รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 82 เขาก็แค่คนทำงานในหมู่บ้านเท่านั้นเอง

บทที่ 82 เขาก็แค่คนทำงานในหมู่บ้านเท่านั้นเอง
“นี่สายตาของแกเป็นอะไรไป?เผิงเมิ่งเป็นคนมาบอกรักกับแกเอง แกยังเต๊ะท่าอยู่อีก คนขี้แพ้ก็คงยากจนเคยชินแล้วสิ พอได้โอกาสดีขนาดนี้ยังไม่คว้ามันไว้อีกเหรอ? แกนี่มันช่างโง่ดักดานจริง….” เพื่อเข้าข้างเผิงเมิ่ง กู่ซาพูดกับฉินหลั่งอย่างดุดัน
ฉินหลั่งถึงกับหมดคำพูด เขาตอบตกลงก็ไม่ได้ ไม่ตกลงก็ไม่ได้อีก
“ฉันขอเหตุผล” เผิงเมิ่งบีบบังคับอารมณ์ที่หมดหวังอยู่ในใจนั้น แต่ยังคงทำสีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มไว้ให้ตอนที่พูดออกมา
“ฉันมีแฟนแล้วสิ” ฉินหลั่งยักไหล่พูดออกไปตรงๆ ไม่ว่าเผิ่งเมิ่งจะจริงใจหรือไม่ แต่ตนเองก็ไม่มีวันจะเล่นเป็นเพื่อนอยู่ดี
เมื่อได้ยินเหตุผลนี้แล้ว ในใจของเผิ่งเมิ่งเหมือนมีความรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากตนเอง และก็สามารถเห็นถึงผู้ชายที่มีความรับผิดชอบของฉินหลั่ง นี่เป็นผู้ชายในแบบที่เธอชื่นชมอย่างแท้จริง
“มีแฟนแล้วยังไง ฉันสามารถลงแข่งกับเธอได้อย่างยุติธรรม หรือว่าคุณกับฉันเรามาคบกันสักพักหนึ่ง ก็จะรู้สึกได้ว่าฉันเหมาะสมมากกว่าแฟนของคุณตั้งเยอะ” แววตาของเผิงเมิ่งทอประกายขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่จำเป็น ฉันชอบเธอมาก ฉันเคยพูดแล้วว่าจะปกป้องเธอไปทั้งชีวิต” สมองของฉินหลั่งมีแต่ใบหน้าของจงยู่ปรากฏขึ้นมา เขาถึงกลับยิ้มออกมาเล็กน้อย
เมื่อเห็นรอยยิ้มของฉินหลั่ง เผิงเมิ่งถึงกับตกใจทันที เธอเห็นเต็มสองตาว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริง
“ฉันอยากจะเห็นหน้าแฟนของคุณ จะดูสักหน่อยว่าเธอจะสวยขนาดไหน ถึงได้ทำให้คุณหลงรักจนหัวปักหัวปำได้ขนาดนี้” เผิงเมิ่งยิ้มให้เล็กน้อย ในใจของเธอกลับรู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
“ตอนนี้เธอกำลังทำงานอยู่ ไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัย”
เวลานั้นเอง โทรศัพท์ของฉินหลั่งก็ดังขึ้นมา จงยู่โทรศัพท์เข้ามาหาพอดี
“จงยู่ ทำไมเหรอ… เอ่อ นี่คุณฝึกเสร็จแล้วก็โทรศัพท์มาหาผมเหรอ… มันดีมากเลยแหละ คุณฝึกเรียนไปพร้อมกับอาจารย์ไป ต้องพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แน่… อืม เดี๋ยวตอนบ่ายผมจะไปรับคุณตรงเวลานะ บ๊ายบาย” พูดจบ ฉินหลั่งก็ตัดสายทิ้งทันที
ยิ่งเห็นสีหน้าท่าทางที่มีความสุขของฉินหลั่งที่โทรศัพท์เมื่อครู่นี้ เผิงเมิ่งอิจฉาผู้หญิงคนนั้นมาก
“ดูเหมือนว่าพวกคุณจะรักกันมาก” เผิงเมิ่งยิ้มให้ แต่ในใจมีแต่ความอิจฉาริษยา “แต่อย่านึกว่าฉันจดยกคุณให้กับมันนะ สำหรับฉันแล้ว มันก็แค่อาศัยจังหวะรู้จักคุณก่อนเท่านั้นเอง ต่อไปคุณจะอยู่กับใครก็ตาม มันก็ไม่แน่เสมอไป”
“เมื่อครู่ฉันก็แสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว ว่าฉันจะดูและเธอไปทั้งชีวิต ถ้าคุณว่างมากไม่มีอะไรทำจริงๆ กรุณาอยู่ให้ไกลจากฉันซะ” ฉินหลั่งพูดอย่างไม่เกรงใจ
“คุณด่าฉันเหรอ? แต่ไม่เป็นไร ต่อไปคุณก็ต้องมาชดเชยให้ฉันอยู่ดี” เผิงเมิ่งไม่มีท่าทีโกรธแม้แต่น้อย เธอยิ้มออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่ในใจกลับกระตุกขึ้นมา
“คุณนี่…..” ฉินหลั่งไม่เคยไม่ไม่เคยเจอผู้หญิงแบบเผิงเมิ่งมาก่อนเลย ด่าเธอก็แล้วก็ไม่มีท่าทีโกรธเคือง ทำราวกับว่าชนะตนเองไปได้ซะงั้น มันทำให้ฉินหลั่งรู้สึกว่าเธอเหมือนกับดอกสำลี เหมือนว่าสามารถทำลายพละกำลังของตนเองไปได้อย่างง่ายดาย มันทำให้เขารู้สึกหายใจติดขัดจนไม่มีเรี่ยวแรง
“ทำยังไงคุณถึงปล่อยผมไป?” ฉินหลั่งหมดคำพูดเลยเอาแต่จ้องเผิงเมิ่งเอาไว้
“นี่คุณกำลังขอร้องฉันอยู่เหรอ?” เผิงเมิ่งพูดอย่างได้ใจ ยิ่งได้เห็นความโกรธแค้นที่แสดงออกมาบนสีหน้านั้น ดวงตาของเธอกะพริบไปมา แถมยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบาย “อยากให้ฉันปล่อยคุณไปเหรอ? ได้สิ แต่ว่าคุณต้องตกลงกับฉันเรื่องหนึ่งก่อน”
“เรื่องอะไร?” ฉินหลั่งต้องการจัดการเผิงเมิ่งให้ได้อย่างรวดเร็ว
“สามวันหลังจากนี้ต้องไปงานเลี้ยงกับฉัน ในฐานะแฟนของฉัน” เผิงเมิ่งจ้องตาฉินหลั่งตอนพูด “คุณวางใจได้เลย เพราะมันก็แค่สร้างเรื่องเท่านั้นแหละ แต่คุณไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ตอนอยู่ในงานเลี้ยงได้”
“ได้ ฉันตกลง” ฉินหลั่งพยักหน้าให้
“คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าคุณชื่ออะไรกันแน่?”
“ฉินหลั่ง”
เผิงเมิ่งรีบขอเบอร์โทรศัพท์ของฉินหลั่งไว้ทันที
“งั้นเดี๋ยวเจอกันในวันงาน เจอกันที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยก็พอแล้ว” เผิงเมิ่งยืนตัวตรง พร้อมทั้งมองมาที่ฉินหลั่งพร้อมทั้งยิ้มเล็กน้อยแถมจับมือกันด้วย ฉินหลั่งพูดขอตัวลาก่อน จากนั้นก็หันตัวเดินออกไป
ยิ่งเมื่อเห็นด้านหลังของฉินหลั่งที่เดินไปแล้ว เผิงเมิ่งก้มศีรษะเล็กน้อย พร้อมทั้งยิ้มโง่ๆ ให้ เธอรู้สึกว่าเหมือนสัญญาเรื่องหนึ่งกับฉินหลั่งไว้ เลยรู้สึกดีใจอยู่ในใจเป็นเอามาก
“เผิงเมิ่ง ฉันคิดว่าแกชอบผู้ชายคนขี้แพ้คนนั้นซะอีก ยังดีที่แกมาคิดได้เอาตอนท้าย” เมื่อได้ยินเผิงเมิ่งพูดออกมาตอนท้ายว่าอยากให้ฉินหลั่งปลอมเป็นแฟนเท่านั้นเอง กู่ซาถึงได้ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย
“ฉันชอบเขาขึ้นมาจริงๆ แล้วสิ” เผิงเมิ่งนึกถึงใบหน้าของฉินหลั่ง จนปรากฏรอยยิ้มที่มีความสุขตอนที่พูดออกมา
“ห๊า? เมื่อครู่แกไม่ได้ตอบตกลงกับเขาแล้วนี่ ขอแค่เขายอมปลอมตัวมาเป็นแฟน…” กู่ซาทำหน้าตื่นตกใจ
“ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น เขาจะไปร่วมงานกับฉันได้ไหม?” เผิงเมิ่งยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ เธอบ่นพึมพำ “มาคบกับฉันสักพัก เดี๋ยวเขาก็จะรู้ได้เองว่าฉันนี่แหละเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา”
“แกนี่มัน ไม่รู้ว่าเขามีอะไรดี” กู่ซาพูดออกมาอย่างหมดความอดทน “เราไปกันเถอะ”
เผิงเมิ่งเดินไปกับกู่ซา แต่เท้าของเผิงเมิ่งรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา แล้วคิดได้ว่าก่อนหน้าฉินหลั่งนั่งคุกเข่าลงแล้วทำท่าทางนวดเท้าให้ตนเองอย่างแผ่วเบา ใบหน้าของเผิงเมิ่งยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
สามวันที่ผ่านมานี้ นอกจากจงยู่จะเข้าเรียนแล้ว ยังมีการฝึกที่บริษัทช่างเมิ่งมิวสิค จำกัด อารมณ์ของเธอนั้นสงบลงได้ และยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ถูกทำร้ายขึ้นมาอีก ฉินหลั่งก็ค่อยๆ วางใจได้
วันนี้ ฉินหลั่งก็พาจงยู่มาส่งที่บริษัทช่างเมิ่งมิวสิค จำกัด เมื่อกลับมาที่มหาวิทยาลัยจีนหลิง ยิ่งเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเผิงเมิ่ง เพื่อให้เขารีบมาที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยในตอนนี้เลย
หลังจากวางสายแล้ว ฉินหลั่งก็รีบมาที่บริเวณด้านหน้าประตูมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว เผิงเมิ่งขับรถบีเอ็มดับเบิลยูมาหา แล้วก็กวักมือเรียกฉินหลั่ง
“แกก็ไม่แต่งตัวให้มันดีกว่านี้หน่อย วันนี้แกก็รู้อยู่เต็มอกว่าคนที่เข้าไปร่วมงานเป็นใครกันไหม? ถ้าไปแบบนี้ คงทำให้พวกเขาหัวเราะกันตายไปข้างหนึ่ง?” คนนั่งข้างคนขับกู่ซามองไปที่ฉินหลั่ง ถึงกลับลูบหน้าผากปาดเหงื่อแบบหมดคำพูด
“งั้นฉันก็ไม่ไปแล้วกัน….” ฉินหลั่งก็ไม่ได้สนใจคำพูดของกู่ซาเลย เพราะเขาเองก็ไม่ได้เอาเลี้ยงงานเลี้ยงมาใส่ใจสักเท่าไหร่ ไม่ให้เขาไปก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ใจเขาต้องการอยู่พอดี
“ไม่เป็นไร แต่งตัวแบบนี้หล่อมากแล้วแหละ ขึ้นรถสิ” เผิงเมิ่งได้แต่ยิ้มหน้าบานให้
ฉินหลั่งนั่งอยู่เบาะหลัง เผิงเมิ่งสตาร์ทรถ แล้วเห็นว่าเผิงเมิ่งจอดรถลงบริเวณรอบๆ ชุ่ยเต่าหัวถิง ฉินหลั่งถึงกับหมดความอดทน “ทำไมไม่ขับรถไปต่อล่ะ?”
“งานเลี้ยงวันนี้จัดในหมู่บ้านนี้แหละ” เผิงเมิ่งพูดหวานหยดย้อย “พวกคุณลงรถเถอะ เดี๋ยวฉันจะจอดรถสักเดี๋ยว”
ฉินหลั่งกับกู่ซาก้าวเท้าลงจากรถ ฉินหลั่งมองไปที่หมู่บ้าน ในใจก็คิดว่ายังดีที่จงยู่ไปฝึกซ้อมอยู่ที่บริษัท ถ้าให้จงยู่มาเห็นเข้า มันคงดูไม่ดีสักเท่าไหร่ ตอนนี้เขาต้องรีบจัดการเรื่องงานเลี้ยงนี้ให้เสร็จสิ้นโดยไว เพื่อจะได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับเผิงเมิ่ง
“เชอะ ดูสายตาแกสิ คงไม่เคยมาหมู่บ้านที่ดีขนาดนี้ละมั้ง?” เมื่อเห็นว่าฉินหลั่งกำลังยืนเอ๋ออยู่ กู่ซาได้แต่หัวเราะในลำคอ
ฉินหลั่งมองไปที่กู่ซาอยู่แวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
วันนี้กู่ซาแต่งตัวสวยงามเป็นอย่างมาก มันสวยกว่าครั้งที่แล้วที่ฉินหลั่งมาเจอกับเธอเสียอีก
เวลานี้เอง เผิงเมิ่งก็จอดรถเสร็จแล้ว พลันเดินเข้าตามหลังมา ฉินหลั่งก็เพิ่งจะเห็นว่า วันนี้เผิงเมิ่งก็แต่งตัวอย่างสะสวย
กระโปรงยาวสีเขียวอ่อน ด้านบนยังใส่หมวกสานสไตล์ยุโรป หมวกสานใบนั้นยังผูกโบสีม่วงเข้มเอาไว้ มันช่างทำให้ใบหน้ารูปไข่ของเผิงเมิ่งเห็นชัด เธอสวมรองเท้าแตะตาข่าย ทั้งตัวดูสง่างามและเพรียวระหง ก็เหมือนกับนางเอกสาวในภาพวาดของฮายาโอะ มิยาซากิที่หลุดออกมาเช่นนั้น
ฉินหลั่งถึงกลับหลุดภวังค์ไปอยู่พักหนึ่ง
“ไปเถอะ” เมื่อเห็นฉินหลั่งยืนงงอยู่ เผิงเมิ่งยิ้มให้เล็กน้อย เธอเดินเข้าไปหาด้านข้างของฉินหลั่งแล้วพูดขึ้นมาว่า
ทั้งสามคนเดินไปยังด้านหน้าประตูของหมู่บ้าน
ประตูหมู่บ้านปิดเอาไว้ เผิงเม่งที่ไม่มีคีย์การ์ดเลยทำให้พวกเธอเข้าไปไม่ได้ นานอยู่พอควร ก็ไม่มีคนเดินออกมา เผิงเมิ่งกับกู่ซาเลยร้อนรน
เหอะ งั้นฉันก็ต้องเปิดนะสิ ไม่มีวิธีอื่น ตอนนี้ก็ต้องให้เขาเป็นคนเปิดเอง เขาเอาคีย์การ์ดมาไว้ตรงตัวสแกนบัตร เสียงดัง “ติ๊ง” ประตูก็เปิดออก
“ทำไมคุณถึงมีคีย์การ์ดประตูนี้ได้ล่ะ?” เผิงเมิ่งเบิกตาโตจ้องมองฉินหลั่ง หรือว่าฉินหลั่งเป็นลูกบ้านที่พักอาศัยในชุ่ยเต่าหัวถิง? ที่นี่มันเป็นหมู่บ้านที่หรูหราที่สุดในเมืองจีนหลิงเลยนะ?
“เหอะ…” ไม่คิดเลยว่าเผิงเมิ่งจะแสดงอาการออกได้มากขนาดนี้ ฉินหลั่งรู้สึกเสียใจขึ้นมา ตอนนี้ได้แต่พยักหน้ายอมรับ “ความจริงแล้วฉันพักอยู่ที่นี่”
“ยี้!” ฉินหลั่งเพิ่งพูดจบ กู่ซาตะคอกใส่เสียงดัง “ฉินหลั่งเอ๋ยฉินหลั่ง คำพูดพวกนี้แกยังกล้าพูดออกมาจากปากของแกได้ แกมีบ้านอยู่ที่นี่เหรอ? แกคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง? บ้านที่ถูกที่สุดของชุ่ยเต่าหัวถิง ราคาแตะถึงสี่ล้านกว่า แกมีเงินมากมายก่ายกองขนาดนั้นเชียว?”
ฉินหลั่งขมวดคิ้วตอนที่มองไปทางกู่ซา
“แกคงยังไม่รู้ว่า วันนั้นหลังจากแกไปแล้ว ฉันกับเผิงเมิ่งตั้งใจไปที่ห้องของแกแล้วไปหาเพื่อนในห้องของแกถามเรื่องของแกมา” กู่ซายิ้มให้ฉินหลั่ง ราวกับว่ามองฉินหลั่งได้ทะลุปรุโปร่ง “ค่าเทอมก็อาศัยทุนการศึกษาของรัฐบาลกับทุนการศึกษาคนยากจนของมหาวิทยาลัย ส่วนค่าใช้จ่ายรายวันก็ได้มาจากการหางานเล็กๆ น้อยๆ ทำ เสื้อผ้าก็มาจากกองเสื้อผ้าที่วางขายตามพื้น โทรศัพท์มือถือก็เป็นยี่ห้อเสี่ยวหมี่มือสองอีกต่างหาก….”
(กู่ซากับเผิงเมิ่งก็ช่างซวยซ้ำซวยซ้อนซะจริงๆ ไปได้ยินเรื่องประวัติลับๆ ความเป็นมาของฉินหลั่งมา ส่วนเรื่องดีๆ ของฉินหลั่งก็ไม่ยินมาบ้างเลย)
“นี่แกนี่มันช่างสุดยอดเสียจริง แกพูดออกมาว่าแกคลุกคลีตีโมงอยู่ในมหาวิทยาลัยแบบนี้ ตอนนี้มาบอกกับพวกเรา ว่าแกก็พักอยู่ที่ชุ่ยเต่าหัวถิง? เชอะ แกคงนึกว่าคงหลอกพวกเราได้ หรือว่าแกไม่มีสมองกันแน่?” กู่ซาพูดอย่างไม่มีความเกรงใจสักนิด
ฉินหลั่งกลืนน้ำลายลงคอ กู่ซาพูดออกมาล้วนเป็นจริง แต่ว่าตนเองก็ไม่ได้พูดโกหกนี่ เขามีวิลล่าอยู่ที่ชุ่ยเต่าหัวถิงจริงๆ อีกอย่างวิลล่าที่แพงหูฉี่หลังนั้นที่อยู่ด้านในหมู่บ้านเป็นของเขาเอง
“ซาซา” เผิงเมิ่งดึงกู่ซาเอาไว้ คำพูดของเธอนั้นช่างเสียดสีจริงๆ “บางทีเขาอาจจะพูดความจริงก็ได้”
ในใจของเผิงเมิ่งยังกอดความหวังเอาไว้อยู่ ว่าฉินหลั่งไม่ได้หลอกลวงเธอ
“จริงเหรอ? เผิงเมิ่ง อย่าโง่เลย ฉันคิดว่าเขาคงทำงานกระจอกงอกง่อยอยู่ในหมู่บ้านนี่แหละ ถึงได้มีคีย์การ์ดประตูเข้าได้” กู่ซาได้แต่หัวเราะไม่เลิก เธอชี้ไปที่ประตูห้องทำงานป้อมยาม แล้วมองไปที่ฉินหลั่ง “แกกล้าไปตรงนั้นแล้วถามไหม ว่าแกเป็นลูกบ้านที่นี่ พวกเขาต้องรู้จักแกแน่!”
ฉินหลั่งหมดคำพูด เขากับกู่ซา เผิงเมิ่งก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ อยู่ดีๆ จะไปหาเรื่องใส่ตัวทำไม
การที่เป็นไปตามนี้มันก็ดีมากแล้ว เมื่อจะได้หลีกเลี่ยงที่ทำให้พวกเธอรู้ความจริงว่าตนเองนั้นเป็นคนมีเงิน แล้วจะเกิดอยากเปลี่ยนใจหันมาหาตนเองแทน เขาย่นคิ้วเข้าหากัน แล้วมองแล้วมองอีก ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา
“เห็นหรือยัง คนคนนี้มีแต่พูดเรื่องโกหก…” กู่ซารู้สึกว่าพูดดักทางคำโกหกของฉินหลั่งได้ เลยได้แต่ยิ้มให้เผิงเมิ่งอย่างพอใจ เผิงเมิ่งทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆ แถมได้แต่ปลอบใจตนเอง ฉินหลั่งก็แค่พูดปดเป็นบางที มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“อย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ว่าแกกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่ แกอยากจะหลอกให้เผิงเมิ่งรู้สึกดีกับแกแน่ๆ เพื่อจะได้จีบเธอให้อยู่หมัด แล้วก็อยากเข้ามาอยู่ในบ้านของเธอ เพื่อจะได้มีชีวิตได้ดีขึ้น?” แววตาของกู่ซาทำเหมือนว่ามองฉินหลั่งได้อย่างทะลุปรุโปร่ง “เชอะ ฉันยังไม่ได้บอกแกเรื่องหนึ่ง มีฉันอยู่ สิ่งที่แกต้องการอย่าได้คิด”
“ซาซา ไม่ต้องพูดแล้ว….” เผิงเมิ่งรู้สึกว่ากู่ซาเร่มพูดเกินเลยไปใหญ่แล้ว เพราะเธอรู้สึกว่าฉินหลั่งไม่ใช่คนแบบนั้น
“ฉินหลั่ง คุณอย่าเก็บมาใส่ใจ ซาซาแค่เป็นห่วงฉันเท่านั้นเอง” เผิงเมิงพูดกับฉินหลั่งอย่างเก้อเขิน “เราเดินเข้าไปด้านในกัน พวกเขาก็มากันแล้ว…”
เผิงเมิ่งแทรกกลางระหว่างฉินหลั่งกับกู่ซา ทั้งสามคนเดินเข้าไปด้านในของหมู่บ้าน

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset