รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 208 แค่จับมือครั้งเดียวเรื่องราวก็เปลี่ยนไป

บทที่ 208 แค่จับมือครั้งเดียวเรื่องราวก็เปลี่ยนไป
กษัตริย์แห่งบรูไนลุกขึ้น ฉินหลั่งกับฝู้โยวก็รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย หลินจูที่อยู่ในชุดมาสคอตที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เตะพวกเขาเบาๆ ทั้งสองคนถึงได้สติกลับคืนมา
กษัตริย์แห่งบรูไนเริ่มพูดใส่ไมโครโฟน เขาช่างคู่ควรกับการเป็นผู้นำประเทศ “Halosemua,sayasangatsenangdatangkeChina.”
เขาพูดภาษามลายู แต่ว่าใครก็ฟังไม่ออก หลินจูที่สวมใส่ชุดมาสคอตและยืนอยู่ข้างๆฉินหลั่งนั้นก็พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “สวัสดีครับทุกคน ดีใจมากที่ได้มาประเทศจีน”
ฉินหลั่งรู้สึกสบายใจ แล้วก็พูดกับไมโครโฟนแบบห้วนๆ “สวัสดีครับทุกคน ดีใจมากที่ได้มาประเทศจีน”
ฝู้โยวที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งพอได้ยินฉินหลั่งพูดภาษาจีน ก็พูดกับไมโครโฟนเป็นภาษาอังกฤษทันที:“Helloeveryone,I am very happy to come to China.”
มีเสียงปรบมือและเสียงเชียร์จากผู้ชม ฉินหลั่งและฝู้โยวก็คลายความกังวลลงเล็กน้อย และฟังคำพูดของกษัตริย์แห่งบรูไนอย่างตั้งใจ
เพราะว่ามีความช่วยเหลือจากหลินจู ฉินหลั่งพูดภาษาจีน ฝู้โยวก็พูดต่อด้วยภาษาอังกฤษ ทั้งสองคนร่วมมือกันอย่างรู้กัน
ในขณะเดียวกันในห้องโถง ระหว่างที่ดูไลฟ์สดอยู่นั้น ตอนที่ฉินหลั่งและฝู้โยวปรากฏตัว ทุกคนก็ตกใจ ไม่กล้าเชื่อเลยว่าพวกเขาจะกล้าขึ้นไปจริงๆ โดยเฉพาะเถียนซิง หัวของเธอรู้สึกสับสนมึนงงไปหมด นั่งดูทีวีนิ่งเหมือนกับรูปปั้น
ก่อนหน้าที่ฉินหลั่งจะเริ่มพูด ถึงแม้ว่าเถียนซิงจะตกใจ แต่ว่าเธอก็ไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียวว่าฉินหลั่งจะสามารถพูดภาษามลายูได้ เธอคิดว่าอีกเดี๋ยวพอกษัตริย์บรูไนพูดเสร็จ ฉินหลั่งก็แปลไม่ได้แล้ว นี่เป็นความอัปยศต่อหน้าคนทั้งประเทศ ทั้งเอเชีย และทั้งโลก และทำให้เกิดอุบัติเหตุการไลฟ์สดครั้งใหญ่ อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี่เป็นอาชญากรรมครั้งใหญ่ ต้องถูกจับเข้าห้องมืดและกินในคุก!
เธอยิ้มเยาะอยู่ภายในใจ หึ ฉินหลั่งนะฉินหลั่ง นายนี่ช่างเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกจริงๆเลย แล้วก็ฝู้โยวนั่นอีก เธอก็เต็มใจที่จะก่อเรื่องวุ่นวายกับฉินหลั่งไปด้วยอีก แถมตอนนี้ยังพาตัวเองเข้าไปด้วย! ในเมื่อเธออยากจะอยู่กับไอ้ยาจกอย่างฉินหลั่งแล้วนั้น งั้นก็เชิญไปรักกันในคุกเลยไป
แต่ว่าตอนที่ฉินหลั่งแปลภาษาของกษัตริย์บรูไนออกมาจริงๆ ทุกคนก็ต้องรู้สึกตะลึงไป มีเสียงอุทานดังขึ้นในห้องโถงนั้น “ว้าว” “แม่ง”“เยสเข้” “แม่มึง” “นี่มันเรื่องอะไรกัน” “ไม่ใช่มั้ง”……
หัวใจของเถียนซิงหดลงทันที เธอชาไปทั้งตัว ไอ้ยาจกอย่างฉินหลั่งนั่นพูดภาษามลายูได้จริงๆเหรอ? เป็นไปได้ยังไง! เขาไปเรียนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ต่อให้เรียนมาจริงๆ ฉันกับเขาไม่ได้เจอกันก็แค่สองปี สองปีนี้จะเรียนได้เก่งขนาดนี้เลยรึยังไง?……
ภาพในไลฟ์สดนั้น กล้องเอาแต่ถ่ายไปที่กษัตริย์บรูไน ฉินหลั่งกับฝู้โยวเองก็อยู่ในเฟรมทั้งสองข้าง คนในห้องโถงหยุดประหลาดใจ แล้วก็เบนความสนใจไปที่ฉินหลั่งกับฝู้โยวแทน เพราะว่าคนที่ทั้งสองคนนี้กำลังทำหน้าที่เป็นล่ามให้อยู่นั้นก็คือประมุขของประเทศ ระหว่างพวกเขาเมื่อกี้ เปลี่ยนแค่เพียงพริบตาเดียวก็ได้กลายเป็นคนที่ดึงดูดความสนใจได้อย่างมาก
“สองคนนี้แข็งแกร่งจังเลย ที่แท้ก็พูดภาษาต่างประเทศได้เก่งขนาดนี้!”
“กล้องเอาแต่ถ่ายพวกเขาตลอดเลย นอกจากผู้นำ นักแสดง ก็มีพวกเขานี่แหละที่กล้องจับนานสุดแล้ว นี่มันสามารถเห็นได้ทั้งทั่วประเทศ ทั่วโลก สามารถดังได้เพียงวินาทีเดียวเอง อิจฉาพวกเขาจริงๆเลย!”
“เมื่อกี้พวกเรายังจะไล่พวกเขาออกไปอยู่เลย ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเป็นดาวเด่นในพิธีเปิดนี่ล่ะ แข็งแกร่งกว่าพวกเราที่ได้รับแค่บทเล็กๆอย่างมาก”
……
สีหน้าของเถียนซิงหมองหม่น ตอนนี้พวกเขานับตัวเองเข้าไปแล้ว กำลังบอกว่าเธอเทียบกับฝู้โยวและฉินหลั่งไม่ได้เลย ในใจของเธอ ฉินหลั่งกับฝู้โยวก็เป็นแค่พวกขี้แพ้ทั้งสองคนเท่านั้น เธอเหยียบพวกนั้นไว้ใต้เท้าอย่างมั่นคงมาโดยตลอด ตอนนี้ไม่รู้ว่าในใจของเธอรู้สึกทุกข์ใจแค่ไหน
“ก็แค่แปลภาษาให้ประมุขประเทศเล็กๆเองไม่ใช่เหรอ? มีอะไรเก่งกาจนักหนากัน!” เถียนซิงบ่นพึมพำ
พอพูดออกไป แม้แต่ตัวเธอเองยังรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองนั้นมันน่าขำสิ้นดี ต่อให้ประเทศเขาจะเล็ก แต่ว่าเขาก็ยังเป็นผู้นำระดับสูงสุด มาที่ประเทศจีนเพื่อรับการปฏิบัติในฐานะแขกของรัฐ แถมยังได้นั่งอยู่ตรงกลางที่สุดของแท่นปราศรัย “ประธานกีฬาโอลิมปิกเอเชีย”คนอื่นๆ “กรมการเลขานุการมณฑลเจ้อเจียง” ”ผอ. สำนักกีฬา”ก็ยังได้แต่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อเสริมให้เขาเด่นเท่านั้น ได้มาทำหน้าที่เป็นล่ามให้คนที่สูงศักดิ์ขนาดนี้ ยังเก่งกาจไม่พออีกเหรอ?
ตอนนี้เอง ภาพในไลฟ์สด ฉินหลั่งกับฝู้โยวก็ได้แปลคำปราศรัยของกษัตริย์บรูไนจบเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เห็นว่ากษัตริย์บรูไนได้พูดคุยกับผู้นำประเทศของเรา ยกนิ้วให้ เหมือนกับว่ากำลังชมว่าฉินหลั่งแปลได้ดีมาก ผู้นำของประเทศก็ยิ้มอย่างร่าเริง ทันใดนั้นก็ยื่นมือไปทางฉินหลั่ง แล้วก็จับมือกับเขา เหมือนกับว่ากำลังเอ่ยปากชมฉินหลั่งอยู่ แล้วก็ปล่อยมือ แล้วตอนนี้กล้องก็ตัดไป
ครั้งนี้ผู้คนในห้องโถงประหลาดใจมากกว่าครั้งที่แล้วอีก
“เยสเข้ ผู้นำเราจับมือกับไอ้เด็กนั่นด้วย”
“ผู้นำเลยนะ ที่รักของฉัน! ถ้าเกิดว่าฉันได้เห็นผู้นำในระยะใกล้ชิดขนาดนั้น ฉันก็คงรู้สึกเป็นเกียรติมากเหมือนกัน แต่ว่านี่เขาได้จับมือกับท่านเลย”
“เด็กคนนี้กำลังจะได้รับการพัฒนาแล้ว คนที่ท่านผู้นำจับมือด้วย ถือว่าสุดยอดมากแล้ว!”
……
เถียนซิงยังคงนั่งอึ้งอยู่ที่เดิม ก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกว่า ต่อให้ฉินหลั่งไปแปลงานเปิดพิธีจริงๆ ก็ยังถือว่าแค่ดีกว่าตัวเองนิดหน่อย แต่ว่าตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว เขาคือคนที่ท่านผู้นำยืนยันนะ! เรื่องนี้ไม่รู้ว่าทิ้งห่างเถียนซิงไปกี่บล็อกถนนแล้ว
ฉินหลั่ง ฝู้โยว และหลินจูถูกพนักงานพาลงจากเวทีมา แล้วก็มาที่ห้องทำงานของผู้กำกับ
หัวหน้าผู้กำกับและทีมงานมากกว่า 20 คนยืนอยู่ในสำนักงานพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา ปรบมืออย่างกระตือรือร้น หัวหน้าผู้กำกับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉินหลั่ง แล้วก็จับมือกับฉินหลั่งด้วยตัวเอง “ขอบคุณพวกเธอด้วยนะ ถ้าเกิดว่าไม่มีพวกเธอ ไลฟ์สดในครั้งนี้ต้องเป็นหายนะแน่นอน! ท่านผู้นำก็ยังยืนยันการทำงานของพวกเธอ นี่ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุดเลยนะ!”
“ผู้กำกับคุณก็เกรงใจเกินไปแล้วครับ…”ฉินหลั่งมองไปที่หลินจู “วันนี้เธอคือคนที่ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว”
“ใช่ค่ะ ผู้กำกับ หนูต่างหากที่เป็นคนแปลนะ คุณต้องรู้สึกขอบคุณหนูสิถึงจะถูก!” หลินจูผลักฉินหลั่งออกไป แล้วก็มายืนอยู่ตรงหน้าผู้กำกับพร้อมกับพูดว่า “คืองี้ค่ะ หนูเองก็ไม่ได้ต้องการให้คุณมาขอบคุณอะไรหนูหรอก แต่ว่าด้านนอกหนูมีรถขายอาหารอยู่ คุณไปอุดหนุนบ่อยๆก็พอแล้วค่ะ”
“แน่นอนเลย แน่นอน” ผู้กำกับเอาแต่ตอบรับ แล้วก็หันไปพูดกับพวกลูกน้องของเขาว่า “หลังจากจบงานพิธีเปิดแล้ว ทุกคนไปซื้อของที่รถอาหารของคุณหลินให้หมด!”
“ครับ!” คนอื่นๆพูดออกมาพร้อมกัน หลินจูก็หัวเราะคิกคัก “นี่ค่อยดีหน่อยค่ะ”
ผู้กำกับอยากให้พวกฉินหลั่งอยู่ต่อ บอกว่าหลังจากจบพิธีแล้วจะเลี้ยงข้าวพวกเขา แต่ว่าฉินหลั่งก็ออกปากปฏิเสธอย่างสุภาพ หลังจากบอกลาพวกผู้กำกับแล้ว พวกฉินหลั่งก็เดินออกมาจากห้องทำงาน
“แย่ละ กระเป๋าฉันหล่นอยู่ที่ห้องโถงสำหรับพักผ่อน” พวกฉินหลั่งอยากจะออกไปจากสนามกีฬาเลย แต่ว่าทันใดนั้นฝู้โยวก็พูดขึ้นมา
“ไป เดี๋ยวฉันไปเอาเป็นเพื่อนเธอเอง” ฉินหลั่งพูด
พอพูดจบ พวกฉินหลั่งก็เดินไปที่ห้องโถงสำหรับพักผ่อน ฉินหลั่งให้ฝู้โยวกับหลินจูยืนรออยู่ที่หน้าประตู “พวกเธอไม่ต้องเข้าไปหรอก อย่าให้โดนคนพวกนั้นรุมไว้ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปคนเดียว ต่อให้พวกนั้นจะรุมฉัน แต่ฉันมั่นใจว่าฉันจะสามารถสู้ได้ก่อนแน่นอน”
พอพูดจบ ฉินหลั่งก็เปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไปในห้องโถง
คนในห้องโถงมองมาที่ฉินหลั่ง แล้วก็ลุกขึ้นยืนทีละคน มองฉินหลั่งแล้ว ก็อดนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ ภาพเหตุการณ์ที่พวกเขาจะไล่ฉินหลั่งออกมาจากห้องโถง อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เขากลับมาทำไมกัน? ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาด่าเขา แถมยังจะไล่เขาออกไป ตอนนี้เขาจะมาแก้แค้นงั้นเหรอ?
ฉินหลั่งในตอนนี้ไม่ใช่ฉินหลั่งคนเดียวกับเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วแล้ว เขาคือคนที่ท่านผู้นำยกย่องนะ! สถานะของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว! ถ้ากล้าขับไล่ฉินหลั่ง มันก็หมายความว่าจะต่อต้านท่านผู้นำไม่ใช่เหรอ?
“พวกนายยังคงอยากไล่ฉันออกไปอยู่ใช่ไหม?” ฉินหลั่งเห็นว่าคนในห้องโถงนั้นมองมาที่ตัวเอง ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันก็แค่มาเอากระเป๋าของเพื่อนฉันเท่านั้น เดี๋ยวหยิบเสร็จก็จะออกไปแล้ว ถ้าเกิดว่าพวกนายยังต้องการใช้ความรุนแรงล่ะก็ ก็เข้ามาเลยเถอะ”
เขามาเอากระเป๋า ไม่ได้มาเพื่อลงโทษอะไร!
ทุกคนถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกในใจ คนที่อยู่ใกล้ฉินหลั่งที่สุดนั้นรีบพูดว่า “ไม่ คุณฉิน คุณเข้าใจผิดแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราผิดไปเอง เชิญคุณเข้ามาได้เลย”
“ใช่ กระเป๋าของคุณคืออันไหนเหรอ เดี๋ยวผมช่วยหยิบให้”
“รีบเข้ามาเถอะ ฉันก็นึกว่าคุณพาพวกมาด้วย”
……
ฉินหลั่งอึ้งไป นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไม่เจอกันแค่หนึ่งชั่วโมง ทำไมท่าทางของคนกลุ่มนี้ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้?
ฝู้โยวกับหลินจูเป็นห่วงฉินหลั่ง ก็ผลักประตูให้เปิดออกแล้วก็มองเข้าไป เมื่อเห็นท่าทีของทุกคนที่เปลี่ยนไป180° ก็รู้สึกตกใจ หลินจูมองไปรอบๆ แล้วก็หัวเราะคิกคัก “คนพวกนี้ต้องเห็นว่าฉินหลั่งจับมือกับท่านผู้นำแน่ๆ ตอนนี้ก็เลยกลัวฉินหลั่ง ฝู้โยว ตอนนี้พวกเราไม่ต้องกลัวแล้ว ต่อให้คนพวกนี้ยืมความกล้าไปอีก พวกนั้นก็ไม่กล้าแตะต้องพวกเราหรอก!”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลินจูก็ดึงมือฝู้โยว เปิดประตูเข้าไป แล้วก็เดินไปหยุดอยู่ข้างๆฉินหลั่ง
“พวกเธอ……”ฉินหลั่งพูด
หลินจูพูดเสียงเบา “ไม่เป็นไรหรอก” แล้วก็ฉีกยิ้มอีกครั้ง มองไปที่คนอื่นๆแล้วก็ยิ้มเยาะเย้ย “ก่อนหน้านี้พวกเธออยากจะไล่พวกเราออกไปไม่ใช่เหรอ? แล้วตอนนี้ทำไมถึงไม่ลงมือซะล่ะ? รีบมาไล่พวกเราสิ! จะได้รับเงินไป!”
คนอื่นๆกลัวว่าฉินหลั่งจะมาถามหาความรับผิดชอบจากพวกเขา ดูจากสถานะของฉินหลั่งในตอนนี้แล้ว สามารถรายงานต่อคณะกรรมการหลักได้เลย ตอนนี้ทำได้แค่พยายามเอาใจฉินหลั่งและทำให้ความโกรธของพวกเขาสงบลง
“ไม่กล้า ไม่กล้าแล้ว ก่อนหน้านี้สนิมขึ้นหัวสมองพวกเรา!”
“คุณฉิน ก่อนหน้านี้พวกเราผิดไปแล้ว คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่มาคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราหรอกเนอะ”
“พวกเราไปมีอำนาจอะไรที่จะไปไล่คุณได้ ไม่กล้าอีกแล้วล่ะครับ”
……
“เหอะ” หลินจูหัวเราะเยาะเย้ย “พวกนายเปลี่ยนหน้ากันไวมากเลยนะ แค่แบบนี้ก็คิดว่าพวกเราจะให้อภัยพวกนายกันแล้วเหรอ?”
หลินจูพูดกับฉินหลั่งว่า “ฉินหลั่ง เมื่อกี้ตอนที่ท่านผู้นำจับมือกับนาย ท่านบอกนายไม่ใช่เหรอว่า ‘ถ้าเกิดว่ามีเรื่องลำบากอะไรก็บอกได้เลย’?
ฉินหลั่งงง เขาจำได้ว่าท่านผู้นำบอกเขาว่า “ทำได้ดี” แค่นั้นเอง เขาพูดแบบที่หลินจูพูดเมื่อไหร่กัน? แต่ว่าเห็นหลินจูขยิบตาให้เขา ฉินหลั่งก็เลยพยักหน้าแล้วตอบว่าอืม
หลินจูมองไปที่ทุกคน แล้วก็ยิ้มอย่างสบายๆ “พวกนายได้ยินแล้วใช่ไหม นี่คือสิ่งที่ท่านผู้นำพูดออกมาแล้ว ถ้าเกิดว่าฉินหลั่งพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า ‘ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ห้องโถงสำหรับพักผ่อนนั้น มีคนกลุ่มหนึ่งอยากไล่พวกเราออกมา แถมยังพูดจาทำให้ผมอับอาย’ พวกนายลองคิดดูว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง!”
คำพูดของหลินจูทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว
นี่คือคำที่ท่านผู้นำรับปากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่คนไหนก็ต้องเห็นแก่หน้าของฉินหลั่ง ถ้าเกิดว่ามาตรวจสอบตัวเอง เงินค่าปรับ ถูกควบคุมตัว หรือการวิจารณ์ในผลการศึกษาก็ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ว่าถ้าเกิดว่าเขียนในโปรไฟล์ของตัวเองว่ามีลงโทษเกี่ยวกับท่านผู้นำล่ะก็ ไม่เพียงแค่อนาคตของตัวเองเท่านั้นที่พังพินาศ มันอาจส่งผลต่ออนาคตของทั้งครอบครัวด้วยซ้ำ ต้องรู้ไว้ว่า การทำผิดกับท่านผู้นำแบบนี้ มันเป็นคราบที่ครอบครัวไม่สามารถลบล้างได้ ไม่อนุญาตให้เข้าร่วมพรรคการเมือง ไม่ว่าจะขยันหรือพยายามแค่ไหน ทั้งครอบครัวก็จะได้อยู่ชั้นที่ต่ำสุดของสังคม ไม่มีวันที่จะพลิกขึ้นมาได้
“ทุกคนคุกเข่าเดี๋ยวนี้!” ทันใดนั้น หลินจูก็ตะคอกออกมาด้วยความโกรธ
ทุกคนรู้สึกกังวล ไม่รู้ว่าฉันเสียใจกับการกระทำครั้งก่อนมากแค่ไหน และก็ไม่รู้ว่าจะสามารถชดใช้ความผิดของตัวเองได้ยังไง ตอนที่กำลังรู้สึกสูญเสียและไร้ทางช่วยแล้วนั้น พอได้ยินหลินจูตะคอกออกมาแบบนั้น ก็ใจสั่นทันที ไม่รู้ว่าขาทั้งสองมันเป็นไปเอง หรือเพราะว่ากลัว ก็เลยอ่อนเหมือนเต้าหู้ คนส่วนใหญ่คุกเข่าลงบนพื้นในทันที
คนที่เหลือพอเห็นคนอื่นคุกเข่าลง ก็คุกเข่าตามทันที แต่ว่ายังมีอีกสองคนที่ไม่ยอมคุกเข่า นั่นก็คือเถียนซิงกับหม่าหยาง พวกเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ มองคนที่อยู่ในห้องโถง สีหน้าดูตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะดี

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset