ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 760-2 ร่างกายรู้สึกเกียจคร้านอยู่บ้าง

ตอนแรกๆตู๋กูซิงหลันยังคอยช่วยเหลือพี่ใหญ่ออกอุบายอยู่บ้าง แต่ว่าก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับท่าทีที่เย็นชาของเสี่ยวหยวนหยวน ไปๆมาๆหลายครั้งเข้า ตู๋กูซิงหลันก็ล้าเสียแล้ว จึงได้แต่ปล่อยให้พี่ใหญ่ไปหาทางแตกดับเอาเอง  
 
 
ใครใช้ให้เขาเคยรังแกเสี่ยวหยวนหยวนมาตั้งนานหลายปีเล่า?  
 
 
สมน้ำหน้าเขาแล้ว!  
 
 
ส่วนพี่รองนั้น พอเห็นคนรอบๆอยู่กันเป็นคู่ๆ ก็อดที่จะอิจฉาจนตาแดงขึ้นมาไม่ได้ วันๆเอาแต่ร่ำร้องโวยวายเป็นผีครวญสุนัขหอน วิ่งไปวิ่งกลับหุบเขาหมื่นปีศาจอยู่หลายรอบ พอเห็นว่าจิตวิญญาณของชือหลีในสระวิญญาณยังไม่อาจรวมกลับมาได้อย่างสมบูรณ์เสียที ก็ร้อนใจไปหมด  
 
 
ยังดีที่ตู๋กูซิงหลันใจกว้าง นำหยกวิญญาณทั้งหมดที่เคยกวาดมาจากวังในแดนสวรรค์มอบให้ตู๋กูเจวี๋ยไป ให้เขาใช้พลังวิญญาณชักนำพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์สะอาดจำนวนมากเหล่านั้นเข้าสู่สระวิญญาณ อาศัยพลังมหาศาลหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของชือหลี การหลอมรวมของดวงวิญญาณจึงค่อยรวดเร็วขึ้นมาทันตาเห็น  
 
 
คาดว่าอีกเพียงสามปีห้าปี จิตวิญญาณของชือหลีก็คงสามารถหลอมรวมได้อย่างสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นก็ค่อยคิดหาหนทางเสาะหาสิ่งที่เหมาะสมมาสร้างร่างเนื้อ นางก็จะกำเนิดใหม่ได้แล้ว  
 
 
เพียงแต่ว่าพอมีหยวนเมิ่งเป็นตัวอย่างอยู่เบื้องหน้า ตู๋กูเจวี๋ยก็บอกว่าไม่กล้าขอหุ่นไม้จากจีเฉวียนมาสร้างร่างเนื้อให้ชือหลีแล้ว เขากลัวว่าพอชือหลีฟื้นคืนมาจะไม่มีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาเหมือนกัน  
 
 
ตอนนี้พี่ใหญ่ต้องกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะกรรมที่ทำเอาไว้ ตัวเขาตู๋กูเจวี๋ยขอสาบานต่อฟ้า จะไม่มีวันทำเรื่องที่ผิดต่อชือหลีอย่างเด็ดขาด!  
 
 
รอให้ชือหลีกลับมา เขาก็จะใช้เกี้ยวแปดคนหามรับนางเข้าบ้าน จากนั้นก็รักถนอมไปตลอดชีวิต  
 
 
ดังนั้นช่วงนี้ ตู๋กูจุนจึงทุ่มเทจิตใจไปกับการเสาะหาสิ่งที่เหมาะสมจะเป็นเลือดเนื้อให้กับชือหลี ถือเป็นการเตรียมการล่วงหน้า   
 
 
พี่รองที่ปากมากก็ไม่อยู่ข้างกาย เสี่ยวเฉวียนเฉวียนก็ยุ่ง วันทั้งวันก็เจอแต่เสี่ยวหยวนหยวนที่ทำหน้าแข็งทื่อ วันเวลาของตู๋กูซิงหลันช่างน่าเบื่อหน่ายเสียเหลือเกิน  
 
 
ได้แต่นึกถึงเจ้าวิญญาณทมิฬนั่นว่าตายกลายเป็นปุ๋ยไปแล้วหรือยัง อย่างน้อยๆ….เจ้าติ๊งต๊องก็ได้  
 
 
พอคิดถึงสหายติ๊งต๊อง ตู๋กูซิงหลันก็ต้องชะงักไปเนิ่นนาน ดูเหมือนว่านางจะทำเจ้าไก่ขนฟูที่ถือดีตัวนั้นหล่นหายไปเสียแล้ว  
 
 
พอคิดถึงมัน ก็คิดไม่ออกจริงๆว่าไปทำมันหล่นหายอยู่ที่ใด  
 
 
ได้แต่ส่งคนออกไปตามหา หากสามารถตามกลับมาได้ย่อมเป็นเรื่องดี….หากไม่เจอ ด้วยความสามารถของเจ้าติ๊งต๊อง แม้จะอยู่ภายนอกก็คงไม่มีทางถูกรังแกอยู่แล้ว เรื่องนี้คงได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามวาสนา  
 
 
ที่ผ่านมาติ๊งต๊องจัดว่ามิได้อยู่ในเผ่าพันธุ์ใดๆทั้งสิ้น ไม่แน่ว่าที่ช่วงนี้ไม่กลับมา อาจจะเป็นเพราะได้เจอกับเผ่าเดียวกันแล้วก็เป็นได้  
 
 
ตู๋กูซิงหลันมิได้กังวลถึงมันสักเท่าไหร่ หากเปรียบเทียบกันแล้ว น่าจะต้องกังวลใจแทนตัวอะไรที่ไปเจอเข้ากับติ๊งต๊องเสียมากกว่า   
 
 
บางทีอาจเป็นเพราะเบื่อหน่ายมากเกินไป ช่วงนี้จึงเหมือนจะเกียจคร้านและง่วงงุนอยู่เสมอ ร่ายกายก็รู้สึกเมื่อยล้าอยู่เหมือนกัน  
 
 
ดังนั้นวันนี้ นางจึงกำลังนอนกลางวัน  
 
 
อากาศในฤดูร้อน ระอุจนทำให้คนรู้สึกหงุดหงิด เชียนเชียนคอยช่วยพัดโบกให้นางอยู่ใกล้ๆ บนเบาะอ่อนนุ่มวางนำแข็งเอาไว้สามก้อน สายลมพัดผ่านน้ำแข็ง ค่อยทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้นมาได้บ้าง  
 
 
ยากนักที่วันนี้เสี่ยวหยวนหยวนจะถูกพี่ใหญ่ลากออกไปได้สักครู่หนึ่ง ตู๋กูซิงหลันก็ไม่ต้องการให้เชียนเชียนมาคอยปรนิบัติแล้ว นางจะหลับสักพัก  
 
 
ยังไม่ทันจะปิดตาลงไปได้สักเท่าไหร่ ก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิภายในตำหนักบรรทมลดลงพอสมควร  
 
 
ความรู้สึกนั้นเหมือนกับว่าอยู่ๆก็มีผีสางบุกเข้ามาตัวหนึ่ง แต่พอตู๋กูซิงหลันลืมตาขึ้นมา กลับไม่เห็นว่าในตำหนักจะมีใครสักคน  
 
 
นางหรี่ดวงตาลง ขนตากระพริบน้อยๆ พอรู้สึกได้ว่าความเย็นนั้นกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ จึงค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ  
 
 
นางเอ่ยออกไปอย่างเรื่อยเฉื่อยว่า “ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็อย่าได้หลบๆซ่อนๆ กล้าๆหน่อย เราไม่มีอะไรที่ไม่กล้าสู้หน้าผู้คน”  
 
 
ทั่วทั้งวังหลวงมีเขตอาคมกางกั้นอยู่ แต่ว่าสิ่งนี้กลับสามารถบุกเข้ามา ทั้งยังเข้าใกล้นางได้ แสดงว่าจะต้องเก่งกาจพอสมควร  
 
 
ว่าแล้ว ไอเย็นนั่นก็หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เห็นควันเบาบางสายหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้านาง  
 
 
พอเริ่มก่อเป็นรูปร่างขึ้นตรงหน้า ตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกได้ถึงความคุ้นเคย  
 
 
“หืม เทียนโฮว่น้อย?” ตู๋กูซิงหลันมองดูนาง มุมปากโค้งขึ้นมา ที่จริงนี่เป็นรอยยิ้มที่ใจดีมีเมตตา  
 
 
แต่ว่าในสายตาของฮว๋ายยู่ กลับเหมือนดูถูกอย่างแรง  
 
 
ทั่วทั้งวังหลวงตกแต่งด้วยสีแดง บรรยากาศของการพึ่งแต่งงานยังไม่จางหายไป เห็นแล้วบาดตาอย่างยิ่ง  
 
 
ทั้งยังยิ่งทิ่มแทงใจ  
 
 
ทั้งๆที่นางต้องอยู่อย่างไร้ความสุข….แล้วทำไมนังแพศยานั่นถึงได้ใช้ชีวิตอย่างรื่นรมย์นัก?  
 
 
แววตาของนางมืดครึ้มลงไป หากว่าสามารถทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้ นางคงแทงตู๋กูซิงหลันทะลุไปแล้ว  
 
 
ฮว๋ายยู่มาถึงที่นี่ด้วยตนเอง ตู๋กูซิงหลันออกจะประหลาดใจอยู่บ้าง  
 
 
ตอนที่อยู่ในแดนสวรรค์เคยทดสอบฝีมือกันมาเล็กน้อย คุณหนูน้อยผู้นี้มิใช่ตัวดีอะไร นางเองก็รู้ดี  
 
 
ฮว๋ายยู่มิได้เข้าใกล้นาง เพียงแต่มองดูรูปโฉมอันงดงามของนาง จากนั้นก็เอ่ยว่า “เทียนตี้ทรงอยากพบเจ้า”  
 
 
“ไม่พบ” ตู๋กูซิงหลันปฏิเสธโดยไม่ต้องแม้แต่จะคิด  
 
 
กับตัวร้ายตี้เสียผู้นั้น นางไม่มีความรู้สึกดีๆด้วยจริงๆ แถมตอนนี้นางก็ยังคิดล่มรังเก่าของเขาอยู่ด้วยมิใช่หรือ?  
 
 
แค่คิดถึงตอนที่ไปยังแดนสวรรค์ครั้งก่อน ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเจ็บใจจะแย่  
 
 
“เจ้าต้องไปพบเขา” ฮว๋ายยู่ตอบอย่างสงบนิ่ง “หากเจ้าไม่ไปพบเขา ข้าก็ต้องตาย เจ้ามิใช่คนที่เห็นความตายโดยไม่ช่วยเหลือ”  
 
 
ฮว๋ายยู่ไม่รีบไม่ร้อน พอพูดถึงตรงนี้ดวงตาของนางก็หม่นหมองลงไป  
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “?”  
 
 
เดี๋ยวนะ งั้นก็เยี่ยมไปเลย เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับข้ากันเล่า? ข้าถึงต้องไปช่วยเจ้าด้วย?  
 
 
…………..
Related

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset