ตอนที่ 216 เจ้าดอกบัวสีขาวแสนสวย (4)
น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นยะเยือก พอเห็นใบหน้าเซิ่งอี่เจ๋อทั้งนิ่งและไร้อารมณ์ หญิงสาวที่ชื่อเหยียนหนิงกัดริมฝีปากตัวเองแน่น กลัวจนแทบน้ำตาไหล
“ข-ขอโทษค่ะ…ฉันจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว” เหยียนหนิงตอบอย่างสุภาพ มิหนำซ้ำเธอยังก้มหัวให้อันซย่าซย่าอีกด้วย “เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ฉันไม่ควรจะปล่อยข่าวลือไปแบบนั้น อันซย่าซย่า ได้โปรดอย่าโกรธฉันเลยนะ พวกเรารู้ดีว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ”
อันซย่าซย่าอ้าปากค้างมองสถานการณ์ตรงหน้า
หญิงสาวหันไปมองเซิ่งอี่เจ๋อที่ตอนนี้ไปนั่งที่ของตัวเองแล้ว สีหน้ายังเฉยเมยไม่เปลี่ยนแปลง
คนดีและเป็นที่รู้จักเลือกที่จะปกป้องเธอ…
คงเป็นเรื่องโกหกหากหญิงสาวบอกว่าเธอไม่รู้สึกตื้นตันเลย
มีนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งห้องซีที่น่านับถืออยู่พอสมควร นอกจากเจี่ยนซินเอ๋อร์ที่ยังคงไม่หยุดซุบซิบแล้วละก็ คนอื่นๆ ในห้องต่างพากันเงียบ ไม่พูดถึงเรื่องที่อันซย่าซย่าจูบกับเซิ่งอี่เจ๋อเลย
ลึกๆ แล้ว พวกเขาคงไม่เชื่อว่าคนอย่างเซิ่งอี่เจ๋อจะสามารถจูบอันซย่าซย่าได้มากกว่า
ใครจะเชื่อล่ะว่าเด็กสาวบ้านๆ อย่างอันซย่าซย่าจะชนะใจกัปตันอี่เจ๋อได้
อันซย่าซย่าถดเก้าอี้มาด้านหลังหมายจะคุยกับเซิ่งอี่เจ๋อ อยู่ๆ คังเจี้ยนก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้มาขีดเส้นกั้นระหว่างที่นั่งของพวกเขาไว้ “เซิ่งอี่เจ๋อ นายตายแน่ถ้าร่างกายของนายล้ำเส้นนี้มา”
เซิ่งอี่เจ๋อเบะปาก “เด็กเสียจริง”
อันซย่าซย่ารู้สึกลำบากใจ “คังเพี้ยน นายคิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่”
“ฉันกำลังปกป้องเธออยู่ไง คุณเมียซย่าซย่า!” คังเจี้ยนตอบเอาใจ “คุณเมียซย่าซย่า ฉันจะอัดไอ้หมอนี่ถ้าเขาพยายามจจะรังแกเธออีก! ฮึ่ม! ฉันเล่นเทควันโดเป็นนะ!”
“หยุดเรียกฉันว่าเป็นเมียนายซะที!” อันซย่าซย่าคำราม “นายยังเอาชนะมั่วมั่วด้วยเทควันโดของนายไม่ได้เลย นายจะเอาชนะเซิ่งอี่เจ๋อได้อย่างไรกัน”
คังเจี้ยนคอตก “ก็ใช่…ฉันจะไม่เรียกเธอแบบนั้นแล้วคุณเมียซย่าซย่า!”
อันซย่าซย่า: ไอ้หมอนี่จงใจทำชัดๆ!
–
เวลากลางวัน ณ โรงอาหาร
อันซย่าซย่าไปนั่งทานอาหารกลางวันกับซูเสี่ยวมั่วและมู่หลี ซูเสี่ยวมั่ววันนี้ใจดีสั่งอาหารสามจานพร้อมกับซุปด้วย จากนั้นก็หัวเราะคิกคักพลางมองโทรศัพท์
“เห็นหรือเปล่า เด็กฉลาดสามคนอย่างเราทำเงินได้นิดหน่อยจากการขายนิยายด้วยล่ะ ทั้งหมดเป็นเงินเก้าพันเจ็ดร้อยหยวน ฉะนั้นก็ตกคนละสามพันสองร้อย อีกร้อยหยวนเอาไปกินของหวานวันหยุดกันเอาไหม”
เมื่อไม่มีใครค้าน ซูเสี่ยวมั่วก็โอนเงินผ่านธนาคารออนไลน์ให้แต่ละคน อันซย่าซย่าหุบยิ้มไม่ได้กับจำนวนเงินที่ปรากฏในมือถือ
เป็นคนรวยนี่รู้สึกดีจัง
ทันใดนั้นก็มีเสียกอึกทึกดังขึ้นตรงทางเข้าโรงอาหาร ทั้งสามมองด้วยความสนใจ ปรากฏภาพของหลีฝานซิงที่เดินควงแขนหลีชั่นซิงเข้ามา ทั้งสองดูเป็นพี่น้องที่รักกันดี พวกเด็กผู้ชายทั้งเดินตามและล้อมรอบทั้งคู่เป็นโขยง
“อ๊าก! แค่จะกินข้าวเธอยังต้องการเป็นจุดสนใจอยู่เลย!” ซูเสี่ยวมั่วพูดขึ้นอย่างรังเกียจ อันซย่าซย่ายักไหล่พลางคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าขำ
ทั้งสามตั้งใจจะเมินสองพี่น้อง แต่หลีฝานซิงและหลีชั่นซิงกลับเดินตรงมาหาพวกเขา
“ซย่าซย่า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หลีฝานซิงทักอันซย่าซย่าด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า สำหรับคนอื่นแล้ว พวกเขาดูจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วยซ้ำ
อันซย่าซย่าไม่มีอารมณ์จะตอบกลับด้วยความอบอุ่น เธอเพียงแต่พยักหน้าให้กับคำทักทายนั้นก่อนจะก้มทานอาหารต่อ
หญิงสาวไม่ใช่แม่พระ และแน่นอนว่าไม่มีทางที่เธอจะมองหลีฝานซิงเป็นเพื่อนได้หลังจากสิ่งที่หญิงสาวทำกับเธอเอาไว้!
หลีฝานซิงปรับสายตาเล็กน้อยก่อนถอนหายใจ “ฉันมองว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉันมาตลอดเลยนะซย่าซย่า ฉันรู้สึกผิดหวังนะที่เธอทำท่าทีแบบนั้น ไม่ดีใจหน่อยหรือที่ฉันมาเรียนที่ฉีซย่าน่ะ”
อะไรวะ หลีฝานซิงจะมาไม้ไหนกันแน่ล่ะนี่
ตอนที่ 217 เจ้าดอกบัวสีขาวแสนสวย (5)
เด็กหนุ่มที่สวมแว่นตาตะโกนออกมา “เฮ้ รุ่นน้องคนนั้นน่ะ เธอต้องรู้สึกเป็นเกียรติสิที่ได้คุยกับฝานซิงน่ะ ทำตัวให้มันดีๆ หน่อย!”
เด็กหนุ่มหน้าสิวอีกคนจ้องมองเธอ “เธอไม่ชอบฝานซิงละสิ เฮอะ คิดว่าตัวเองเป็นใครงั้นเหรอ กล้าดียังไง!”
ในวงนั้นมีเด็กหนุ่มอ้วนๆ อยู่คนหนึ่งที่หน้าตาบึ้งตึงมาก เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่จ้องเธอเขม็งพร้อมกำหมัดชกอากาศ
อย่างหนึ่งที่อันซย่าซย่าอยากพูดก็คือ น่าสนใจแฮะ …
เจ้าดอกบัวสีขาวแสนสวย ฮึก !
“ฉันว่าเราไม่ใช่เพื่อนกันนะ เราเคยเจอกันแค่สองครั้งแถมรุ่นพี่หลีก็มีชื่อเสียงเกินกว่าที่ฉันจะไปสนิทด้วยได้ นักเรียนฉีซย่าทุกคนดีใจที่รุ่นพี่มาอยู่ที่นี่และฉันก็ไม่อยากให้พี่เข้าใจฉันผิดแบบนั้น!”
ฮึ่ม! นักเรียนฉีซย่าทุกคนยกเว้นเธอ!
หลีฝานซิงมองออกว่าเธอควรจะใช้ลูกไม้ไหนต่อ สีหน้าเธอนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เธอช่วยฉันไว้เยอะเลยตอนเราอยู่ที่กองถ่าย อีกอย่างเธอก็เข้ากันกับอี่เจ๋อได้ดี เพราะฉะนั้นเพื่อนของเขาก็ถือเป็นเพื่อนของฉันด้วย วันนี้ฉันจะมากินข้าวกับเธอ”
พูดจบ หญิงสาวกับหลีชั่นซิงก็ทำท่าจะนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเธอ
อย่างไรก็ตาม โต๊ะในโรงอาหารฉีซย่าล็อกติดกับพื้นอีกทั้งจำกัดที่นั่งไว้แค่ได้แค่สี่คนต่อโต๊ะ
อันซย่าซย่านั่งกับเพื่อนสองคนแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีที่นั่งไม่พอสำหรับหลีฝานซิงและหลีชั่นซิง
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งผลักซูเสี่ยวมั่ว “นี่ ตาบอดหรือไง ไม่เห็นเหรอว่าเทพธิดาฝานซิงของพวกเราจะนั่งตรงนี้ ลุกออกไปซะ ยัยแม่มด!”
“อะไรนะ! เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ” ซูเสี่ยวมั่วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาเพิ่งเรียกเพื่อนเธอว่า “แม่มด” เหรอ
เอาแล้วสิ! นายหาเรื่องใส่ตัวเองนะ!
หญิงสาวกระแทกตะเกียบลงกับโต๊ะ ลุกพรวดขึ้นหมายจะต่อยเด็กหนุ่มคนนั้น แต่มู่หลีกอดแขนเธอแน่นพร้อมเอ่ยเบาๆ “มั่วมั่วนั่งตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันย้ายโต๊ะเอง”
“ฮึ่ม คนจนอย่างเธอก็รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรอยู่นี่” หลีชั่นซิงยิ้มเยาะ ประโยคนั้นทำให้หน้าของมู่หลีซีดกว่าเดิม
“เธอสองคนพอได้แล้ว!” อันซย่าซย่ารู้สึกเคือง “ล้อกันเล่นหรือเปล่า ฉันไม่สนหรอกนะว่าพวกเธอต้องการอะไร แต่ฉันไม่อยากกินข้าวกับพวกเธอ! ถ้าอยากนั่งโต๊ะนี้มากก็นั่งไปเลย มั่วมั่ว มู่หลี เราไปนั่งโต๊ะอื่นกันเถอะ”
หญิงสาวหยิบถาดของเธออย่างไม่สบอารมณ์จนขนวดพวกผู้ชายยังตกใจ
“เธอห้ามไปไหนทั้งนั้น!”
“ใช่แล้ว เธอพูดกับเทพธิดาของเราว่ายังไงนะ”
“ฉันคิดว่ายัยภารโรงพวกนี้อยากคุยกับพวกเราเสียแล้ว”
อันซย่าซย่าถูกรายล้อมด้วยพวกผู้ชาย หลีฝานซิงนั่งไขว่ห้าง รอยยิ้มเย้ยหยันยังคงปรากฏบนใบหน้า แต่เธอคงน้ำเสียงนุ่มนวลเอาไว้ตอนพูดว่า “ทุกคนอย่าทำแบบนี้เลย จะทำให้ซย่าซย่ากลัวเอานะ”
หลีชั่นซิงกระซิบ “นี่…พี่สาว เธอนี่มันน่ารังเกียจจริงๆ”
หลีฝานซิงมองเล็บสวยๆ ของตัวเองพร้อมหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง “น้องรักจ๊ะ เรารู้สึกเหมือนกันเลย!”
“เฮอะ เธอต่างหากที่เกลียดซย่าซย่า อย่ามาหาข้อแก้ตัวสวยๆ หน่อยเลย!”
ในขณะที่ทั้งสองโต้เถียงกันเบาๆ สถานการณ์ด้านอันซย่าซย่านั้นดูท่าไม่ดีเอาเสียเลย
ด้วยโทสะ ซูเสี่ยวมั่วต่อยเข้าหน้าผู้ชายคนหนึ่งไปแต่ก็ถูกคนตัวสูงจับเอาไว้ มู่หลีตัวสั่นเทาและไม้กล้าแม้แต่จะขยับเข้ามาใกล้ๆ ส่วนอันซย่าซย่าถูกผลักไปผลักมา หน้าแดงด้วยความโกรธ
ในจังหวะที่เด็กหนุ่มอ้วนๆ ผลักเธออีกครั้ง เขาผลักเธอแรงมากจนหญิงสาวล้มลง
อันซย่าซย่ากัดฟัน เขาชอบผลักเธอไปมานักใช่ไหม ดีเลย ต่อไปเธอจะได้เอาถาดฟาดหน้าเขาซะ!
มือแกร่งคู่หนึ่งจับข้อมือเธอเอาไว้ได้ทันก่อนเธอจะล้มลง
หรือว่าจะเป็นเซิ่งอี่เจ๋อ
เซิ่งอี่เจ๋อมาช่วยเธอแล้วใช่ไหม
อันซย่าซย่าเงยหน้ามองด้วยความคาดหวัง แต่ก็ต้องกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อเห็นว่าเขาคนนั้นเป็นใคร