รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 303 บีบบังคับ

บทที่ 303 บีบบังคับ
“อาหม่า คุณอย่าทำเกินเหตุไปเลย!” หยูหมิงพูดอย่างโกรธกรุ่น
หม่าฝูหรุ้ยกำลังยุให้คนอื่นหักหลังตระกูลหยูร่วมกับเขา เขาเองก็ตระหนักว่าผู้บริหารระดับสูงเหล่านั้นที่เป็นฝ่ายขอลาออกเองก่อนหน้านี้ เป็นไปได้สูงว่าหม่าฝูหรุ้ยอาจเป็นคนวางแผน!
คุณชายรวยรุ่นที่สองคนอื่นๆ ก็ทนมองต่อไปไม่ไหว พากันตำหนิหม่าฝูหรุ้ย พวกเขาล้วนเป็นชายหนุ่มรุ่นใหม่ไฟรง พูดจาคงไม่อาจไว้หน้า ต่างด่าทอหม่าฝูหรุ้ยว่ากินที่ลับไขที่แจ้ง หมาป่าตาขาว คงไม่ได้ตายดี…
หม่าฝูหรุ้ยทำเหมือนไม่เห็นต่อคำตำหนิของกลุ่มคน ยังคงพูดล็อบบี้ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้มเย็นชา ทำเอาเหล่าคุณชายรวยรุ่นที่สองที่อารมณ์ร้อนปะทุเพลิงโทสะต่างอยากกระโจนไปต่อยเขาสักหมัด
ภายใต้การสนับสนุนอันดังของหม่าฝูหรุ้ย ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ต่างก็ใจเต้น และเริ่มมีคนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน หันไปลาออกกับหยูจื้อ ภายใต้อิทธิพลความคิดมวลชน คนอื่นๆ เกือบจะทั้งหมดล้วนอยากลาออกกันทั้งนั้น
“ประธานหยู ผมไม่ทำงานแล้ว”
“ผมก็ไม่ทำแล้ว! ผมดูแล้วตระกูลหยูไม่สามารถข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปได้หรอก!”
“นั่นสิ ประธานหยู ท่านตายก็อย่าลากพวกเราไปด้วย”
……
เหล่าผู้บริหารระดับต่างแสดงทัศนคติเชิงลบต่อวิกฤตครั้งนี้ของบริษัทหัวเสร์ และจากคำพูดของหม่าฝูหรุ้ย พวกเขายังฟังออกว่าหม่าฝูหรุ้ยได้ปูทางข้างหน้าให้พวกเขาแล้ว ดังนั้นยามนี้ ในใจพวกเขาจึงอยากประจบหม่าฝูหรุ้ยเป็นพิเศษ
เวลาสั้นๆ เพียงสิบกว่านาที ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหัวเสร์แปดสิบเปอร์เซ็นต์ล้วนลาออก สำหรับตระกูลหยูซึ่งตกที่นั่งลำบากแล้วนี่กล่าวได้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด
“ฝูหรุ้ย คนที่อยู่เบื้องหลังนายเป็นใคร คนที่จ้องเล่นงานตระกูลหยูของผมในครั้งนี้เป็นใคร ตอนนี้นายบอกฉันได้แล้วกระมัง” หยูจื้อเอ่ยถาม
เขามองปัญหาในเชิงลึกและแม่นยำ พฤติกรรมของหม่าฝูหรุ้ยดูผิดปกติเกินไปจริงๆ การแสดงออกเช่นนี้ของเขามีเพียงสาเหตุเดียวก็คือเขารู้ว่าคนที่จ้องเล่นงานตระกูลหยูในครั้งนี้ภูมิหลังยิ่งใหญ่มาก ตระกูลหยูแทบไร้ความหวังจะพลิกสถานการณ์ ดังนั้นเขาจึงกล้ายุยงส่งเสริมให้พนักงานลาออกอย่างประเจิดประเจ้อต่อหน้าเขาแบบนี้!
“ที่แท้คุณก็คือไส้ศึกนี่เอง! หม่าฝูหรุ้ย เสียแรงที่พวกเราตระกูลหยูดีกับคุณขนาดนั้น!” หยูหมิงได้ยินที่พ่อพูดก็เข้าใจเลยว่าหม่าฝูหรุ้ยรู้ว่ามือทมิฬเบื้องหลังนั้นเป็นใคร
“ฮ่าๆ ประธานหยู คุณก็ยังฉลาดเหมือนเดิมสินะ ถูกต้อง ผมรู้ว่าใครกำลังเล่นงานครอบครัวคุณอยู่!” หม่าฝูหรุ้ยพูดอย่างลำพอง หน้าที่เขาในยามนี้เสร็จสิ้นบริบูรณ์แล้ว ดังนั้นจะหงายไพ่ใส่หยูจื้อก็คงไม่มีผลกระทบอะไรหรอก!
พอเขายอมรับ เสียงด่าทอของคุณชายรวยรุ่นที่สองรอบด้านก็ดังขึ้น เป็นคำผรุสวาทประเภทสาดเสียเทเสีย มีทั้ง “หมาป่าตาขาว” “หมาทรยศ” “หน้าไม่อาย” ไม่เข้าหูเท่าไร
“พวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างพวกนายมีคุณสมบัติอะไรมาด่าฉัน ฉันเป็นผู้อาวุโสของพวกนายนะ!”
หม่าฝูหรุ้ยโพล่งเสียงใส่เหล่าคุณชายรวยรุ่นที่สอง แล้วกวาดตามองพวกเขารอบๆ พูดพร้อมหัวเราะเสียงเย็นว่า “พวกนายไม่ได้รู้แล้วเหรอว่าใครกำลังจ้องเล่นงานตระกูลหยูอยู่ อันที่จริงพวกนายก็รู้กันหมดแหละ เขาก็เป็นคุณชายใหญ่คนหนึ่งของหลินอานเหมือนกัน!”
คุณชายใหญ่ของหลินอาน?
คุณชายรวยรุ่นที่สองต่างมองหน้าสบสายตากัน นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน คุณชายใหญ่แห่งหลินอานไม่มีใครเป็นอริกับตระกูลหยู
“ถุ้ย! คุณชายใหญ่แห่งหลินอานก็ยืนอยู่ที่นี่กันหมด พวกเราต่างก็มาที่นี่เพื่อสนับสนุนคุณชายหยูกันทั้งนั้น…” ซุนเจี้ยนคุณชายรวยรุ่นที่สองโพล่งคำหยาบใส่หม่าฝูหรุ้ย
“เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมไม่เห็นคุณชายฉาว คุณชายฉาวอยู่ไหน” ในหมู่คุณชายรวยรุ่นที่สอง จู่ๆ ก็มีคนสังเกตว่าฉาวหนิงจากตระกูลฉาวไม่ได้อยู่ที่นี่ ทุกคนต่างมองกันและกัน ไม่เห็นเงาของฉาวหนิงจริงๆ ด้วย
ในใจหยูหมิง หยูจื้อตกตะลึงพร้อมกัน หรือจะเป็นตระกูลฉาว…
“ทุกคนมาเร็วกันจัง ผมสายแล้ว ขอโทษจริงๆ นะ!” เวลานี้ ประตูห้องประชุมถูกผลักเปิด ฉาวหนิงที่บุคลิกเด่นสง่าและพ่อของเขาฉาวเจี้ยนเฟิงสาวเท้าฉับเข้ามา ที่ต่างจากปกติคือ ฉาวหนิงสวมแว่นตาทรงกลม ด้านหลังพวกเขายังมีนักข่าวกลุ่มหนึ่งตามมาด้วย
“เห พวกนักข่าวใครให้พวกคุณเข้ามา! ออกไป!” พอเห็นนักข่าวก้าวขึ้นมา คุณชายรวยรุ่นที่สองหลายคนก็รีบก้าวขึ้นหน้าทันควัน ตั้งท่าจะไล่ออกพวกออกไป
ตอนนี้ตระกูลหยูกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ขนาดนี้ หนำซ้ำยังมีคนตั้งมากมายอยากลาออกอีก นี่ถ้าหากเรื่องนี้มีการเผยแพร่โดยนักข่าวออกไปในวงกว้าง ก็จะยิ่งทำให้ความกังวลใจของโลกภายนอกที่มีต่อตระกูลหยูเพิ่มมากขึ้น และมันมีแต่เสียกับเสียต่อการแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ของตระกูลหยู
“ช้าก่อน ฉันเป็นคนให้พวกเขาเข้ามาเอง!” ฉาวหนิงขวางคุณชายรวยรุ่นที่สองหลายคนเอาไว้ พูดด้วยสายตาฉายแววถือดี
“คุณชายฉาว คุณคิดจะทำอะไร พวกเรามาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหายากให้ตระกูลหยู ไม่ได้มาเพื่อเพิ่มความวุ่นวายให้พวกเขา!” หนึ่งในคุณชายรวยรุ่นที่สองที่ถูกห้าม พูดกับฉาวหนิงเสียงต่ำ
พวกเขาก็ยังคิดว่าที่ฉาวหนิงมาวันนี้ก็เพราะเสริมสร้างฐานมั่งคงให้ตระกูลหยู พวกเขาคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าตระกูลฉาวที่ขุมอำนาจอ่อนแอกว่าตระกูลหยูมากโขนั้นจะเป็นมือทมิฬหลังม่านคนนั้น
“ก็เพราะฉันอยากช่วยแก้ไขปัญหาให้ตระกูลหยูไง ดังนั้นฉันจึงต้องการนักข่าวพวกนี้ สิ่งที่จะเกิดต่อไปนี้เป็นเรื่องใหญ่ของหลินอาน!” ฉาวหนิงพูดพลางผลักคุณชายรวยรุ่นที่สองที่ขวางหน้านักข่าวออก แล้วพากลุ่มนักข่าวมากมายเดินเข้าไปในโถงประชุม
เรื่องใหญ่ของหลินอาน?
คุณชายรวยรุ่นที่สองคนอื่นๆ เห็นท่าทีของฉาวหนิงเมื่อครู่ต่างพากันตกใจอย่างอดไม่ได้ ฉาวหนิงในวันนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก ดูเหมือนไม่ได้เจอกันสักพัก เขาจะไม่ใช่นักศึกษาที่วางตัวสุภาพคนนั้นอีกต่อไปแล้ว
“คุณชายหยู ลุงหยู สวัสดี!” ฉาวหนิงหันไปกล่าวทักทายสองพ่อลูกหยูจื้อ
ฉาวเจี้ยนเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็มองไปทางพ่อลูกแซ่หยูด้วยสีหน้าปั้นยาก ก่อนมองลูกชายของตนอีกครั้ง ตอนนี้ในใจเขาระส่ำระสายหาใดเปรียบ ลูกชายของตนจะกว้านซื้อบริษัทหัวเสร์ไว้จริงๆ หรือไม่
ถ้าหากความแตก วันนี้ล่วงเกินตระกูลหลินอานตั้งมากมายขนาดนี้ พวกเขาตระกูลฉาวคงไม่เหลือหลอแล้ว
“ฉันมาวันนี้ก็เพื่อเรื่องเดียวเท่านั้น ฉันอยากรับซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดของตระกูลหยู!” ฉาวหนิงพูดจุดประสงค์ในการมาของตนอย่างตรงไปตรงมา
ทันทีที่คำพูดนี้ของเขาเอ่ยออกมา หยูหมิงก็โกรธ เขาชี้ฉาวหนิงแล้วด่าว่า “ฉาวหนิง เป็นนายจริงๆ ด้วย เป็นนายที่สมรู้ร่วมคิดกับหม่าฝูหรุ้ย โลภทรัพย์สินของพวกเราตระกูลหยูสินะ! ว่ามา ใครเป็นคนชี้นำพวกนาย มือทมิฬหลังม่านที่แท้จริงเป็นใครกันแน่”
หยูหมิงสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตระกูลหยูว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับฉาวหนิง แต่เขารู้ดีว่าตระกูลฉาวไม่ได้มีกำลังแข็งแกร่งขนาดนี้แน่นอน เบื้องหลังเขาจะต้องมีคนกำลังปลุกปั่นเรื่องนี้อยู่แน่ๆ!
คุณชายรวยรุ่นที่สองคนอื่นก็โกรธระอุไม่หาย พวกเขาส่อเสียดฉาวหนิงว่า “จิตใจมนุษย์ไม่รู้จักพอ” ระวังจะต้องตายในตอนท้าย
เผชิญหน้ากับการถากถางของหยูหมิงกับเหล่าคุณชายบ้านรวย ฉาวหนิงหัวเราะน้อยๆ เรื่องพวกนี้เขาเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาคิดในใจ พวกนายถือดีไปเถอะ อีกหน่อยก็คงถึงคราวให้พวกนายร้องไห้อ้อนวอนฉันแล้ว
“ลุงหยู ผมคิดว่าคุณรู้สถานการณ์ในตอนนี้ของบริษัทหัวเสร์ดีกว่าผม หากสถานการณ์เลวร้ายต่อไปเรื่อยๆ ความเสียหายของบริษัทหัวเสร์ก็คงเฉียดหลายหมื่นล้าน ถึงตอนนั้นคุณจะยื่นฟ้องล้มละลายกับรัฐบาล ทรัพย์สินของคุณก็จะหดหายเป็นก่ายเป็นกองเชียว คุณอย่าบอกผมนะว่าตอนนี้คุณยังคิดว่าหัวเสร์ยังมีโอกาสจะพลิกกลับมาชนะได้อีก ดูเหล่าผู้บริหารระดับสูงของคุณสิ พวกเขาพากันขอคุณลาออกกันหมดแล้ว ตอนนี้บริษัทหัวเสร์มีปัญหาทั้งภายในและภายนอก ต่อให้เทพเซียนมาก็ไม่สามารถช่วยชีวิตพวกคุณจากหายนะสองอย่างนี้ได้”
คำพูดของฉาวหนิงเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือเขาหมดแล้ว
“ตอนนี้ผมยินดีจ่ายเงินสามหมื่นล้านเพื่อรับซื้อหัวเสร์และทรัพย์สินทั้งหมดที่คุณมีในหลินอาน ผมอยากให้คุณทบทวนให้ดีก่อน”
ฉินหยวนให้อำนาจฉาวหนิงรับซื้อในจำนวนสามหมื่นห้าพันล้านหยวน แต่ฉาวหนิงคงไม่อาจหงายไพ่ตายของตัวเองออกมาตั้งแต่เริ่มต้นแน่ เขายังต้องเหลือไว้สำหรับช่องว่างเพิ่มราคาให้ตัวเองด้วยห้าพันล้าน
ได้ยินตัวเลขสามหมื่นล้าน เหล่าผู้สื่อข่าวต่างทำหน้าตกอกตกใจทันที หากธุรกรรมนี้เสร็จสมบูรณ์ จะเป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในเขตหัวตงมณฑลหลินอานไปจนถึงเจ้อเจียง จะต้องระอุอินเทอร์เน็ตอย่างแน่นอน
ส่วนคุณชายรวยรุ่นที่สองต่างทำหน้าดูแคลน พวกเขาต่างรู้ดีว่าฉาวหนิงไก่อ่อนขนาดไหน ครอบครัวพวกเขาจะจ่ายเงินสามหมื่นล้านหยวนได้อย่างไรกัน นี่เป็นการเอาฉาวหนิงมาฉายตลกทั้งนั้น
ฉาวเจี้ยนเฟิงที่ยืนอยู่ข้างฉาวหนิง เวลานี้ยิ่งอยู่ไม่สุข เขาในฐานะผู้นำตระกูลฉาว รู้ดีถึงสถานการณ์ในตระกูลของตน เขามีทรัพย์สินครอบครัวก็แค่สามพันล้าน เงินกองทุนสภาพคล่องยิ่งมีไม่ถึงหนึ่งร้อยล้านด้วยซ้ำ!
ฉาวหนิงโพล่งออกมาว่าสามหมื่นล้าน บอสใหญ่คนนั้นที่อยู่เบื้องหลังเขา จะมีขุมอำนาจแข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ หรือ
ถ้าหากแค่หยอกฉาวหนิงเล่น เช่นนั้นพวกเขาล้วนหาเรื่องตระกูลใหญ่ทั้งหมดในหลินอาน ก็คงอยู่อยู่หลินอานต่อไปไม่ได้แล้ว
“ดูเหมือนพวกเขาไม่เชื่อว่านายจะจ่ายเงินสามหมื่นล้านได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นนายแค่พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นก็สิ้นเรื่อง!” ในหูฟังบลูทูธที่ฉาวหนิงใส่ไว้ในหูมีเสียงเกียจคร้านของฉินหยวนดังลอยมา
อันที่จริงแว่นตาที่ฉาวหนิงสวมก็ติดตั้งกล้องขนาดเล็กเอาไว้ ฉินหยวนจะได้เห็นฉากทุกตอนในห้องประชุม จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งทางไกลกับฉาวหนิงผ่านชุดหูฟังบลูทูธ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือของเขาทั้งสิ้น
“ตอนนี้นายจะโทรศัพท์ไปที่สำนักงานใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์ก็ได้ ค้นหาหมายเลขบัญชี SNB245654684258 ฉันจะพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าตอนนี้ในบัญชีมีเงินฝากมากกว่าสามหมื่นล้านหยวน”
“ผมรู้ว่าพวกคุณคงไม่เชื่อว่าตระกูลฉาวของผมจะจ่ายเงินสามหมื่นล้านได้จริงๆ ใช่หรือเปล่า” ฉาวหนิงทำตามคำสั่งของฉินหยวนทันที ล้วงมือถือออกมาและโทรไปที่สำนักงานใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์
“Hello, here is the Citi bank head quarters (สวัสดีค่ะ ที่นี่คือสำนักงานใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์)”
ฉาวหนิงหันหน้าจอโทรศัพท์ไปทางสองพ่อลูกตระกูลหยูและคุณชายรวยรุ่นที่สองที่อยู่รอบข้างหนึ่งรอบ พูดว่า “พวกคุณน่าจะรู้ว่านี่คือโทรเบอร์ของสำนักงานใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์ใช่หรือเปล่า”
ในใจสองพ่อลูกตระกูลหยูและคุณชายรวยรุ่นที่สองคนอื่นๆ ต่างรัดเกร็งขึ้นมา นั่นเป็นหมายเลขของสำนักงานใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์จริงๆ หรือตระกูลฉาวจะจ่ายเงินสามหมื่นล้านได้จริงๆ
“รบกวนคุณช่วยผมตรวจสอบจำนวนเงินในบัญชีนี้ที หมายเลขบัญชี 245654685258…” ฉาวหนิงใช้ภาษาอังกฤษมาตรฐานคุยกับอีกฝ่าย เมื่อพูดจบเขาก็เปิดฟังก์ชันแฮนด์ฟรี ค่อยๆ ชูมือถือขึ้นให้คนอื่นๆ ได้ยินกันถ้วนหน้า คอยฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
ไม่นาน เสียงปลายสายก็ดังลอยออกมาจากมือถือ
“Thank you for your waiting, we have already found out that the current amount in this account has reached $5.041billion. (ขอบพระคุณสำหรับการรอของท่าน ทางเราตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว จำนวนเงินฝากในบัญชีนี้มีจำนวนถึงห้าหมื่นสี่ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ)”
หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ทุกคนต่างตกอกตกใจ ห้าหมื่นสี่ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ แลกเปลี่ยนเงินหยวนมีจำนวนมากกว่าสามหมื่นห้าพันล้านหยวนเลยเชียว ฉาวหนิงมีเงินขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
หยูหมิงส่ายหน้ามองฉาวหนิงอย่างไม่อยากเชื่อ ฉาวเจี้ยนเฟิงมองไปที่ฉาวหนิง นิ่งอึ้งปานไก่ไม้ ในใจเปี่ยมด้วยความกลัวเกรงต่อลูกชาย แต่สีหน้าหยูจื้อดูเหมือนไม่ไหวติง ทว่าในใจก็บังเกิดระลอกคลื่นโหมกระพือแล้วเช่นกัน
ฉาวหนิงตัดสายโทรศัพท์ ยิ้มน้อยๆ พลางมองหยูจื้อ
“ลุงหยู ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าผมมีกำลังรับซื้อบริษัทหัวเสร์ของคุณจริงๆ แล้วใช่ไหม ตอนนี้คุณยอมให้ผมรับซื้อหัวเสร์ สำหรับคุณ ความมั่งคั่งไม่ได้มีความเสียหายอะไร แต่ถ้าหากคุณยังดึงดันไม่เลิก ยืนกรานจะหอบหัวเสร์อยู่ในมือตัวเองต่อไป ถ้าอย่างนั้นตระกูลหยูคงมีความเสียหายหลายหมื่นล้าน ผมเชื่อว่าจากประสบการณ์ยาวนานในโลกธุรกิจของคุณจะต้องตัดสินใจเลือกอย่างชาญฉลาดที่สุดแน่นอน”
“ฉาวหนิง นายไสหัวออกไปจากที่นี่ให้ฉันที ตอนนี้ฉันจะให้คำตอบที่ชัดเจนแก่นาย คิดอยากซื้อบริษัทหัวเสร์ของฉัน ไม่มีทางซะหรอก ฉันรู้ ที่พวกเราประสบวิกฤตในครั้งนี้ก็เป็นเพราะนายกับหม่าฝูหรุ้ยคอยป่วนอยู่เบื้องหลัง พวกเราจะทำให้นายจ่ายค่าชดเชยแน่” หยูหมิงร้องด่า
“หลานรัก เธอพูดแบบนี้ก็ตอบแทนน้ำใจด้วยความเกลียดชังแล้ว คุณชายฉาวใช้เงินสามหมื่นล้านรับซื้อหัวเสร์เพราะอยากช่วยตระกูลหยูแก้ไขปัญหาหนัก เธอไม่รู้จักซาบซึ้งน้ำใจ ซ้ำร้ายกลับด่าทอสาดเสียคุณชายฉาวกับฉันอีก ฉันดูแล้วจุดจบในวันนี้ของพวกเธอตระกูลหยูก็ช่างสมน้ำหน้าจริงๆ เป็นเวรเป็นกรรมแท้ๆ!” หม่าฝูหรุ้ยพูดพลางก้าวขึ้นหน้าด้วยรอยยิ้มเย็นชา

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset