รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 202พวกเราดีกันเถอะ

บทที่ 202พวกเราดีกันเถอะ
“คุณชายลู๋……”คนอื่นๆรีบเข้ามาพยุงคุณชายลู๋ทันที “โรคโลหิตจางกำเริบอีกแล้วเหรอครับ? สองคนนี้จะจัดการยังไง? หรือว่าให้พวกเรามัดพวกมันไว้ แล้วก็ให้พวกมันคุกเข่าอยู่ที่พื้นแล้วเรียกเราว่าพ่อ สุดท้ายก็โยนมันลงแม่น้ำไปแล้วก็จบ……”
“หุบปาก!”
คุณชายลู๋ตะคอกออกมาด้วยความโกรธ เขารีบยื่นมือไปปิดปากคนที่พูดอยู่นั้น หลังจากนั้นก็สะบัดมือของคนอื่นออก แล้วก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหยูหมิงอย่างรวดเร็ว แล้วก็โค้งคำนับต่ำมาก พร้อมกับยื่นมือออกมาตบปากตัวเองสองครั้ง พร้อมกับกล่าวด้วยความกลัวและกังวล “คุณชายหยู ขอโทษด้วยครับ สิ่งที่ผมพูดกับคุณไปเมื่อกี้ผมด่าตัวเอง ผมมันคนโง่……”
ท่าทางของคุณชายลู๋แบบนี้ทำให้ทุกคนตกใจ พวกเขาคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่า หนุ่มวัยรุ่นคนนี้เป็นใครกันแน่ ถึงทำให้คุณชายลู๋หวาดกลัวจนเป็นขนาดนี้ได้
“ลูกน้องนายไม่ได้บอกให้นายจัดการฉันงั้นเหรอ?”หยูหมิงพูดพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา
“ต่อให้ผมยืมความกล้ามาอีกสิบเท่า ผมก็ไม่กล้าแตะคุณชายหยูแม้แต่ปลายนิ้วหรอกครับ”คุณชายลู๋ตอบอย่างสั่นๆ พร้อมกับหันไปมองลูกน้องเขาทั้ง 20กว่าคนนั้น พร้อมกับขมวดคิ้วแล้วกระซิบว่า “พวกแกได้เจอคุณชายของตระกูลหยูแห่งหลินอานแล้ว ยังจะมัวงงอะไรกันอยู่อีก!”
คุณชายตระกูลหยู! ลูกน้องของคุณชายลู๋พร้อมกับคนที่มุงดูอยู่รอบๆก็ต่างตกใจ ทุกคนต่างก็อุทานว่า “คุณพระ” “ฉันก็ว่าทำไมถึงได้มีออร่าขนาดนี้ ที่แท้ก็คือคุณชายหยูนี่เอง” “จะบอกว่าทั้งหลินอานเป็นของเขาก็ไม่เกินไปหรอกนะ” “คุณชายลู๋เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชายหยูก็เป็นแค่กากเดนแค่นั้นเอง”
ฉินหลั่งตกใจ ที่แท้คนๆนี้ก็คือคุณชายแห่งครอบครัวตระกูลอันดับหนึ่งของหลินอานนี่เอง มิน่าล่ะถึงได้ดูมีพลังอำนาจขนาดนี้ ตอนนี้เขาเองก็ถึงได้เข้าใจแล้ว ว่าทำไมพอหลงเย้นได้ยินชื่อนี้ ถึงได้กลัวขนาดนี้ ที่แท้เขาก็คือคู่หมั้นของเธอนั่นเอง
ลูกน้อง20กว่าคนก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิม แล้วก็คำนับหยูหมิง พร้อมกับพูดพร้อมกันว่า “คุณชายหยูสวัสดีครับ!”
ท่ามกลางนั้นไอ้ผมทองกับพวกทั้งสี่คนก็กลัวจนใจสั่น เหงื่อออกเต็มหน้าผากและฝ่ามือไปหมด
“ไอ้ผมทอง! พวกมึงถึงสามคนมานี่เดี๋ยวนี้!” คุณชายลู๋ขมวดคิ้ว แล้วก็ตะโกนเรียกพวกไอ้ผมทอง เขาแทบรอไม่ไหวที่จะฆ่าไอ้ทั้งสี่คนนั้นตอนนี้เลย
“ครับ……”ไอ้ผมทองกับพรรคพวกทั้งสี่คนตอบด้วยเสียงสั่น ไอ้ผมทองกลัวจนฉี่ราด น้ำอุ่นๆไหลลงมาระหว่างขาของเขา
ทั้งสี่คนขยับเข้ามาอยู่ตรงหน้าหยูหมิงอย่างยากลำบาก
“พลั่ก”
คุณชายลู๋ตรบหน้าทุกคนอย่างไม่เกรงใจ ตบพวกนั้นจนหูเกือบหนวก คุณชายลู๋เดินไปด้านหลังของทั้งสี่คนนั้น แล้วก็เตะเข่าของพวกเขา “พลั่กๆๆๆ” เสียงดังขึ้นสี่ครั้ง ทั้งสี่คนก็คุกเข่าลงบนพื้น
“ขอโทษคุณชายหยูเดี๋ยวนี้!”คุณชายลู๋ตะคอก
“ครับๆๆ…”ไอ้ผมทองกับพวกทั้งสี่คนซื่อบื้อไปหมดแล้ว พวกนั้นโค้งคำนับหยูหมิงในทันที “คุณชายหยู ผมผิดไปแล้ว ผมไม่มีตาเอง ผมขอกราบล่ะครับ ให้อภัยผมเถอะ……”
“คุณชายหยู พวกเราผิดไปแล้ว……”
“พวกเราเป็นคนโง่……”
“ขอร้องคุณให้อภัยพวกเราเถอะครับ……”
……
“แล้วพวกแกไม่พูดกับเพื่อนท่านนั้นด้วยเหรอ?” คุณชายหยูเหลือบมองไปที่ฉินหลั่ง แล้วก็พูดนิ่งๆ
“รีบไปขอโทษคุณชายบ้านรวยคนนั้นเดี๋ยวนี้” คุณชายลู๋เตะไปที่พวกไอ้ผมทองทั้งสี่คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น แล้วก็ตำหนิ
ไอ้ผมทองจะกล้าพูดว่าคับแค้นใจได้ยังไงกัน รีบคลานไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉินหลั่ง แล้วก็คุกเข่าเหมือนกับที่ทำกับคุณชายหยูเมื่อกี้นี้ ท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่แล้ว พร้อมกับพูดว่า “คุณชายบ้านรวย ก่อนหน้านี้ผมผิดเอง ผมมันเป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่น ผมต้องขอโทษคุณด้วย ผมสมควรตาย ผมมันไม่ใช่คน……”
“ผมไม่คู่ควรแม้กระทั่งให้คุณยกรองเท้าขึ้นมาด้วยซ้ำ……”
“เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณแล้วผมยังมีค่าน้อยกว่าลมตดด้วยซ้ำ…”
“เพื่อนคนนั้น นายรู้สึกว่าแบบนี้โอเคไหม?” คุณชายหยูมองหน้าฉินหลั่งพลางถามพร้อมกับยิ้มบางๆ
“โอเคแล้วครับ” ฉินหลั่งพยักหน้าและตอบ
“โอเค พวกแกไสหัวไปได้ละ!” คุณชายหยูโบกมือให้คุณชายลู๋ แล้วก็ตำหนิออกมา
“ครับ คุณชายหยู สบายใจได้เลยครับ กลับไปผมจะต้องสั่งสอนไอ้พวกลูกน้องโง่เง่าเต่าตุ่นที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของผมให้ได้เลย ถ้ายังงั้นผมไปก่อนนะครับ ไว้เจอกันใหม่ครับคุณชายหยู” พอคุณชายลู๋ได้ยินว่าคุณชายหยูยอมปล่อยตัวเองไป หัวใจเป็นที่เกือบจะวายก็ปล่อยวางลงได้ เขาพยักหน้าบอกลาคุณชายหยู แล้วก็นำลูกน้องของตัวเอง ขึ้นรถแล้วกลับออกไป
ฉินหลั่งให้หลงเย้นยืนอยู่ที่เดิม แล้วตัวเองก็เดินไปหาหยูหมิง ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณนะครับคุณชายหยู”
“ไม่เป็นไร ยังไงซะนายก็เป็นเพื่อนของคุณหลง พวกนายกินอิ่มกันรึยัง เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”หยูหมิงคลี่ยิ้มพร้อมกับถาม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเรายังมีธุระอีกหน่อย งั้นไม่รบกวนเวลาพวกคุณแล้ว ลาก่อนนะครับ” ฉินหลั่งคิดว่าถ้าเกิดว่าคุณชายหยูจำหลงเย้นได้ต้องแย่แน่ๆ พอพูดจบ ก็พยักหน้าเป็นการบอกลาหยูหมิงกับหลงหลิง แล้วก็พาหลงเย้นออกมา
ฉินหลั่งกับหลงเย้นเรียกรถแท็กซี่ พอขึ้นแล้วหลงเย้นถึงได้ถอดเสื้อของฉินหลั่งออก สีหน้าของเธอดูว่างเปล่าเล็กน้อย
“คุณชายหยูท่านนั้นไม่เลวเลยนะ” ฉินหลั่งคลี่ยิ้มพร้อมกับพูดออกมา
“ใช่ ไม่เลวเลย” หลงเย้นพูดอย่างใจลอย “ฉินหลั่ง แฟนนายเป็นคนแบบไหนกันเหรอ?”
“เธอเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จากหมู่บ้านภูเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ว่าเป็นคนใจดีมาก” ฉินหลั่งพูดอย่างครุ่นคิด
หลงเย้นมองฉินหลั่งอย่างเหม่อลอย แล้วก็พูดเบาๆว่า “บางทีฉันก็คิดคำถามหนึ่งขึ้นมา ถ้าเกิดว่าฉันไม่ใช่คุณผู้หญิงของตระกูลหลง แต่ว่าเป็นแค่สาวชาวดอยเหมือนกับจงยู่ ถ้ายังงั้นมันจะดีแค่ไหนกัน ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงธุรกิจของครอบครัว ฉันก็จะสามารถปล่อยมือแล้วก็ไปไล่ตามความสุขของตัวเองได้ แต่ว่า…”
พอพูดแบบนี้สีหน้าของหลงเย้นก็ดูเศร้าลง เธอกลับพูดต่อไม่ได้แล้ว ตอนที่มองไปที่ฉินหลั่งอีกครั้งนั้น ท่าทางของเธอก็เหมือนคนจะร้องไห้ เธอพูดช้าๆว่า “ฉันขอถามอะไรนายหนึ่งอย่าง มีตอนไหนบ้างไหม ที่นายเคยนึกถึงฉันเหมือนกับที่นึกถึงจงยู่บ้าง?”
ฉินหลั่งมองใบหน้าเล็กๆของหลงเย้น แสงไฟด้านนอกส่องผ่านกระจกเข้ามาตลอดเวลา มีเสน่ห์และไม่มีที่สิ้นสุด เขาอดไม่ได้ที่จะใจอ่อน และพูดอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ “แน่นอน”
ทันทีที่ฉินหลั่งพูดคำว่า “แน่นอนออกมา น้ำตาที่คลอเบ้าของหลงเย้นอยู่นั้นก็หยดลงมาทันที เธอยิ้มอีกครั้ง แล้วก็โผเข้าไปในอ้อมแขนของฉินหลั่ง สะอื้นพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณ…ขอบคุณนะ…พอได้ยินนายพูดแบบนี้ ฉันชอบมากเลย……”
หลงเย้นก็แนบอยู่ในอ้อมแขนของฉินหลั่งอยู่แบบนี้ จนแท็กซี่กลับมาถึงชุมชนหมิงซื่อ หลงเย้นถึงได้ยอมปล่อยอย่างไม่เต็มใจ ลงจากรถ หลังจากนั้นก็พูดกับฉินหลั่งทั้งน้ำตาว่า “ลาก่อน” หลังจากนั้นก็วิ่งกลับเข้าไปในชุมชนโดยที่ไม่หันหน้ากลับมาอีก
ฉินหลั่งกลับไปที่มหาวิทยาลัยเจียงหนานด้วยจิตใจที่สับสน คนที่หอพักเห็นเขาเป็นคุณชายบ้านรวย ไม่ว่าฉินหลั่งจะอธิบายขนาดไหนก็ไม่มีประโยค เขาก็เลยไม่อธิบายแล้ว คืนนี้ก็เลยนอนหลับไปแบบนี้”
วันที่สอง ฉินหลั่งตื่นขึ้นมาแต่เช้า แล้วก็เอาไดอารี่ของจงยู่ที่วางไว้ข้างหมอนตลอดใส่ในกระเป๋า เพราะว่าเรื่องของหลงเย้น หลงหลิงก็เลยยิ่งเข้าใจเขาผิดไปมากกว่าเดิม ฉินหลั่งอยากจะให้เธอได้เห็นไดอารี่ของตัวเองเมื่อก่อน น่าจะสามารถแก้ไขความเข้าใจผิดระหว่างพวกเขาได้ ทำให้เธอนึกอะไรขึ้นได้
ตอนเช้าหลังจากเรียนเสร็จ เพื่อนร่วมชั้นที่ตอนแรกเอาแต่เยาะเย้ยเขา ก็ล้อมรอบตัวเขาแล้วก็เดินไปพร้อมกัน ฉินหลั่งรู้ว่าคนพวกนี้เห็นเขาเป็นทายาทคนรวย ก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขา วิ่งหนีออกมาไม่กี่ร้อยเมตร ในที่สุดก็สามารถสลัดพวกประจบสอพลอทิ้งได้แล้ว
ฉินหลั่งเตรียมจะไปห้องเรียนของหลงหลิง แล้วโทรศัพท์เขาก็ดัง เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ฉินหลั่งขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วก็รับสาย
“ฉินหลั่ง ฉันเองเถียนซิง” ปลายสายมีเสียงของเถียนซิงดังลอดเข้ามา
ฉินหลั่งตกใจ ผ่านไปหลายวินาทีถึงได้เอ่ยปากถาม “มีธุระอะไรรึเปล่า?”
พอนึกถึงสิ่งที่เถียนซิงเคยทำมาก่อนหน้านี้ ฉินหลั่งเกลียดเธอมากๆ
“ขอโทษ เมื่อก่อนฉันผิดไปแล้ว ฉันอยากจะอธิบายกับนาย นายให้โอกาสฉันหน่อยได้ไหม?” น้ำเสียงของเถียนซิงดูจริงใจมาก
ฉินหลั่งอึ้งไป เขาไม่คิดเลยว่าที่เถียนซิงโทรมา ก็เพื่อที่ต้องการจะปรับความเข้าใจกับเขา
“นายไม่อยากจะสนใจฉันแล้วใช่ไหม เรื่องเมื่อก่อนที่ฉันเคยทำทำให้นายเกลียดฉันมากเลยใช่ไหม? ขอโทษนะ ฉันรู้สึกผิดไปแล้ว นายให้โอกาสฉันหน่อยนะ เห็นแก่เรื่องที่ฉันเคยช่วยนายตอนมอปลายก็ได้ โอเคไหม?” เถียนซิงพูดอย่างจริงจัง
“ก็ได้ ฉันจะปรับความเข้าใจกับเธอ” ปฏิกิริยาโต้ตอบฉินหลั่ง เหมือนกับว่าไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
“ดีจังเลย ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องรับปากฉัน ถ้ายังงั้นตอนเที่ยงนี้พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง กินที่เฉียนเฉิงหยวนแล้วกันเนอะ ไม่เจอกันไม่เลิก บาย” หลังจากพูดจบ เถียนซิงก็ตัดสายไป
พอนึกถึงเรื่องที่เถียนซิงเป็นคนอยากจะปรับความเข้าใจกับตัวเองก่อน ฉินหลั่งก็รู้สึกดีใจมาก ยังไงเมื่อตอนมัธยม เถียนซิงก็เป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดในชั้นเรียนของเขา
ฉินหลั่งเห็นว่าตอนนี้ก็เป็นเวลา11โมงแล้ว ก็เลยเดินทางไปที่เฉียนเฉิงหยวน
ตอนที่ใกล้จะถึงเฉียนเฉิงหยวนนั้น ฉินหลั่งก็เห็นว่าเถียนซิงรอเขาอยู่ที่หน้าประตูอยู่แล้ว พอเห็นฉินหลั่ง เถียนซิงก็ยิ้มต้อนรับ
“นายมาแล้ว” เถียนซิงเดินเข้าไปหาฉินหลั่ง แล้วก็ยิ้มหวานให้เขา แตกต่างจากภาพในศูนย์กีฬาโอลิมปิกก่อนหน้านี้อย่างมาก วันนี้เธอมัดผมหางม้า เหมือนกับตอนมัธยม ทำให้ฉินหลั่งใจเต้น ย้อนหลับไปนึกถึงช่วงเวลาดีๆเมื่อตอนมัธยมของเขา
“อืม หัวหน้าห้อง” ฉินหลั่งยิ้ม ในใจเขาก็มีความรู้สึกสงสัย ไม่รู้ว่าเถียนซิงไปเจออะไรมา ถึงได้อยากจะมาคืนดีกับเขา แต่ไม่ว่าจะยังไง เถียนซิงในตอนนี้นั้นกลับไปอ่อนโยนและใจดีเหมือนตอนมัธยม เถียนซิงที่กระตือรือร้นที่จะได้ช่วยเหลือผู้อื่น หัวหน้าห้องที่เขาเคารพมากที่สุด
“นายยังสะพายกระเป๋าเป้อยู่อีกเหรอ เดี๋ยวฉันสะพายให้ พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ ฉันคิดว่านายน่าจะิวแล้ว”เถียนซิงพูด แล้วก็ถอดกระเป๋าเป้ของฉินหลั่ง เอามาถือไว้ พร้อมกับเดินเข้าไปในร้านอาหารพร้อมกับฉินหลั่ง
ฉินหลั่งกับเถียนซิงนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เถียนซิงสั่งอาหาร4-5อย่าง ตอนนี้ถูกนำมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะแล้ว เมื่อกี้เถียนซิงใช้คำพูดที่มีพิธีรีตองกับฉินหลั่งอยู่ตั้งนาน ทำให้ฉินหลั่งรู้สึกเหมือนกับว่าเถียนซิงได้กลับไปเป็นเหมือนหัวหน้าห้องเมื่อตอนสมัยมัธยมอีกครั้งแล้ว เขารู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
“หัวหน้าห้อง ทำไมเธอถึงคิดได้เหรอ” ฉินหลั่งถาม
“หลายวันมานี้ฉันเอาแต่ฝันถึงตอนที่สอบเข้ามหาลัย แล้วก็จะสะดุ้งตื่นทุกครั้ง ฉันคิดว่าวันนั้นปากกาของฉันหมึกหมด ก็เลยทำให้ฉันสอบตก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วก็นึกถึงเรื่องพวกนั้นที่ฉันเคยทำกับนาย ฉันก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก ฉินหลั่ง ฉันขอโทษนะ!” เถียนซิงกล่าวอย่างเศร้าสลด แล้วก็ก้มหน้าลงช้าๆ
“ช่างเถอะ เรื่องที่เป็นอดีตไปแล้วก็ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป ฉันก็ไม่ได้จำมาใส่ใจอะไรหรอก ยังไงเธอก็คือหัวหน้าห้องของฉัน” ฉินหลั่งเห็นว่าสีหน้าของเถียนซิงดูทุกข์ใจ ในใจเขาก็ไม่ค่อยรู้สึกดีเท่าไหร่
“ขอบคุณนะ นายยังคงใจกว้างเหมือนตอนมัธยมเลย!” ความอับอายในดวงตาของเถียนซิงหายไปแล้ว เธอยิ้มแล้วก็มองฉินหลั่งพร้อมกับพูดว่า “ฉินหลั่ง จำได้ไหมว่าตอนมัธยมฉันเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบ บางครั้งที่อาการป่วยกำเริบ ต้องมีใครมาคอยถูมือฉัน อย่างน้อยก็20นาที คนอื่นไม่ชอบเหนื่อย ก็เลยไม่มีใครถูให้ฉันเลย มีแต่นายเท่านั้นที่อดทนทำให้ฉัน จนบางครั้งที่ถูมือให้ฉันเสร็จแล้ว นายก็ปวดแขนจนเขียนหนังสือไม่ได้ด้วยซ้ำ……”
“ฉันจำได้”ฉินหลั่งยิ้มพร้อมกับตอบ
“ถ้ายังงั้นตอนนี้นายช่วยถูให้ฉันหน่อยได้ไหม? ฉันรู้สึกว่าตอนนี้มือของฉันเริ่มกระตุกอีกแล้ว” พอพูดจบ เถียนซิงก็ยืนมือไปหาฉินหลั่ง
“อ้อ…”ฉินหลั่งอึ้งเล็กน้อย ตอนนั้นพวกเขาเป็นเด็กมัธยมปลาย ถูนิดถูหน่อยก็ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่ว่าตอนนี้เป็นผู้ใหญ่ที่สละสลวยแล้ว ถ้าเกิดว่าให้ตัวเองถูมือเธอ มันก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“โถ่…””เถียนซิงเรียกเบาๆ “ฉินหลั่ง รีบถูให้ฉันหน่อยเร็ว มือฉันกระตุกอีกแล้วนะ”
“อ้อ……ก็ได้” ฉินหลั่งเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของเถียนซิง แล้วเขายังจะมัวลังเลอีกได้ยังไงกันล่ะ เขาจับมือของเถียนซิงไว้ แล้วก็รีบช่วยนวดๆถูๆให้เธอ
หลังจากถูไปได้สองครั้ง ฉินหลั่งก็เผลอมุ่งความสนใจไปที่มือที่อ่อนนุ่มของเถียนซิง ก็เห็นว่ามือของเธอช่างเนียนและนุ่มชุ่มชื้นราวกับหยกขาว ความหอมนวลแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเถียนซิงอีกครั้ง ฉินหลั่งรู้สึกว่าพอถูมือเถียนซิงไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเหลาะแหละ แต่ว่าเรื่องนี้มันก็ค่อนข้างเร่งด่วน ตั้งสติ แล้วก็ถูต่อไป
“แม่งเอ้ย ไอ้ยาจก นี่รนหาที่ตายใช่ไหม?” ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังของฉินหลั่ง

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset