รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 696 ไอคิวไร้ขอบเขต

บทที่ 696 ไอคิวไร้ขอบเขต
คนเหล่านี้ล้วนกลายเป็นคนโง่ถ้าเทียบกับฉินหลั่ง เบื้องหลังแผนการพวกนี้ล้วนเป็นฝีมือฉิวเชียนจ้าง เสี้ยงเฟยสงพวกเขา ความแตกต่างของไอคิวนั้นพูดได้ว่าไร้ขอบเขต
ฉิวกงเฉิงแอบถอนหายใจ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้น่าจะไปมาหาสู่กับฉินหลั่งให้มากกว่านี้ ถ้าในหมู่ลูกหลานของตนมีคนเก่งๆแบบนี้ก็คงดี
การวิเคราะห์ของฉิวกงเฉิงทำเอาทุกคนหน้าเสียไปหมด พวกเขาไม่ใช่ไม่รู้ว่าฉินหลั่งร้ายกาจ เพียงแต่ในใจไม่ยอมรับว่าฉินหลั่งเก่งก็เท่านั้น มโนว่าตนเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ สูงส่งกว่าฉินหลั่งหลายชั่วอายุคน
ฉิวกงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนต่างก้มหน้า เหมือนบอกเป็นนัยว่ายอมรับความยิ่งใหญ่ของฉินหลั่ง ฉิวเชียนจ้างก็อายุ70-80ปีแล้ว ตอนนี้ก็ต้องยอมรับอย่างน่าอายว่าตนล้มเหลว
เสี้ยงย่าเยว่พูดอย่างลังเล“งั้น ผู้อาวุโสฉิว เรื่องนี้จะจัดการยังไงต่อ ตอนนี้สำนักหมอผีหมดขวัญกำลังใจ คนสำคัญตายติดๆกัน ได้ยินมาว่าไม่รู้ประมุขสำนักหมอผีตายหรือยัง แต่โยวโจ่ลู่เหย่ถูกเลือกให้เป็นประมุขคนต่อไป พวกเขากำลังวุ่นอยู่กับการจัดการเรื่องการเลือกตั้งภายใน เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง เกรงว่าจะแก้ปัญหาเรื่องยากในจีนไม่ได้ ”
“ผมจึงมองจากผลสะท้อนกลับของสำนักหมอผี ตอนนี้พวกเขาไม่อยากพัฒนาในจีนอีกต่อไป”
“ส่วนเถี่ยซือ เรื่องของเถี่ยซือตอนนี้เป็นที่ฮือฮาในวงการต่อสู้แล้ว ทั้งสองวงการมีความเห็นเกี่ยวกับเถี่ยซือไม่ตรงกัน”
“ถ้ามองจากมุมรัฐบาล พวกเราให้คุณท่านกงเฉิงจัดการดีไหม ให้ไปคุยกับทางตำรวจ หรือไม่ก็ให้คุณปู่รองของฉันจัดการ แบบนี้อาจช่วยให้ตำรวจลดความเข้มงวดต่อเถี่ยซือ เดี๋ยวเรื่องจะมาถึงหัวพวกเรา?”
“นี่เป็นการฆาตกรรม และเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น ตระกูลเสี้ยงและแก๊งแถ่จ่างไม่เพียงเสียชื่อเสียง อีกทั้งยังทำให้พวกเราตกอยู่ในอันตราย”
“เรื่องแค่นี้ต้องให้ฉันกับเสี้ยงเฟยสงออกโรง พวกแกบ้าไปแล้วเหรอ?!”ฉิวกงเฉิงจะจัดการความโกรธ“การปรากฏตัวของพวกเราทำให้คนอื่นคิดว่าเรื่องร้ายแรงมาก ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง อีกอย่างฉินหลั่งเป็นแค่เด็กน้อย พวกแกก็เป็นวัยรุ่นเหมือนกัน ให้คนแก่อย่างพวกเราออกโรง จะบอกคนอื่นเหรอว่าแก๊งแถ่จ่าง และตระกูลเสี้ยงของเราไม่มีผู้สืบทอด?”
“พวกแกอยากให้ฉันเหนื่อยตายใช่ไหม?”ฉิวกงเฉิงเท้าสะเอวด้วยความโมโห ตอนนี้เขามีลางว่าจะได้กลับสวรรค์ จะให้ไปจัดการเรื่องบ้าๆพวกนี้ได้ไง หรือแก๊งแถ่จ่างไม่เหลืออะไรให้ยกย่อง ขาดผู้สืบทอดแล้วจริงๆ?
“ครั้งก่อนพอฉันไป แม้ฉินหลั่งรู้ว่าฉันไม่เชื่อใจเขา แต่ถึงยังไงฉันก็คลี่คลายสถานการณ์ ไม่ปะทะกันไม่แต่น้อย และยับยั้งสถานการณ์ได้ พวกแกยังอยากให้พวกฉันทำอะไรอีก?!”
เสี้ยงย่าเยว่ตกตะลึง ตอนนี้ตระกูลเสี้ยงขาดคนมีความสามารถจริงๆ เพราะฉินหลั่งฆ่าคนเก่งๆของตระกูลเสี้ยงไปหมดแล้ว ไม่งั้นไม่ส่งเธอที่เป็นผู้หญิงมารับผิดชอบคนเดียวหรอก
“ฉันขอเตือนพวกแก ให้คนแก่อย่างพวกเราออกหน้า อาจทำให้ยิ่งอับอายโดยเปล่าประโยชนน์ ถ้าเสี้ยงย่าเยว่หรือเชียนจ้างเสียสละดับความโกรธฝ่ายตรงข้ามได้ ฉันจะขอบใจอย่างมาก”
คนอื่นๆหน้าเปลี่ยนสีทันที ฉิวกงเฉิง นี่มันฉิวกงเฉิงเลยนะ ไม่เคยเห็นฉิวกงเฉิงกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อทุกฝ่าย และมองอนาคตในแง่ร้ายขนาดนี้มาก่อน
ฉิวกงเฉิงพูดอย่างหดหู่“เรื่องที่ฉันค่อนข้างกังวลในตอนนี้คือหลินเส้าโสจะมาเล่นงาน……”
ครั้งก่อนที่ร้านหุยชุน เขาขอโทษฉินหลั่งและหลินเส้าโสครั้งแล้วครั้งเล่า แสดงให้เห็นว่าไม่ถือสาเอาความเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ให้เรื่องจบลงเท่านี้ พูดอย่างสง่าผ่าเผย จริงใจจนซาบซึ้ง แต่พอออกไปก็ส่งเถี่ยซือไปลอบฆ่า แน่นอนว่าฉินหลั่งและหลินเส้าโสมีแผนรับมือที่เหมาะสม หลินเส้าโสจะบุกมาฆ่าก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ฉิวกงเฉิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง หันไปหยิบกล่องๆหนึ่ง แล้วหยิบการ์ดในลิ้นชักอีกด้าน จากนั้นเอากุญแจใส่ลงในกล่อง
“เชียนจ้าง มานี่”ฉิวกงเฉิงกวักมือเรียกฉิวเชียนจ้าง
ฉิวเชียนจ้างไม่เข้าใจ แต่เขาที่ทำตัวเคารพมาตลอดก็เดินไปหา ฉิวกงเฉิงตากระตุก พลางหยิบกริชกรีดไปที่มือของฉิวเชียนจ้างอย่างแรงเสียงดังฉึบ นิ้วนิ้วหนึ่งของฉิวเชียนจ้างร่วงลงพื้น เลือดไหลอาบ
ฉิวเชียนจ้างยืนกอดมือพิการของตนหน้าซีด ไม่พูดไม่จา
“ไป ย่าเยว่ เธอเอาของขวัญชิ้นนี้ส่งให้ฉินหลั่ง เธอเป็นผู้หญิงเขาไม่ทำอะไรเธอหรอก……”
ฉิวกงเฉิงหันกลับไป เอามือไขว้หลัง ไม่พูดอะไรต่อ
ขณะเสี้ยงย่าเยว่กำลังไปหาฉินหลั่ง ฉินหลั่งก็เข้าไปในห้องผู้ป่วยของหลู่เหม่ยเฉินพอดี
“หาศูนย์วิจัยและพัฒนาใหม่ได้แล้ว”
“เภสัชกร6คน และผู้ช่วยอีก12คนก็มีครบแล้ว ”
“นอกจากนี้โรงงานผลิตยาปรับปรุงเสร็จแล้ว ทุกอย่างพร้อมแล้ว เมื่อสินค้าตัวอย่างออกมาและตรวจสอบผ่านมารตฐาน ก็สามารถนำไปผลิตได้ทุกเมื่อ……”
หลู่เหม่ยเฉินที่นังอยู่บนเตียงเพ่งมองทีวี พลางฟังที่ฉินหลั่งพูด ทั้งสองคนคุ้นชินกันถึงขั้นที่ว่าฟังแค่เสียงฝีเท้าก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“อืม จัดการเร็วดี แต่คุณเพิ่งหายดี ไม่กลัวยังเหลือโรคอะไรอีกเหรอ?”ท่าทีฉินหลั่งอ่อนโยนนิดหน่อย ถือว่าเป็นห่วงแหละ ส่วนหลู่เหม่ยเฉินดีใจมาก ตาเป็นประกาย“ก็ได้ ฉันจะฟังพี่ ”
หลู่เหม่ยเฉินปิดทีวี จากนั้นทิ้งตัวลงบนโซฟา “ฉันก็ไม่อยากใจร้อนแบบนี้ แต่พอนึกถึงความมหัศจรรย์ของสินค้าก็ตื่นเต้นมาก อยากผลิตออกมาเร็วๆ”
“สำหรับฉันผงขาวหยุนเซียนคือเด็กคนหนึ่ง ฉันไม่เคยสนใจ และใจร้อนกับสินค้าตัวไหนเหมือนมันมาก่อน”หลู่เหม่ยเฉินพูดพลางหน้าแดง
หลู่เหม่ยเฉินคาดหวังกับผงขาวหยุนเซียนมาก เพราะนอกจากผลลัพธ์ทางการค้าที่น่าตกใจของมันแล้ว นี่ยังเป็นการร่วมมือกันครั้งแรกของเธอกับฉินหลั่ง
เธอถือว่าสินค้าตัวนี้เป็นผลงานอันล้ำค่าของเขาสองคน และยังเป็นตัวส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แม้เธอจะรู้ว่าฉินหลั่งมีแฟนแล้วแต่เธอไม่แคร์ ฉินหลั่งมีนางสนมไม่ใช่เรื่องแปลก เธอคิดเช่นนี้
แปลกมาก ผู้หญิงส่วนใหญ่อยากให้แฟนรักตน แต่ฉินหลั่งเจอผู้หญิงมากมายที่หวังจะเป็นสนมฉินหลั่ง
ถ้าผงขาวหยุนเซียนกำเนิดเร็วกว่านี้หน่อย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงก่อตัวขึ้นเร็วกว่านี้ นี่คือสิ่งที่หลู่เหม่ยเฉินคิด บวกกับเธอทำงานได้อย่างรวดเร็วเฉียบขาดมาแต่ไหนแต่ไร เธอทำงานสไตล์นี้
ฉินหลั่งยิ้มพลางเอ่ยชม“คุณนี่พยายามจริงๆ เพียงแต่เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้จริงๆ คุณก็ไม่ต้องรีบร้อน ทุกอย่างพร้อมก็จะสำเร็จเอง”
ฉินหลั่งพูดต่อ“สูตรยานี้มีแค่เราที่มี จะช้าหรือเร็วมันสำคัญตรงไหน?ใครจะยึดตลาดเรา”
เขาใช้นิ้วเขกศีรษะหลู่เหม่ยเฉินเบาๆ“เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ คือให้คุณรักษาตัวให้หาย ส่วนเรื่องยา หายแล้วค่อยว่ากัน”
“โอเค ฉันฟังคุณ พวกเราค่อยเป็นค่อยไป”หลู่เหม่ยเฉินขยิบตา ที่จริงเธอรู้สึกเพลียนิดหน่อย เรื่องของบริษัทและร่างกายที่ไม่สบาย ทำให้เธอค่อนข้างยุ่ง
หลู่เหม่ยเฉินมองฉินหลั่งด้วยความซาบซึ้ง พลางพูด“จริงสิ เรื่องตระกูลโยวโจ่จัดการหรือยัง ฉันกังวลมาก!”
“ไม่ต้องกังวล ตระกูลโยวโจ่หาเรื่องใส่ตัวเอง ส้งฉางซิงและส้งฉางเว่ยเป็นคนค่อนข้างมีหลักการ ผมจึงไม่เป็นไรแล้ว ไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรอีก”
ฉินหลั่งพูดหยอกล้อ“ถ้ามีปัญหาผมจะมาเยี่ยมคุณที่นี่ได้ยังไง เกรงว่าคุณต้องดูผมตายแล้วล่ะ”
“ชู่ อย่าพูดแบบนี้ พวกเราไม่ไปที่นั่นหรอก”หลู่เหม่ยเฉินยืนนิ้วไปเตะริมฝีปากฉินหลั่ง
ฉินหลั่งชะงัก พลางเอามือหลู่เหม่ยเฉินออก“โถ่ คุณนี่นะ ผมเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างหัวโบราณ คุณอย่าแตะเนื้อต้องตัวแบบนี้ได้ไหม?ผมก็ไม่เคยเจอคนเหมือนคุณจริงๆ นอกจากคุณ……”
หลู่เหม่ยเฉินเขินหน้าเดง พลางจ้องฉินหลั่ง“ฉันไม่สบายอยู่นะ คุณอ่อนโยนหน่อยไม่ได้รึไง?”
“เห้อ ขนลุก ต่อไปอย่าอะไรพวกเราๆอีก ฟังแล้วแปลกๆ”ฉินหลั่งพูด
“ก็พวกเราจริงๆนี่ ประธานฉิน พวกเราก็คือพวกเรา มีอะไรให้ปิดบัง”
“โครม—-”
ขณะนั้นเองประตูถูกผลักออก จากนั้นก็มีเสียงนุ่มนวลดังขึ้น“คุณผู้หญิงคะ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง?”
คนที่เข้ามาคือหยูฉิง ใบหน้าแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดและไม่สบายใจ ดูน่าสงสารมาก “คุณผู้หญิง ฉันทำผิดไปแล้ว แต่ไม่ได้ตั้งใจขอให้คุณยกโทษให้ด้วย”
หลู่เหม่ยเฉินเลิกคิ้ว พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หยูฉิง ฉันเป็นคนพาเธอมา ฉันจะโทษเธอได้ยังไง วันนั้นเธออาจตื่นตระหนก ทำให้ทำงานสับสน ฉันไม่โทษเธอหรอก”
“ค่ะ ขอบคุณคุณผู้หญิงๆ 2-3วันมานี้ฉันคิดตลอดว่าอยากมาเยี่ยมคุณเร็วๆ แต่ยามที่ประตูไม่ให้ฉันเข้ามา ฉันร้อนใจมาก”หยูฉิงน้ำตาคลอเล็กน้อย
“ฉันรู้แล้ว หยูฉิง เธอไม่ต้องไม่สบายใจ เรารู้จักกันดี เธอดูสิ ตอนนี้ฉันปกติดีไม่ใช่เหรอ”หลู่เหม่ยเฉินยิ้ม
ทั้งสองมองหน้ากันครู่หนึ่ง เรื่องผิดใจก่อนหน้านี้หายไปทันที
พูดคุยกันครู่หนึ่ง หยูฉิงก็พูดขึ้น“คุณผู้หญิง ตอนนี้ด้านศูนย์วิจัยและพัฒนาทำงานกันอย่างตึงเครียดมาก ทุกคนถึงแล้ว ขยันมาก ฉันอยากไปดูหน่อย คุณจัดงานให้ฉันสักงานเถอะ ฉันไม่ค่อยวางใจ กังวลว่าคุณผู้หญิงไม่อยู่แล้วจะเกิดเรื่องวุ่นวาย”
“ไม่ต้องหรอก ต่อไปโปรเจ็คนี้เธอไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว ”น้ำเสียงหลู่เหม่ยเฉินเด็ดเดี่ยวมาก แต่ก็ยังมีความอ่อนโยนอยู่
“ที่เธอทำงานไม่ได้มาตรฐานครั้งนี้ ถ้าเอาตามกฎระเบียบเราไม่สามารถร่วมงานกันได้อีก แต่ฉันไม่ได้ข้องใจอะไร ทว่าตอนนี้บริษัทไม่เหมือนเดิมแล้ว มีฉินหลั่งอยู่ด้วย ฉันจะเล่นพรรคเล่นพวกไม่ได้ ยังไงบริษัทก็ไม่ใช่ของฉันคนเดียวแล้ว ฉันต้องคำนึงถึงคนอื่นๆ คำนึงถึงกฎเข้มงวดของบริษัท”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลู่เหม่ยเฉินยังโมโหวันก่อนที่หยูฉิงจอดรถที่ทางหนีไฟอยู่เลย
“คุณผู้หญิง ฉันเป็นห่วงคุณ ตอนนี้บริษัทเพิ่งเริ่มต้น จิตใจพนักงานยังค่อนข้างเหม่อลอย ต้องมีคนที่ไว้ใจคอยจัดการ”หยูฉิงสีหน้ากังวล
“ประธานฉิน ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพี่สาวฉัน ฉันขอบคุณมากๆ ขอให้คุณเห็นแกความเป็นพี่น้องมาหลายปีของฉันกับคุณผู้หญิง ให้ฉันได้ช่วยเธอ ทำงานชดใช้ความผิดได้ไหม?”หยูฉิงพูดอย่างจริงใจ
ฉินหลั่งไม่บอกว่าได้หรือไม่ได้“แล้วแต่ประธานหลู่เลย เรื่องงานไม่ยุ่งเกี่ยว”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset