รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 305 ช้าก่อน

บทที่ 305 ช้าก่อน
หยูจื้อเห็นด้วยแล้ว!
หยูหมิง คุณชายรวยรุ่นที่สองแห่งหลินอาน และเหล่าผู้บริหารระดับสูงที่ยังไม่ทันเอ่ยปากลาออกที่เหลือนั้นต่างพากันประหลาดใจสุดขีด
บริษัทหัวเสร์เป็นบริษัทที่หยูจื้อก่อตั้งขึ้นมาเองกับมือ เหตุใดเขาถึงเอาเลือดเนื้อของตัวเองใส่พานให้คนอื่นด้วยเล่า! นี่มันไม่ใช่แนวทางของวีรบุรุษคนนั้นนี่นา!
“พ่อ ท่านเสียสติไปแล้วเหรอ” หยูหมิงดูกังวลยิ่ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจความคิดของหยูจื้อเอาเสียเลย
“ลุงหยู จะลดตัวกับตระกูลฉาวไม่ได้นะ”
“พวกเราชื่อว่าหัวเสร์จะผ่านวิกฤตไปได้”
“ต่อให้หัวเสร์จะปิดตัวลงจริงๆ ก็ไม่อาจยกให้คนถ่อยจอมวายร้ายอย่างพวกฉาวหนิงกับหม่าฝูหรุ้ยเด็ดขาด!”
……
เหล่าคุณชายรวยรุ่นที่สองต่างพากันเตือนสติหยูจื้อ หวังว่าหยูจื้อจะเปลี่ยนการตัดสินใจได้
พวกเขาล้วนเป็นคนหนุ่มสาวอายุน้อย แต่หยูจื้อเป็นราชาที่ผ่านโลกธุรกิจมานานปี ปัญหาที่เขาคิดและแง่ที่คิดทบทวนมีมากกว่าพวกเขามาก ถ้าหากมีทางเลือกอื่น หยูจื้อจะยอมยกกิจการของตัวเองให้คนอื่นทำไม เพียงแต่ตอนนี้ เขาไร้หนทางอื่นใดอีกแล้ว
“บริษัทหัวเสร์เป็นองค์กรที่สำคัญของหลินอาน มันไม่เพียงเป็นครอบครัวของทั้งตระกูลหยู แต่มันเป็นของประชาชนทั่วไปทั่วทั้งหลินอาน เมื่อบริษัทหัวเสร์เกิดปัญหา หรือโชคไม่ดีปิดตัวลง นั่นจะส่งผลกระทบต่อคนงานกว่าเก้าพันแปดร้อยคน นี่ก็คือครอบครัวเก้าพันแปดร้อยครัวเรือนซึ่งจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อผู้คนอย่างน้อยสามหมื่นคน เกรงว่าอาจทำให้เกิดความผันผวนอย่างมากในวงสังคม
บริษัทหัวเสร์ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ได้คงหนีไม่พ้นการสนับสนุนของประชาชนหลินอาน ในเวลาแบบนี้พวกเราจะเอาแต่คิดทบทวนเอาเองจนละเลยประชาชนหลินอานได้อย่างไร ดังนั้นบริษัทหัวเสร์จะเกิดเรื่องขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!
ตอนนี้บริษัทหัวเสร์อยู่ในมือผม ผมไม่สามารถรักษาความมั่นคงมั่งคั่งของมันได้ ในเมื่อตระกูลฉาวมีใจอยากช่วยเช่นนี้ ปัจจุบันบริษัทหัวเสร์ก็มีปัญหาใหญ่แบบนี้ ผมยินดีมอบบริษัทหัวเสร์ให้พวกเขา ก็ถือว่าเป็นความจริงใจสุดท้ายที่ผมมีต่อประชาชนหลินอานด้วยเช่นกัน”
หยูจื้อทอดมองหยูหมิงและคุณชายรวยรุ่นที่สองคนอื่นๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงย้ำชัด เขาหวังว่าคนหนุ่มสาวพวกนี้จะเข้าใจการตัดสินใจของเขา
ได้ยินคำพูดของหยูจื้อ พวกหยูหมิงก็นิ่งเงียบไป พ่อพูดมีเหตุผลจริงๆ โลกของพ่อนั้นพวกเขายังไปไม่ถึง พวกเขาก็จนคำพูด แต่เมื่อคิดถึงว่าบริษัทหัวเสร์จะตกไปอยู่ในมือตระกูลฉาว ในใจก็ยังสงบไม่ลงอยู่ดี
ผู้สื่อข่าวในห้องได้ยินคำพูดจากใจจริงของหยูจื้อ ในใจก็พลอยรู้สึกสะเทือนใจไปด้วย มหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเงินทองหลายร้อยล้านคนนี้สามารถยึดมั่นในมาตรฐานการใช้ชีวิตเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถร่ำรวยมาถึงจุดนี้ได้
“ดี! ลุงหยูจิตใจกว้างขวางจริงๆ ด้วย หลานนับถืออย่างยิ่ง!”
ฉาวหนิงพูดพลางยิ้มน้อยๆ เขารับเอกสารมาจากผู้จัดการที่ติดตามเขามาเล่มหนึ่ง ก่อนยื่นไปต่อหน้าหยูจื้อและพูดว่า
“ผมได้ทำสัญญาซื้อกิจการล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ลุงหยูโปรดไล่อ่านดู ถ้าไม่มีอะไรคัดค้านลุงหยูก็เซ็นชื่อบนเอกสารได้เลย ผมจะรีบโอนเงินสามหมื่นล้านเข้าบัญชีตระกูลหยูเดี๋ยวนี้!”
หยูจื้อพลิกอ่านเอกสาร ในเอกสาร ทั้งหัวเสร์และทรัพย์สินของส่วนอื่นของเขาในหลินอานได้ถูกเขียนรวมไว้ด้วยกันแล้ว หยูจื้อหัวเราะขมขื่นในใจ นี่ตระกูลฉาวเตรียมไล่ตระกูลหยูของเขาออกจากหลินอานอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่เวลานี้ เขามีแต่ต้องเซ็นชื่อเท่านั้นแล้ว
หยูจื้อหยิบปากกาขึ้นมา ตั้งท่าจะเซ็นชื่อตัวเองลงบนเอกสาร
หยูหมิงและคุณชายรวยรุ่นที่สองต่างไม่ยินยอมเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาอยากขวางหยูจื้อ แต่พวกเขากลับเข้าใจดี พวกเขาทำแบบนั้นไม่ได้
สองพ่อลูกฉาวหนิง หม่าฝูหรุ้ย รวมถึงฉินหยวนที่เฝ้าดูสิ่งเหล่านี้ผ่านกล้องขนาดจิ๋ว สายตาต่างฉายแววยินดีออกมา
“ช้าก่อน!” เวลานี้ เสียงหนึ่งดังลอยเข้ามาจากหน้าประตูห้องประชุม
หลงเย้นใจชื้นขึ้นมาทันที เธอหันไปมองทางหน้าประตูห้องประชุม ก็เห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่บุคลิกโดดเด่นคนนั้น…ฉินหลั่ง สาวเท้าเข้ามาจากประตูห้องประชุม
พอเห็นฉินหลั่ง เหล่าคุณชายรวยรุ่นที่สองแห่งหลินอานต่างก็สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ครั้งนั้นในงานแต่งของหยูหมิงกับหลงหลิง ก็เป็นเขาคนนี้แหละที่โค่นนักพรตเต๋าขู่เสวียนอย่างเผด็จการ แถมเซี่ยงไฮ้โข่งลิ่งเสียนและตระกูลหยูล้วนเป็นผู้ใต้บัญชาของเขา เขายังเป็นคุณชายใหญ่แห่ง “ตระกูลฉิน” ที่สุดลึกลับคนหนึ่งอีกด้วย วันนั้นพวกเขาต้องพากันคุกเข่าสยบต่อฉินหลั่ง!
ฉากในตอนนั้นยังคงประจักษ์แก่สายตา กลุ่มคุณชายรวยรุ่นที่สองเห็นฉินหลั่งก็มีแต่ความกลัวเพียงความรู้สึกเดียว
กลุ่มคุณชายรวยรุ่นที่สองนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลฉินเป็นแบบไหนกันแน่ ข่าวเกี่ยวกับฉินหลั่งถูกไล่ออกจากตระกูลยิ่งไม่มีข้อมูลแน่ชัด
แต่ฉาวหนิงพอได้เห็นฉินหลั่ง ในใจก็สะดุ้งตกใจ! เขามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร!
แต่ว่าฉาวหนิงได้เป็นประจักษ์พยานเห็นฉินหลั่งถูกไล่ออกจากตระกูลที่เกาะฟ้าเองกับตา เขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกเกรงกลัวอะไรต่อฉินหลั่งทั้งนั้น ถึงอย่างไรตอนนี้ฉินหลั่งก็เป็นคนทั่วไป ไม่สามารถใช้อำนาจของตระกูลฉินได้แม้แต่น้อย
“คุณชายฉิน” หยูจื้อพึมพำเสียงเบา จู่ๆ ก้นบึ้งหัวใจของเขาก็มีความหวังขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
“คุณชายฉิน ไม่ได้เจอกันนาน ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่เหรอ” ฉาวหนิงถามด้วยรอยยิ้ม เขาคิดว่านายท่านฉินหยวนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของกล้องก็อาจอยากรู้ว่าตอนนี้ฉินหลั่งกำลังทำอะไรอยู่ เขากลับคิดไม่ถึงว่าสองวันห่อนฉินหยวนเพิ่งได้ประจักษ์แล้วว่าฉินหลั่งเอาชนะหย่างเที่ยนในเวทีมวยใต้ดิน
“ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มหาวิทยาลัยเย็นจีน” ฉินหลั่งบอก เขารู้สึกว่าพฤติกรรมของฉาวหนิงในตอนนี้ต่างจากเขาในตอนแรกที่อยู่มหาวิทยาลัยหลินอานลิบลับ
“อย่าพูดไร้สาระกับเขา! รีบให้หยูจื้อเซ็นชื่อเดี่ยวนี้!” เสียงหงุดหงิดร้อนรนของฉินหยวนดังออกมาจากหูฟัง สั่นสะเทือนจนฉาวหนิงเจ็บหู ใบหน้าเขาฉายแววเจ็บปวด เขารีบทำตามคำสั่งของฉินหยวนทันที หันไปพูดกับหยูจื้อว่า “ลุงหยู คุณรีบเซ็นชื่อในเอกสารเร็วเข้า!”
การแสดงออกเช่นนี้ถูกฉินหลั่งจับสังเกตได้อย่างว่องไว ฉินหลั่งครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เดาออกว่าภาพเบื้องหน้า อาจเป็นฉินหยวนที่ควบคุมทุกอย่างที่เกิดขึ้นแบบนาทีต่อนาที
“คุณชายฉาวทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย”
ฉินหลั่งเดินมาหยุดต่อหน้าฉาวหนิงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “เจรจาธุรกิจคือเรื่องที่เห็นชอบกันทั้งสองฝ่าย คุณเร่งรัดขนาดนี้ เผื่อคุณหยูเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากขายธุรกิจของตัวเองให้แล้วก็ได้!”
“แกเป็นเด็กเหลือขอมาจากที่ไหน มาทางไหนก็ไสหัวไปทางนั้น! อย่ามาถ่วงเรื่องของพวกเรา!” พอหม่าฝูหรุ้ยเห็นฉินหลั่งพูดพร่ำอยู่ที่นี่ ก็โพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าขยะแขยง
ฉินหลั่งเดาออกว่าผู้ชายตัวเตี้ยคนนี้ก็คือหม่าฝูหรุ้ยที่ไม่ฟังเหตุผลคนนั้นที่หลงเย้นพูดกับเขา เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบปากกาด้ามหนึ่งบนโต๊ะประชุมขึ้นมาอย่างไม่กระโตกกระตาก พอสลัดนิ้วออก ปากกาก็พุ่งยิงไปทางน่องขาของหม่าฝูหรุ้ย
“โอ๊ย!” หม่าฝูหรุ้ยถูกยิงเข้าที่น่อง เสียการทรงตัว ร่างกายโงนเงนหลายรอบ หน้าผากโขกเข้าที่ขอบโต๊ะเสียงดัง “ปึง” ก่อนจะปูดโปนขึ้นมาเบ้อเร่อ
“ใครมาขัดขาฉัน” หม่าฝูหรุ้ยรู้ว่ามีคนกำลังทำร้ายตัวเอง แต่เขามองไม่เห็นว่าใครใช้ของบางอย่างโยนใส่น่องเขา
คำพูดของเขาสร้างเสียงเยาะเย้ยจากคุณชายรวยรุ่นที่สอง มีทั้ง “ตัวเองตาไม่ดียังโทษคนอื่น” “นี่เป็นกรรมแท้ๆ” “ใครจะมีแก่ใจไปขัดตาแก่ แกเห็นว่าตัวเองเป็นคนสำคัญจริงๆ หรือ”
ทุกคนไม่ถูกโลกกับหม่าฝูหรุ้ยนานแล้ว พอเห็นเขาหัวโขกจนปูดโปนเบ้อเร่อ ในใจก็มีความสุขเป็นล้นพ้น
“คุณชายฉิน ตอนนี้ผมไร้หนทางแล้วจริงๆ” หยูจื้อพูดกับฉินหลั่งด้วยสีหน้าขมขื่น
“คุณชายฉิน รบกวนคุณช่วยเหลือตระกูลเราด้วย เจ้าคนเลวอย่างฉาวหนิงกับหม่าฝูหรุ้ยร่วมมือกันเล่นงานตระกูลหยูของพวกเรา…” หยูหมิงรีบพูดกับฉินหลั่ง เขาคิดว่าฉินหลั่งปรากฏตัวขึ้น การข้ามผ่านวิกฤตในครั้งนี้ของตระกูลเขาก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณหยู ขอเพียงคุณบอกว่าไม่อยากขาย ผมสามารถช่วยคุณปกป้องบริษัทหัวเสร์ไว้ได้!” ฉินหลั่งพูด เขาต้องการคำตอบที่แน่ชัดจากหยูจื้อ
“ได้ ฉันไม่อยากขาย ฉันอยากให้บริษัทหัวเสร์แก้ไขสถานการณ์โดยเร็วที่สุด!” หยูจื้อมองเห็นความมั่นใจอันแรงกล้าจากสายตาของฉินหลั่ง เขาจึงพูดความหวังในส่วนลึกของหัวใจตัวเองออกมา
ได้ยินหยูจื้อบอกว่าไม่ขายแล้ว ในใจหยูหมิงและคุณชายรวยรุ่นที่สองต่างรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเป็นที่สุด พวกเขาแอบให้กำลังหยูจื้อลับๆ
“ดี ผมสัญญากับคุณว่าบริษัทหัวเสร์จะไม่ถูกซื้อ!” ฉินหลั่งพูดพลางยิ้มน้อยๆ
“คุณชายฉิน คุณกำลังล้อเล่นอะไรอยู่ คุณบอกว่าไม่จะถูกซื้อผมก็ไม่จะซื้ออย่างนั้นเหรอ! เฮอะ ตลกจริงๆ!” ฉาวหนิงพูดพลางหัวเราะเสียงเย็น ตอนนี้ฉินหลั่งเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เขาจะทำอะไรได้
ฉินหลั่งไม่ได้สนใจฉาวหนิง แต่มองไปทางบรรดาผู้สื่อข่าวที่ชูกล้องเตรียมสาดแฟลชในห้องประชุม!
คำพูดที่เขาจะเอ่ยต่อไปนั้นจะลามไปถึงตระกูลฉิน เรื่องของตระกูลฉินสามารถให้โลกภายนอกรู้ได้เด็ดขาด ดังนั้นนักข่าวพวกนี้จะอยู่ที่นี่ไม่ได้
“เพื่อนที่รักจากสื่อทั้งหลาย พวกเราจะเจรจาเรื่องลับสุดยอดกันหน่อย พวกคุณโปรดออกไปสักครู่!” ฉินหลั่งพูดอย่างสุภาพ
“เพราะอะไร พวกเราผู้สื่อข่าวมีสิทธิ์สัมภาษณ์ ประชาชนต้องการข้อมูลโดยตรงจากพวกเราผู้สื่อข่าว!”
“ถูกต้อง พวกเราต้องลำบากกว่าจะเข้ามาได้ พวกเราคงไม่ออกไปหรอกนะ!”
“คุณเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งมีคุณสมบัติอะไรมาชี้นิ้วสั่งพวกเราผู้สื่อข่าวกัน พวกเขาไม่ออกไปหรอก”
เหล่าผู้สื่อข่าวไม่เห็นฉินหลั่งในสายตาเลยสักนิด มีนักข่าวหลานคนมองไปทางฉินหลั่งอย่างดูถูก ทำท่าว่าจะเป็นหรือตายก็ไม่ออกไปทั้งนั้น
ดูเหมือนว่าการรับมือกับพวกผู้สื่อข่าวกลุ่มนี้เห็นทีจะสุภาพเกรงใจแบบนี้ไม่ได้ ฉินหลั่งยิ้มน้อยๆ มือขวาล้วงเศษมีดออกมา ลอบเกิดเสียง “ฉัวะ” เล็กน้อย ก่อนจะบินเข้าไปทางนักข่าวที่หยิ่งผยองที่สุด เศษมีดตัดเข็มขัดของผู้สื่อข่าวคนนั้น กางเกงของนักข่าวคนนั้นหลุดลงมาดัง “ฟุ่บ” เผยให้เห็นต้านขาขาวสองข้างและกางเกงในสีแดงตัวหนึ่ง
เกิดเสียงดัง “พรึ่บพรั่บ” ในทันที นักข่าวทุกคนต่างหันไปกดถ่ายทางเขาอย่างบ้าคลั่ง หากภาพแบบนี้โพสต์ลงอินเทอร์เน็ต จะต้องลือกระฉ่อนแน่นอน
“นี่แกเล่นอุตริ!” นักข่าวคนนั้นรีบรวบกางเกงขึ้น หันชี้หน้าฉินหลั่ง เขาเห็นมือของฉินหลั่งขยับน้อยๆ แล้วกางเกงของเขาก็หลุดออกเลย ต้องเป็นเขาแน่ๆ!
“หากพวกคุณยังไม่ยอมออกไป บางทีกางเกงของพวกเขาก็อาจจะหลุดลงมาเหมือนพี่ใหญ่ท่านนี้ก็ได่นะ!” ฉินหลั่งพูดกับนักข่าวพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ
ให้ความรู้สึกขนพองสยองเกล้าแก่บรรดานักข่าว โดยเฉพาะนักข่าวหญิงส่วนหนึ่ง พวกเขาย่อมรู้แก่ใจดีว่าเมื่อถูกถ่ายภาพที่เห็นกางเกงหลุดจะต้องถูกแชร์กันให้ว่อนบนอินเทอรืเน็ตแน่ จะสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับชื่อเสียงของพวกเขา ถ้าหากลุกลามไปถึงชื่อเสียงของต้นสังกัด พวกเขาคงไม่มีข้าวให้กินแล้ว
เวลานี้พวกเขายังจะมีอะไรให้ลังเลอีก นักข่าวหญิงหลายคนเดินนำหน้าแย่งกันออกจากห้องประชุม ตามมาด้วยนักข่าวทั้งหมดต่างพากันเดินออกไป!
ฉินหลั่งเดินไปหยุดหน้าประตูแล้วปิดประตูห้องประชุมเอาไว้
“ฉินหลั่ง คุณคิดจะเล่นบ้าอะไรกันแน่” ฉาวหนิงถามอย่างไม่พอใจ หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของฉินหลั่ง ตอนนี้หยูจื้อก็คงเซ็นชื่อไปเรียบร้อยแล้ว
“ผมรู้ว่าคุณกำลังบงการทุกอย่างนี้จากระยะไกล!” ฉินหลั่งหันไปทางฉาวหนิง เหมือนจะพูดกับใครอีกคน คนอื่นๆ ต่างดูออกว่าท่าทางผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
ฉินหยวนมองฉินหลั่งบนหน้าจอ สายตาเคลือบแววเกลียดชัง ในใจเขามีไฟสุมเป็นกลุ่มก้อน ค่อยๆ ปะทุลุกโชนขึ้นมา
“ฉินหลั่ง ฉันต้องเรียกนายว่า “คุณชายฉิน” หรือเปล่า ให้นายลืมฐานะของนายไปซะ ตอนนี้นายไม่ใช่คนตระกูลฉินอีกแล้ว แต่เป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเล็กๆ คนหนึ่ง หรือนายยังคิดว่าอาศัยอำนาจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของนายจะสามารถขวางเจ้านายของฉันให้รับซื้อบริษัทหัวเสร์ได้ น่าหัวเราะจริงๆ!” ฉาวหนิงพูดพลางหัวเราะ
ฉินหลั่งไม่ได้แยแสฉาวหนิงเลยสักนิด ในสายตาของเขา เขาก็เป็นหมาตัวหนึ่งของฉินหยวนเท่านั้น
“ตระกูลหยูทำเงินให้ตระกูลฉิน คุณถึงขั้นมาโจมตีกิจการของตระกูลตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คนงงงวยแค่ไหนกัน ผมคิดว่าหัวหน้าตระกูลฉินยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม
ถ้าหากคุณยังให้หุ่นเชิดของคุณมารับซื้อบริษัทหัวเสร์ละก็ ผมจะรายงานเรื่องนี้ให้หัวหน้าตระกูลฟัง! ผมคิดว่าหลังจากหัวหน้าตระกูลรู้เรื่องนี้เข้า ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร คุณเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วใช่หรือเปล่า” ฉินหลั่งพูดพลางยิ้มอย่างสบายๆ

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset