รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 216 ผู้มากฝีมือตัวจริง

บทที่ 216 ผู้มากฝีมือตัวจริง
ในเวลานี้เองฉินหลั่งเริ่มขี้ขลาดขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อได้ยินเสียงนี้ดังขึ้นในช่วงวินาทีนี้ ในใจของเขา มันเป็นเสียงดั่งเทวดา เขาไม่มีการลังเลโดยสักนิด พลันในหัวสมองก็จดจำท่าทางกวาดเท้าแบบ “ไซโคลน” ขึ้นมาได้
เขาย่อตัวลง พร้อมทั้งยื่นขาขวาออกไปแล้วจากนั้นก็กวาดเท้าของทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าสุด นักเลงสองคนที่โดนกวาดขาจนล้มหัวทิ่มคะมำไปกองกับพื้น แต่ฉินหลั่งไม่ได้ฝึกท่ากังฟูนี้มาหลายปี เมื่อขาเขากวาดไปที่ไอ้นักเลงคนที่สาม ทว่าผลลัพธ์ไม่ได้เหมือนคนก่อนที่ถูกโดนกวาดขาไปด้วย
“ไอ้ขี้แพ้! กูจะแทงมึง!” ไอ้นักเลงแทงมีดมาทางศีรษะของฉินหลั่ง ฉินหลั่งใจเบาหวิว เพราะรู้สึกว่าคงเอาชีวิตมาทั้งไว้ตรงนี้แล้ว
สายตาของฉินหลั่งเหล่ตามองหญิงงามชุดสีขาวที่อยู่ด้านข้าง ชายแขนเสื้อชุดโบราณขยับเขยื้อนเล็กน้อย จากนั้นก็มีเสียงนักเลงคนที่ถือมีดสั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมา “ไอ้หยา” มีดสั้น มี “เคร้ง” เสียงดังกระทบพื้น ฉินหลั่งใช้โอกาสนี้ รีบลุกขึ้นจากพื้นทันที
“ร้อยก้าวชนใบวิลโลว์ จ้องมองไปที่ตำแหน่งหัวใจของคนคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า ขาขวาย่อลง ขาซ้ายก้าวย่าง หมัดต่อยไปด้านข้างแนวทแยงมุม งอแขนเล็กน้อย กำปั้นเอียงลง น้ำหนักหมัดเทไปด้านหน้า” เสียงอันลึกลับเสียงนั้นเริ่มพูดอีกครั้ง
ราวกับเธอมองเห็นว่าฉินหลั่งไม่ค่อยถนัดกับท่านี้สักเท่าไหร่ ดังนั้นเลยเอ่ยชื่อท่า จุดสำคัญ พร้อมทั้งการออกหมัดพูดออกมาทั้งหมด ถึงแม้ว่าเนื้อหาจะมากมาย ทว่าเสียงคำพูดของเธอนั้นรวดเร็ว แต่เน้นย้ำได้อย่างฟังชัดมาก ฉินหลั่งจดจำได้ในทันที
ทำตามที่เธอพูดว่า “ร้อยก้าวชนใบวิลโลว์” แล้วชกออกไป มันชนตรงกลางหน้าอกของคนคนนั้นพอดี คนคนนั้นเหมือนขาดหายใจไปชั่วขณะ พลันส่งเสียงฮึมฮัม จากนั้นก็หงายท้องล้มไปทางด้านหลัง
เสียงบุคคลลึกลับนั้นยังคงชี้แนะฉินหลั่งอยู่ตลอดเวลา
“นกนางแอ่นเข้ารัง ย่อขาลง ลำตัวทิ้งน้ำหนักไปด้านหลัง ข้อพับทั้งสองข้างตั้งท่าไว้ให้มั่น เรียกพลังมาให้หมด เอาไปไว้ตรงข้อศอก จัดการลงมือสองคนที่เข้ามาทำร้ายที่อยู่ด้านหลัง”
“ท่าเสือลงดอย ร่างกายปล่อยวาง ขาขวางอลง ขาซ้ายเหยียดตรง เตะไปทางด้านข้างหน้าอกของข้างขวาคนที่อยู่ด้านหน้า คนคนนั้นลงมือให้ไว ขาซ้ายเหยียดตรงให้สุดเท้า แรงลงให้สุดและเต็มแรง….”
……
ข้อศอกของฉินหลั่งกระทุ้งเข้าบริเวณช่องท้องของนักเลงคนสุดท้ายนั่น นักเลงคนนั้นกรีดร้องทันที จากนั้นก็ล้มไปกองกับพื้น ฉินหลั่งยังได้ยินเสียงอันลึกลับนั่นคอยชี้แนะให้ คนคนเดียวแต่กลับต่อยนักเลงที่ตัวใหญ่ร่างกายกำยำสิบกว่าคนลงไปกองกับพื้นพร้อมทั้งร้องโอดโอยกันจ้าละหวั่น ตอนนี้เหลือแค่เฝิงหรุงคนเดียว
“ไอ้พวกไร้ค่า! ขนาดไอ้ขี้แพ้คนเดียวยังไม่ชนะ! ไสหัวไปซะ ลูกน้องกูเฝิงหรุง ไม่มีลูกน้องที่ไร้ค่าอย่างพวกมึง!” เฝิงหรุงโมโหเดือดดาล
เขาเห็นกับตาว่าฉินหลั่งใช้เทคนิคการต่อยแบบฉางเฉวียน ทุกท่วงท่าต่างทำได้อย่างพลิ้วไม่มีที่ติ มันก็แค่พอดีเท่านั้นเอง แต่กลับล้มลูกน้องของเขาได้ทุกคน ทว่าเขาไม่รู้ว่าภายใต้คำชี้แนะฉินหลั่งของบุคคลอันลึกลับนั่น จึงทำให้เขาถึงได้เก่งกาจถึงเพียงนี้
เฝิงหรุงลุกขึ้นยืน จากนั้นก็มองฉินหลั่งอย่างเย็นชา “ไอ้ขี้แพ้ อย่าได้คิดว่าล้มไอ้พวกเสียข้าวสุกนี้ได้แล้วจะถือว่าเก่งเลย พวกมันเป็นลูกน้องของกูที่ฝีมือแย่ที่สุดแล้ว! ดูสิว่าคนอย่างมึงจะต่อยชนะกูมั้ย!”
พูดไป เฝิงหรุงก็เดินอาดๆ เข้ามาทางฉินหลั่ง ตอนที่เดินผ่านลูกน้องเขาที่นอนกองอยู่กับพื้น เฝิงหรุงแทบไม่มีน้ำใจแถมยังเอาเท้าของตนเองเตะไปที่บริเวณท้องของพวกเขาด้วย มีลูกน้องอยู่สองคนที่เจ็บจนเป็นลมไปทันที
ฉินหลั่งต่อยชนะนักเลงสิบกว่าคน ในสภาพเหงื่อไหลไคลย้อยไปทั่วตัว แต่ว่ายังมีกำลังใจดีอยู่ ตอนที่เขาตั้งท่ารออยู่นั้น ในใจเอาแต่คิดว่าภายใต้การชี้แนะจากเสียงบุคคลอันลึกลับนั่น ตนเองคงไม่อาจจะสู้เฝิงหรุงชนะได้
“มึงได้หน้าแล้ว ไอ้โง่เซ่อซ่าอย่างมึงยังกล้ามาแตะต้องกู ฝันไปเถอะ!” เฝิงหรุงระเบิดอารมณ์ตะคอกใส่ พร้อมทั้งหมัดที่พุ่งมาทางฉินหลั่ง
พลันได้ยินเสียงบุคคลอันลึกลับนั่นอีก “ท่าหันมองพระจันทร์ ย่อตัวลง เมื่อมือเตะถึงพื้นแล้ว เท้าซ้ายก็ก้าวไปทางข้างหน้าพร้อมทั้งตั้งฉากขึ้น เมื่อกางเกงของอีกฝ่ายมาถึงตัว….”
“ห๊ะ…” ฉินหลั่งตะลึง เขาจำได้ดีว่าท่าหันมองพระจันทร์นั้นยังมากลยุทธ์แบบนี้ด้วย ทันใดนั้นพลันรู้สึกได้ว่าไม่ได้ทำท่าอื่นใด เขาจะไปรู้ได้ยังไง เสียงลึกลับที่พูดว่าท่า “หันมองพระจันทร์” จะมีท่าที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ด้วย
ท่ามกลางความสงสัยอยู่นั้น ฉินหลั่งก็ถูกเฝิงหรุงชกตรงกลางหน้าอก มันทำให้บริเวณหัวใจเจ็บปวดอย่างหนักหน่วง เหมือนกระดูกจะหักจากกัน พร้อมทั้งหายใจติดขัด จนก้นนั่งกองอยู่ที่พื้น
“ฮ่า ฮ่า! ไอ้กระจอก มึงเห็นหรือยัง กูแค่ใช้ท่าเดียวก็สามารถจัดการกับมึงได้ มึงคิดว่ากูเป็นใคร?” เฝิงหรุงพูดอย่างพออกพอใจเป็นอย่างมาก
นักเลงคนอื่นๆ ที่ถูกฉินหลั่งชกต่อยที่กองอยู่กับพื้นนั้น มีหลายคนที่เจ็บปวดจนไม่มีแรงตะโกน ในเวลานี้เริ่มพูดยกยอเฝิงหรุงทันที “ท่านเฝิงสุดยอด!” “ไอ้ลูกหมานี้มันยังกล้าทำตัวเสมอท่านเฝิง น่าตลกฉิบหาย!” “ท่านเฝิง ฆ่าไอ้เวรนี่ซะ! …”
หลงเย้นเห็นว่าฉินหลั่งถูกต่อยจนมากองอยู่ที่พื้น เลยรีบวิ่งมาอยู่ด้านข้างฉินหลั่ง พร้อมทั้งพูดด้วยความรีบร้อน “นายเป็นไงบ้าง?” เมื่อได้ยินคนพูดให้เฝิงหรุงฆ่าฉินหลั่ง เธอลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ใช้กางแขนทั้งสองข้างออกแล้วมายืนขวางด้านหน้าฉินหลั่ง พร้อมทั้งพูดและมองมาทางเฝิงหรุงอย่างเดือดดาล “แกแตะต้องเขาไม่ได้”
เฝิงหรุงชูมีดสั้นขึ้น พร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชา “คุณหลง ไอ้เวรนี่มันทำร้ายลูกน้องของฉันไปตั้งเยอะ ฉันไม่ฆ่ามัน แล้วจะเรียกว่าพี่ใหญ่ของพวกมันได้ยังไง ฉะนั้นขอโทษแล้วกัน”
หลงเย้นมองมีดสั้นทอประกาย จนตกใจจนสิ้นสติ ทว่าเธอยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหนยังยืนอยู่ด้านหน้าของฉินหลั่งเช่นเดิม นัยน์ตามีแต่ความเศร้าโศก ไม่รู้ว่าหวาดกลัวมีด หรือว่าหวาดกลัวที่ฉินหลั่งจะถูกฆ่ากันแน่ ดวงตากะพริบไปมา พลันพูดกับเฝิงหรุงทันที “แกฆ่าเขาไม่ได้…”
เฝิงหรุงเดินมาถึงด้านหน้าของหลงเย้นแล้ว จากนั้นก็ดึงตัวเธอเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น “แกอยากจะฆ่าคนที่นี่ แกถามฉันสักคำหรือยัง!”
เสียงนี้มันทั้งอ่อนโยนทั้งมีเสน่ห์ น้ำเสียงมีทั้งความโมโหอยู่เจ็ดเปอร์เซ็นต์ ความเคร่งครัดอยู่สองเปอร์เซ็นต์ อีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือน่าหลงใหล ทำให้คนที่ไม่เห็นคนที่กำลังพูด ย่อมรู้ว่าต้องเป็นผู้หญิงที่สวยสดงดงามมากแน่ๆ ถึงแม้ว่าเป็นการต่อว่าก็ตาม แต่ว่าในใจก็รู้สึกแยกออกได้เป็นสองอย่างคือความสบายใจและทำให้คนตั้งตารอคอย
คนที่พูดคือหญิงงามที่ใส่ชุดสีขาว
เฝิงหรุงหันตัวกลับมา จากนั้นก็มองไปทางหญิงงามชุดขาว ความจริงแล้วตอนที่เขาเดินเข้ามานั้นก็เห็นหญิงงามชุดขาวนั้นเป็นสิ่งแรก พร้อมทั้งตัดสินใจแล้วว่า จะให้ลูกน้องของเขาจัดการลักพาตัวหญิงงามชุดสีขาวไปด้วย รอให้เขาจัดการเรื่องของหลงเย้นให้เสร็จซะก่อน จากนั้นก็อยู่ในห้องที่โรงแรม จัดหนักให้หญิงงามชุดสีขาวสักยก
เฝิงหรุงยิ้มให้ “คนสวย เสียงของคุณไพเราะเสนะหูจริงๆ ทำไมถึงต้องเอาผ้ามาปิดหน้าด้วย ถอดออกให้ฉันเห็นได้ไหม?”
หญิงงามชุดขาวยิ้มตอบ “เสียงฉันก็ไพเราะถึงเพียงนี้ เลยทำให้ร่างกายฉันไม่สวยหรอกเหรอ?”
“สวยสิ! สวยมากเลยแหละ ขนาดฟ่านปิงปิงก็ยังไม่สามารถสู้คุณได้เลย!” เฝิงหรุงพูดเหมือนหมาปั๊ก “รูปร่างของคุณคงสง่างามมาก ถอดให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?”
หญิงงามชุดสีขาวมองมาทางเฝิงหรุง นัยน์ตามีรอยยิ้มแห่งความสุข พลันเอ่ยว่า “สภาพของแกตอนนี้เหมือนหมาตัวหนึ่ง! แกอยากจะเห็นฉัน งั้นได้สิ แต่ว่าฉันจะบอกก่อน จะดูฉันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ฉันต้องการนิ้วของแกหนึ่งนิ้ว!”
เฝิงหรุงถูกหญิงงามชุดสีขาวด่าว่าเป็น “หมา” แถมยังไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ ในทางกลับกันเขายังรู้สึกว่าโชคดีด้วยซ้ำ บรรดาลูกน้องที่อยู่รายล้อมต่างอิจฉาเฝิงหรุงกันยกใหญ่ การที่ได้คุยกับคนสวยแบบนี้ แถมยังทำให้ยิ้มได้ ในใจของพวกเขามีแค่ความคิดเดียวก็คือ ถ้าหญิงงามชุดขาวแบบท่านเทพเซียนสามารถคุยกับตนเองสักประโยค ไม่ว่าจะถูกเธอด่าว่าเป็นหมา ถ้าให้เป็นหมาจริงๆ แล้วไปเลียรองเท้าให้เธอ พวกเขาก็ยินดีทำเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง
“ได้ ฉันเป็นหมา ตอนนี้ให้ไอ้หมาตัวนี้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าของดูสักหน่อยได้ไหม?” เฝิงหรุงพูด
“แกจะมาดูก็มา อย่าพูดให้เปลืองน้ำลาย” หญิงงามชุดขาวพูดตามปกติ
“ได้ น้องหมามาแล้ว!” เฝิงหรุงพูดพร้อมทั้งเดินเข้ามาหาหญิงงามชุดขาว สายตาของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จับจ้องไปที่ใบหน้าของหญิงงามชุดขาว ในใจมีแต่ความอิจฉาเฝิงหรุงเจียนตาย
เฝิงหรุงเดินมาทางด้านข้างของหญิงงามชุดขาว พลันได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาจากกายเธอจนทำให้เฝิงหรุงสติเลื่อนลอย เขาค่อยๆ ย่อตัวลง เขาก็เป็นตัวพ่อที่คร่ำหวอดในเรื่องแนวนอนพรรค์นี้อยู่แล้ว ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงงามชุดขาวแล้ว ก็เหมือนกับผู้ชายที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่ประสีประสา หัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ
ส่วนหญิงงามชุดขาวแต่ยังนิ่งสงบมากทีเดียว เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบเสงี่ยม รอจนเฝิงหรุงช้อนผ้าคลุมหน้าขึ้นมา
มือเฝิงหรุงที่จับปลายผ้าคลุมหน้าของหญิงงามชุดขาว ค่อยๆ ถลกขึ้นทีละช้าๆ ดวงตาของเขาเบิกโต ใจเต้นโครมคราม ไม่คิดเลยว่า บนโลกใบนี้จะมีผู้หญิงที่สวยมากขนาดนี้
“ฉันหน้าตาเป็นยังไง?” หญิงงามชุดขาวยิ้มถาม
“สวยมาก เอาฟ่านปิงปิงมาเทียบกับคุณก็เป็นขยะไปเลย! ฉัน…” หัวใจของเฝิงหรุงเริ่มยุกยิกไปมา เขาเขยิบไปทางใบหน้า เพื่อเตรียมตัวจะจูบใบหน้าของหญิงงามชุดขาวนั่น
ฉับพลันเก้าอี้ของหญิงงามชุดขาวก็เอนไปด้านหลัง ทว่ามันห่างไปจากเฝิงหรุงสองเมตร!
“เกิดอะไรขึ้น” เฝิงหรุงทำหน้าตาตื่น ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
คนอื่นๆ ต่างเห็นว่าเก้าอี้ของหญิงงามชุดขาวนั้นลอยไปทางด้านหลัง จนทำให้ชายเสื้อของเธอพลิ้วไสวไปมา ราวกับเทพเซียน ก็ไม่รู้สึกว่าผิดแปลกอะไร
“แกดูใบหน้าของฉันแล้ว ตอนนี้ฉันก็สามารถหั่นนิ้วของแกได้แล้ว” หญิงงามชุดขาวยิ้มแล้วพูดขึ้น
“คนสวย ต่อไปฉันจะสร้างบทรักครั้งแล้วครั้งเล่ากับคุณบนเตียงนะ คุณจะตัดนิ้วของคนรักของคุณได้ยังไงกัน?” เฝิงหรุงยิ้มตอบ
“ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม งั้นก็จะตัดนิ้วเพิ่มอีกนิ้ว!”
หญิงงามชุดขาวพูดจบ พลันกางแขนชุดโบราณออก ตรงช่วงเอวของเธอมีเส้นผ้าไหมสีขาวอยู่ ราวกับงูที่มีชีวิตลื่นลงพื้นเช่นนั้น พร้อมทั้งมีดสั้นตกลงบนพื้น จากนั้นก็สะบัดขึ้นอย่างรวดเร็ว พลันม้วนตัวไปที่มือของเฝิงหรุงทันที
ได้ยินเสียงเฝิงหรุงกรีดร้องอย่างทรมาน “โอ๊ย โอ๊ย” เส้นผ้าไหมสีขาวก็กลับไปอยู่ในมือของหญิงงามชุดขาวแล้ว พร้อมทั้งเสียง “เคร้ง” ที่ตามมาติดๆ มีดสั้นตกลงพื้น บนมีดสั้นมีเลือดเปรอะเปื้อน ด้านข้างยังมีนิ้วที่ทั้งสั้นทั้งยาวอยู่สองนิ้ว!
เมื่อกลับมามองที่เฝิงหรุง มือขวาของเขานิ้วนางกับนิ้วก้อยหายไปแล้ว
ฉินหลั่งตะลึง พลันฉุกคิดได้ถึงตอนที่เขาต่อสู้กับนักเลงสิบกว่าคนนั้นได้ ก็เห็นว่าชายเสื้อของหญิงงามชุดขาวขยับเพียงเล็กน้อย หรือว่าท่านเทพเซียนที่คอยชี้แนะตนเองนั้นจะเป็นเธอหรือนี่?
เมื่อเห็นแววตาฉินหลั่งตกตะลึง หญิงงามชุดขาวก็ยิ้มให้เล็กน้อย ในใจฉินหลั่งรู้แล้วว่า เสียงอันลึกลับนั่นเป็นของเธอที่พูดออกไป
“อีผู้หญิงสารเลว มึงกล้าตัดนิ้วกู กูจะฆ่ามึง!” เฝิงหรุงโมโหเดือดดาล คิดไม่ถึงเลยว่า หญิงงามชุดขาวเพื่อจะแสดงวิชาให้เห็น ก็ไม่รู้ว่าจะสูงส่งกว่าเขาสักเท่าไหร่ เขาก็เป็นแค่เจ้าพ่อนักเลงอันธพาลของเขตหยูหางเมืองหลินอานเท่านั้น จะต่อสู้ได้อย่างไรกัน ทว่าในเวลานี้เขาถูกความโกรธครอบงำประสาทสมองไปแล้ว เลยหยิบมีดสั้นออกมาพลันแทงไปทางหญิงงามชุดขาว
“ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง! ทำเช่นนี้ งั้นอย่าโทษฉันแล้วกัน!” หญิงงามชุดขาวพูดเสียงแข็ง
เห็นเพียงว่าหญิงงามชุดขาวเอามือเคาะโต๊ะทานข้าว ช้อนตักซุปหนึ่งคันก็กระดกขึ้นมาสิบเซนติเมตรได้ หญิงงามชุดขาวใช้นิ้วเขี่ยบริเวณปลายช้อน ช้อนตักซุปก็กระโจนเข้าหาเฝิงหรุงทันที แล้วก็โดนตรงกลางนิ้วของเฝิงหรุง
มีดสั้นที่อยู่ในมือเฝิงหรุงร่วงหล่นบนพื้น เส้นผ้าไหมสีขาวของหญิงงามชุดขาวเริ่มดึงให้หลุดออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็ม้วนห่อมีดสั้นเอาไว้ มือของเธอเปลี่ยนไป แสงบนมีดสั้นเริ่มกระทบตาอีกครั้ง เสียง “ฉับ” บนพื้นมีร่องรอยเลือดสดๆ ไหลออกมา
“โอ๊ย!” เฝิงหรุงกรีดร้องอย่างทรมานอีกครั้ง พร้อมทั้งเอนล้มไปทางขวา เท้าขวาของเขามันหลุดออกจากขาไปแล้ว เท้าขวาถูกตัดออกเป็นท่อนๆ จนเห็นกระดูกขาวโพลนโผล่ออกมา พร้อมทั้งเลือดที่ไหลนองไปทั่ว

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset