ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 694 จะนอนกับพี่ชาย

จนกระทั่งถึงตอนนี้ หลี่กงกงก็ยังรู้สึกว่าตนเองกำลังฝันไป  
 
 
เขาเอาแต่คุกเข่าอยู่อย่างนั้น จับจ้องอยู่ที่ร่างของจีเฉวียนโดยไม่ยอมละสายตาแม้แต่ชั่วแวบ ไหนเลยจะกล้าลุกขึ้นมาอีก  
 
 
เขารับใช้ใกล้ชิดจีเฉวียนมานานถึงสิบปี ในใจของเขา จีเฉวียนมิได้เป็นเพียงฮ่องเต้มานานแล้ว  
 
 
น้ำตาร่วงเปาะแปะๆลงไปราวกับแจกจ่าย “บ่าวเฒ่าหวังมาตลอดว่าสักวันหนึ่งฝ่าบาทจะเสด็จกลับมาอย่างปลอดภัย…. มิว่ายามนี้พระองค์จะทรงมีฐานะเป็นเช่นไร แต่ว่าในใจของบ่าวเฒ่านั้น….”  
 
 
หลี่กงกงถึงกับพูดไม่ออกไปแล้ว  
 
 
ตลอดชีวิตของจีเฉวียน มีผู้ที่จริงใจต่อเขาอยู่น้อยยิ่งกว่าน้อย  
 
 
ยามนี้ในดวงตาหงส์ของเขา จึงจุดประกายอันอบอุ่นขึ้นมาจางๆ  
 
 
หลี่กงกงอายุมากแล้ว เส้นผมมีสีขาวแซมขึ้นประปราย หางตาก็มีรอยยับย่น พอเห็นเขาคุกเข่าอยู่บนพื้น ตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก หัวใจที่แข็งแกร่งเป็นหินผาของจีเฉวียนก็ยังต้องกระตุกขึ้นมา  
 
 
เขาเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง คิดจะประคองหลี่กงกงขึ้นมา  
 
 
แต่ว่าสาวน้อยในอ้อมแขนกลับลงมือก่อนเขาก้าวหนึ่ง นางคว้าคอเสื้อของหลี่กงกงดึงคนลอยขึ้นมา  
 
 
หลี่กงกงยังไม่ทันได้สติดีก็เห็นสาวน้อยตรงหน้าคลี่ยิ้มให้กับเขา พอนางเอ่ยปาก น้ำเสียงก็น่ารักน่าชังราวกับเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุเพียงไม่กี่ขวบปี  
 
 
“ทำไมเจ้าต้องคุกเข่าด้วยเล่า?”  
 
 
ในดวงตาดอกท้อของนาง มีแสงสว่างทอประกายระยิบระยับ คำถามนี้ทำเอาหลี่กงกงถึงกับนิ่งอึ้งไปแล้ว  
 
 
นี่เมื่อครู่เขาตาบอดไปหรือไง? ทำไมถึงได้มองไม่เห็นว่าฮ่องเต้หญิงทรงเสด็จกลับมาแล้ว!  
 
 
พระนางกับฝ่าบาทเสด็จกลับมาด้วยกัน!  
 
 
หลี่กงกงยังไม่ทันจะยืนได้อย่างมั่นคง ก็คิดจะคุกเข่าลงไปโขกศีรษะอีกครั้ง!  
 
 
ไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว แต่เป็นความปิติ เป็นความตื่นเต้นยินดี ตื่นเต้นจนแทบจะโขกศีรษะแตกไปแล้ว  
 
 
หัวเข่ายังไม่ทันจะได้โค้งลงไป ก็ถูกตู๋กูซิงหลันจับข้อมือเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้เขาได้คุกเข่า นางจ้องมองไปที่หลี่กงกง มองซ้ายมองขวาก็รู้สึกว่าคุ้นเคยอย่างยิ่ง  
 
 
“พี่ชายคนงามบอกว่าจะพาข้ามากินเนื้อ เขาบอกว่าพ่อครัวของพวกเจ้าเก่งกาจมากเลย!”  
 
 
หลี่กงกง “? ? ?” พี่ชายคนงามหมายถึงฝ่าบาทนะหรือ?  
 
 
เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางจีเฉวียนแวบหนึ่ง แววตาของจีเฉวียนเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เอาใจ เขาเดินต่อไป ขณะเดียวกันก็กระชับหญิงสาวเข้ามาในอ้อมอก และออกคำสั่งกับหลี่กงกงไปพร้อมๆกันว่า “ให้ห้องเครื่องทำอาหารที่ซิงซิงชื่นชอบขึ้นมา”  
 
 
“พะยะค่ะ บ่าวเฒ่าจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”  
 
 
หลี่กงกงตะโกนเรียกหาคนไปจนถึงห้องเครื่องจนเสียงแหบแห้ง  
 
 
ขณะที่วิ่งไป น้ำตาก็ไหลไปเป็นทาง  
 
 
อีกด้านหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันก็ถูกจีเฉวียนอุ้มเอาไว้ เดินตรงเข้าไปในใจกลางของพระตำหนักตี้หัวกง  
 
 
การตกแต่งภายในทั้งหมด ยังคงเหมือนเดิมเช่นเดียวกับก่อนที่เขาจะจากไปไม่มีผิด  
 
 
ถึงแม้ว่าต่อมาตู๋กูซิงหลันขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หญิงแล้ว แต่ทุกสิ่งในตำหนักบรรทมแห่งนี้ก็ยังคงเก็บรักษาเอาไว้ดุจเดิม  
 
 
จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่านางเองก็ออกเดินทางไปตั้งเป็นนาน แต่ว่าตำหนักบรรทมก็ยังคงได้รับการปัดกวาดเช็ดถูกอยู่ทุกวัน จนปราศจากฝุ่นผงแม้แต่น้อย  
 
 
บนโต๊ะ ยังมีกระถางเครื่องหอม ที่เป็นกลิ่นไม้หอม  
 
 
ยามที่จีเฉวียนอุ้มตู๋กูซิงหลันเข้ามาด้านใน ก็เห็นว่าบนโต๊ะมีรูปภาพอยู่ใบหนึ่ง  
 
 
กระดาษที่ใช้วาดภาพกลายเป็นสีเหลืองไปแล้ว ในภาพมีรูปคนอยู่ผู้หนึ่ง ฝีมือวาดภาพย่ำแย่ เป็นนักวาดภาพที่ฝีมือย่ำแย่ที่สุดที่จีเฉวียนเคยเห็นมาในชีวิต วาดอะไรก็ดูไม่รู้เรื่อง  
 
 
ตู๋กูซิงหลันมองดูแวบหนึ่ง ดวงตาทั้งสองของนางก็ทอประกายขึ้นมาในทันที เอ่ยกับภาพนั้นว่า “พี่ชายคนงาม นี่คือท่านไง …. วาดได้เหมือนมากๆเลย เหมือนอย่างที่สุด!”  
 
 
จีเฉวียน “…..”  
 
 
คนในภาพ ดูประหลาดจนอัปลักษณ์ ดูเหมือนเส้นขยุกขยุยที่ลากขึ้นมา  
 
 
“คนที่วาดภาพจะต้องชอบพี่ชายคนงามมากๆเหมือนกับนู๋เลย ถึงได้วาดภาพได้เหมือนขนาดนี้!”  
 
 
ตู๋กูซิงหลันมั่นอกมั่นใจในฝีมือวากภาพของตนเองมาตลอด ถึงแม้ว่าตอนนี้จิตใจและสติปัญญาของนางจะกลับไปเป็นเด็ก แต่ก็ยังชื่นชมไม่มีหยุด  
 
 
คงเพราะนี่มันเป็นฝีมือของนางเองแท้ๆ  
 
 
ตอนนั้น เวลาที่คิดถึงเขาขึ้นมา นางมักจะวาดรูปของเขาอยู่เสมอ  
 
 
ทั้งยังได้แต่เสียดายที่ตอนอยู่ในโลกปัจจุบัน ไม่ได้ถ่ายรูปของเขาเอาไว้ให้มากๆ…..  
 
 
จีเฉวียนมองดูประกายตาที่วาววับของนาง สมองก็วาดภาพที่ยามดึกสงัด นางนั่งอยู่บนโต๊ะเพียงลำพังแล้ววาดภาพออกมา  
 
 
บนภาพยังมีจุดที่หมึกเลอะเพราะหยดน้ำตาอยู่หลายจุด  
 
 
พริบตานั้น เขาก็ต้องปวดใจขึ้นมาอย่างรุนแรง  
 
 
เขาลูบลงไปบนสันจมูกของนางเบาๆ “ภาพนั้นเหมือนกับข้ามากจริงๆ”  
 
 
ตู๋กูซิงหลันยิ้มจนดวงตาโค้งมน  
 
 
จีเฉวียนอุ้มนางไว้ เดินไปจนถึงข้างแท่นบรรทม ค่อยวางคนลงไป  
 
 
ฟูกที่ปูไว้อ่อนนุ่ม ทั้งยังมีกลิ่นหอมของแสงแดด แสดงว่าคงพึ่งจะตากแดดอุ่นๆมา  
 
 
ตู๋กูซิงหลันชอบที่นี่ มันมีบรรยากาศที่ทำให้จิตใจสงบ เหมือนกับกลิ่นอายบนร่างของพี่ชายคนงาม  
 
 
หากเปรียบเทียบกับดวงดาวสีดำดวงใหญ่ดวงนั้นแล้ว ที่นี่คือความจริงที่สัมผัสได้มากกว่า รู้สึกปลอดภัยและสบายใจมากกว่า  
 
 
ทำให้ในใจเกิดความรู้สึกสงบสุขและปลอดภัย  
 
 
นางพึ่งจะนั่งลงไป ก็ตบลงไปบนที่ว่างข้างกาย “พี่ชายก็นั่งด้วย…”  
 
 
จีเฉวียนยิ้มอย่างเอาใจ นั่งลงตามนาง  
 
 
ไม่ว่านางจะเป็นเช่นไร เขาก็ชอบนางทั้งนั้น  
 
 
ที่พานางกลับมายังแคว้นต้าโจว ก็เพราะว่าเขามีความคิดบางอย่าง  
 
 
จีเฉวียนพึ่งจะนั่งลงไป ตู๋กูซิงหลันก็ยกมือขึ้นมา ยื่นไปหาเขาอย่างเอาแต่ใจ “พี่ชาย อุ้มอุ้ม~”  
 
 
น้ำเสียงราวเด็กน้อย ที่ฟังดูหน่อมแน้ม ทำให้หัวใจคนฟังต้องอ่อนยวบ  
 
 
จีเฉวียนไหนเลยจะมีเหตุผลมาปฏิเสธนางกัน จัดการอุ้มคนเข้าไปในอ้อมอกทันที กอดเอาไว้ ให้นางนั่งอยู่บนตักของตนเอง  
 
 
ตู๋กูซิงหลันติดหนึบอยู่กับเขา แทบจะแขวนตัวเองเอาไว้กับเขาตลอดเวลา  
 
 
จีเฉวียนพึ่งจะกอดเอาไว้ นางก็ผุดลุกขึ้น จับเขากดลงกับเตียง  
 
 
พละกำลังของตู๋กูซิงหลันในยามนี้ หากเปรีบเทียบกับก่อนหน้าที่นางจะขึ้นไปบนแดนสวรรค์ ต้องถือเป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว  
 
 
อยู่ๆก็ถูกผลักไปฝ่ามือหนึ่ง จีเฉวียนออกจะตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง จึงถูกนางกดเอาไว้ใต้ร่าง  
 
 
ดวงตากลมโตที่ใสบริสุทธิ์ปราศจากความชั่วร้ายใดๆเจือปนคู่นั้นกำลังจ้องมองเขา ริมฝีปากแดงขยับ เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มๆหวานๆว่า “นู๋อยากนอนกับพี่ชาย”  
 
 
หากว่าเป็นบุรุษอื่น ถูกสตรีในดวงใจกระตุ้นเช่นนี้ เกรงว่าเลือดกำเดาคงต้องทะลักไปนานแล้ว  
 
 
จีเฉวียนก็แทบจะมิได้ต่างกัน  
 
 
ใบหน้าที่แข็งทื่อและเย็นชาดุจหยกอยู่เสมอ ตอนนี้มีสีแดงฉาบอยู่ชั้นหนึ่ง  
 
 
จนต้องรีบใช้กำลังภายในสะกดเลือดลมเหล่านั้นกลับไป  
 
 
ผ่านไปพักใหญ่ เขาค่อยยกมือขึ้นมา โอบรอบบ่าของนางเอาไว้ และลูบลงไปบนแผ่นหลังของนางเบาๆ ราวกับว่ากำลังกล่อมเด็กน้อย  
 
 
“ซิงซิงง่วงแล้วก็นอนเถอะ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อเจ้า”  
 
 
ฝ่ามือใหญ่ลูบลงไปบนแผ่นหลังของนางเบาๆ อย่างต่อเนื่อง คิดจะกล่อมนางให้หลับ  
 
 
ใบหน้าของตู๋กูซิงหลันแนบลงไปกับแผ่นอกของเขา รับฟังเสียงหัวใจที่เต้นอย่างผิดจังหวะไปหมดของเขา นางก็รู้สึกหายง่วงไปแล้ว  
 
 
นางเอาแต่ลืมตาโต จ้องมองดูเขา  
 
 
“พี่ชาย นู๋นอนไม่หลับ” นางเงยศีรษะขึ้นมา มองดูริมฝีปากที่มันวาวและอิ่มน้ำราวกับลูกอมของเขา  
 
 
จนทำให้นางต้องยิ้มออกมา “อยากกินพี่ชายมากกว่า”  
 
 
คนที่สภาพจิตใจและการรับรู้ของสมองเหมือนเด็กสามขวบผู้หนึ่ง แต่ยามพูดออกมาแต่ละคำกลับกำกวมจนล่อแหลม จนจีเฉวียนแทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว  
 
 
เขายังไม่ทันรับปาก ก็เห็นตู๋กูซิงหลันขยับศีรษะพุ่งเข้ามาหาอีกครั้ง ริมฝีปากแดงนั่นงับริมฝีปากของจีเฉวียนลงไป  
 
 
ไม่ใช่จูบ แต่เป็นงับ  
 
 
คนที่จิตใจยังเป็นเด็กน้อยทั้งเอาแต่ใจ และยังประมาณเรี่ยวแรงไม่ใคร่ค่อยเป็น จึงหนักเกินไปบ้าง ทำให้เจ็บนิดๆ  
 
 
พอกัดเขาแล้ว ก็ยังเลียอีกสองครั้ง ราวกับเด็กน้อยที่ละเลียดกินลูกอม  
 
 
ริมฝีปากทั้งเจ็บและชา…..จีเฉวียนหลุบตาลงมา ในแววตามีแต่นางเพียงผู้เดียว  
 
 
……………..

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset