รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 104 ไปร่วมงานเลี้ยงครอบครัวเป็นเพื่อนฉันได้ไหม

บทที่ 104 ไปร่วมงานเลี้ยงครอบครัวเป็นเพื่อนฉันได้ไหม
เผิงเมิ่งยืนอยู่เป็นเพื่อนฉินหลั่งที่ทะเลสาบยุ่นซีไปเป็นเวลาสองชั่วโมง ความแรงของลมพัดที่ทะเลสาบยุ่นซีไม่น้อยเลย ฉินหลั่งยังคงไอและจามอยู่ร่ำไป เผิงเมิ่งที่อยู่ด้านข้างเป็นห่วงฉินหลั่งมากมาย แต่เธอก็ได้แต่ยืนเป็นเพื่อนเขาอยู่ข้าง
ฉินหลั่งมีความรักที่ลึกซึ้งต่อจงยู่มาก ทำให้เผิงเมิ่งเริ่มรู้สึกมีอุปสรรค เธอเริ่มสงสัยในตนเองเสียแล้วว่าจะสามารถแย่งฉินหลั่งมาจากจงยู่ได้หรือไม่?
“เที่ยงแล้ว ฉันไปกินข้าวเป็นเพื่อนคุณนะ?”เผิงเมิ่งนั่งอยู่ด้านหน้าฉินหลั่ง พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“ผมไม่กิน คุณไปเถอะ”ดวงตาของฉินหลั่งจับจ้องอยู่แต่ผิวน้ำทะเลสาบราวกับสามารถเห็นตัวจงยู่เสียอย่างนั้น
เผิงเมิ่งมองฉินหลั่งอย่างไม่รู้จะทำยังไงแวบหนึ่ง จากนั้นเธอก็หันหลังเดินจากไป
แต่ไม่นาน เผิงเมิ่งก็ถือข้าวกล่องมาสองห่อ เธอเอาข้าวส่งให้ฉินหลั่ง“ฉันซื้อข้าวมาให้คุณ กินสิ ไม่งั้นร่างกายจะรับไม่ไหวนะ”
ที่แท้เผิงเมิ่งไม่ได้ไป แต่ไปซื้อข้าวมาให้ตน ฉินหลั่งจึงเกิดความอบอุ่นใจขึ้นมาในชั่วเวลานั้น
“ผมไม่กิน คุณกินเองเถอะ”ฉินหลั่งยังพูดด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ เขารู้ว่าเผิงเมิ่งรู้สึกอย่างไรกับเขา แต่เขาไม่อาจให้ความหวังแม้แต่นิดเดียวกับเธอได้
“คุณกินหน่อยเถอะ ฉันซื้อมาสองห่อ ฉันไม่ได้ให้คุณจ่ายตังค์สักหน่อย……”เผิงเมิ่งยิ้มพูดอย่างหยอกล้อ เพื่ออยากให้เขาผ่อนคลายบ้าง บัดนี้เธอไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นแอบแฝงอยู่ เธอแค่หวังให้ฉินหลั่งกินอิ่มท้องเฉยๆ
“ผมบอกว่าไม่กินไง”คิดไม่ถึงว่าฉินหลั่งร้อนรนจนมือไปปัดข้าวกล่องตกหล่นใส่พื้น ข้าวในกล่องได้กระเด็นออกมา ฉินหลั่งต้องหยุดชะงักเล็กน้อย เพราะเห็นเผิงเมิ่งซื้อ“ข้าวผัดทะเล”มา!
สำหรับฉินหลั่ง“ข้าวผัดทะเล”มีความหมายที่ลึกซึ้งกับเขามากเลยทีเดียว
“ทำไมคุณถึงได้ซื้อข้าวผัดทะเลมาล่ะ?”ฉินหลั่งถามด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเคยไปถามคนอื่นมาว่าตอนที่จงยู่คิดจะกระโดดลงทะเลสาบแห่งนี้ คุณได้ซื้อข้าวผัดทะเลให้เธอกิน ตอนนี้คุณคิดถึงจงยู่มากขนาดนี้ ฉันเลยคิดว่าคุณน่าจะอยากกินข้าวผัดทะเลมากที่สุด ดังนั้นฉันจึงซื้อมาให้คุณโดยเฉพาะ……”เผิงเมิ่งพูดด้วยความเสียใจเล็กน้อย
“ฉันรู้ว่าคุณกับจงยู่รักกันมาก แต่ฉันก็ยังรักคุณอยู่ ถึงแม้คุณจะด่าฉัน ตบฉัน หรือแม้กระทั่งฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็ยังรักคุณอยู่ และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้ไปทำลายความสัมพันธ์ของพวกคุณเลยนะ เพียงแค่อยากจะสู้กับเธออย่างยุติธรรมก็เท่านั้นเอง คุณจำเป็นต้องทำกับฉันขนาดนี้เลยไหม?”เผิงเมิ่งพูดจบ พลางก้มตัวลงไปเก็บข้าวกล่องที่ฉินหลั่งทำหกไปไว้ด้านข้าง
“ขอโทษ ผมผิดเอง”ฉินหลั่งพูดเสียงต่ำ ใช่แล้ว เผิงเมิ่งไม่เคยทำอะไรผิดเลย?ทำไมฉินหลั่งทนเย้นนีที่ทำเรื่องเลวร้ายสารพัดได้แต่เผิงเมิ่งที่ดีกับตนมาโดยตลอดกลับให้เธอดูสีหน้าของเขาอยู่ร่ำไป มันเป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายควรจะทำกันไหม?
“ได้ ฉันยกโทษให้คุณ!ตอนนี้คุณกินข้าว!”ดูเหมือนว่าเผิงเมิ่งจะใจกว้างกว่าฉินหลั่งเยอะเลย เธอไม่ได้ถือสาฉินหลั่งแม้แต่น้อยพลางยื่นข้าวกล่องอีกกล่องที่ยังคงดีอยู่ให้ฉินหลั่ง“กินสิ แน่นอน คุณยังทำมันหล่นได้อีก แต่ฉันจะไม่วิ่งไปซื้อข้าวที่อยู่ไกลพอสมควรมาให้คุณอีกแล้ว”
ฉินหลั่งรับข้าวมา พอเปิดออกมากกลิ่นหอมของข้าวผัดทะเลได้ลอยมาสัมผัสใบหน้า
“คุณกินหรือยัง?”
“คุณคิดว่าไงล่ะ?ตอนแรกมีคนละหนึ่งกล่อง แต่กล่องของฉันถูกคุณทำหล่นใส่พื้นแล้ว”ทันใดนั้นเผิงเมิ่งรู้สึกดีมากที่ได้พูดกับฉินหลั่งอย่างมีเหตุมีผล
“คุณกินก่อน ส่วนที่เหลือให้ผม”ฉินหลั่งเอาข้าวในมือยื่นให้เผิงเมิ่ง จนทำให้เผิงเมิ่งรู้สึกอบใจ ดวงตากะพริบด้วยความมีไหวพริบ
เธอเอาตะเกียบขึ้นมาหนึ่งคู่
“ในเมื่อพวกเราต่างก็หิว งั้นก็กินด้วยกันเลย คุณลุกมาสิ พวกเราวางข้าวกล่องนี้ไว้บนก้อนหินอันนี้แล้วกินด้วยกัน”เผิงเมิ่งสั่งฉินหลั่งด้วยความตื่นเต้นตัวสั่นเล็กน้อย
ฉินหลั่งกับเผิงเมิ่งนั่งอยู่บนสนามหญ้า นำข้าวกล่องวางไว้ด้านบนของก้อนหิน ทั้งสองสลับกันใช้ตะเกียบมันให้ความรู้สึกที่แปลกๆบางอย่าง
ภาพนี้เหมือนตอนนั้นที่ฉินหลั่งกับจงยู่กินข้าวผัดทะเลด้วยกันมา ทันใดนั้นในใจของฉินหลั่งก็โผล่ความคิดมาว่าเผิงเมิ่งเป็นผู้หญิงที่ไม่เลวเลย
เมื่อเกิดความคิดนี้ หัวใจฉินหลั่งก็กระตุก ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจงยู่อยู่ที่ไหน ทำไมเขาไปคิดอย่างนี้ได้ล่ะ?เขารู้สึกว่าเป็นการไม่ให้เกียรติจงยู่เลย จึงรีบกินข้าวไปหลายคำเร็วๆ เพื่อไม่ให้เผิงเมิ่งมองอะไรออก
ข้าวผัดทะเลกินหมดอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว พรุ่งนี้ที่ตระกูลบ้านฉันมีงานเลี้ยง ฉันอยากเชิญให้คุณไปร่วมงานกับฉัน คุณไปปรากฏตัวตรงนั้นก็พอแล้ว อยากออกมาเมื่อไหร่ก็ออกมาได้เลย คุณไปร่วมงานกับฉันได้ไหม…”เผิงเมิ่งเก็บข้าวกล่อง พลางถามด้วยความไม่มั่นใจ
บ้านของพวกเธอได้เร่งให้เผิงเมิ่งหาแฟนหนุ่มเร็วๆ เผิงเมิ่งจึงอยากพาฉินหลั่งไปด้วย ถ้าพวกญาติๆเห็นเธอพาฉินหลั่งไป ถึงจะไม่พูดก็ต้องคิดว่าเป็นแฟนหนุ่มของเผิงเมิ่งอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้ปิดปากพวกเขาไม่ให้เร่งอีกต่อไป
“คุณไม่อยากไปก็ไม่เป็นอะไร ฉันแค่ลองถามดีเท่านั้นเอง ฉันรู้ว่าคุณกังวลใจมากที่ยังหาตัวจงยู่ไม่เจอ คงจะไม่มีอารมณ์ไปร่วมงานเลี้ยงกับฉันหรอก ฉันเข้าใจดี”เผิงเมิ่งเห็นฉินหลั่งจ้องมองตนอยู่นิ่งๆไม่ได้ตอบอะไร จึงได้พูดเพื่อหาทางออกให้ตน“โอเค คุณก็ไม่ต้องเสียใจให้มากนะ เชื่อว่าคุณต้องหาจงยู่เจอเร็วๆแน่ ฉันไปล่ะนะ”
พูดจบ เผิงเมิ่งเอาขยะขึ้นมา แล้วเตรียมตัวจะไป
“ผมไป”บัดนี้ฉินหลั่งพูดตอบแล้ว
“คุณว่าอะไรนะ?คุณไปกับฉันจริงๆเหรอ?”เห็นฉินหลั่งพยักหน้า เผิงเมิ่งจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความตื่นเต้นดีใจออกมา “ขอโทษนะ ฉันไม่ได้จงใจหัวเราะ ดีเลย พรุ่งนี้คุณรอฉันอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยนะ ฉันจะมารับคุณ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ บ๊ายบาย……”พูดจบ เผิงเมิ่งก็จากไปด้วยความร่าเริง
สิ่งที่เผิงเมิ่งทำเพื่อฉินหลั่งในวันนี้ทั้งหมด ทำให้ฉินหลั่งไม่อาจปฏิเสธการขอร้องของเผิงเมิ่งได้ เขาไม่อยากให้เธอดูสีหน้าของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอีก เขาคิดว่าสักวันหนึ่งเผิงเมิ่งคงจะเข้าใจว่าตนไม่ใช่คนคนนั้นที่จะคอยปกป้องเธอไปตลอดชีวิต
สายตาของฉินหลั่งได้ย้อนกลับมามองทะเลสาบยุ่นซีอีกครั้ง……
วันรุ่งขึ้น เป็นเพราะเมื่อวานไปตากลมที่ทะเลสาบยุ่นซีนานจนเกินไป ทำให้จากอาการป่วยที่ดีขึ้นบ้างแล้ว วันนี้กลับแย่กว่าเมื่อวานไปอีก
ตอนหกโมงเย็น ฉินหลั่งทำตามที่ได้คุยกับเผิงเมิ่งในโทรศัพท์มารอเธอที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ไม่นาน เผิงเมิ่งก็ได้ขับรถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวมาหาฉินหลั่ง
“คุณ…เผิงเมิ่ง คุณดูเขาสิ!”รถเพิ่งจอด กู่ซาที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับมองเห็นฉินหลั่งยังคงแต่งงานไร้รสนิยมเช่นเดิม จึงฟ้องเผิงเมิ่งอย่างไม่อยากจะพูด“คุณบอกเขาว่าจะไปร่วมงานเลี้ยงของครอบครัวไม่ใช่เหรอ?ทำไมเขายังแต่งตัวอย่างนี้อีก จงใจจะให้คุณขายหน้าใช่ไหม?”
เผิงเมิ่งก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฉินหลั่ง คุณไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเผิงเมิ่งเลยใช่ไหม?คุณใส่อย่างนี้ไปเตรียมจะไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลเผิงเมิ่งเหรอ?”กู่ซาเดินลงมาจากรถ พลางจ้องมองฉินหลั่งแล้วพูดด้วยความโกรธ ทันใดนั้นเธอพบว่าฉินหลั่งไม่เพียงแต่แต่กายไร้รสนิยม แม้กระทั่งสีหน้าของเขาก็ไม่ดีเลย สีหน้าขาวซีด ดวงตาไร้ชีวิตชีวา มองแล้วเหมือนกับกำลังหดหู่ใจอยู่อย่างนั้น“คุณเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายเหรอ?”
กู่ซาเกาหัวแบบไม่รู้จะพูดยังไงดี แล้วมองเผิงเมิ่งพลางพูดว่า“เผิงเมิ่ง คุณมองสภาพเขาในตอนนี้สิ คุณยังจะพาเขาไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลจริงๆอีกเหรอ?”
เผิงเมิ่งมองกู่ซาอย่างไม่พึงพอใจแวบหนึ่ง เปิดประตูลงจากรถรีบสาวเท้าไปหาฉินหลั่ง มองฉินหลั่งด้วยความเป็นห่วง พลางพูดเสียงเบา“คุณเป็นยังไงบ้าง?หรือคุณจะพักอยู่ที่มหาวิทยาลัยต่อไหม”
“ยังดีอยู่”ฉินหลั่งยิ้มน้อยๆ แต่สีหน้าของเขาเมื่อมองดูแล้วไม่เหมือนกับที่เขาพูดเลยสักนิด เขารับปากเผิงเมิ่งแล้ว จะไม่มีทางกลับคำกลางคันเด็ดขาด“ไม่เป็นอะไร ผมไปเป็นกับคุณ”
กู่ซาที่อยู่ด้านข้างออกเสียง เชอะ หนึ่งคำ เธอรู้สึกว่าฉินหลั่งอยากหลอกเงินของเผิงเมิ่งใช้
เผิงเมิ่งเปิดประตูรถให้ฉินหลั่งขึ้นไป ส่วนเธอกับกู่ซานั่งอยู่ด้านหน้ารถ
“เปิดกระจกรถออกหน่อยสิ คุณเป็นหวัด ไม่ต้องให้พวกเราติดนะ…”กู่ซามองผ่านกระจกรถ พลางพูดกับฉินหลั่ง
“คุณพูดน้อยๆหน่อยได้ไหม พูดอย่างนั้นแหละ ไม่จบไม่สิ้นสักที?”เผิงเมิ่งโกรธกู่ซาแล้ว กู่ซามองเผิงเมิ่งด้วยความเสียใจแวบหนึ่ง และในใจก็แอบคิดบัญชีกับฉินหลั่ง
ตลอดทางไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย เผิงเมิ่งขับรถไปที่วิลล่าส่วนตัวที่มีระยะทางกว่าสามสิบกิโลเมตร……
เผิงเมิ่งขับรถไปยังวิลล่าหรูที่ตั้งอยู่ด้านข้างทะเลสาบจื่อเสีย ทะเลสาบจื่อเสียอยู่ห่างออกจากตัวเมืองของจีนหลิง ซึ่งสวยงามดั่งแดนสุขาวดีเลยทีเดียว
ในยามค่ำคืน ทะเลสาบจื่อเสียมีความสงบเงียบเป็นพิเศษ มีคลื่นของทะเลสาบ สีหมึกของต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไป และด้านข้างทะเลสาบมีต้นCanadian poplar สนขาว และบริเวณใต้ต้นไม้ก็มีทุ่งหญ้าราวกับพรมปูพื้น บวกกับเสียงของทะเลสาบ แมลง กบ และเสียงลากยาวของเป็ด ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อตั้งใจฟังดีๆก็จะได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยกัน และหากตามที่มาของเสียงไป จะเห็นว่าตรงตำแหน่งที่ห่างจากทะเลสาบแห่งนี้ไปสองกิโลเมตร จะมีวิลล่าสไตล์ชาวตะวันตกที่ตกแต่งให้มีน้ำตกอยู่ด้านหน้า ซึ่งกำลังเปิดไฟที่มีสีสันอยู่ ด้านในวิลล่ามีสระว่ายน้ำ มีสนามหญ้า และมีเก้าอี้พิงหลังกับโต๊ะยาวๆตั้งอยู่ ซึ่งมีคนแต่งกายด้วยชุดคนรับใช้สี่ถึงห้าคนกำลังเสิร์ฟเครื่องดื่ม ผลไม้และอาหารว่าง ต่อมาก็มีแขกที่แต่งกายอย่างหรูหราประมาณสิบกว่าคน กำลังจับกลุ่มเล็กสามถึงห้าคนคุยกันอย่างเมามันส์อยู่ แน่นอนยังมีเด็กซนที่วิ่งไล่จับเล่นกันอยู่ด้วย
บัดนี้มีหญิงชราเดินออกมาจากบ้าน เธอเป็นคุณย่าของเผิงเมิ่ง และเป็นเสาหลักของตระกูลเผิงด้วย —-หลิ่วเหวินฮัว
หลิ่วเหวินฮัวมีอายุ 62 ปีแล้ว แต่คืนนี้เธอยังคงแต่งกายด้วยชุดเดรสยาว ซึ่งหุ่นของเธอไม่ได้เปลี่ยนรูปไปตามกาลเวลาเลย ผมของเธอม้วนขึ้นแบบรวบได้อย่างประณีต ผิวพรรณก็ดูแลได้ดี มีเพียงริ้วรอยจางๆที่ขึ้นมาท่านั้นเอง
สิ่งที่ทำให้คนต้องประหลาดใจก็คือดวงตาคู่นั้นของเธอ ดูแล้วไม่เหมือนคนอายุ 62 ปีเลย มันเหมือนคนอายุน้อย 30 ปีที่กำลังเปล่งปลั่ง
มีพลัง เฉียบแหลม ราวกับไม่มีทางพลาดทุกรายละเอียดไปได้อย่างนั้น
หลิ่วเหวินฮัวมีท่าทางสง่าผ่าเผยและแข็งแกร่งมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนในตระกูลเผิงต้องนับถือเธอนั่นเอง
หลิ่วเหวินฮัวเดินลงมาจากระเบียงทีละก้าว ด้านหลังเธอมีผู้ชายสองคนที่แต่งกายด้วยชุดสูท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้คุยธุรกิจอยู่กับหลิ่วเหวินฮัว
เมื่อเธอเดินออกมา คนที่อยู่ในลานบ้านก็เริ่มลดเสียงพูดลงอย่างเข้าใจกันโดยปริยาย
“โอเค วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ”หลิ่วเหวินฮัวพูดจบ ผู้ชายชุดสูททั้งสองคนก็พยักหน้าหลิ่วเหวินฮัวอย่างมีมารยาท จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป
บัดนี้ คนอื่นถึงกล้ากล่าวทักทายกับหลิ่วเหวินฮัว
“สวัสดีค่ะคุณย่า”
“แม่ค่ะ วันนี้แม่สวยมากเลยค่ะ”
“คุณป้า หนึ่งทุ่มผมก็มาถึงแล้วนะครับ”
……
หลิ่วเหวินฮัวพูดคุยกับพวกเขาเรียบๆง่ายๆไปสองสามประโยค พวกเขาก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว พวกเขารู้จักนิสัยของหลิ่วเหวินฮัวดี เธอมักจะให้ความสำคัญกับคนในตระกูลที่มีความสามารถ เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลในอนาคต พวกที่รู้ตัวว่าไม่เป็นที่ชื่นชมของหลิ่วเหวินฮัว เมื่อกล่าวทักทายเสร็จก็เดินไปด้านข้างอย่างมีสามัญสำนึก
“คุณย่า!คุยอะไรอยู่ด้านในตั้งนานค่ะ หนูคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว”มีสาวงามคนหนึ่งเดินเข้ามาที่ข้างกายหลิ่วเหวินฮัวอย่างขี้เล่นและโอบมือของหลิ่วเหวินฮัว พลางพิงหัวไว้ที่ไหล่ของหลิ่วเหวินฮัว
“ในกลุ่มคนมากมายนี้มีเพียงหนูเท่านั้นนะที่ไม่มีมารยาทเลย……”หลิ่วเหวินฮัวจับหัวผากของผู้หญิง พลางพูดขึ้นด้วยความเอ็นดู
“หนูไม่มีมารยาทยังไงค่ะ?หนูคิดถึงท่านจริงๆนี่”ผู้หญิงพูดคุยด้วยน้ำเสียงน่าฟังอย่างมีไหวพริบ ทำให้ฟังแล้วรู้สึกสบายมาก
“พอแล้ว อย่าพูดโม้อีกเลย เผิงหนานพี่ชายหนูล่ะ?”
ผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวของเผิงหนาน—-เผิงหยู่
หลีหยิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ซึ่งเป็นแม่ของเผิงหนานเผิงหยู่อย่าพูดถึงเรื่องความภาคภูมิใจของตนเลย ตอนนี้คนในตระกูลตั้งมากมาย หลิ่วเหวินฮัวทั้งเอ็นดูและเป็นห่วงแต่ลูกทั้งคู่ของเธอ ซึ่งหมายถึงสถานะในตระกูลเผิงของพวกเขาจะกว่าคนอื่นๆ หลีหยิงเผยสีหน้าพึงพอใจออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอกวาดสายตามองคนอื่นก็รู้สึกว่าพวกเราเทียบตนไม่ติดเลย จนสุดท้ายสายตาของเธอมาหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง—-หานเยว่ เธอก็หยุดยิ้มทันที
ไม่ผิดหรอกทั้งลูกชายและลูกสาวของหลีหยิงได้รับความเอ็นดูจากหลิ่วเหวินฮัว แต่ถ้าพูดถึงบรรดาหลานๆที่หลิ่วเหวินฮัวชื่นชอบมากที่สุด ยังคงเป็นลูกสาวของหานเยว่อย่างเผิงเมิ่งอยู่เป็นอันดับแรก

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset