ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 726 พวกเขามาแล้ว

แม้ว่าซือหลินจะรวดเร็วและว่องไว แต่ว่าอย่างไรก็ยังไม่อาจหลบหนีไปจากสายตาของตู๋กูซิงหลันได้  
 
 
นางมองเห็นหน้าตาของซือหลินได้อย่างชัดเจน  
 
 
พอปลายเท้าของนางกำลังจะขยับ ก็ถูกจีเฉวียนดึงกลับไป  
 
 
“วันนี้เป็นวันมงคลของพวกเรา งานที่เหนื่อยยากเช่นนี้ย่อมไม่จำเป็นต้องให้เหนียงจื่อ (ภรรยา)เป็นผู้ลงมือ”  
 
 
พอได้ยินคำว่าเหนียงจื่อ ก็ทำให้ตู๋กูซิงหลันถึงกับชะงักไป  
 
 
นางถึงกับเหม่อลอยไปแล้ว  
 
 
ครู่หนึ่งค่อยหันหน้ากลับมา ใช้ดวงตาดอกท้อที่เป็นประกายระยิบระยับมองดูเขา “เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”  
 
 
“เหนียงจื่อ~ (ภรรยาจ๋า~) จีเฉวียนเอ่ยออกไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดใดๆเลย  
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “อะฮ่ะ”  
 
 
ในสมองของนางมีเสียงเพลงดังขึ้นมาในทันที แทบจะร้องออกมาเป็นเพลง  
 
 
จีเฉวียนนึกว่านางชอบ จึงเรียกติดต่อกันอีกหลายครั้ง “เหนียงจื่อ เหนียงจื่อ …..”  
 
 
น้ำเสียงทุ่มต่ำนั้น ดังเบาๆผ่านริมใบหู ซาบซ่านเข้าไปถึงในหัวใจ  
 
 
ในสมองของตู๋กูซิงหลันมีแต่เรื่องลามกเต็มไปหมดแล้ว  
 
 
เจ้าตัวเลวร้ายผู้นี้ จงใจกรอกเสียงใส่รูหูของนาง ลมหายใจอุ่นๆนั่นผ่านเข้ามาในหู ทำเอาคนคันยุบยับๆไปหมด  
 
 
การเกี้ยวพากันอย่างโจ่งแจ่งเช่นนี้ เห็นชัดว่ามิได้ใส่ใจสถานการณ์ตรงหน้าเลยสักนิด  
 
 
แม้แต่หยวนเมิ่งก็ยังคิดจะย้ายเตียงออกมาให้พวกเขาได้เข้าหอกันเสียเลย  
 
 
อีกด้านหนึ่ง ซือหลินไม่คิดจะใช้วิธีแข็งเจอแข็ง มารอสูรตัวนั้นยังไม่ได้กลับมาที่ข้างกายนาง นางเห็นมันบินวนไปรอบๆฝูงชน จากนั้นก็เริ่มบินไต่ขึ้นไปทางกำแพงสูง  
 
 
เพราะมัวแต่เหม่อมองอยู่ครู่หนึ่ง พอหันกลับมา ฝ่าเท้าก็พลันหนักขึ้น ราวกับว่าสองขาถูกมือคู่หนึ่งที่มองไม่เห็นจากใต้ดินฉุดรั้งเอาไว้ และกำลังจะลากนางลงไปในขุมนรก  
 
 
ปฏิกริยาของซือหลินว่องไวอย่างยิ่ง นางขับพลังวิญญาณออกมา ทุ่มเทพลังทั้งหมดดีดตัวถอยออกไป  
 
 
แต่ว่าพลังที่เกาะกุมใส่ฝ่าเท้ามิได้ลดน้อยลง ยังคงจับยึดนางเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ทั้งยังลากนางลงไป  
 
 
ยามนี้ซือหลินถึงได้รู้ว่า ตนเองคงจะตกหลุมพรางที่ผู้อื่นว่างเอาไว้แต่แรกเสียแล้ว  
 
 
ที่แท้ ชั่วขณะที่กำลังดิ้นอยู่นั้น จีเฉวียนหันไปเหลือบตาดูนางแวบหนึ่ง  
 
 
แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่เขาสามารถเสาะหานางได้ในชั่วพริบตา  
 
 
เขาปรายตามองลงมาที่นางจากด้านบน “เป็นคนจากแดนสวรรค์จริงๆ”  
 
 
คนผู้นี้เมื่อครู่ยังมัวแต่พรอดรักกับตู๋กูซิงหลันอยู่แท้ๆ แต่ว่าตอนนี้กลับจับตนเองเอาไว้ได้อยู่หมัด ซือหลินถึงกับตั้งตัวไม่ทันจริงๆ  
 
 
พอได้ยินเขาเอาคำว่าแดนสวรรค์สองคำออกมา นางก็ขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที  
 
 
นางหันกลับไปจดจ้องบุรุษที่อยู่บนกำแพงผู้นั้นอย่างขุ่นเคือง  
 
 
ไม่เพียงแค่จีเฉวียน แต่ยังมีจีเย่ว์ด้วย  
 
 
ซือหลินคิดไม่ถึงเลยว่า มดปลวกที่ต่ำใต้ในโลกจะบังอาจมาวางกับดักใส่นาง  
 
 
นางเป็นถึงเทพเซียนที่สูงส่งบนแดนสวรรค์ แต่ว่าวันนี้กลับมาชนตออยู่ที่นี่!  
 
 
พอซือหลินระเบิดพลังออกมา ฝูงชนถึงได้สังเกตเห็นนาง  
 
 
นางสวมใส่ชุดกระโปรงสีดำสนิท ตอนที่ไม่ทันได้สังเกตก็ไม่รู้สึกถึงความคงอยู่ ตอนนี้เมื่อทั้งหมดสังเกตเห็นนาง ก็ทำให้นางไม่อาจหลบซ่อนตนได้อีกแล้ว  
 
 
คนของแดนสวรรค์?  
 
 
นั่นก็คือพวกเทพ….มิใช่หรือ?  
 
 
เหล่าราษฎรต่างตกตะลึงไป แต่ในเมื่อได้ยินตี้โฮ่วระบุตัวตนของสตรีผู้นี้ออกมาด้วยพระองค์เอง พวกเขาก็ไม่สนใจแล้วว่านางจะเป็นผู้ใคร มิว่าอย่างไรก็ต้องเป็นคนชั่วแน่นอน!  
 
 
ทันใดนั้น ฝูงชนก็พากันราบล้อมนางเอาไว้ ไม่เปิดโอกาสให้นางหลบหนีได้  
 
 
 
 
 
ซือหลินย่อมมิใช่คนที่ยอมจำนนให้จับได้ง่ายๆ ขณะที่ถูกฝูงชนรายล้มเอาไว้ นางก็หัวเราะเสียงเย็นชาออกมา ใจกลางฝ่ามือปรากฏแสงสว่างขึ้นมาครั้งหนึ่ง พร้อมกับมีป้ายหยกปรากฏขึ้นมาในทันที  
 
 
พอนางปลดผนึกบนป้ายออก ท้องฟ้าก็ถูกเมฆหมอกหนาทึบปกคลุมอย่างรวดเร็ว สายลมพัดโหม ฟ้าร้องฟ้าผ่าในทันที  
 
 
นางไม่คิดจะปะทะกับจีเฉวียน แต่ในเมื่อถูกบีบบังคับให้เผยโฉมจนไม่อาจหลบหนี ซือหลินก็ไม่คิดจะงอมืองอเท้ายอมแพ้ง่ายๆ  
 
 
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งานแต่งในวันนี้ก็อย่าได้คิดว่าจะสำเร็จเลย  
 
 
ที่นายท่านให้หยกชิ้นนี้กับนาง ก็เพื่อให้นางสามารถปกป้องตนเองในยามที่ตกอยู่ในอันตราย  
 
 
สายฟ้าฟาดเสียงดังกึกก้อง จากนั้นก็ปรากฏเหล่านักรบสวรรค์ออกมาจากสายฟ้า  
 
 
แต่ละสายฟ้าที่ฟาดกระหน่ำลงมา รุนแรงจนก่อนให้เกิดหลุมยุบลงไปบนพื้น  
 
 
เหล่าราษฎรที่ถอยหนีไม่ทัน มีไม่น้อยที่ถึงกับสลบลงไปบนพื้น  
 
 
หลงเซียวกับอู้เจินเห็นแล้ว ก็รีบนำตัวฉางซุนซิ่วไปควบคุมตัวเอาไว้ที่ด้านข้าง จากนั้นก็เข้าไปช่วยเหลือพวกชาวบ้าน  
 
 
พวกราษฎรต่างก็ยังตกอยู่ในความงุนงง พวกเขาเหม่อมองดูเหล่านักรบสวรรค์ที่ปรากฏตัวออกมาจากบนท้องฟ้าจนสายตาพร่ามัว  
 
 
นั่นคือ…….เทพเซียน?  
 
 
บนดินแดนโบราณแห่นี้ มีแต่ผู้ฝึกฝนตนอยู่บ้างเท่านั้น เหล่าทวยเทพยังคงเป็นเหมือนกับตำนานที่อยู่ห่างไกลออกไป  
 
 
วันนี้พอได้เห็นเทพปรากฏตัวขึ้นมากับตา ความแข็งแกร่งของเหล่านักรบจากแดนสวรรค์ ก็บีบคั้นจนคนธรรมดาแทบจะหายใจไม่ออก  
 
 
เหล่าเทพนักรบพากันมารายล้อมรอบกายซือหลินเอาไว้  
 
 
พวกเขามาเพื่อปกป้องซือหลิน พวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงว่า ซือหลินจะประสพเหตุอันตรายบนโลก จนถึงขนาดที่ต้องเรียกพวกเขาออกมา เพราะระดับพวกเขาย่อมไม่เคยเห็นพวกมดปลวกบนโลกอยู่ในสายตาอยู่แล้ว  
 
 
จนกระทั่งพวกเขาได้เห็นชายหญิงที่ยืนอยู่บนกำแพงสูง  
 
 
นั่นคือ…..  
 
 
ทันใดนั้น เหล่าเทพต่างก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นมา  
 
 
เทียนตี้ทรงถูกบุรุษผู้นั้นใช้ดาบแทงหัวใจ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทรงฟื้น  
 
 
ที่แท้เขาก็กลับลงมาบนโลกแล้ว แถมยังกำลังจะแต่งงานกับว่าที่เทียนเฟยของเทียนตี้อีกด้วย?  
 
 
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนของซือเป่ย แต่พอได้เห็นสองคนนี้ก็ต้องหงุดหงิดขึ้นมา  
 
 
สองคนนี้ถึงกับกล้ากระทำเรื่องลบหลู่แดนสวรรค์ทั้งหมด!  
 
 
พวกมันก่อเรื่องอึกทึกครึกโครมถึงเพียงนั้นแล้ว ไม่เพียงแต่จะหาที่ซ่อนตัวเอาไว้ แต่กลับยังกล้าจัดงานแต่งงานอย่างเอิกเกริก?  
 
 
เหล่าเทพต่างก็รู้สึกว่าตนเองพลอยถูกลบหลู่ดูถูกไปด้วย  
 
 
“องค์หญิงเผ่ามารแฝงกายอยู่บนกำแพงสูงนั่น จงนำตัวนางกลับไปหานายท่าน” ซือหลินถูกพลังที่รุนแรงฉุดรั้งเอาไว้จนต้องคุกเข่าลงไปบนพื้น แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่ลืมเรื่องที่ซือเป่ยสั่งเอาไว้  
 
 
มารอสูรบินวนไปวนมาอยู่เหนือกำแพงสูง ราวกับว่ากำลังมองหาตัวเลือกในช่วงสุดท้าย  
 
 
มิว่าอย่างไร ขอบเขตนี้ก็เล็กมากแล้ว ต่อให้ต้องนำผู้คนบนกำแพงสูงทั้งหมดกลับไป ก็ไม่เป็นไร  
 
 
นักรบสวรรค์เหล่านี้ ล้วนผ่านการฝึกฝนกับนายท่านมากับมือ มิใช่พวกที่ไร้ฝีมือที่อยู่ข้างกายตี้เสีย  
 
 
พละกำลังของพวกเขาแต่ละคน ย่อมไม่มีใครอ่อนแอไปกว่าแปดแม่ทัพสวรรค์เลยแม้แต่คนเดียว  
 
 
ซือหลินคิดจะพนันดูสักครั้ง  
 
 
เพราะว่าตอนนี้ นางสัมผัสได้ว่าพลังในร่างของจีเฉวียนกำลังอ่อนแอ  
 
 
ในเมื่อเขากำลังเจ็บไข้ได้ป่วย นี่ย่อมถือเป็นโอกาสอันประเสริฐ!  
 
 
เหล่านักรบสวรรค์ได้รับคำสั่ง ก็พากันเหาะขึ้นไปบนกำแพงสูงโดยมิได้ลังเล  
 
 
ว่ากันตามจริงแล้ว พวกเขาเองก็เกลียดชังจีเฉวียนและตู๋กูซิงหลันอย่างยิ่ง อยากจะลงมือสังหารคนทั้งสองจนแทบจะทนไม่ไหว  
 
 
บนกำแพงสูง จีเฉวียนยังคงเอาแต่จับมือตู๋กูซิงหลันเอาไว้ อย่างไม่สนอกสนใจสิ่งอื่นสิ่งใดอีก  
 
 
เพียงแต่ใช้สายตาเย็นชาเหลือบมองดูเหล่านักรบสวรรค์ที่กำลังเหาะเข้ามาเล็กน้อยเท่านั้น  
 
 
ตู๋กูซิงหลันคิดจะลงมือ แต่แล้วกลับถูกจีเฉวียนรั้งเอาไว้  
 
 
“ก็แค่พวกมดปลวกฝูงหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องให้เหนียงจื่อลงมือหรอก”  
 
 
เขาเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา  
 
 
และเสียงนั่นเหล่านักรบสวรรค์ทั้งหมดดล้วนได้ยินอย่างชัดเจน  
 
 
พวกเขาพากันโกรธเคืองขึ้นมา จึงบุกเข้าไปอย่างเกรี้ยวกราดชนิดมืดฟ้ามัวดิน  
 
 
แต่ว่ายังไม่ทันจะไปถึงกำแพงสูง ก็พบว่าที่ด้านหน้ากำแพงสูง มีสายลมกรรโชกแรงราวพายุ  
 
 
สายลมสีดำ พัดพาความหนาวเย็นสุดขั้วมาถึง มาพร้อมกับเสียงคำรามอันดุร้าย  
 
 
พวกที่บุกมาถึงกำแพงสูงแล้ว ถึงกับตายไปก่อนใคร  
 
 
แววตาของตู๋กูซิงหลันสว่างไสวขึ้นมา “พวกเขา….มากันแล้ว”  
 
 
…………………   
Related

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset