รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 729 สาวงามมาพบหา

บทที่ 729 สาวงามมาพบหา
ถ้าอย่างนั้น ก็ตั้งสันนิษฐานไว้ก่อนว่านักฆ่าภูตผีมีเพียงคนเดียว ส่วนที่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่ต้องไปครุ่นคิดก่อน
“เมื่อเดือนที่แล้วนักฆ่าภูตผีได้ลงมือซุ่มยิงสังหารนายทหารสามคนที่แอฟริกา จากนั้นก็ปลอมตัวลักลอบกลับเข้ามาที่เย็นจีนประเทศจีน และเป็นหยางจ้างกั๋วที่สั่งให้เส้เลี่ยวซารับดูแลเขาเอาไว้”
แววตาของเซิ่งโส่วมีท่าทีที่หนักแน่นขึ้น: “การลอบยิงในวันนี้ ก็เป็นเพราะหยางจ้างกั๋วส่งเขามาเพื่อตักเตือนพวกเรา ไม่ใช่ว่าเขาจะยิงพลาดเป้า แต่เป็นการยิงเพื่อตักเตือน”
“เป็นผู้ชายเหรอ? ” จางหย่าร่อมีสีหน้าท่าทางที่สงสัยขึ้น
“ใช่ เขาเป็นผู้ชาย สภาพการณ์บริเวณที่เกิดเหตุพวกเราตรวจสอบกันเรียบร้อยแล้ว เขาคงจะพักอาศัยอยู่ที่นี่มาได้หลายวันแล้ว”
“พวกเราสันนิษฐานว่า หลังจากที่จางฉีเซินเกิดเรื่องขึ้น นักฆ่าภูตผีก็ได้รับคำสั่งจากหยางจ้างกั๋วมาให้มาซุกซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณรอบข้างของพวกเรา รอคอยโอกาสลงมือสังหารคุณหนู แล้วก็สนับสนุนให้จางฉีเซินก้าวขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลจาง”
เซิ่งโส่วแจ้งข่าวสารทั้งหมดที่ได้เก็บรวบรวมมาให้กับจางหย่าร่อ: “ตอนนี้เขาถอยร่นหลบหนีไปอยู่ในป่าใกล้กับภูเขาลูกเล็ก จะส่งกองกำลังไปบุกจู่โจมเลยไหม? ”
“ไม่ต้องหรอก ฝ่ายตรงข้ามเป็นนักซุ่มยิง หากพวกเราตามไปจู่โจมจะต้องเสียเปรียบเป็นอย่างมาก”
“เขามีเพียงแต่ปืนกระบอกเดียวเท่านั้น พวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องทุ่มเสียสละอย่างมากมายเพื่อต่อกรกับปืนเพียงกระบอกเดียว”
ดวงตาของจางหย่าร่อเปล่งประกายขึ้น: “สั่งการลงไป ป้องกันอารักขาให้พร้อมอย่างที่สุด ทุกอย่างรอจนกว่าคุณท่านใหญ่กลับมาแล้วค่อยแจ้งมาตรการรับมือในขั้นตอนต่อไป”
เธอต้องการที่จะกำจัดคนร้ายผู้นี้ให้สิ้นซาก แต่เข้าใจเป็นอย่างดีว่าตอนนี้ความปลอดภัยสำคัญที่สุด ไม่อยากที่จะไปก่อเรื่องระรานกับผู้ใดอีก ดังนั้นจึงพยายามอดกลั้นเพื่อให้เรื่องราวจบลงเป็นการชั่วคราวก่อนจะดีกว่า
“ตกลงคุณหนู! ” เซิ่งโส่วและลูกน้องตอบรับอย่างพร้อมเพรียง และเดินออกไปจากห้องโถงพร้อมกันกับจางเวิ่นต้าว ไปแจกแจงหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทางด้านจางหย่าร่อมีแววตาที่ลึกซึ้ง ถอนหายใจเบา ๆ นำเอายาที่ฉินหลั่งให้ไว้ออกมาจ้องดูและพูดว่า: “หรือว่าเขาจะเป็นผู้มีพระคุณต่อโชคชะตาชีวิตของตระกูลจาง……”
ในเวลานี้ หยางจ้างกั๋วยืนอยู่ที่หน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานในอาคารบริษัทตระกูลหยาง ในมือถือกล้องส่องทางไกลส่องมองไปยังตึกหลังสีฟ้าที่อยู่ตรงข้าม จากนั้นโบกมือส่งสัญญาณ นักข่าวหลายคนถูกผลักตกลงมาจากชั้นดาดฟ้า กรีดร้องตะโกนเสียงดังและจบชีวิตของพวกเขา
นักข่าวเหล่านี้เป็นผู้ที่รายงานข่าวใส่ความและโจมตีหยางจ้างกั๋ว ตอนนี้ในที่สุดก็เป็นเพราะทานยาที่ต้องห้ามมากเกินขนาด ทำให้ขาดสติเดินพลาดตกตึกเสียชีวิต
หยางจ้างกั๋วยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัว พยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นก็พูดใส่วิทยุสื่อสาร: “จางหย่าร่อไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ถ้าอย่างนั้นก็สั่งสอนแสดงให้เธอเห็นเป็นตัวอย่างหน่อยแล้วกัน”
ช่วงเวลาที่ตระกูลจางและตระกูลหยางมีปัญหาปั่นป่วนวุ่นวายกันอยู่นั้น ฉินหลั่งก็กลับคืนมาใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติสุขแล้ว ซึ่งกำลังศึกษาคัมภีร์เต่าเย่าอยู่ที่โรงหมออย่างสบายใจ
บางครั้งฉินหลั่งก็เดินออกไปยังด้านหน้าห้องโถงดูความสงบเรียบร้อย หรือว่าใช้เวลาว่างฝังเข็มให้กับลม เพื่อปรับสภาพฟื้นฟูร่างกายให้กับเธอ ซึ่งครั้งนี้ที่ลมได้รับบาดเจ็บจากการถูกเผาไหม้นั้น ฉินหลั่งไม่ได้มีเวลามากที่จะดูแลรักษา ดังนั้นตนเองดูแลตนเองก็จะเป็นการดีและวางใจที่สุด สำหรับการฟื้นฟูร่างกายของลมนั้นเดิมทีก็ดีพอควรอยู่แล้ว ส่วนสรรพคุณของบัวหิมะเทียนซานไม่ใช่ว่าจะครอบคลุมทั้งหมด ซึ่งครั้งนี้ฉินหลั่งได้เข้ามาช่วยดูแล ร่างกายของลมก็ดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าแล้ว
ครั้งนี้หยางจ้างกั๋วถูกเขาจัดการจนปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด ดับความหยิ่งผยองในตัวของหยางจ้างกั๋วลงบ้าง อีกทั้งโรงพยาบาลศูนย์เย็นจีนและร้านหุยชุนต่างก็ร่ำรวยขึ้น มีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้น แต่ว่าฉินหลั่งเองก็ไม่ได้มีความยโสโอหังแม้แต่น้อย
ฉินหลั่งเองจะดูหมิ่นต่อพวกคนที่ประความความสำเร็จเล็กน้อยหรือมีผลงานสร้างชื่อเสียงแล้วหลงลืมไปว่าตนเองคือใคร นิสัยธาตุแท้ของเขาก็เป็นอย่างนี้ สงบเงียบเรียบง่าย ไม่ชอบที่จะเศร้าโศกเสียใจหรือตื่นเต้นดีใจอย่างยกใหญ่ออกหน้าออกตา
ฉินหลั่งยังได้โทรศัพท์ไปหาส้งฉางซิงด้วยตนเอง เพื่อต้องการลบล้างเรื่องราวข่าวสารที่เกี่ยวกับตัวเขา เพื่อให้ร้านหุยชุนหลีกเลี่ยงการถูกรบกวนรุกรานจากผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ แต่กลับชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องราวส่วนตัวของผู้อื่น
ใช้ชีวิตภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาของทุกคน เทียบไม่ได้กับการใช้ชีวิตของตนอย่างสุขสบายไร้กังวล ชีวิตในแต่ละวันผ่านไปอย่างมีความสุข
ช่วงราวบ่ายสามโมงกว่า มีรถยนต์ปอร์เช่สีแดงขับมาอยู่ด้านนอก แล้วหยุดจอดอยู่ที่หน้าประตูร้ายหุยชุน จากนั้นประตูรถก็เปิดออก มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีท่าทางที่สง่างามอย่างมาก ผิวพรรณและกิริยางดงามอ่อนช้อยดั่งนางฟ้า
สาวน้อยอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดง ปกปิดรูปร่างอย่างประณีตสวยหรู แลดูไม่ผอม และไม่อ้วน จังหวะก้าวเดินอ่อนช้อย อากัปกิริยาสง่างาม แขวนกระเป๋าใบเล็กไว้บนท่อนแขนที่ขาวผุดผ่อง ท่าทางการวางมาดของเธอครู่เดียวก็แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งโรงหมอ สายตาทั้งหมดต่างจับจ้องมองมาที่สาวน้อยที่งดงามผู้นี้
และด้านข้างของสาวน้อยที่งดงามผู้นี้ ก็ยังมีหญิงสาวรูปงามอีกคนหนึ่ง หญิงสาวผู้นี้ก็สวยใสเปล่งประกายเช่นเดียวกัน มีรอยยิ้มที่มุมปาก รูปทรงใบหน้างดงาม สวมใส่ชุดเดรสสีดำ เหมือนกับว่าไปเข้าร่วมงานพิธีอะไรมา เพชรเม็ดใหญ่ที่บริเวณลำคอส่องประกายแวบวับสะดุดตา แววตาแสดงออกถึงท่าทางที่ดีใจเป็นที่สุด
“ฉินหลั่ง ฉินหลั่ง! ”
สามงามตัวน้อยที่เดินอย่างรวดเร็วเพื่อติดตามหญิงสาวสวยซึ่งสายตาของเด็กสาวนั้นมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปากก็พลางพูดอย่างเบา ๆ ซึ่งรูปร่างของพวกเธอนั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก โดยเฉพาะหลินเส้าโสผู้ชายที่แข็งกระด้างไม่ค่อยได้พูดคุยพบปะกับผู้หญิง ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปดูพวกเธอ
ถูกต้อง ผู้ที่มานั้นก็คือผู้หญิงของฉินหลั่ง ชื่อว่าจงยู่
เด็กผู้หญิงตัวน้อยหน้าตายิ้มแย้มที่อยู่ด้านข้างของจงยู่นั้น ก็คือดารามากความสามารถที่เป็นทั้งนักร้องนักแสดงภาพยนตร์และนักแสดงละคร นางฟ้าตัวน้อยชื่อว่าหยูนชิงชิง
ไม่เจอกันเป็นเวลาหลายวัน สีหน้าท่าทางของจงยู่แลดูเป็นผู้ใหญ่และมีความสามารถมากกว่าเมื่อก่อน อารมณ์ท่าทีดูจะสงบนิ่งมากกว่าเดิม อีกทั้งแลดูสูงส่งมีเกียรติ ซึ่งมีความแตกต่างกับผู้หญิงสาวทั่วไปเหล่านั้น
เธอกลายเป็นสาวที่งดงาม และยิ่งมีเสห่น์น่าหลงใหล แม้ว่าสาวน้อยอย่างหยูนชิงชิงผู้นี้ ก็ยังดูด้อยกว่าเธออีก ส่วนหยูนชิงชิงผู้นี้คือใคร เธอคือดาราดังที่มีแฟนคลับผู้คลั่งไคล้จำนวนมาก รูปร่างหน้าตาสวยงดงามซึ่งได้ผ่านการประกวดมาแล้ว ถึงแม้จะสวยขนาดนี้ แต่ก็ยังคงเทียบไม่ได้กับจงยู่
ก็ไม่น่าแปลก เพราะว่าจงยู่เคยได้รับการช่วยชีวิตจากฉินหลั่งตามคัมภีร์เต่าเย่า ร่างกายของเธอนั้นปลดเปลื้องสิ่งสกปรกออกไปหมดตั้งนานแล้ว เหลือแต่ความสวยงดงาม ราวกับนางฟ้า ถ้าหากคนทั่วไปไม่เข้าใจถึงคำจำกัดความของคำว่านางฟ้าแล้ว เพียงได้พบเห็นจงยู่ ก็จะสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
ฉินหลั่งตกใจ คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เมื่อครู่ยังพูดคุยกันทางโทรศัพท์มือถืออยู่เลย เขาจึงรีบลุกยืนขึ้น ยิ้มแย้มและเดินเข้าไปต้อนรับ
เขากับจงยู่ ตอนนี้เขาทั้งสองคนต่างประสบพบเจอเรื่องราวที่แตกต่างกัน เพื่อต้องการให้จงยู่วางใจและตั้งใจทำงาน ฉินหลั่งจึงมักจะไม่กล่าวถึงเรื่องที่น่ากลัวจ่าตื่นเต้นให้กับเธอรับทราบ แต่ว่าจงยู่เองนั้นกังวลใจอย่างมาก เพียงได้ยินคำครหานินทาที่เกี่ยวกับฉินหลั่ง จะรีบมาพบกับเขาทันที
สายตายังคงจดจ้อง สายตาของทุกคนยังคงจดจ้อง แม้แต่บางคนก็ได้นำเอาโทรศัพท์มือถือออกมา และกดปุ่มถ่ายรูปอย่างเงียบ ๆ หยูนชิงชิงเป็นที่รู้จักของคนจำนวนมาก และยิ่งจงยู่ที่สวยงดงาม หากว่าฉินหลั่งไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้ คาดว่าจะคงถูกผู้คนรุมล้อมกันไปแล้ว
“ยู่เอ๋อ วันนี้ว่างเหรอ? ฉันผิดเอง ที่ตอนนี้เพิ่งจะบอกที่อยู่ของร้านหุยชุนให้กับคุณ”
สำหรับ หยูนชิงชิง ฉินหลั่งก็ยิ้มทักทายกับเธอ ไม่ได้พูดอะไร หยูนชิงชิงก็รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ยืนอยู่ด้านข้างมองดูคนคู่นั้นที่เหมาะสมกันด้วยความสนใจ
หยูนชิงชิงคิดไม่ถึงอย่างมากว่า ฉินหลั่งจะเป็นผู้รู้วิชาการแพทย์ มองดูแล้วฝีมือวิชาการแพทย์น่าจะใช้ได้เลย มีผู้คนเดินเข้าออกไปมามากมาย และเวลานี้ยังเป็นช่วงบ่ายแล้ว ซึ่งเลยช่วงที่คนมากันเยอะอย่างที่สุดไปแล้ว
หยูนชิงชิงในตอนนี้ มีรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว ละครโทรทัศน์ที่กำลังเป็นกระแสทำให้ หยูนชิงชิงโด่งดังมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นมาก เวลาทั่วไปขณะที่เดินอยู่บนถนนจะต้องพกแว่นดำติดตัวอยู่ตลอด ปกปิดตัวเองอย่างมิดชิด แต่เมื่อจงยู่ปรากฏตัวขึ้น หยูนชิงชิงกลับกลายเป็นตัวประกอบที่ทำให้เธอยิ่งเด่นขึ้น สายตาของคนทั่วไปส่วนใหญ่ต่างจับจ้องไปที่ร่างของจงยู่ ทำให้ทางหยูนชิงชิงนี้ กลับไม่มีใครที่จะกรีดร้องตะโกนหรือจะเข้ามาขอลายเซ็นต์อะไรเลย
หยูนชิงชิงแปลกใจมาก แต่ก็เป็นอิสระดี รู้สึกดีใจที่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครเข้ามาหาเธอ ทำให้เธอได้พักสงบเงียบสักหน่อย เพราะว่าทั้งวันเธอนั้นจะโดนตะโกนเรียกขานและก็มีคนรายล้อม คนจำนวนมากรุมล้อมเข้ามาเพื่อต้องการถ่ายภาพร่วม เธอเหน็ดเหนื่อยแบบนี้ทุกวัน
เวลานี้ที่หยูนชิงชิงได้พบเจอฉินหลั่ง ก็ไม่ได้ตื่นเต้นน้อยไปกว่าที่จงยู่พบกับฉินหลั่งเท่าไหร่นัก ฉินหลั่งก็เป็นผู้มีบุญคุณต่อเธอเช่นกัน เธอจดจำในใจเป็นอย่างดี รวมไปถึง มีความรู้สึกที่ยากจะใช้คำพูดอธิบายออกมาได้
ดาราดังระดับแนวหน้าสงบนิ่งราวกับเป็นสาวพรหมจารี ใบหน้ายิ้มแย้มและมองไปที่จงยู่กับฉินหลั่งที่กำลังพูดคุยกัน มันเหมือนกับภาพทิวทัศน์ที่มีสวยงามออกมาจากภายใน
“คุณผู้หญิง คืนนี้อยู่รับประทานอาหารค่ำด้วยกัน ฉันให้พี่สาวทำหอยกาบนึ่งให้ทาน”
ขณะพูดฉินหลั่งก็ได้กล่าวทักทายกับทุกคน พนักงานทุกคนภายในร้านต่างก็รีบเดินกันเข้ามาหา พักวางงานที่สำคัญในมือของตนเองลงแล้วเข้ามาแสดงความทักทายกับจงยู่และหยูนชิงชิง โดยเฉพาะลม จับมืออันขาวผุดผ่องของจางยู่กระโดดโลดเต้น ไม่หลงเหลือสภาพความเป็นนักดาบผู้เย็นชาเลยแม้แต่น้อย น้ำตาแทบที่จะไหลออกมาแล้ว
พนักงานทุกคนรับทราบได้ทันทีว่า จงยู่คือผู้ที่ฉินหลั่งให้ความสำคัญและให้ความเคารพมากที่สุด เพราะว่าก่อนหน้านี้มีแขกผู้หญิงมาที่ร้านจำนวนมาก พวกเขาต่างก็ทำงานในหน้าที่ของตน ไม่มีใครที่จะต้องวางมือลงจากงานเพื่อเข้ามาแสดงความต้อนรับทักทายแบบนี้
เดิมทีจงยู่ก็เป็นคนที่มีลักษณะท่าทางทั่วไป พูดคุยทักทายกับทุกคน อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่แข็งกระด้าง ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกดี แอบชมฉินหลั่งว่ามีสายตาที่เยี่ยมยอด มีแฟนสาวที่ทั้งสวยงามและนิสัยดี
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกัน ฉินหลั่งรู้สึกว่าตนเองนั้นโอ้อวดมากเกินไปหรือเปล่า โดยเฉพาะผู้ป่วยจำนวนมากที่อยู่ด้านข้างใช้สายตาแบบหมาป่ามองมาที่จงยู่และหยูนชิงชิง อยากที่จะกระโจนเข้ามากอดหอมให้ได้จึงจะพอใจ โดยที่ฉินหลั่งกำลังจะเชิญให้สาวสวยทั้งสองคนเข้าไปที่ลานด้านหลัง ขณะนี้จงยู่ได้พูดขึ้นว่า:
“อาหลั่ง ฉันต้องการให้คุณช่วยดูอาการป่วยให้หน่อย”
ตั้งแต่ที่รับหน้าที่ประธานบริษัทฝู่ตงอสังหาริมทรัพย์พัฒนา จำกัด แม้ว่าลักษณะโครงสร้างของบ้านที่พิเศษและคุณภาพการก่อสร้างจะเป็นหน้าที่ของฉินหลั่งที่ต้องจัดการ จำนวนลูกค้าก็เป็นฉินหลั่งที่ทำตลาดบุกเบิกเอง แต่ว่ารายละเอียดต่าง ๆ ขั้นตอน ค่อนข้างจะยุ่งยาก ซับซ้อน ซึ่งภาระการงานที่มากมายทำให้เวลาของจงยู่นั้นมีคุณค่าเหนือสิ่งอื่นใด อีกทั้งเธอยังต้องไปเรียนหนังสือ ดังนั้นเธอกับฉินหลั่งจึงไม่ค่อยได้พบเจอกันเลยในช่วงนี้ นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งสองไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน
หมดปัญญา ยุ่งมากเหลือเกิน เมื่อจงยู่ทำงาน ก็จะขยันตั้งใจอย่างมาก ตอนนี้คฤหาสน์ฝู่ตงได้ก้าวหน้าเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ขายบ้านได้ไปกว่าเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว กล่าวได้ว่าในช่วงเวลาอันสั้นขนาดนี้ ถือเป็นความอัศจรรย์อย่างยิ่ง
จงยู่เป็นคนที่ค่อนข้างจะรักนวลสงวนตัว เดินเข้าไปเพื่อที่จะคล้องแขนของฉินหลั่ง แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ จึงจำต้องยอมตัดใจ โดนคนอื่นมากมายจ้องมอง มันก็รู้สึกเขินอายบ้างเป็นธรรมดา
“มีเรื่องอะไรเหรอ? ” ฉินหลั่งแปลกใจ จากการรักษาก่อนหน่านี้ กล่าวได้ว่าจงยู่ไม่มีทางที่จะป่วยเป็นโรคที่รุนแรงขึ้นได้อีก ฉินหลั่งได้ฝึกฝนชี่แท้และก็ได้ถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายของจงยู่แล้ว เธอจึงมีสภาพร่างกายที่พิเศษกว่าผู้อื่น หากอาการหวัดทั่วไปอาจจะมีได้ แต่ว่าถ้าเป็นโรคที่รุนแรง คงไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นกับเธอได้อีก
ตอนนี้หยูนชิงชิงก้าวเดินขึ้นมาด้านหน้า ส่งสัญญาณทางสายตาให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งจึงเข้าใจ เขาตกใจ และพูดว่า: “ไปคุยกันด้านใน พวกเราไปกันเถอะ”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset