านกยักษ์ตัวนั้นโดนยันต์โลหิตของนางผนึกอยู่ ไอหยินแทรกซึมเข้าสู่ร่าง ทำให้พละกำลังของมันอ่อนแอลงไปมาก ร่างจริงของเยี่ยเฉินย่อมพอจะถ่วงเวลามันเอาไว้ได้บ้าง  
 
 
ถึงแม้ว่าเยี่ยเฉินจะเป็นศัตรูกับนาง แต่ว่าตอนนี้ทั้งสองก็เหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว เยี่ยเฉินย่อมต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องตนเองอย่างสุดกำลัง  
 
 
ขณะที่ตู๋กูซิงหลันเขวี้ยงยันต์โลหิตออกไป ตี้เสียก็ทรงไล่ตามมาติดๆ  
 
 
พระองค์ยังคงวางตนสูงส่งและไร้น้ำใจไมตรี แม้ในพระหัตถ์จะไร้อาวุธ แต่ทันทีที่เหาะมาถึงข้างดวงวิญญาณของตู๋กูซิงหลัน ก็ยกหัตถ์โจมตีใส่นาง  
 
 
จิตวิญญาณของตู๋กูซิงหลันย่อมแข็งแกร่งกว่าเยี่ยเฉินอย่างเทียบกันไม่ได้  
 
 
พอดวงจิตถูกผลักออกจากร่าง ก็บาดเจ็บเพียงผิวเผินเท่านั้น  
 
 
เส้นผมของนางยาวสลายออกไป ขณะที่พระหัตถ์ของตี้เสียต่อยออกมา ในมือของนางก็กุมคฑาที่ดำมืดด้ามนั้นเอาไว้แล้ว  
 
 
นางหันกลับไป เผชิญหน้ากับตี้เสีย  
 
 
เส้นผมที่ปลิวสยาย เผยรูปโฉมที่งามล้ำเป็นหนึ่งไม่มีสองออกมา  
 
 
ตี้เสียทรงสังเกตเห็นคฑาสีดำของนางแต่แรก พระหัตถ์ที่เคลื่อนไหวอยู่จึงชะงักไปชั่วครู่  
 
 
ไม้คฑาด้ามนั้นก็วาดลงมา ฟาดลงไปบนท่อนพระกรอย่างหนักหน่วง  
 
 
ได้ยินเสียงดัง ‘บรึ้ม’ พอท่อนพระกรกับคฑาไม้ดำกระทบกัน ก็เกิดเป็นระเบิดแสงสีดำและสีทองออกมา  
 
 
แสงสว่างนั้นกระจายออกไป กระแทกเข้าในกรงขัง เกิดเป็นเสียงกัมปนาทบาดแก้วหู  
 
 
เจดีย์กำรายเทพมารถึงกับเขย่าโคลงเคลงไปทั้งหลังจนสามารถมองเห็นได้จากด้านนอก ราวกับว่าใต้ฐานเจดีย์เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นมา  
 
 
ที่นี่เป็นถึงเขตวังของแดนสวรรค์ เป็นพื้นที่ที่เสถียรที่สุดในหกภพภูมิ ต่อให้เกิดพายุฝนสายฟ้าฟาดเช่นไร ก็ไม่มีทางจะทำให้มันเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาได้อย่างเด็ดขาด  
 
 
แต่ว่าตอนนี้ ทุกคนต่างก็เห็นว่ามีแสงสว่างวาบออกมาจากชั้นแปดของเจดีย์  
 
 
ทุกคนจึงพากันตื่นตระหนกขึ้นมา  
 
 
แสงสว่างสีทองนั้นย่อมต้องเป็นเทียนตี้ แต่ว่าแสงสีดำนั้นเป็นของผู้ใดกัน?  
 
 
ต่อให้นึกฝัน พวกเขาก็คาดไม่ออกอยู่ดีว่า คู่ต่อสู้ในเจดีย์จะเป็นเทียนตี้….กับใครอีกคนกัน?  
 
 
พอแสงสีดำแผ่กระจายออกไป ก็ทำให้ท้องฟ้าของแดนสวรรค์ที่มีสีสันหลากหลายและงดงามถูกครอบคลุมเอาไว้ด้วยเมฆดำชั้นหนึ่ง  
 
 
และในตอนนั้นเอง เทพธิดาทั้งสิบแปดคนก็ได้แบกเกี้ยวทรงเข้ามาถึงเจดีย์กำราบเทพมารพอดี  
 
 
……………..  
 
 
บนชั้นแปด หลังจากที่แสงทั้งหมดหายไป ตี้เสียถึงได้ทรงมองเห็นใบหน้าของตู๋กูซิงหลันได้อย่างชัดเจน  
 
 
จิตวิญญาณที่กึ่งโปร่งแสง ทำให้ผิวพรรณของนางยิ่งดูกระจ่างใสราวกับหยกมันแพะที่มีแสงมันวาว  
 
 
และแม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ว่าดวงตาดอกท้อคู่นั้นก็ยังคงทอประกายราวกับดวงดาราที่อยู่เหนือมหาสมุทร  
 
 
แม้ว่าจะเป็นเพียงพริบตาเดียว แต่ว่าพระหัตถ์ที่พุ่งออกไปของตี้เสียก็ชะงักค้างอยู่กับที่เหมือนถูกผลึกน้ำแข็งผนึกเอาไว้ในทันที   
 
 
นาง…..  
 
 
ในขณะเดียวกัน เหล่าเทพธิดาก็มาถึงชั้นที่แปด ฝ่ามือที่ขาวสะอาดและบอบบางข้างหนึ่ง ยื่นออกมาจากรอยแง้มของม่านโปร่งสีแดงที่พลิ้วอยู่รอบเกี้ยวทรงของเทียนโฮ่ว  
 
 
เหล่านกยูงขาวต่างพากันร่อนลงมารอบๆเกี้ยวทรง แต่ละตัวต่างก็ชูคอ เยื้องย่างอย่างสง่างาม  
 
 
“เทียนตี้เพคะ” ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วไพเราะดุจสายน้ำไหลของสตรีผู้หนึ่งก็เอ่ยขึ้นมา  
 
 
เสียงที่นุ่มนวลอย่างยิ่ง  
 
 
บนเกี้ยวทรง แม้ว่าเทียนโฮ่วจะมิได้เสด็จออกมา แต่ว่าม่านโปร่งสีแดงที่ถูกรวบเอาไว้ครึ่งหนึ่งก็ทำให้สามารถมองเห็นดวงพักตร์ครึ่งหนึ่งของพระนางได้เช่นกัน  
 
 
ผิวพรรณที่ขาวละเอียดเนียน คิ้วโก่งได้รูปดุจสันเขา  
 
 
ดวงตาทั้งคู่งดงามดุจดอกท้อ แต่ก็มิได้ดูมีชีวิตชีวาดุจแสงดาว  
 
 
ทิศทางที่ตู๋กูซิงหลันสามารถมองเห็นดวงพัตร์ครึ่งหนึ่งของพระนางได้พอดี  
 
 
นางเคยเห็นยอดพธูที่มีรูปโฉมงามล้ำอย่างพี่สาวต๋าจี่มาแล้ว แต่ว่าผู้ที่อยู่บนเกี้ยวทรงกลับสามารถสร้างความตื่นตะลึงให้กับนางได้ตั้งแต่ในแวบแรกที่ได้เห็น  
 
 
สมแล้วกับที่เป็นยอดเทพธิาดในแดนสวรรค์ รูปโฉมเช่นนี้ยังงดงามกว่าภาพวาดเสียอีก  
 
 
เพียงแต่ว่าคิ้วและดวงตาคู่นั้นออกจะดูคุ้นเคยเกินไปหน่อย  
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “….” ข้าคงไม่ใช่สินค้าโหลที่ผลิตออกมาจากโรงงานกระมั้ง?  
 
 
อยู่ๆนางก็เกิดความสงสัยในตนเองขึ้นมา  
 
 
ดวงตาของสตรีผู้นั้น ดูอย่างไรก็เหมือนพิมพ์ขึ้นมาจากดวงตาของนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน  
 
 
ความเหมือนที่มีมากถึง 99.99% เลยทีเดียว  
 
 
แต่ก็มีเพียงดวงตาและรูปคิ้วเท่านั้นที่เหมือนกัน โครงร่างและใบหน้าที่เหลือล้วนแตกต่าง  
 
 
ดวงหน้าของตู๋กูซิงหลันดูแล้วมีเนื้อหนังมากกว่า เครื่องหน้าทั้งหมดได้รูปงดงาม ผิวพรรณมีน้ำมีนวลจนเปล่งประกายออกมา  
 
 
ส่วนสตรีผู้นั้นดูผ่ายผอมบอบบางกว่าเล็กน้อย  
 
 
ขณะที่นางมองไปที่สตรีผู้นั้น อีกฝ่ายก็มองมาที่นางเช่นกัน  
 
 
“นางคือ?” แววตาของสตรีผู้นั้นเผยความแปลกใจออกมา จากนั้นก็มองไปทางตี้เสีย จึงได้เห็นร่างของตี้เสียลอยอยู่กลางอากาศ  
 
 
แถบผ้าสีทองของพระองค์พลิ้วไหวอยู่ในอากาศ รัศมีสีทองทั่วร่างจางลงไปครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นดวงพักตร์ที่เคยลึกลับมาตลอด  
 
 
ดวงเนตรสีทองคู่นั้น จับจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลันอย่างไม่วางตา  
 
 
……………………..  

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset