รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 348 ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของสำนักช้างจันทรา

บทที่ 348 ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของสำนักช้างจันทรา
ผู้มาเยือนคือผู้พิทักษ์แห่งสำนักช้างจันทราทั้งสี่ ฉานเยว่ หลั่งเย่ว เฟิงเยว่ เห้าเยว่
พวกเขารับคำสั่ง จากอินเดียมาเป็นสายสืบที่จีน คอยสืบข่าวอยู่รอบๆ บ้านตระกูลจง ช่วงนี้มีโอกาสจึงปลอมตัวเป็นคนเชิดสิงโตเข้ามาในงานเลี้ยง เพื่อไม่ให้คนจับได้
ในความวุ่นวายของบ้านตระกูลจง ผู้พิทักษ์ทั้งสี่สายตาไม่ละไปจากประตูใหญ่เลย หากมีใครคิดจะหนี ก็จะมีคำเดียวเท่านั้น คือ
“ตาย! ”
บ้านตระกูลจงเป็นสำนักย่อยของสำนักช้างจันทราในจีนเท่านั้น แต่เหล่าผู้พิทักษ์ไม่มีท่าทีเป็นมิตรแต่อย่างใด ใบหน้าของพวกเขาเย็นชา ค่อยตั้งท่าถืออาวุธ บ้านตระกูลจงเป็นบ้านที่สืบทอดกันมานับร้อยปี จะวางใจไม่ได้
“ตายทั้งหมด” เพียงพูดจบ ทั้งห้องโถงก็เกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างดุเดือด โดยเฉพาะเหล่าชายหนุ่มวัยกลางคน รีบกำหมัดวิ่งมุ่งไปยังผู้พิทักษ์ทั้งสี่
“พวกแปลกประหลาดทั้งสี่ กล้ามากนัก พวกเราบ้านตระกูลจง 300 กว่าคน แกแค่ 4คน กล้าจะฆ่าพวกเรา บ้าไปแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ” หัวเราะกันทั้งห้องโถง แม้แต่หวังเฉินก็เช่นกัน มีแต่คนต่างชาติที่ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำเท่านั้นแหละ ที่กล้าทำต่อบ้านตระกูลจงเช่นนี้ สิ้นสุดความกลัว พวกเขาคงจะได้เรียนรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของบ้านตระกูลจง และฉินหลั่งที่อยู่ใกล้ๆ นั้น พวกเขากำลังหาเรื่องอะไรกันอยู่?
“เจ้าพวกแปลกประหลาดทั้งสี่ พวกแกขึ้นมา ฉันจะใช้นิ้วเดียวล้มพวกแก! พวกนักแสดงข้างทาง มาหาเรื่องในบ้านตระกูลจง คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มางั้นเหรอ? ”
“พี่เจ็ด อย่าเสียเวลากับพวกมันเลย หลบไป ฉันเพิ่งจะเรียนวิทยายุทธ์มา ขาดคู่ซ้อม อย่าตายตั้งแต่ถูกฉันต่อยตั้งแต่หมัดแรกล่ะ! ”
“ฮ่าๆๆ …” ทั้งสี่คนนั้นหัวเราะ ราวกับคนโง่ที่ไม่รู้ว่าจะตายอย่างนั้น
“ได้สิ ในเมื่อเจอพวกเราผู้พิทักษ์แล้ว ยังไม่รู้จักเคารพ อย่าหาว่าพวกเราโหดร้ายไปล่ะ” ผู้พิทักษ์ฉานเยว่โบกแขนเสื้อ ไม่มีใครมองเห็นว่าเขาลงมืออย่างไร คนของบ้านตระกูลจงก็ตายลงด้วยการถูกแขนเสื้อยาวๆ นั้น หมุนรอบๆ กลางอากาศ หน้าแดงก่ำ และถูกรัดจนตาย
ทั้งห้องโถงเงียบสงัด นักวิทยายุทธคนนั้นถือว่าเป็นแนวหน้าของตระกูล แต่เขาตายตั้งแต่ปะทะกันครั้งแรก!
จงเส่นซานรู้สึกกังวล ทำไมพ่อกับฉินหลั่งยังไม่มาที่นี่อีก เขาเชื่อว่าถ้าเกิดว่าฉินหลั่งปรากฏตัว ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็จะถูกจับโดยละม่อม แบบนี้ก็ไม่ต้องสูญเสียกำลังพลของบ้านตระกูลจงโดยเปล่าประโยชน์
เขารู้ว่าบนตัวของพ่อเขามีอุปกรณ์ฉุกเฉิน แต่ว่ามันไม่ควรเปิดใช้งานโดยไม่คิดให้รอบคอบ ไม่ยังงั้นพอถึงเวลานั้นพ่อของเขาจะด่าว่าเขาใจเย็นไม่พอ
พอคิดได้แบบนี้ จงเส่นซานก็ตะโกนเสียงเข้มว่า “ทุกคนหลีกทางก่อน แล้วก็มาดูกันว่าสุภาพบุรุษทั้งสี่ท่านนี้มาที่นี่เพื่ออะไร? ขอถามหน่อยครับว่า บ้านตระกูลจงของผมไปทำให้พวกคุณไม่พอใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมต้องมาฆ่าคนตามอำเภอใจในระหว่างงานเฉลิมฉลองในครอบครัวด้วย ไม่มีกฎหมายที่ปกครองบ้านเมืองหรือยังไงกัน? ”
ผู้พิทักษ์ฉานเย่วเป็นหัวหน้าของผู้พิทักษ์ทั้งสี่คน ผิวของเขาอ่อนนุ่ม แตกต่างจากอีกทั้งสามคนที่มีร่างกายสูงใหญ่แล้วก็มีรอยเข็มเย็บเต็มหน้าอย่างมาก พอได้ยินจงเส่นซานพูดแบบนี้ ก็รู้ทันทีว่าแผนการฆ่าคนในจุดนั้นมีผลตอบรับที่คล้อยตามดี แต่นึกไม่ถึงว่านี่คือการที่จงเส่นซานถ่วงเวลาเพื่อลดการบาดเจ็บล้มตาย เขาคลี่ยิ้มออกมาช้าๆ แล้วตอบว่า
“แกนี่ถือว่าเป็นคนที่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรในบ้านตระกูลจง ยังเคารพพวกเรา ฉันถามหน่อย จงยู่อยู่ไหน? ”
“พี่ใหญ่ อย่าไปพูดจาไร้สาระกับมันเลย พวกเราหลายร้อยคนรุมเข้าไป สั่งสอนพวกมันจนไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ไปสุภาพกับคนพวกนี้ไม่ได้เป็นการเพิ่มความหยิ่งยโสให้พวกมันอีกงั้นเหรอ? ” น้องชายคนหนึ่งของจงเส่นซานตะโกนออกมาเสียงดัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกและเกลียดชัง
นักวิทยายุทธที่ทรงพลังของเขาตายไปคนหนึ่ง!
“หุบปาก! ตอนที่พ่อไม่อยู่ต้องฟังฉัน! ” จงเส่นซานพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“จงยู่? พวกคุณจะตามหาจงยู่ไปทำไมกัน? เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น จะไปมีเรื่องระหองระแหงกับพวกคุณได้ยังไง? ” จงเส่นซานไม่เข้าใจ แต่ว่าก็คาดเดาไว้บางส่วน
“แกเข้าใจผิดแล้ว พวกเราตามหาจงยู่ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องระหองระแหงอะไรหรอก แต่เป็นเพราะว่าโชคชะตาอันศักดิ์สิทธิ์ พวกเรามาที่นี่เพื่อสืบสานโชคชะตานี้ จงยู่อยู่ไหน? ” ผู้พิทักษ์ฉานเย่วเน้นโทนเสียง เขาพูดอย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าภาษาจีนของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ว่าน้ำเสียงของเขานั้นนุ่มนวลและไพเราะน่าฟัง ดูไพเราะกว่าผู้หญิงธรรมดาๆ พูดซะอีก วาจาของเขาก็มีความน่าทึ่ง
แน่นอนว่าจงเส่นซานจะไม่รีบชี้ตัวจงยู่โดยไม่คิดให้ดีก่อน ชาวต่างชาติสี่คนนี้ฝีมือรุนแรง ใครจะไปรู้ว่ามาเพราะเหตุผลอะไร แต่ว่าพอผู้พิทักษ์ฉานเย่วพูดจบ ผู้คนในห้องโถงก็มองไปที่ที่นั่งหลักทันที ตรงนั้นมีผู้หญิงแค่คนเดียว หน้าตางดงาม ออร่าที่บริสุทธิ์และสงบ ทำให้ผู้พิทักษ์ฉานเย่วได้กลิ่นอะไรบางอย่างทันที
“ถ้าเกิดว่าฉันไม่ได้ทายผิดล่ะก็ นี่ก็คือธิดาเทพแห่งพรรครุ่นใหม่ของสำนักช้างจันทรา ออร่าของเธอ ใบหน้าของเธอต้องใช่อย่างแน่นอน ขอบคุณเทพเจ้าช้าง ที่นำทางให้กับพวกเรา”
ผู้พิทักษ์ฉานเย่วพูดอยู่ในใจ หลังจากนั้นเขาก็พึมพำอย่างลับๆ กับท้องฟ้า ใบหน้าเคร่งขรึม ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย การเดินทางมาที่นี่ของพวกเขาในครั้งนี้ ดูแล้วน่าจะไม่เสียเปล่า
ที่มาที่ประเทศจีนในครั้งนี้ ตอนที่อยู่ที่เย็นจีนผู้พิทักษ์ฉานเย่วได้ข่าวที่ตระกูลซ่งปล่อยออกมาว่าจงยู่เป็นหลานสาวของบ้านตระกูลจง ผู้พิทักษ์ฉานเย่วที่มีสายตาแหลมคม ก็เห็นเงาของจงเสวี่ยนเย่นในใบหน้าของจงยู่ ใช่ เหมือนมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะท่าทาง ใบหน้า หรือออร่า เธอต้องเป็นลูกสาวของธิดาเทพแห่งพรรคอย่างแน่นอน
เพียงแค่ สัญชาตญาณไม่ใช่ข้อสรุปในการตัดสิน พวกเขาผู้พิทักษ์ทั้งสี่คนทำงานอย่างรอบคอบมาโดยตลอด ต้องมีข้อมูลที่เชื่อถือได้เท่านั้น
ประจวบเหมาะ ญาติห่างๆ ของบ้านตระกูลจงผลักกลุ่มคนออกแล้วก็เดินเข้าไปหาจงเส่นซาน แล้วก็กระซิบที่ข้างหูของเขา
ญาติห่างๆ คนนั้นก็คือทูตวิเศษที่เคยเข้าร่วมพิธีของสำนักช้างจันทราเมื่อแปดปีก่อน เขาเฝ้าดูอยู่ข้างๆ พักหนึ่ง สุดท้ายก็รู้แหล่งที่มาของอีกฝ่าย พอจงเส่นซานได้ยินดังนั้นหัวใจก็สั่นไหวอย่างรุนแรง คลื่นลูกหนึ่งยังไม่ทันจะสงบคลื่นอีกลูกก็มาแล้ว แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักช้างจันทรามาจากพ่อของเขา ไม่กี่ปีที่ผ่านมาบ้านตระกูลจงได้ลบล้างอิทธิพลของสำนักช้างจันทราออกไป แต่ในฐานะลูกชายคนโต จงเส่นซานก็รู้เกี่ยวกับอานุภาพของสำนักช้างจันทราอย่างลึกซึ้ง
เขาเข้าใจอย่างมากว่าทำไมพ่อของเขาถึงไม่ยอมเปิดเผยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับจงยู่ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เรื่องนี้ดูท่าทางแล้วมันต้องสำคัญอย่างมาก
“ปกป้องจงยู่! ” จงเส่นซานไตร่ตรองอยู่ สีหน้าเขาเปลี่ยนไป แต่ว่าก็ช้าไปแล้ว พิทักษ์ฉานเย่วพุ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆ จงยู่พร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า
“คุณจงครับ จงเสวี่ยนเย่นอยู่ที่อินเดียมาโดยตลอด เธอส่งพวกเรามาเพื่อรับลูกสาวกลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง เชิญลุกขึ้นเถอะครับ”
จงยู่ใจเต้น มีแววแห่งความสุขปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ แต่ว่าความสุขนี้ก็จางหายไป เป็นไปไม่ได้ แม่ของเธอจะไปอยู่ที่อินเดียได้ยังไง? เธอตกหน้าผาตายชัดๆ!
ประกายของอารมณ์ความสุขและเศร้าของสายเลือดเดียวกันแวบขึ้นมา แต่ว่าผู้พิทักษ์ฉานเย่วก็เห็นทัน ตอนนี้เหมือนกับว่าเขาแน่ใจแล้วว่าจงยู่ก็คือลูกสาวของจงเสวี่ยนเย่น แต่ว่าถ้าเกิดยังไม่สบายใจจริงๆ ก็ใช้เครื่องหยกโบราณนกฟีนิกซ์มายืนยันครั้งสุดท้ายก็ได้ แต่ว่าเขารู้สึกว่ามันไม่ได้จำเป็นแล้ว
“ธิดาเทพแห่งพรรคผู้สูงส่ง ได้โปรดรับความเคารพจากผู้พิทักษ์ทั้งสี่! ”
ผู้พิทักษ์ฉานเย่วคุกเข่าลงกับพื้น แล้วก็หมอบกราบลงไป นั่นคือท่าทางของการบูชา และผู้พิทักษ์อีกสามคนที่เหลือที่โอบล้อมอยู่ ก็คุกเข่าลงที่พื้นอย่างโจ่งครึ่ม,โจ๋งครึ่ม,โจ่งครุ่ม แล้วน้ำตาแห่งความตื่นเต้นก็ไหลออกมา

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset