ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 689 เรียกหลันหลันกลับไป ตอนที่ 690-1 แม้แต่ชื่อของบุตรของพวกนางที่จะเกิดมาในอนาคต นางก็คิดเอาไว้หมดแล้ว

ตอนที่ 689 เรียกหลันหลันกลับไป  
 
 
แม้ว่าในชั่ววินาทีที่พระองค์กำลังจะใช้พลังวิญญาณทั้งหมดในร่างเพื่อต้านทานเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าดาบดำลายทองเล่มนั้นยังคงแทงเข้ามาในพระอุระของพระองค์อยู่ดี  
 
 
สีพระพักตร์ของตี้เสียพลันเปลี่ยนไป ถึงกับเสียเลือดจนซีดเผือด  
 
 
มุมพระโอษฐ์มีโลหิตซึมออกมา และกลายเป็นสีดำไปในทันที  
 
 
ไกลออกไป จีเฉวียนยืนอยู่บนหัวไหล่ของสัตว์อสูร ดวงตาหงส์คู่นั้นทอประกายเย็นยะเยือกออกมา แต่ว่าครั้งนี้สายตาของเขามิได้หยุดอยู่ที่ร่างของตี้เสีย แต่ว่ามองไกลออกไป  
 
 
ซือเป่ยที่อยู่ห่างออกไป ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาของเขา ความหนาวเย็นสุดขั้วนั่น แม้ว่าจะทะลวงผ่านชั้นหมอกและควันหนา ก็ยังทะลวงมาจนถึงเขาได้  
 
 
ใจกลางฝ่ามือของเขาแผ่พลังวิญญาณออกมาอย่างเงียบๆ และค่อยๆสงบลงภายใต้การจับตาดูจากสายตาคู่นั้น  
 
 
เขา….ก็แค่ยืมดาบฆ่าคนเท่านั้น น่าเสียดายที่ตี้เสียเพียงแต่รับบาดเจ็บเท่านั้น เกรงว่าตอนนี้ก็คงยังไม่ยอมตายง่ายๆ  
 
 
“เทียนตี้….” ฮว๋ายยู่มองเห็นดาบสีดำทองเล่มนั้นทะลวงผ่านทรวงอกของตี้เสียไป  
 
 
นางแทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่า ด้วยพลังการฝึกฝนของตี้เสีย ต่อให้พระองค์ประมาทเพียงไร แต่อย่างน้อยๆก็สมควรจะทำให้ดาบนั้นหลบเลี่ยงจุดตายได้อยู่จึงจะถูก  
 
 
ทำไมพระองค์ถึงได้…..  
 
 
นางไม่ได้สังเกตเห็นพฤติการณ์ที่แอบซ่อนของซือเป่ยเลย  
 
 
……………..  
 
 
อีกด้านหนึ่ง จีเฉวียนยืนอยู่บนบ่าของสัตว์อสูร เขาโอบกอดตู๋กูซิงหลันเอาไว้ในอ้อมอก แววตาเย็นชาอย่างที่สุด  
 
 
“ไปเถอะ”  
 
 
จากนั้นได้ยินเสียงเขากล่าวเบาๆครั้งหนึ่ง สัตว์อสูรยักษ์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็กรอกตามองบนใส่ แต่ก็ไม่ได้ขัดใจเขา มันหันร่าง มุ่งสู่ประตูสวรรค์ทิศตะวันตกที่อยู่ใกล้ที่สุด  
 
 
ยันต์โลหิตในมือของตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันจะได้ขว้างออกไปเลยด้วยซ้ำ  
 
 
มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าสัตว์อสูรยักษ์ที่ดูไปทั้งแข็งแกร่งและโหดเหี้ยม ทั้งยังส่งเสียงเมียเมียตนนี้กลับเชื่อฟังคำพูดของจีเฉวียนเสียเฉยๆ  
 
 
หรือว่ามันจะเป็นญาติพี่น้องของเจ้าเมียเมีย?  
 
 
และทุกตัวก็ร้องเสียงเมียเมียหรือเปล่า?  
 
 
เมื่อมีสัตว์อสูรยักษ์เบิกทางอยู่ด้านหน้า สัตว์อสูรตัวอื่นๆก็พากันไล่ตามมาอย่างบ้าคลั่ง ตลอดทางมิว่าพบเห็นเทพองค์ใด ก็ลงมืออย่างไม่เกรงใจ  
 
 
เมื่อพวกมันฆ่าฟันกวาดล้างไปตลอดทางจนถึงประตูตะวันตก ก็ไม่รู้ว่ามีเทพมากน้อยเพียงไรที่ต้องสังเวยชีวิตไปแล้ว  
 
 
…………..  
 
 
ในใจกลางของดวงดาวสีดำขนาดใหญ่ วิญญาณทมิฬม้วนตัวจนกลมเป็นลูกบอลลูกหนึ่ง ดวงตากลมๆเป็นเมล็ดถั่วทั้งสองของมันจ้องไปที่สตรีที่นอนอยู่ตรงหน้า  
 
 
สายฟ้าสว่างวาบจากบนท้องฟ้าพุ่งลงมาโดยไม่ขาดสาย แทรกซึมเข้าสู่ภายในร่างกายของนาง  
 
 
ข้างกายของวิญญาณทมิฬ มีนาฬิกาทรายวางอยู่ชิ้นหนึ่่ง  
 
 
เม็ดทรายใกล้จะหมดลงแล้ว  
 
 
“ฝ่าบาทท่านอาจารย์บอกเอาไว้….หากว่าเม็ดทรายหมดลง แล้วหลันหลันยังไม่ตื่นขึ้นมา ก็ให้ตัวน่ารักอย่างข้าเรียกนางกลับมา”  
 
 
มันเบิกตาโตจ้องมองดู สายตามองสลับไปมาระหว่างนาฬิกาทรายและตู๋กูซิงหลันที่อยู่ตรงหน้า จนกระทั่งเมื่อเม็ดทรายเม็ดสุดท้ายหล่นลงไป ตู๋กูซิงหลันก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา  
 
 
ขณะเดียวกัน ที่รอบกายตู๋กูซิงหลันก็พลันปรากฏห้องเล็กๆหลังหนึ่ง  
 
 
นั่นคือห้องที่ตู๋กูซิงหลันอยู่ในหุบเขาหมื่นปีศาจ ด้านในมีเขตอาคมเรียกวิญญาณที่ตู๋กูซิงหลันวางเอาไว้ด้วยตนเอง หลันหลันเคยสอนมันแล้วว่าจะต้องเรียกวิญญาณคืนกลับมาอย่างไร  
 
 
วิญญาณทมิฬรีบเข้าไปในห้องเดินวนเวียนอยู่รอบหนึ่ง สายตาของมันมองกวาดไปยังตะเกียงวิญญาณแต่ละดวง  
 
 
ตะเกียงทั้งแปดดวงต้องถูกจุดขึ้นทั้งหมดจึงจะสามารถเรียกวิญญาณของตู๋กูซิงหลันกลับมาได้  
 
 
วิญญาณทมิฬเดินไปยังตะเกียงที่อยู่ตรงทิศตะวันออกพอดี มือสั้นๆของมันยื่นออกไป จุดตะเกียงนั้นขึ้นมา  
 
 
จากนั้นมันก็เดินไปที่ทิศตะวันเฉียงเหนือขณะที่กำลังยังยื่นมือออกไป ก็พลันเกิดความลังเลเล็กน้อย  
 
 
หลันหลันบอกว่าให้วนด้านทิศไหนกันนะ?  
 
 
อยู่ๆสมองของมันก็เกิดตื้อขึ้นมา  
 
 
คิดแล้วคิดอีก ก็ค่อยตัดสินใจจุดตะเกียงทิศตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นมา  
 
 
ไม่ผิดแล้ว จะต้องทวนเข็มนาฬิกา  
 
 
ที่หลันหลันบอกเอาไว้ก็คือทวนเข็มนาฬิกา  
 
 
คราวนี้ มันกระโดดโลดเต้นด้วยขาสั้นๆอย่างตื่นเต้น  
 
 
อีกประเดี๋ยวก็จะเรียกวิญญาณของตู๋กูซิงหลันกับคืนมาแล้ว ช่างน่าดีใจจริงๆ  
 
 
มันดีดนิ้วออกไปจุดตะเกียงทิศเหนือสว่างขึ้นมา  
 
 
……………………   
 
 
 
 
 
ตอนที่ 690-1 แม้แต่ชื่อของบุตรของพวกนางที่จะเกิดมาในอนาคต นางก็คิดเอาไว้หมดแล้ว  
 
 
พอจุดตะเกียงเสร็จ วิญญาณทมิฬก็หันไปมองดูร่างเนื้อของตู๋กูซิงหลันแวบหนึ่ง ก็เห็นใบหน้าของนางเป็นสีแดงขึ้นมา  
 
 
ดังนั้นมันจึงยิ่งเกิดความมั่นใจต่อการตัดสินใจเลือกของตนเอง  
 
 
เมื่อตะเกียงทิศตะวันตกเฉียงเหนือสว่างขึ้นมา ร่างของตู๋กูซิงหลันก็เริ่มถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงสว่างจางๆชั้นหนึ่ง  
 
 
…………  
 
 
ประตูสวรรค์ทิศตะวันตก เหนือบานประตูสวรรค์ขนาดใหญ่ คือพยัคฆ์ขาวกางปีกตัวหนึ่ง และก็เป็นเช่นเดียวกับประตูสวรรค์ทิศใต้ ทันทีที่จีเฉวียนไปถึง ประตูสวรรค์ทิศตะวันตกก็ปล่อยใบมีดแสงออกมา  
 
 
ใบมีดแสงนั่นเกิดจากพวกนักรบสวรรค์ที่รักษาประตูสวรรค์ทิศตะวันตกเปิดกลไก คิดจะกักขังพวกตู๋กูซิงหลันเอาไว้ด้านในเช่นเดียวกับครั้งก่อน  
 
 
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ พอเจ้าอสูรยักษ์ในชั้นเก้าอ้าปากขึ้นมา ก็พ่นลำแสงสีดำอมน้ำตาลออกไป  
 
 
ลำแสงที่ที่สาดส่องออกไปนั้น ทำเอาตู๋กูซิงหลันนึกไปถึงก็อดซิลล่าพ่นแสงเลเซอร์ขึ้นมา  
 
 
ขณะที่พ่นลำแสงนั้นออกไป ก็เห็นในกรงเล็บสีดำของมันปรากฏขวานสีดำขนาดใหญ่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  
 
 
บนคมมีดของตัวขวาน มีแสงสีแดงสว่างวาบ ราวกับว่าพึ่งจะสับคนมาหมาดๆ  
 
 
พอลำแสงระเบิดออกไป ก็ทำลายใบมีดแสงจนพังทลาย จากนั้นขวานยักษ์ก็จามลงไป เกิดเป็นเสียงทุบทำลายดังขึ้นมา เสียงกรีดแหลมสูงดังไปทั่วทั้งประตูทิศตะวันตกราวกับกว่าทุกสิ่งถูกบดขยี้จนบี้แบนติดพื้นในชั่วเวลาสั้นๆเท่านั้น  
 
 
เหล่าสัตว์อสูรที่ติดตามมา ก็พากันโก่งคอโห่ร้องโฮกๆด้วยความยินดี

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง
Status: Ongoing

Comment

Options

not work with dark mode
Reset