รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 338 สถานการณ์อันตรายอย่างมาก

บทที่ 338 สถานการณ์อันตรายอย่างมาก
วันนี้สมาชิกของวงการต่อสู้ของจีนต่างมากันพร้อมเพรียง บุคลากรที่มีชื่อเสียงของวงการต่อสู้ของจีน มีเจ้าอาวาสเมี่ยวเฟิงแห่งสำนักเส้าหลิน เย่นจื่อกุย เย่นเจิ้นหรินของสำนักคงทอง เฟิงเฉินซือไท่ จากสำนักเอ๋อร์เหมย แก๊งแถ่จ่าง สำนักชิงเฉิง ตระกูลเจียงแห่งเหอตง ตระกูลเจิงแห่งหลิงหนาน…มากันครบแล้ว
ทุกคนต่างมีความแค้นเช่นเดียวกัน คือต้องการฆ่าลี่ไห่ซาเพื่อเรียกความยุติธรรมกลับให้กับวงการต่อสู้ของจีน
“ออกมา ไอ้เหี้ย!”
“มาที่นี่แล้วกลายเป็นไอ้พวกขี้ขลาดตาขาวไปแล้วงั้นสิ?”
“กล้ามาที่ทำกร่างที่จีน มึงเบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!”
……
ลูกศิษย์ของทุกแก๊งต่างตะโกนดังลั่นอย่างจองหอง
ซ่งอวี่ ฟางเจิ้ง หวังเฉิน เย้นนีก็ปะปนอยู่ในกลุ่มคน เพื่อมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
ห่างจากวงการศิลปะการต่อสู้ไปหลายร้อยเมตร ยังมีคนหลายคนที่ยืนอยู่ริมทะเลสาบ เพื่อคอยมองการต่อสู้ที่ใกล้จะเริ่มขึ้น
คู่พ่อลูกจงจิ่วเจินกับจงเส่นซาน พวกเขาเป็นถึงเจ้าพ่อนักเลงใต้ดินของเย็นจีน อาศัยอำนาจจึงมีสิทธิ์ได้เข้าชม อีกทั้งจงจิ่วเจินก็ทราบดี ตระกูลซ่งคงมีส่วนพัวพันกับแก๊งหัวชิง ถ้าผลลัพธ์วงการต่อสู้ของจีนเกิดพ่ายแพ้ เช่นนั้นสำหรับตระกูลซ่งก็ไม่ใช่ข่าวดี
ตอนที่อารมณ์ของทุกคนไปถึงขั้นเต็มที่แล้ว ประตูแบบโบราณก็ค่อยๆ เปิดออก ลี่ไห่ซาฉีกยิ้มอย่างเย็นชา พร้อมทั้งก้าวออกมาอย่างช้าๆ ด้านหลังของเขายังมีลูกศิษย์ทั้งหกคน ในมือของพวกเขายังหิ้วศีรษะทั้งสี่อันออกมาด้วย พวกเขาแยกกันถือศีรษะของเจ้าสำนักทั้งสี่ได้แก่ โรงเต๋าไทเก็ก สำนักหัวซาน สำนักอู๋เลี่ยง สำนักอู่ฮี๋!
ทุกคนต่างตกใจ ใจสั่น พวกบรรดาลูกศิษย์ที่เพิ่งแสดงท่าทางบ้าคลั่งจองหองอยู่นั้น เมื่อเห็นภาพนั้น ต่างปิดปากกันเงียบเชียบ พร้อมทั้งจับตาสนใจในตัวลี่ไห่ซาขึ้นมาทันที
“ดีมาก ใครเป็นหัวหน้าของพวกแก เชิญมาคุยกับฉินหน่อย!” ลี่ไห่ซาพูดเสียงดังลั่นพร้อมทั้งทำเสียงเย็นชาใส่
“อามิตตาพุทธ”
เจ้าอาวาสเมี่ยวเฟิงลุกขึ้นยืนก่อน จากนั้นก็ก้าวเดินไปสองก้าว พร้อมทั้งมองไปทางลี่ไห่ซาพลันกล่าวกับเขา “อาตมาเป็นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ประสกมาจองเวรจองกรรมฆ่าคนเป็นผักปลาที่ประเทศจีน อีกทั้งยังยั่วยุวงการต่อสู้ของจีนของอาตมาอีก วันนี้อาตมาจะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยนวลไป”
สำนักเส้าหลินเป็นที่เคารพยำเกรงในวงการต่อสู้ ดังนั้นเจ้าอาวาสเมี่ยวเฟิงถึงได้เป็นคนเอ่ยออกมาก่อน
“เชอะ เจ้าอาวาสของวัดเส้าหลิน ดูสภาพของท่านสิอายุปาเข้าไปแปดสิบเก้าสิบแล้วมั้ง? ฉันคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อร้อยปีที่ผ่านมานั้น แกคงรู้เรื่องดี!”
ลี่ไห่ซายังพูดต่อ “ก่อนที่พวกแกจะตาย ฉันจะทำให้พวกแกตายตาหลับ ในปีนั้นวงการต่อสู้ของจีนได้ใส่ร้ายป้ายสีสำนักของจู่ซือทั้งสำนัก จากนั้นก็ลงมือฆ่า แล้วโยนความผิดให้! พวกแกแกล้งเสแสร้งทำดีทำเหมือนว่าตนเองเป็นคนยุติธรรมอยู่เสมอ ปากก็บอกว่ายุติธรรม โกหกทั้งเพ!”
“วันนี้ ฉันจะแก้แค้นแทนจู่ซือ! สภาพของพวกแกก็จะเหมือนกับไอ้สี่คนนี้” ลี่ไห่ซาชี้ไปที่ศีรษะของจ้าวไห่โย่วที่อยู่ในมือ “ฉันต้องการหัวของพวกแก เอาไปเซ่นไหว้วิญญาณของจู่ซือของฉันที่อยู่ในยมโลก!”
“เชอะ!”
เจ้าอาวาสเมี่ยวเฟิงได้ยินคำพูดของลี่ไห่ซาที่พูดซะไม่เข้าหูขนาดนี้ จนทำให้บรรยากาศที่อยู่รอบตัวนั้นตึงเครียด เขากล่าวเสียงแข็ง “ปีนั้นหูหรูหลี่กระหายในการขายชาติเพื่อความเป็นใหญ่ ถ้าไม่ใช่ว่าพี่น้องวงการต่อสู้ร่วมมือร่วมใจกัน ในการทำลายแผนการร้ายกาจของเขา เพราะเขาได้สานสัมพันธ์กับต่างประเทศไว้ตั้งแต่แล้ว ขายชีวิต ขายแผ่นดินของคนในชาติ คนละโมบเช่นนี้ต้องโดนคนกล่าวโทษแน่นอน”
“ตอนนี้แกยังทำพูดพร่ำเพื่อคนขายชาติที่อัปยศอดสู แถมมาเรียกร้องการแก้แค้นของเขาอีก อาตมาจะบอกกับแกให้ฟัง แก๊งหัวชิงสร้างความบิดเบือนให้ แกอยากจะแก้แค้นให้กับคนขายชาติ นั่นย่อมเป็นความคิดที่เพ้อเจ้ออย่างโง่เง้า!”
เจ้าอาวาสเมี่ยวฟางด่าทอออกไปเป็นชุด คนอื่นๆ ในวงการต่อสู้ รู้สึกเลือดพลุ่งพล่านไปทั่วตัวกับคำพูดของท่านเจ้าอาวาสเมี่ยวเฟิง
ทว่าลี่ไห่ซาที่อยู่ด้านหน้ากำลังโมโหขึ้นเรื่อยๆ
“ไอ้หัวโล้น หาเรื่องตาย!” ลี่ไห่ซาตะคอกใส่ จากนั้นร่างกายก็เริ่มลอยขึ้น พร้อมทั้งพุ่งมาทางเจ้าอาวาสเมี่ยวเฟิง!
“อาตมาจะกำจัดไอ้หนอนเน่าให้พี่น้องวงการต่อสู้อย่างแกออกไป!” เจ้าอาวาสเมี่ยวเฟิงสะบัดจีวรขึ้น จากนั้นก็ถือไม้เท้าในมือ แล้วลอยขึ้นไป มุ่งหน้าไปทางลี่ไห่ซา
……
หลังจากเดินทางสองชั่วโมง เที่ยวบินที่พวกของฉินหลั่งโดยสารมานั้น ก็ถึงสนามบินนานาชาติเย็นจีน
เมื่อลงจากเครื่องบินแล้ว พวกของฉินหลั่งก็รีบเรียกรถ ให้ไปส่งที่ทะเลสาบจีนไห่ทันที
ตลอดการโดยสารบนรถ ฉินหลั่งได้โทรศัพท์หาจงจิ่วเจิน เพราะเขาทราบดีว่า เรื่องนี้จงจิ่วเจินต้องรู้ดีอย่างแน่นอน
“ท่านจง ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้างแล้ว” ฉินหลั่งเอ่ยปากถาม เขารู้สึกว่าตอนนี้จงจิ่วเจินต้องอยู่ในสถานการณ์นั้นอย่างแน่นอน สิ่งที่เขาต้องการรู้เป็นเรื่องแรก ก็คือสถานการณ์ในการต่อสู้
“แกรู้ได้ยังไง?”
“ฉันได้ข่าวตอนที่อยู่บนเขาเทียนซาน ตอนนี้ฉันกับจงยู่ กำลังรีบไปที่ทะเลสาบจีนไห่ อีกอย่าง พิษในตัวจงยู่ได้หายไปหมดแล้ว” ฉินหลั่งพูดให้เขาฟัง
“ดี ดี…”
ปากของจงจิ่วเจินก็พูดว่าดี ทว่าน้ำเสียงของเขาหนักใจมาก เพราะว่าสถานการณ์ในการต่อสู้ในขณะนี้อันตรายมาก
“สถานการณ์ที่ทะเลสาบจีนไห่ในตอนนี้ย่ำแย่มาก เจ้าอาวาสเมี่ยวเฟิงของเส้าหลิน เจ้าสำนักหงจิ่วฉวนแก๊งแถ่จ่าง เจ้าสำนักเหว่ยตงเจินของสำนักชิงเฉิงและยอดฝีมืออีกเกือบสิบคนตายอยู่ในมือลี่ไห่ซา ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียดมาก ดูจากสถานการณ์แล้ว เกรงว่าวงการต่อสู้ของจีนคงไม่มีปัญญาจะสู้ต่อแล้ว…”
“ห๊ะ!” ฉินหลั่งตกใจมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะตกอยู่สถานการณ์ที่อันตลายถึงเพียงนี้
การสู้กันในครั้งนี้เขาเป็นคนก่อเรื่องขึ้น ตอนนี้มีคนเสียชีวิตไปตั้งมากมาย ในใจฉินหลั่งรุ่มร้อนสุดๆ
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!” ฉินหลั่งพูดสั้นๆ แล้วตัดสายทิ้งทันที
“ฉินหลั่ง เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของฉินหลั่ง จนจงยู่ต้องรีบถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไร! คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ฉินหลั่งตั้งใจยิ้มให้จงยู่
“โชเฟอร์ หยุดรถ!” ฉินหลั่งตะโกนดังลั่น คนขับรถคนนี้ขับรถได้ช้ามาก ฉินหลั่งรู้สึกเหมือนเต่ากำลังคลานไปมา
คนขับรถจอดรถ ฉินหลั่งรีบลงจากรถจากนั้นก็เดินไปที่นั่งคนขับ พร้อมทั้งไล่ให้คนขับรถไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ พร้อมพูดกับคนที่อยู่บนรถ “จงยู่ เดี๋ยวรถจะขับเร็วหน่อย คุณไม่ต้องกลัว หิมะ เจ้าดูจงยู่ไว้ให้ดีนะ”
พูดจบ ฉินหลั่งก็สตาร์ทรถยนต์ แล้วใส่เกียร์ห้า เหยียบมิดคันเร่ง ความเร็ว120กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถยนต์ราวกับเสื้อชีตาร์มันควบทะยานไป! จนผ่านรถยนต์คันแล้วคันเล่าตลอดทาง!
เวลาครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงทะเลสาบจีนไห่
ฉินหลั่งไม่ได้พูดกับตำรวจที่ยืนอยู่หน้าประตูให้เปลืองน้ำลาย พร้อมทั้งเอาพวกของจงยู่เข้าไปด้านใน
เวลานั้นเอง ลี่ไห่ซาก็ฆ่าเจ้าสำนักไปอีกคน เสียง “ฉับ” ดังลั่น เขาใช้ดาบตัดศีรษะของเจ้าสำนัก
ศีรษะของเจ้าสำนักถูกเขาโยนลงไปในทะเลสาบ จนเห็นว่าในทะเลสาบมีแต่เลือดแดงสดพร้อมทั้งศีรษะลอยอยู่เหนือผิวน้ำอีกแปดเก้าศีรษะ มันช่างน่าสยดสยองมาก!
ลี่ไห่ซาเอาเท้าแต่เหนือผิวน้ำ ฝีเท้าจี๋ซิงของเขาฝึกได้ถึงขั้นเป็นหนึ่งเดียวราวกับเทพ การที่เหยียบลงบนผิวน้ำ แต่ไม่มีท่าทีจะจมเลย
เสื้อผ้าของเขามีแต่เลือดกระเซ็นเลอะเสื้อผ้าไปทั่ว มือของเขามีแต่เลือดทั้งแขน!
“ฮ่าๆ!”
ลี่ไห่ซาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งมองคนในวงการต่อสู้ของจีนที่อยู่ริมตลิ่ง “เจ้าสำนักสำนักเส้าหลิน เจ้าสำนักแก๊งแถ่จ่าง เจ้าสำนักสำนักชิงเฉิง กลายมาเป็นผีเฝ้าดาบของฉันไปซะนี่! วงการต่อสู้ของจีนไม่ใช่ว่ามีแต่คนมากความสามารถไม่ใช่เหรอ ฉันว่า ก็แค่ไอ้กระจอกทั้งนั้น! ต่อไปใครจะโชคร้ายกลายรนหาที่ตาย! บอกชื่อมาเลย!”
เมื่อได้ยินการยั่วยุของลี่ไห่ซา คนในวงการต่อสู้ของจีน ต่างโมโหกันยกใหญ่ แต่ว่าใครล่ะจะกล้าเสนอตัว ขนาดเจ้าอาวาสเมี่ยวเฟิงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลี่ไห่ซาเลย พวกเขาเสนอตัวขึ้นไปก็รนหาที่ตายนะสิ!
“ทำไม วงการต่อสู้ของจีนที่เหลืออยู่มีแต่พวกไม่ได้เรื่องแล้วหรือไง?!”
ลี่ไห่ซาหัวเราะอย่างจองหอง “ฆ่ายกครัวจู่ซือของฉันในปีนั้น พวกแกต่างเสนอหน้ากันไม่หวาดหวั่น ตอนนี้ถึงเวลาตาย ต่างก็หดหัวอยู่ในกระดองทั้งนั้น! การที่วงการต่อสู้ของจีนเหลือพวกเศษสวะอย่างพวกแก ทนไปสักหลายสิบปี ก็ถือว่าวิเศษแล้ว ฮ่า ๆ ไอ้พวกไร้ค่า เศษสวะ!”
“แก…” เย่นจื่อกุย สำนักคงทองโมโหจนทนไม่ไหวแล้ว จนอยากจะออกไปสู้กับลี่ไห่ซา ทว่าถูกภรรยาเย่นเจิ้นหรินของเขาห้ามเอาไว้ ภรรยากระซิบเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา “คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าเมื่อคืนคุณรับปากฉันแล้วไว้ยังไง ตอนนี้ใครขึ้นไปก็คือไปตาย ฉันขอร้องคุณ อย่าได้วู่วาม”
“แต่…เฮ้อ” เย่นจื่อกุยถอนหายใจยาว
ลูกศิษย์ทุกคนของสำนักเอ๋อร์เหมยต่างมองมาที่เฟิงเฉินซือไท่ สถานการณ์ในเวลานี้ทุกคนย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อาจารย์ไม่มีโอกาสในการชนะเขาได้เลย เธอยังจะออกหน้าอีกเหรอ?
เฟิงเฉินซือไท่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย วันนี้เอ๋อร์เหมยของเธอนั้นจะมีโอกาสเป็นสำนักอันดับหนึ่งของวงการต่อสู้ เธอไม่อยากพลาด ทว่าลี่ไห่ซาเก่งกาจจริงๆ เธอย่อมรู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ว่าลี่ไห่ซาดูถูกวงการต่อสู้ของจีน สบถด่าที่ทุเรศขนาดนี้ ตำแหน่งเฟิงเฉินซือไท่ฉายาการต่อสู้ของวงการต่อสู้ของจีน จะยืนหูทวนลมอยู่ได้ยังไง?
ตายก็ตายไปสิ ถ้าทำให้เอ๋อร์เหมยยิ่งใหญ่ มันก็ไม่เลว ทว่าการให้เกียรติและศักดิ์ศรีของวงการต่อสู้ของจีน ชีวิตของเฟิงเฉินซือไท่ก็ต้องออกหน้ารับไว้เอง!
“ไอ้ละโมบวาจาพูดพล่อยๆ วงการต่อสู้ของจีนยังไม่ถึงขั้นที่ให้คนอย่างแกมาวางแผนให้! เอาชีวิตแกมา” แลก! เฟิงเฉินซือไท่ตะโกนใส่ จากนั้นร่างกายก็ลอยตัวขึ้น พร้อมทั้งดึงเอากระบี่ยาวออกมา พุ่งไปทางลี่ไห่ซา…

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset