รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 534 ก่อนศึกใหญ่

บทที่ 534 ก่อนศึกใหญ่
เหลิ่งเชียนชีวเป็นพี่ใหญ่ในสำนักหมิง และเข้าร่วมพันธมิตรศิลปะการต่อสู้อย่างใจกล้า นี่เป็นบุคลิกการชักนำที่มีเสน่ห์ของฉินหลั่ง
เขานึกว่าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ เป็นเพียงแค่การรวมตัวกันของนักต่อสู้ คล้ายๆสมาคมอะไรพวกนั้น แต่คาดไม่ถึงว่าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้จะเข้มงวดขนาดนี้ โครงสร้างอาคารก็แน่นหนาสุดๆ
พูดตามตรง ตอนนี้เหลิ่งเชียนชีวอยากถอนตัวออกจากพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หน่อยๆแล้ว เพราะการเข้าร่วมของจะให้ภาพพจน์อย่างหนึ่งแกผู้คน สำนักหมิงกลายเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ นี่มันภาพลวงตาชัดๆ
ต้องรู้ว่าสำนักหมิงของเขา แข็งแกร่งกว่าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ไม่ใช่อ่อนแอกว่า
ดังนั้นเขาจึงรู้จักแค่ฉินหลั่ง ส่วนคนอื่นๆไม่ได้อยู่ในสายตา
ที่ฉินหลั่งพาเขามา ก็เป็นการให้คนชื่นชมเป็นนัยๆ หลังจากกำจัดคนของแผนกบังคับใช้กฎหมายไปได้หมดแล้ว บารมีของฉินหลั่งในพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ก็ถึงจุดสูงสุดที่พวกรุ่นก่อนๆไม่อาจทำได้
เขาสั่งให้คน1หมื่นกว่าคนนี้ รักษาการณ์พันธมิตรศิลปะการต่อสู้แห่งเย็นจีนอย่างแน่นหนา ส่วนผู้บังคับบัญชาแต่ละตำแหน่ง ล้วนอายุน้อยและแข็งแรงวัยรุ่นแข็งแกร่งพวกนี้ล้วนปฏิบัติตามฉินหลั่ง แต่จุดอ่อนอยู่ที่ศิลปะการต่อสู้ไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก
ฉินหลั่งเคยคิดแล้ว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะสอนกระบวนท่าให้ลูกศิษย์พวกนี้สักหน่อย แล้วตัดสินใจจากความเข้าใจและโชคของพวกเขา
บรรยากาศในพันธมิตรศิลปะการต่อสู้แห่งเย็นจีนเต็มไปความแข็งแกร่ง
จากนั้นฉินหลั่งยังเตรียมไว้อีกอย่างหนึ่ง
เขาส่งลูกน้องของบ้านตระกูลจง กลับไปภูเขาเทียนเพื่อจัดระเบียบกองทัพ ประการแรกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคิดบัญชีหากแพ้ศึก ประการที่สองหวังว่าภูเขาเทียนกับพันธมิตรศิลปะการต่อสู้แห่งเย็นจีนจะร่วมมือกันทำสงคราม
แต่ครั้งนี้จงยู่จะไปยาวเย่วกง ยู่เอ๋อเป็นส่วนที่อ่อนโยนที่สุดในใจฉินหลั่ง เขาต้องหมดห่วง ถึงจะเผชิญหน้ากับความท้าทายอันมากมายได้
เดิมทีจงยู่ยังไงก็ไม่ยอมไป แต่เมื่อฉินหลั่งยังคงยืดหยัน จึงทำได้เพียงทำตามไปทั้งน้ำตา
“เป็นค่ำคืนที่สวยจริงๆ”
ในคืนนั้นฉินหลั่งนั่งอยู่ในวิลล่าเชียนชิว พลางต้มชากาหนึ่งแล้วดื่มมัน เพลิดเพลินไปกับความเงียบก่อนสงครามที่จะมาถึง
เป็นถึงเจ้าชายของพรรคแล้ว แต่ยังต้อง“พึ่งพาคนอื่น ไม่อาจเป็นอิสระได้”แม้แต่ที่อยู่ของตัวเองยังไม่มี เหล่าวัยรุ่นแข็งแกร่งพวกนั้นของเขาบอกว่าไม่ทนแล้ว อยากให้เขามีชีวิตสงบสุข แต่ฉินหลั่งก็ปฏิเสธ
เสี่ยวฉวนยังไม่ล่มสลาย จะมีบ้านได้อย่างไร ตอนนี้เขาไม่คิดจะซื้อบ้านซื้อที่ดิน รอจนกว่าจะกำจัดเสี่ยวฉวนได้แล้วค่อยว่ากัน ยังไงซะก็ยังมีเงินอีกหลายร้อยล้านที่ยังไม่ได้ใช้
ตอนนี้เงินหลายร้อยล้านสำหรับเขานั้นไม่ถือว่าเยอะ เพราะมีที่ให้เขาใช้เงินแล้ว นั่นก็คือกลั่นยาอายุวัฒนะ
ยาอายุวัฒนะในอนาคตอาจใช้สมุนไพรเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโอกาสในการทำเงินก็ยิ่งเยอะขึ้น
การกลั่นยาคายเหมิงตันในครั้งนี้ไม่ต้องใช้สมุนไพรล้ำค่าอะไร ช่วงบ่ายฉินหลั่งจึงไปร้านยาจีนแล้วสั่งไปชุดใหญ่
กลั่นยาคายเหมิงตันนั้นง่ายมากๆ ที่ฉินหลั่งอยากกลั่นก็คือยาอายุวัฒนะ ที่พื้นฐานที่สุดในยาวเย่วกง
คายเหมิงตันหมายถึงสวรรค์ อุปมาว่าความโกลาหลของสวรรค์ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันเป็นยาทิพย์ช่วยเพิ่มพลังชีวิตชนิดหนึ่ง เรียกได้ว่าสามารถใช้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะป่วย ได้รับบาดเจ็บ หรือร่างกายอ่อนแอก็สามารถนำมาใช้ได้ สำหรับคนที่ไม่เคยบำเพ็ญตบะ มันสามารถยืดอายุได้ด้วย ทำให้มีชีวิตต่อไปได้อีกหลายปี
แต่ความเป็นจริงเพราะเทคโนโลยีการกลั่น และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องไม่ค่อยแม่นยำ แม้กระทั่งเม็ดยายังไม่มีประสิทธิภาพ1ใน10ของยาคายเหมิงตัน
เขาก็จนหนทาง หากจะกลั่นยาทิพย์คายเหมิงตัน เดาว่าคนสมัยนี้ไม่อาจรับได้ แม้ใช้สมุนไพรอื่นมาแทน ก็ต้องเป็นโสมป่าที่มีอายุเก่าแก่กว่าหนึ่งศตวรรษ ค่าใช้จ่ายเยอะไม่พอ แต่จะไปหาได้ที่ไหนนี่สิปัญหา
ดื่มชาเสร็จฉินหลั่งก็กลั่นยาคายเหมิงตันในวิลล่าเชียนชิว แล้วฝึกพลังภายในไปด้วย
ในระหว่างนั้นมีสายเรียกเข้าหลายครั้ง ฉินหลั่งล้วนไม่รับ และตั้งใจกลั่นยาต่อ
ยาคายเหมิงตันที่กลั่นเมื่อหลายวันก่อนทำลวกเกินไป ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงตั้งใจมากกว่าเดิม
จนกระทั่งถึงตี3 ยาถึงจะกลั่นออกมาได้
การประลองกับเสี่ยวฉวน ถูกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้เปลี่ยนเวลาเป็นบ่ายพรุ่งนี้ แต่ในเมื่อถูกเปลี่ยนเวลาแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
จะสู้ก็สู้ ไม่เกี่ยงหรอกว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน
ในขณะนั้นเองเหลิ่งเชียนชีวก็เข้ามา
สีหน้าของเหลิ่งเชียนชีวและเหลิ่งชุนอวี่เต็มไปด้วยความกังวล สายตาราวกับมาหาเขาเป็นครั้งสุดท้ายอย่างไรอย่างนั้น
ฉินหลั่งพูดหยอกล้อ:“ทำไม ดูเหมือนชุนอวี่จะกังวลมากเลยนะ?กังวลว่าพรุ่งนี้ฉันจะแพ้ ตายที่กำแพงเมืองจีน ดังนั้นเลยมาหาฉันเป็นครั้งสุดท้ายงั้นเหรอ?”
บางทีพรุ่งนี้จะเป็นหรือตายไม่อาจคาดเดาได้ ดังนั้นคืนนี้ฉินหลั่งจึงปล่อยวางเป็นพิเศษ
“ห้ามพูดว่าตายสิ”
ฉินหลั่งไม่ทันพูดจบ เหลิ่งชุนอวี่ก็พูดขัดออกมา:“พรุ่งนี้นายจะต้องชนะแน่นอน”
“นายต้องชนะนะ ถ้านายตายจะมีคนเสียใจเป็นจำนวนมาก”
ฉินหลั่งใจชื้นขึ้นมา เขารู้ว่าเหลิ่งชุนอวี่รู้จักบุญคุณ
เขายิ้มๆ“ไม่ต้องหาวง ฉันจะรอดกลับมา”
“จากข่าวของพวกเรา นายฆ่าจั่วหู่ จั่วเฉินบิงเดือดมาก เขาจึงรวบรวมเหล่ายอดฝีมือเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เตรียมบินมาดูศึกในวันพรุ่งนี้”
เหลิ่งเชียนชีวพูด
เหลิ่งเชียนชีวเปิดประเด็นขึ้น:“พรุ่งนี้ถ้านายตายด้วยน้ำมือเสี่ยวฉวนอู่เจิ้ง จั่วเฉินบิงเผากระดูกคุณเป็นเถ้าถ่านแน่ จัดการท่านจงพวกเขา”
“แต่ถ้านายรอดจากน้ำมือเสี่ยวฉวน พวกเขาก็คงรุมฆ่านายที่นั่นแน่”“สรุปคือจั่วเฉินบิงอยากให้นายตายที่กำแพงเมืองจีน ที่ฉันมาก็เพื่อมาเตือนนาย ให้ระวังจั่วเฉินบิงลอบแว้งกัด”
เหลิ่งเชียนชีวบอกเรื่องที่ตนรู้ให้ฉินหลั่งฟัง จากนั้นก็หยิบแก้วชาของฉินหลั่งขึ้นมาดื่ม สีหน้าจริงจัง
“ฉันเอาจั่วเฉินบิงเข้าไปในรายชื่อคนตายเรียบร้อยแล้ว”
ฉินหลั่งยิ้มมุมปากอย่างหยอกล้อ:“ฉันกับเขาก็เหมือนเสี่ยวฉวนนั่นแหละ ต้องมีใครตายสักคน ฉันไม่ถูกเขาแว้งกัดหรอก”
“พรุ่งนี้นอกจากจั่วเฉินบิง ที่เป็นตัวแทนของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ยังมีคณะสังเกตการณ์จีนและญี่ปุ่นอีก2คณะ ประมาณ20กว่าคนอีกด้วย”
เหลิ่งเชียนชีวพูดต่อ:“ทางด้านจีนนำโดยเสิ่นชิงซานที่เป็นตัวแทนของห้าตระกูล ส่วนด้านญี่ปุ่นนำโดยจั่วเถิงซานหลัง”
“เหมือนทั้งมาสังเกตการณ์ศึก และมาเป็นพยาน”
เขาพูดเสริม:“มีคนอยู่ในศึกเยอะขนาดนี้ เสี่ยวฉวนไม่เล่นตุกติกอะไรหรอก เป็นการต่อสู้ที่แท้จริง”
“เขามีข้อได้เปรียบ คิดว่าจะฆ่าฉันได้ง่ายๆ คงไม่เล่นตุกติก”
ฉินหลั่งยิ้มบางๆ จากนั้นถามขึ้น:“เสิ่นชิงซานกับจั่วเถิงซานหลังนี่เป็นใครกัน?”
“จั่วเถิงซานหลังเป็นนักต่อสู้รุ่นเก่าของญี่ปุ่น อายุ56ปี คุณธรรมและบารมีสูงส่ง แต่ฝีมืองั้นๆ พลังภายในน่าจะระดับกลาง”
เหลิ่งเชียนชีวอธิบายให้ฉินหลั่งฟัง:“เสิ่นชิงซานเป็นรองประธานสมาคมบูโดจีน รู้จักกับสหพันธ์บูโด และสำนักที่ซ่อนอยู่มานานแล้ว”
“ไม่มีอำนาจอะไร แต่เครือข่ายนั้นกว้างขวางมาก และยังติดต่อกับห้าตระกูลอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงเป็นคนที่มีชื่อเสียงในหลงตูด้วยเช่นกัน”
“อืม เข้าใจแล้ว”ฉินหลั่งยกแก้วชาขึ้นมาดื่ม เขารู้สึกว่าเสิ่นชิงซานคนนี้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับเขาเท่าไหร่
“เพื่อนเอ๋ย ถ้าคุณชนะศึกนี้ ฉันอยากให้ชุนอวี่นับถือนายเป็นอาจารย์ ช่วยงานเล็กๆน้อยๆ”
เหลิ่งเชียนชีวพูดอย่างจริงๆ
ฉินหลั่งเกือบสำลักน้ำชาออกมา:“มีพ่ออย่างนายยังต้องตามรับใช้ฉันอีกเหรอ?”
“ไม่ใช่ ถ้าเปรียบเทียบฉันกับนาย ฉันเป็นแค่แสงของเทียนก็เท่านั้น”เหลิ่งเชียนชีวพูดจาตรงไปตรงมามาก
จากนั้นเขาก็ขอร้อง ฉินหลั่งจึงยอมอย่างฝืนๆ แต่ไม่ให้เรียกว่าอาจารย์ เป็นแค่ศิษย์นอกสำนักที่ไม่มีตัวตน
แต่เหลิ่งเชียนชีวซึ้งใจจนน้ำตาแทบไหล
ในช่วงเวลานี้ของวันนี้ เคารพฉินหลั่งเป็นอาจารย์ ทำให้เขามั่นใจว่าศึกครั้งนี้จะชนะเสี่ยวฉวนมากขึ้น
เป็นการปลุกเร้าใจที่ดีอย่างหนึ่ง
เหลิ่งเชียนชีวคิดว่าลูกสาวของตนได้เปรียบเยอะเลย

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset