รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 608 ล้ำเส้น

บทที่ 608 ล้ำเส้น
พวกเขาตะคอกเสียงดัง “ไสหัวกลับไป”
“ปังปัง!”
ฉินหลั่งไม่พูดมาก สันมือของเขาฟาดใส่ทั้งสองคนจนล้มลงไปนอนกับพื้นเสียงดังกึก
ฉินหลั่งเดินตรงเข้าไปโดยไม่พูดอะไรพร้อมกับจับเข็มเงินไว้ในมือทั้งสองข้างที่เตรียมไว้และไม่ได้มองพวกเขาด้วยซ้ำ
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
บอดี้การ์ดหลายคนที่ดูแข็งแกร่งกว่างานเลี้ยงครั้งที่แล้วเมื่อเห็นสถานการณ์ก็คิดจะวิ่งเข้ามาหยุดฉินหลั่ง
ฉินหลั่งวิ่งฝ่าไปเข้าไปราวกับกอไผ่ เข็มเงินบินออกไปส่งเสียงฟิ้วๆและทุกคนที่วิ่งเข้ามาขวางส่งเสียงร้องโหยหวนแล้วล้มลงกับพื้น
ไม่นานข่าวมีคนบุกรุกก็แพร่กระจายออกไป ชายร่างใหญ่กำยำหลายสิบคนวิ่งตรงเข้ามา
คนพวกนี้ทุกคนมีทั้งมีดทั้งปืนติดมือมาด้วย เมื่อเห็นฉินหลั่งที่เต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่า พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะออกอาวุธที่อยู่ในมือทันที
เพียงแต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้าเกินไป ยังไม่ทันได้เล็งตรงมาที่ฉินหลั่งก็ถูกเข็มเงินของเขาซัดจนล้มลงกับพื้นไปทีละคน
ไม่ใช่ข้อมือก็หัวเข่าที่ถูกเข็ม ถึงแม้ว่าเข็มเงินจะเล็กแต่ก็สามารถทำให้พวกเขาสูญเสียทักษะในการต่อสู้
จัดการกับคนพวกนี้ฉินหลั่งดูถูกจนไม่ใช้ชี่แท้ด้วยซ้ำ
เขาสู้ไประหว่างทาง ในพริบตาก็ล้มคนไปแล้วหลายสิบคน
ไม่นานฉินหลั่งก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูงานเลี้ยง เขายกเขาขึ้นถีบประตูจนเปิดออกพร้อมกับหลบไปด้านข้างในเวลาเดียวกัน
“กึก กึก กึก——”
เสียงลูกศรหน้าไม้ที่ทุ่มต่ำดังขึ้น ลูกศรหน้าไม้หลายสิบดอกพุ่งออกมายิงเข้าใส่กำแพงหลายจุด
ลูกดอกร่วงหล่นกลางอากาศ
เมื่อนักธนูเห็นสถานการณ์จึงหยุดนิ่งโดยไม่รู้ตัว
ฉินหลั่งหลบออกมาแล้วซัดเข็มเงินออกไป
นักธนูของตระกูลเมิ่งสามคนส่งเสียงร้องโหยหวน มือกุมที่คอแล้วล้มลงกับพื้นลงไป
และยังมีอีกสองคนที่กำลังขึ้นลำหน้าไม้โดยไม่รู้ตัว
ฉินหลั่งขยับฝีเท้าพุ่งตรงไปหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขา สองมือคว้าข้อมือของพวกเขาเอาไว้แล้วหักอย่างกะทันหัน
เสียงดังแคระ
ข้อมือของทั้งสองคนหัก รู้สึกเจ็บปวดจนล้มลงกับพื้น
ฉินหลั่งถีบที่กั้นที่อยู่ตรงหน้าจนเปิดออก
วิสัยทัศน์ของเขามองเห็นอย่างชัดเจนในทันที โต๊ะกลมขนาดใหญ่ เก้าอี้โซฟาขนาดใหญ่สองสามตัวและโต๊ะน้ำชา โดยมีชายหญิงหลายสิบคนแต่งตัวหรูหรานั่งอยู่บนนั้น
นอกจากนี้ทั้งสองข้างยังมีบอดี้การ์ดชุดดำหลายคนพร้อมกับปืนที่คาดอยู่บนเอว
เขาสามารถมองเห็นใบหน้าเย็นชาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเมิ่งเหมิงเหมิงได้อย่างชัดเจน และยังมีการเยาะเย้ยครึ่งหนึ่งที่เก็บกลับมาไม่หมด “ไอ้สาระเลว ถีบประตูส่งเดช ลูกธนูเยอะขนาดนี้ไม่ยิงมันตายก็แปลก……”
เขาหยุดบทสนทนาของตัวเองแล้วหันไปมองฉินหลั่งที่ไม่เป็นอะไรเลย สีหน้าของเขาดูแปลกไปในทันที
ห้องโถงที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่คึกคักก็เงียบสงัดลง
“ฉินหลั่ง?”
สีหน้าของเมิ่งเหมิงเหมิงกลับมานิ่งสงบ เขายิ้มด้วยรอยยิ้มที่แปลก “แกนี่มันดวงแข็งจริงๆ”
ฉินหลั่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “น่าเสียดายที่ชีวิตของแกมันสั้น”
“ชีวิตสั้น?”
เมิ่งเหมิงเหมิงยิ้มเล็กน้อยแล้วถาม “ชีวิตสั้นอะไร?”
“แกทำให้ชีวิตของฉันสั้นได้เหรอ?”
ในขณะที่พูดมีบอดี้การ์ดสามคนชักปืนออกมาเล็งไปที่ฉินหลั่ง
ผู้หญิงหลายคนปิดปากตัวเองแล้วหัวเราะเสียงเบา ในแววตาเต็มไปด้วยความดูถูก
ฉินหลั่งก็แค่คนเดียว ถึงแม้จะสามารถบุกเข้ามาได้จนทำให้รู้สึกแปลกใจ แต่ที่ข้างกายของเมิ่งเหมิงเหมิงยังมีปืนอีกสามกระบอก ฉินหลั่งจะต่อกรยังไง?
“แกล้ำเส้นของฉันแล้ว”
ฉินหลั่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “คืนนี้ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องมีคำอธิบายให้ฉัน”
“อธิบายให้แก?”
“อธิบายอะไรให้แก?”
“แกลืมคำพูดที่ฉันเคยพูดแล้วเหรอ? ฉันกับแกไม่จบแค่นี้แน่!”
“แกคิดว่าตระกูลเมิ่งเป็นคนโง่หรือยังไง?” เหมิงเหมิงขมวดคิ้ว ยื่นมือทั้งสองออกไปเผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่ดูแล้วน่าตกใจทั้งสองข้าง
หลังจากนั้นเมิ่งเหมิงเหมิงหยิบบุหรี่ซิการ์ขึ้นมาหนึ่งม้วนยิ้มแล้วพูด “ที่นี่มีปืนอยู่สามกระบอก จะให้พวกมันให้คำอธิบายกับแกหรือเปล่า”
“พูดมา จะให้พวกมันให้คำอธิบายกับแกหรือเปล่า?”
เมิ่งเหมิงเหมิงทำท่าอยู่เหนือกว่า
แต่แล้วหลังจากที่พูดจบ……
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
ได้ยินเพียงเสียงที่เสียดสีกับอากาศ เข็มเงินพุ่งตรงออกไป บอดี้การ์ดทั้งสามคนที่ถือปืนเปลือกตากระตุก หลังจากนั้นรู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือ
ข้อมือด้านชา ไร้เรี่ยวแรง กระบอกปืนตกลงสู่พื้น
“อ่า—-” ในขณะที่ผู้คนอุทาน ฉินหลั่งก็หายไปจากตำแหน่งเดิมแล้ว
สีหน้าของบอดี้การ์ดหลายคนเปลี่ยนไปทันที และคิดจะพุ่งตรงไปปกป้องเมิ่งเหมิงเหมิงแต่กลับถูกฉินหลั่งชนกระเด็นออกไปอย่างไร้ความปราณี
เมิ่งเหมิงเหมิงเดิมทีคิดจะลุกขึ้นถอยหลังตามสัญชาตญาณแต่ปรากฏว่าจู่ๆที่คอของเขาก็รู้สึกแน่น
เขาถูกมือข้างหนึ่งที่เหมือนกับคีมเหล็กจับเอาไว้ หลังจากนั้นก็ถูกยกขึ้นทั้งตัว
พละกำลังมหาศาลทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออก
“อะไร?”
“คุณชาทยเมิ่ง!”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
กลุ่มเพื่อนของเขารู้สึกตกใจจนเสียอาการ รีบหลบออกไปตามทางทั้งสองข้าง
บอดี้การ์ดหลายคนฝืนทนความเจ็บเอาไว้ลุกขึ้นพุ่งตรงเข้าไปหาฉินหลั่งทั้งหมด
แต่แล้วในขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าใกล้ ฉินหลั่งยกเท้าขึ้นถีบออกไปเร็วดั่งสายฟ้า
“ปัง ปัง ปัง——”
บอดี้การ์ดหลายคนที่พุ่งเข้ามาถูกฉินหลั่งถีบจนลอยกระเด็น
ซี่โครงหักและเป็นการยากที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
สีหน้าของเมิ่งเหมิงเหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“แก—-”
ความสามารถของฉินหลั่งเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ ปืนสามกระบอกเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินหลั่งเหมือนกับเป็นเพียงแค่เศษเหล็ก
“ฉันรู้สึกมาโดยตลอดว่าวันนั้นที่แทงทะลุมือทั้งสองข้างของแก มันน่าจะทำให้แกได้รับบทเรียนแล้ว”
ฉินหลั่งบีบคอของเมิ่งเหมิงเหมิงเอาไว้ “แต่ดูเหมือนว่าตั้งแต่เริ่มแรกฉันมันไร้เดียงสาและเมตตาแกมากเกินไป”
“พวกสวะอย่างแก สมควรที่จะทำลายให้สิ้นซากอย่างไร้ความปราณี”
“พูดมาเถอะ คืนนี้แกอยากจะตายยังไง?”
เขานึกถึงลมที่ได้รับบาดเจ็บ ในแววตาปรากฏให้เห็นถึงเจตนาแห่งการสังหารสายหนึ่งพุ่งออกมา
“แกคิดจะทำอะไร?
ฆ่าคนเหรอ?”
เมิ่งเหมิงเหมิงรักษาภาพลักษณ์ที่มีอำนาจแล้วหัวเราะ “ฆ่าคนต้องโทษประหารนะ แกฆ่าฉัน พวกคนที่อยู่รอบกายของแกจะไม่ถูกพ่อของฉันบีบจนตายทีละคนเหรอ”
เขาไม่เชื่อว่าฉินหลั่งจะกล้าฆ่าเขา
“ปัง—-”
มือขวาของฉินหลั่งเหวี่ยงออกไปอย่างกะทันหัน เมิ่งเหมิงเหมิงลอยกระเด็นออกไปเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่กระแทกเข้าใส่กระจกหน้าต่างที่อยู่ด้านปีกของห้องโดยตรง
เสียงกระจกแตกดังขึ้น มีเศษชิ้นส่วนกระจกแตกกระจายดังซ่าตกลงสู่พื้น
“อ่า—-”
เมิ่งเหมิงเหมิงกระอักเลือดและตกลงไปจากกลางอากาศ
เบื้องล่างของเขาก็คือความสูงยี่สิบเมตร
เมิ่งเหมิงเหมิงส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนก “ช่วยด้วย ช่วยด้วย…..”
“ขะ—-” ฉินหลั่งพุ่งตัวออกไปข้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่เมิ่งเหมิงเหมิงกำลังจะตกลงไปเขาบีบกระชากคอของเมิ่งเหมิงเหมิงไว้อีกครั้ง
ในห้องเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง ผู้หญิงหลายคนแทบจะทรุด
มันรู้สึกน่าตกใจมาก
ฉินหลั่งมองดูใบหน้าของเมิ่งเหมิงเหมิง “ห้อยโหนอยู่กลางอากาศรู้สึกยังไงบ้าง?”
ขอเพียงแค่เขาปล่อยมือ เมิ่งเหมิงเหมิงก็จะตกลงไปทันที ความสูงแปดชั้นเพียงพอที่จะทำให้ชะตาของเขาถึงฆาต
“คำพูดก่อนตาย……”
เปลือกตาของเมิ่งเหมิงเหมิงกระตุกและสูดหายใจเข้าสั้นๆ “ฉินหลั่งคนเยอะแยะขนาดนี้มองดูอยู่ แกฆ่าฉัน แกก็หนีไม่พ้น”
ฉินหลั่งยิ้มเล็กน้อย “ยังมีคำพูดก่อนตายอะไรอีกหรือเปล่า?”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ในขณะนั้นเองประตูห้องถูกผลักออก มีคนหลายสิบคนวิ่งรุมกันเข้ามา
คนที่อยู่ด้านหน้าสุดเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงสวมชุดกระโปรง
ใบหน้าสวยดูงดงาม
“ประธานหลง ประธานหลง ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เมิ่งเหมิงเหมิงตะโกนร้องอย่างโหยหวน “ไอ้บ้านี่มันทำร้ายคนในที่ของคุณ และยังจะฆ่าผม รีบช่วยผมด้วย…..”
“ผมไม่อยากตาย ประธานหลง รีบช่วยผมด้วย”
ประธานหลง?
ฉินหลั่งหันหน้ากลับไปมองผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรง
เขามองโดยไม่กระพริบตา
ผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงก็รู้สึกประหลาดใจและเสียอาการ “พี่ใหญ่ฉิน——”
ตั้งแต่ที่ฉินหลั่งช่วยเหลือตระกูลหยูฝ่าวิกฤตที่ยากลำบากครั้งนั้นไปได้ หลงเย้นก็ไม่ได้ติดต่อฉินหลั่งอีกเลย แต่หลงเย้นก็ยังคงเหมือนกับลูกหลานของตระกูลที่หลินอานคอยคิดคำนึกถึงฉินหลั่งมาก
เธอก็เป็นคนประเภทที่รู้สึกไม่พอใจกับการอยู่ภายใต้ร่มเงาของคนรุ่นพ่อ และในใจก็หวังอยากจะสร้างทุกอย่างขึ้นด้วยตัวเองในเย็นจีนเหมือนกับฉินหลั่ง เพราะเหตุนี้เธอจึงเปิดไนท์คลับขึ้น หลังจากที่กิจการไนท์คลับเปิดได้ไม่นานจึงได้พึ่งพาบุคคลที่มีชื่อเสียงของเย็นจีน
ถึงแม้หลงเย้นจะรู้ว่าตัวเองกำลังต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคอยู่ในเมืองเดียวกับฉินหลั่ง แต่ตัวเองก็ไม่เคยทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันได้ ดังนั้นหลงเย้นจึงไม่ได้ติดต่อกับฉินหลั่งเลย
และเธอก็รู้ดีความสัมพันธ์ของฉินหลั่งและจงยู่ไม่สามารถสั่นคลอนได้
หลงเย้นรู้สึกซาบซึ้งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เพราะการที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งหนึ่งมันเต็มไปด้วยเรื่องบังเอิญ ในที่สุดเธอก็ได้พบกับพี่ใหญ่ที่ตัวเองนับถือ!

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset