รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 276 คุณออกไปจากสถานีตำรวจได้แล้ว

บทที่ 276 คุณออกไปจากสถานีตำรวจได้แล้ว
“พี่ชาย เกิดอะไรขึ้น”ฟางเจิ้งมองไปทางซ่งอวี่แล้วถามอย่างแปลกใจ พ่อฟางและแม่ฟางก็หันไปมองซ่งอวี่เช่นกัน
“เฉิงเหมิ่งฆ่าคนของฉันไปหมด”ซ่งอวี่ตอบด้วยสีหน้าที่มืดครึ้ม เขาคิดภาพใบหน้าของเฉิงเหมิ่งในหัว อยากจากฆ่ามันเดี๋ยวนี้จนใจจะขาด
“อะไรนะ”
พอได้ยินเช่นนี้ คนทั้งครอบครัวฟางเจิ้งก็สะดุ้งกันหมด ฟางเจิ้งตะโกนอย่างใจหายว่า“พลาดได้ยังไง นายไม่ใช่สั่งลูกน้องไปไล่ฆ่าเขาตั้งหกคนหรือ เมื่อสักครู่ไม่ใช่ขู่ให้เขาอยู่ด้วยแฟนเขาหรือ ทำไมถึงโดนเขาจมตีกลับได้ล่ะ เขายังพูดอะไร……”
“หุบปาก”
ซ่งอวี่พูดพร้อมจองฟางเจิ้งอย่างโมโห อารมณ์ตอนนี้ของเขาแย่มาก แล้วฟางเจิ้งยังพูดข้างเขาไม่หยุดอย่างกับแมลงวัน จึงทำให้เขารู้สึกเครียดและโมโหมากกว่าเดิม
ฟางเจิ้งหุบปากทันที เขาก็รู้สึกถึงตัวเองทำซ่งอวี่โมโห จึงรีบพูดดีกับซ่งอวี่ว่า “พี่ชาย ผมผิดเองที่พูดมาก ถึงครั้งนี้จะจับเฉิงเหมิ่งไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร จัดการคนไร้สมองอย่างเขา พี่ชายมีวิธีเป็นร้อยเป็นพัน จะให้เขาตายก็เป็นแค่เรื่องง่าย ตอนนี้เขาอวดดีขนาดนี้ รอให้เขาตกอยู่ในกำมือพวกเรา เขาก็จะเห็นความโหดของพี่ชาย
สำหรับคำชมของฟางเจิ้ง ซ่งอวี่ไม่ได้ฟังเลยสักประโยค
ในหัวเขายังเต็มไปด้วยคำพูดที่เฉิงเหมิ่งพูดกับเขาในโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงอวดดีเมื่อสักครู่
“นายจำไว้ ข้าจะให้พวกนายชดใช้หนี้นี้แน่ นายเป็นคนตระกูลซ่งแล้วไง ข้าเฉิงเหมิ่งจะให้พวกนายชดใช้อย่างแน่นอน ห้าห้าห้า……”
ซ่งอวี่กำหมัดไว้อย่างแน่น ความรู้สึกในใจเขาไม่สมดุลอย่างยิ่ง
ขณะนี้ในสถานีตำรวจ หวังเฉินได้รับผลการพิสูจน์ร้ายนิ้วมือบนปืนจากแผนกพิสูจน์ ผลพิสูจน์นั้นเป็นอย่างที่ฉินหลั่งเคยกล่าวไว้
บนปืนนั้นมีลายนิ้วมือของฉินหลั่ง ฟางเจิ้งและเฉิงเหมิ่งทั้งสามคน แต่บนไกปืนมีเพียงลายนิ้วมือของฟางเจิ้งและเฉิงเหมิ่งสองคน งั้นก็แสดงว่า ผู้ที่ยิงฟางเจิ้งไม่ใช่ฉินหลั่งอย่างแน่นอน
แต่ตามคำสารภาพของฉินหลั่งก่อนหน้านี้ ฉินหลั่งเป็นผู้ขู่ให้เฉิงเหมิ่งยิงฟางเจิ้ง ดังนั้นฉินหลั่งก็ผิดกฎหมายเช่นกัน
หวังเฉินยังคงปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเป็นกลาง ถึงแม้ในใจเธอก็รู้สึกโกรธและสงสารฟางเจิ้ง ซ่งอวี่สองพี่น้อง ที่โดนฉินหลั่งและต้ายเฉียนโป๋เหยียดหยามหน้าประตูใหญ่ของเขตสมาชิกครอบครัวในมหาวิทยาลัยเย็นจีน
แต่กฎหมายของประเทศนั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ดังนั้นหน้าที่ของเธอที่เป็นตำรวจก็คือรักษาศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไว้อย่างเคร่งครัด
หวังเฉินออกจากห้องพิสูจน์ร้ายนิ้วมือ แล้วเดินไปทางสำนักงาน
“หัวหน้าหวัง พวกเราได้รับแจ้งความจากเฉิงเหมิ่ง ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้อง903เขตสองถนนต้าเจี่ยวถิง” ตำรวจชายคนหนึ่งเดินมารายงานกับหวังเฉินอย่างเร่งรีบ
หวังเฉินได้ยินเช่นนี้ ตื่นตัวทันที
“เฉิงเหมิ่งเป็นผู้แจ้งความ”หวังเฉินรู้สึกไม่น่าเชื่อเหลือเกิน
“ใช่ พอได้รับสายแจ้งความ พวกเราก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน”
ตำรวจชายพูดว่า “เฉิงเหมิ่งพูดแค่เขาอยู่ที่ห้อง903เขตสองถนนต้าเจี่ยวถิงประโยคนี้ ก็วางสายไปเลย หัวหน้าหวัง เขาหลอกเราหรือเปล่า”
“ไม่รู้”หวังเฉินคิดไปสักพักแล้วกล่าวเช่นนี้ และตามด้วยหัดไปมองตำรวจชายคนนั้นแล้วพูดว่า“พวกเราไปตอนนี้เลย”
“ครับ”
ตำรวจชายคนนั้นตอบเช่นนี้ พอพูดจบก็เดินตามหลังหวังเฉินไปทางห้องโถง
หวังเฉินพาลูกน้องสี่คนนั่งรถตำรวจแล้วขับไปทางเขตสองถนนต้าเจี่ยวถิง
พอมาถึงหน้าห้อง903เขตสองถนนต้าเจี่ยวถิง ในใจของหวังเฉินยังมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการแจ้งความของเฉิงเหมิ่ง แวบแรกที่ได้ยิน เธอก็คิดว่าเฉิงเหมิ่งเล่นอะไรอยู่แน่เลย เช่นเดียวกับตำรวจคนอื่น
พวกเขาขยับมาหน้าประตูอย่างช้าๆ กลุ่มหวังเฉินใช้ท่ามือสื่อสารกันที่นี่
หลู่ชงที่เป็นผู้รับผิดชอบบันทึกเสียงคำสารภาพเมื่อสักครู่ เดินมายังหน้าประตูด้วยตนอง เขาจะเป็นคนพุ่งเข้าไปคนแรก หน้าที่ของคนแรกคือถีบประตูให้เปิดออกในครั้งเดียว เพื่อสร้างโอกาสให้เพื่อนในทีมคนอื่นสามารถพุ่งเข้าไปได้ แต่ถ้าผู้ร้ายในห้องคิดไว้แล้วว่าตำรวจจะพุ่งเข้ามา งั้นคนนี้ก็จะอันณตรายอย่างยิ่ง
หวังเฉินยกมือข้างขวาขึ้นมาห้ามหลู่ชงไว้ แล้วใช้สายตาบอกให้หลู่ชงถอยไปข้างหลัง
ถึงแม้หวังเฉินจะเป็นผู้หญิง แต่ตอนนี้ในห้าคนนี้ เธอเป็นหัวหน้าทีม ดังนั้นหน้าที่ที่อันตรายที่สุดควรเป็นเธอที่เป็นผู้ปฏิบัติบัตร
หวังเฉินไม่เคยปัดความรับผิดชอบในวินาทีที่สำคัญเลย
หวังเฉินเดินไปยังหน้าประตูอย่างเบาๆ แล้วทำท่ามือนับถอยหลัง“สาม สอง หนึ่ง”ให้กับเพื่อนในทีมที่อยู่หลังตนเอง
“ปึ้ง”
พอถึงวินาทีที่จบการนับถอยหลัง หวังเฉินก็ใช้เท้าถีบตรงกลอนประตูอย่างรวดเร็ว แล้วประตูนั้นก็โดนถีบออกทันที
หลังจากหวังเฉินถีบประตูออก เธอถือปืนขึ้นมาทันที แล้วใช้สายตาค้นหาบุคคลเป้าหมาย ตำรวจผู้อื่นก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับเธอ
“หยุด”หวังเฉินหาเฉิงเหมิ่งที่เป็นบุคคลเป้าหมายเจออย่างรวดเร็ว ตำรวจผู้อื่นก็นำปืนชี้ไปทางเฉิงเหมิ่งเช่นกัน
แต่หลังจากนั้นกลุ่มหวังเฉินก็ค้นพบว่า ความตื่นเต้นของพวกเขาเป็นเพียงแค่ส่วนเกิน 
เพราะเฉิงเหมิ่งไม่ได้ทำพฤติกรรมใดๆเลย เขาเพียงแค่นั่งอยู่บนพื้นแล้วอุ้มผู้หญิงที่เสียชีวิตแล้วคนหนึ่งในอ้อมกอดเขา เขานั่งอยู่บนพื้นอย่างสงบเหมือนคนชรา 
สภาพในห้องทำกลุ่มหวังเฉินรู้สึกสยองเหลือเกิน บนพื้นห้องนั้นมีศพอยู่ห้าหกศพ แล้วรอบข้างแต่ละศพก็ต่างเต็มไปด้วยเลือด และยังมีอีกคนที่ใบหน้าถูกต่อยจนเป็นหลุม
ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทำตำรวจที่เพิ่งดำรงตำแหน่งคนหนึ่งรู้สึกอยากอ้วกอยู่ตลอด
“กว่าพวกเธอจะมา”เฉิงเหมิ่งได้ค่อยๆมองไปทางหวังเฉิน ตอนนี้เขาเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไม่มีความรู้สึกใดๆเลย เพราะอารมณ์ทั้งหมดของเขาได้จางหายไปพร้อมกับการเสียชีวิตของเสี่ยวติง
“คนทั้งหมดนี้นายเป็นคนฆ่าหรือ”หวังเฉินใช้มือชี้ไปทางเฉิงเหมิ่งแล้วตะโกนถามเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งที่เธอต้องถามตามหน้าที่ของตำรวจ 
“ใช่ ผมเป็นคนฆ่าพวกเขาเอง”เฉิงเหมิ่งไม่มีการปิดปางใดๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญสำรับเขาตอนนี้แล้ว 
“ผมสารภาพ คดียิงปืนที่บ้านฟางเจิ้งเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว ผมก็เป็นคนทำเอง เพราะซ่งอวี่ของตระกูลซ่งในเย็นจีนกับฟางเจิ้งของกรุ๊ปเหว่ยฮุ่ย จ้างให้ผมไปฆ่าร.ป.ภสองคนที่มหาวิทยาลัยเย็นจีน แต่การดำเนินการล้มเหลว พวกเขาจึงโมโหใส่ผม ผมรู้สึกโกรธมากจึงใช้ปืนยิงฟางเจิ้ง ส่วนคนเหล่านี้ เป็นคนที่ซ่งอวี่สั่งให้มาฆ่าผม แล้วพวกเขายังฆ่าแฟนผมเสี่ยวติงอีกด้วย
ที่เฉิงเหมิ่งเรียกตำรวจมา ก็เพื่อพูดสิ่งนี้
ถึงแม้เขาจะโดนประหารชีวิตก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่เขาจะทำตอนนี้คือ ให้ซ่งอวี่และฟางเจิ้งชดใช้สิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้ ในประเทศนี้การจ้างคนไปฆ่าคนอื่นไม่ใช่เรื่องเล็ก ตาม《กฎหมายอาญา》ของจีน สามารถถูกลงโทษให้ประหารชีวิต ซึ่งก็เป็นโทษที่หนักที่สุด
หวังเฉินและคนอื่นๆต่างตกใจกันใหญ่ คาดไม่ถึงว่าเฉิงเหมิ่งจะยอมรับความผิดของตัวเองง่ายขนาดนี้ และยังจะพาลใส่ซ่งอวี่และฟางเจิ้งทั้งสองคนอีกด้วย
“ก่อนหน้านี้สามปี ซ่งอวี่จ้างให้ผมฆ่าไปแล้วแปดคน เวลา สถานที่และเหตุผลของแต่ละคนที่ถูกฆ่า ผมบอกพวกคุณได้หมด”เฉิงเหมิ่งพูดเช่นนี้
พูดถึงสุดท้ายการเสียชีวิตของเสี่ยวติงเป็นเพราะซ่งอวี่ทั้งนั้น สิ่งที่เขาหวังมากที่สุดในตอนนี้ก็คือฆ่าซ่งอวี่เพื่อล้างแค้นให้เสี่ยวติง
กลุ่มหวังเฉินอึ้งกันหมด ถึงให้ตายพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่า คนอย่างซ่งอวี่ของตระกูลซ่งในเย็นจีนยังมีด้านมืดขนาดนี้ เฉิงเหมิ่งจงใจเรียกให้พวกเขามาเพื่อที่จะเปิดเผยด้านมืดของซ่งอวี่นั้นเอง
“ขณะที่อยู่ในบ้านฟางเจิ้ง เป็นร.ป.ภที่ชื่อฉินหลั่งขู่ให้นายยิงหรือเปล่า”หวังเฉินถามต่อ
“ไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เป็นเพียงแค่ผมไม่พอใจพวกเขา จึงชักปืนยิงฟางเจิ้ง”เฉิงเหมิ่งตอบเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าซ่งอวี่อยากฆ่าฉินหลั่งหรือ งั้นเขาจะจงใจทำให้ฉินหลั่งปลอดภัย ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน ขณะนี้ศัตรูของเฉิงเหมิ่งมีเพียงซ่งอวี่กับฟางเจิ้งเท่านั้น
“พาตัวเขาไป”หวังเฉินบอกกับลูกน้องที่อยู่ข้างหลัง
“ครับ”ลูกน้องสองคนตอบเช่นนี้แล้วเดินเข้าไปหาเฉิงเหมิ่ง และมีตำรวจอีกสองคนใช้ปืนชี้เฉิงเหมิ่งไว้
ตำรวจสองคนได้ใส่กุญแจมือให้กับเฉิงเหมิ่ง แล้ววินาทีที่ได้ดึงให้เขาลุกขึ้นมานั้น เฉิงเหมิ่งสลบไปทันที เขาถูกปืนยิงบนตัวห้านัด เมื่อสักครู่สิ่งที่ประคองให้เขามีสติอยู่นั้นคือความศรัทธาของเขา  
“รีบส่งเขาไปโรงพยาบาล”หวังเฉินใช้นิ้วตรวจลมหายใจของเฉิงเหมิ่งที่จมูก แล้วพูดกับตำรวจคนอื่นอย่างนี้
พวกหวังเฉินได้โทรเรียกรถพยาบาล หลังจากที่รถพยาบาลมาถึง หวังเฉินสั่งตำรวจสองคนตามเฉิงเหมิ่งไปโรงพยาบาล ส่วนเธอกับตำรวจอีกสองคนขับรถกลับสถานีตำรวจ
หวังเฉินให้ตำรวจสองคนนั้นไปรายงานกับผู้บัญชาการตำรวจ ส่วนเธอไปที่ห้องขัง พอถึงห้องเล็กๆที่กักตัวฉินหลั่ง 
ขณะที่หวังเฉินมาถึง ฉินหลั่งกำลังนอนอยู่บนเตียงเล็กๆของห้องขัง ในสมองเขาไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย นอกจากคิดว่าถ้าเช้านี้จงยู่ไม่เห็นเขาคงเป็นห่วงมากแน่ๆเลย ควรทำอย่างไรดี
พอได้เสียงเปิดประตูเหล็กของห้องขัง ฉินหลั่งจึงลุกขึ้นมานั่ง
“คุณนี่ดูไม่เครียดเลยนะ”หวังเฉินเดินเข้ามา มองหน้าฉินหลั่งแล้วพูด
“ผมเครียดไปก็ไม่เห็นได้อะไรเลย เอาเวลานั้นไปนอนดีกว่า ที่นี่นอกจากเตียงแข็งไปหน่อย ที่เหลือก็ยังพอใช้ได้”
ฉินหลั่งพูดอย่างลอยๆว่า “ตำรวจหวัง มาหาผมตอนนี้มีเรื่องไรหรือ”
“คุณออกจากที่นี่ได้แล้ว”หวังเฉินพูดเช่นนี้ เฉิงเหมิ่งยอมรับแล้วว่าเหตุการณ์ยิงปืนเป็นพฤติกรรมของเขาคนเดียว ไม่เกี่ยวกับฉินหลั่งเลย ดังนั้นฉินหลั่งจึงไม่มีข้อหาอะไรแล้ว
“จริงสิ เพราะอะไร”ฉินหลั่งดีใจอย่างยิ่ง เขาคิดไม่ออกว่าทำไมภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงสั้นๆ หวังเฉินจะปล่อยเขาออกไป
“พวกเราจับเฉิงเหมิ่งได้แล้ว และเขาก็ได้สารภาพแล้วว่าคุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดียิงปืนในครั้งนี้ ดังนั้นคุณจึงออกไปได้แล้ว”หวังเฉินกล่าวเช่นนี้
“อย่างนี้นี่เอง”หลังฉินหลั่งรับรู้เหตุผลแล้ว เขาก็เดินไปทางประตู
ห้องขังไม่มีไฟ จึงมืดไปทั้งหมด พอฉินหลั่งเดินไปถึงข้างหน้า ไฟของทางเดินถึงส่องบนใบหน้าของฉินหลั่ง
หวังเฉินจึงเห็นใบหน้าอันคมชัดของฉินหลั่ง เขามีริมฝีปากอันบางเฉียบ จมูกที่ต้อง ตาสองข้างที่มืดทึบ บนใบหน้าของเขายังคงเป็นสีหน้าที่นิ่งเฉย
ถึงแม้ชุดที่ฉินหลั่งสวมอยู่นั้นเป็นเพียงร.ป.ภสีเทา แต่รูปร่างที่สูงโปร่งนั้นได้แพร่กลิ่นอายของชายคนนี้ออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
หวังเฉินนึกถึงชั่วโมงที่แล้ว ณ ห้องสืบสวน ฉินหลั่งแย่งจูบแรกของเธอไป สายตาของเธอจึงวูบไหว และบนใบหน้าของเธอก็มีสีหน้าที่เขินอายปรากฏออกมา
“รีบไปเถอะ”พอได้ยินเช่นนี้ หวังเฉินจึงรู้ว่าฉินหลั่งมองออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงจ้องไปทางฉินหลั่งแล้วพูดเช่นนี้อย่างใจร้อน
ฉินหลั่งไม่รู้จะตอบยังไงดี จึงเดินออกไปจากห้องขัง หวังเฉินล็อกประตูแล้วเดินตามหลังฉินหลั่ง เธอมองหลังฉินหลั่งแล้วคิดในใจอย่างหงุดหงิดว่า “นั้นเป็นจูบแรกของฉันนะ นายจะชดใช้ฉันยังไง”
พอมีความคิดนี้โผล่ออกมา หน้าของหวังเฉินก็แดงขึ้นยิ่งกว่าเดิม เธอจึงเขย่าหัวตัวเองเพื่อให้ตัวเองลืมเรื่องนี้ไวๆ
ขณะนี้ฝานเฟิงได้ยินลูกน้องรายงานว่าจับตัวเฉิงเหมิ่งได้แล้ว เขารู้สึกดีใจเหลือเกิน เพราะซ่งอวี่คุณชายซ่งสั่งให้จับพวกเขาทั้งสองคนให้ได้ สุดท้ายเขาก็ทำตามคำสั่งของซ่งอวี่จนสําเร็จ
“พวกนายออกไปก่อน”
ฝานเฟิงพูดกับลูกน้องเช่นนี้ เพราะเขาจะโทรไปรายงานกับซ่งอวี่ตอนนี้เลย แต่ในขณะที่ลูกน้องสองคนเปิดประตูเดินออกไป ฝานเฟิงเห็นจากช่องระหว่างประตู ว่าหวังเฉินกำลังพาชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกไป แล้วชายหนุ่มคนนั้นหน้าตาเหมือนฉินหลั่งที่ซ่งอวี่สั่งให้ใส่ใจเลย ฝานเฟิงเคยเห็นรูปของฉินหลั่งเมื่อสักครู่
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ฝานเฟิงใจร้อนขึ้นมาจึงรีบตะโกนใส่ฉินหลั่งว่า “หยุดเดี๋ยวนี้”
ฝานเฟิงตะโกนพร้อมลุกขึ้นมาทันที แล้วรีบเดินไปทางประตูห้องสำนัก
 
 

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset