ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – ตอนที่ 101 พญาที่น่าหวาดกลัว สหายบาดเจ็บสาหัส

บทที่ 101 พญาที่น่าหวาดกลัว สหายบาดเจ็บสาหัส
แค่นี้เอง?

ได้ยินไก่คุกรัตติกาลพ่นวาจานี้ออกมา โจวฝานแทบระเบิดอารมณ์

เขารู้สึกถูกเหยียดหยามอย่างใหญ่หลวง!

เป็นแค่ไก่ตัวหนึ่งกลับกล้าที่จะเย้ยหยันเขา?

เมื่อครู่เขาเพียงกลัวว่าจะล่วงเกินหานเจวี๋ย เพราะอย่างนั้นจึงไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด หากเขาออกแรงชกอย่างสุดกำลังจริงๆ คงไม่ระเบิดไก่เหม็นตัวนี้เลยหรือ

โจวฝานพลันยกขาขึ้น พลังวิญญาณมหาศาลรวมเข้าที่หัวเข่า ปะทะไก่คุกรัตติกาลอย่างมิอาจต้านทานได้

ไก่คุกรัตติกาลถูกเขาแทงเข่าจนร่างลอยสู่ท้องฟ้า โจวฝานกระโจนร่าวตามขึ้นไป หนึ่งคนหนึ่งไก่พุ่งขึ้นไปบนเวหา ต่อสู้กันต่อ

โจวฝานไม่เหมือนผู้บำเพ็ญเซียน เขาเหมือนทหารในโลกมนุษย์มากกว่า ทว่าวิชามวยของเขาคล่องแคล่วแข็งแรง ทุกการเคลื่อนไหวสั่นสะเทือนท้องฟ้าปรากฏความผันผวนในห้วงอากาศที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ไก่คุกรัตติกาลเอาแต่ป้องกันการกระทบกระทั่งมาโดยตลอด ไม่ต่างกับกระสอบทราย แต่คนที่มีสายตาเฉียบคมจะมองออกได้ชัดเจนว่าโจวฝานไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับมันแม้แต่น้อยเลยจริงๆ

หากใช้คำพูดของหานเจวี๋ยมากล่าว นี่คือการสะกิด

โม่ฟู่โฉวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ศิษย์พี่หาน ไก่ตัวนี้เป็นไก่ประเภทใดกัน”

หานเจวี๋ยหัวเราะกล่าว “ไก่ทั่วๆ ไป เป็นไก่ที่ข้าฉกฉวยมาจากชาวนาของสำนักหยกพิสุทธิ์ อบรมเลี้ยงดูมาหลายร้อยปีแล้ว”

โม่ฟู่โฉวรู้สึกตกตะลึง

เซวียนซือซือก็มองหานเจวี๋ยด้วยความแปลกใจ

ไก่ธรรมดาตัวหนึ่งสามารถอบรมเลี้ยงดูกลายเป็นระดับสุญตา?

เป็นไปได้อย่างไร!

ไก่ตัวนี้จะต้องมีสายเลือดที่เหนือธรรมดาและได้รับโอกาสวาสนาไม่น้อย เพียงแค่บังเอิญถูกหานเจวี๋ยเก็บมาได้

คุณสมบัติในการฝึกฝนมีความสำคัญเป็นอย่างมาก สามารถตัดสินขีดจำกัดบนล่างได้

สวินฉางอันส่ายหน้า ไก่เหม็นตัวนี้รอบคอบเกินไปแล้ว

เหตุผลที่ไก่คุกรัตติกาลป้องกันมาโดยตลอด มิใช่จงใจหยอกล้อโจวฝาน

แต่เพราะอยากจะสำรวจความสามารถของโจวฝานให้แน่ใจ

ก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยเคยบอกกับเขาว่า บางคนมีศักยภาพที่แข็งแกร่งกว่าขอบเขตพลัง อีกทั้งบางคนยังชอบแสร้งเป็นหมู เพื่อหลอกกินเสือ[1]

ไก่คุกรัตติการดูเหมือนว่าจะเสียงดังโอ้อวด จิตใจกลับละเอียดอ่อนมาก

มันมองตบะของเซวียนซือซือไม่ออก แต่เซวียนซือซือสามารถติดตามโจวฝานได้ แสดงว่าโจวฝานย่อมมีจุดที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน

ทว่าสู้กันมาสักพัก ไก่คุกรัตติกาลก็มองเห็นข้อเท็จจริงชัดเจน

เจ้าหนูนี่อ่อนแอจริงๆ!

ไก่คุกรัตติกาลหัวเราะลั่นก่อนเอ่ยว่า “ท่านปู่ไก่ไม่แสดงแล้ว เจ้าหนู เตรียมยอมรับความเจ็บปวดของการพ่ายแพ้หรือยัง”

โจวฝานตกตะลึง พลันถอยหลังออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว

ไก่คุกรัตติกาลกระพือปีก ปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากขนไก่ทั่วร่าง ราวกับห่าฝนโหมกระหน่ำ

ความเร็วของปราณกระบี่ รวดเร็วจนตกตะลึง!

เดิมทีโจวฝานก็ไม่อาจตอบโต้ได้ทัน ใบหน้าของเขาซีดเซียว

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายอีกครั้ง

คุ้นเคยเกินไปแล้ว!

ถึงอย่างไรเขาก็เคยตายมาก่อน!

ในช่วงฟางเส้นสุดท้ายนั้น พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งหอบหนึ่งแผ่ปกคลุมเขา ช่วยเขาต้านทานปราณกระบี่ของไก่คุกรัตติกาล

ตู้ม…

ปราณกระบี่ของไก่คุกรัตติกาลสลายหายไปในทันที โจวฝานเบิกตาโต พลังวิญญาณทั่วทั้งร่างทำให้เขารู้สึกล้นทะลักอย่างไร้ที่เปรียบ

กลิ่นอายพลังวิญญาณหอบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อน

กลับไม่ใช่พลังวิญญาณของเซวียนซือซือ แต่เป็นหานเจวี๋ย!

“หยุดแค่นี้เถอะ!”

หานเจวี๋ยกล่าว เป็นการยุติการต่อสู้ครั้งนี้

โจวฝานมึนงงไปหมด

หลังจากที่โม่ฟู่โฉวประสานมือขอบคุณหานเจวี๋ย ก็รีบลากโจวฝานออกไปอย่างรวดเร็ว

เซวียนซือซือก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เดินตามสองคนนั้นออกไป

ไก่คุกรัตติกาลกลับมาตรงหน้าหานเจวี๋ย ก่อนเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่า “นายท่าน ความสามารถของข้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ทำให้ท่านขายหน้าใช่หรือไม่”

หานเจวี๋ยตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “สตรีเมื่อครู่นั้นมีตบะระดับรวมกายาขั้นเก้า นางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโจวฝาน หากเจ้าทำร้ายโจวฝาน เจ้าคิดว่าเจ้าจะสู้นางได้หรือไม่”

ได้ยินเช่นนั้น ไก่คุกรัตติกาลตกใจตัวสั่นเทิ้ม

เด็กดี!

มิน่าเล่าที่ท่านปู่ไก่มองตบะของนางไม่ออก ที่แท้เป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาขั้นเก้า!

ความภาคภูมิใจของไก่คุกรัตติกาลหายวับไปกับตา แทนที่ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยส่ายหน้าน้อยๆ ไม่ชี้แนะให้ไก่คุกรัตติกาลฝึกบำเพ็ญอีก แต่กลับเข้าไปในถ้ำเทวาของตน

ไม่ถึงสามวัน ข่าวการกลับมาของโจวฝานและโม่ฟู่โฉวก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์

เมื่อหวนนึกถึงปีนั้น ทั้งสองคนก็เคยเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ในต้าเยี่ยน รวมกับประสบการณ์ที่ทรยศสำนักหยกพิสุทธิ์และเข้าร่วมกับสายมาร ทำให้พวกเขายิ่งน่าสนใจมากขึ้น

ทั้งคู่ล้วนอยู่ระดับระดับปราณก่อกำเนิด ศิษย์พี่ศิษย์น้องในวัยเดียวกันกับพวกเขาส่วนใหญ่ยังอยู่ระดับรวมแก่นปราณ

เมื่อโม่ฟู่โฉวรู้ว่าโม่จู๋สบายดี อีกทั้งยังทะลวงไปถึงระดับปราณก่อกำเนิดแล้ว เขาตะลึงงันไปในทันที

เขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ด้านนอกก็เพิ่งจะได้แค่ระดับปราณก่อกำเนิดมา โมจู๋อยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์ ปิดด่านฝึกฝนทุกวัน คิดไม่ถึงว่าตบะกลับไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย…

นี่…

โม่ฟู่โฉวรู้สึกสงสัยในชีวิตคนมาก

ตั้งแต่ที่โจวฝานพ่ายแพ้ให้กับไก่คุกรัตติกาล ก็ปิดด่านกักตน ซ่อนตัวอยู่ในที่พัก ไม่เคยออกไปข้างนอก อาศัยเพียงโม่ฟู่โฉวที่ออกไปเยี่ยมเยียนสหายเก่าทั่วทุกสารทิศ

หนึ่งเดือนผ่านไป

โม่ฟู่โฉว เซวียนซือซือมาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ยอีกครั้ง

โจวฝานไม่ได้มาด้วย

ภายในถ้ำเทวา โม่ฟู่โฉวเอ่ยขอบคุณหานเจวี๋ย หากเขาไม่ห้ามปรามโม่จู๋ โม่จู๋ที่ออกไปเผชิญชะตากรรมข้างนอกเพียงลำพัง ไม่แน่ว่าอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้

ศัตรูของตระกูลโม่มีมากมายนัก!

“โจวฝานยังสบายดีหรือ” หานเจวี๋ยเอ่ยถาม

เขาเห็นใจโจวฝานมาก แต่เขาก็จนหนทาง ใครใช้ให้เจ้าหมอนั่นต้องการมาท้าประลองเขา

โม่ฟู่โฉวส่ายหน้าฝืนยิ้ม ก่อนเอ่ยว่า “ยังหลบอยู่ในที่พัก แต่ว่าไม่เป็นอะไร เขาเคยประสบกับการถูกโจมตีมาไม่น้อย สามารถปรับสภาพจิตใจได้ด้วยตนเอง ศิษย์พี่หาน ตอนนี้ท่านบรรลุระดับใดแล้วหรือ ระดับสุญตาใช่หรือไม่”

เซวียนซือซือนั่งอยู่ด้านข้าง ยิ้มแต่ไม่กล่าวอะไร

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ประมาณนั้น”

รอยยิ้มของโม่ฟู่โฉวยิ่งฝืดเฝื่อนมากกว่าเดิม

พวกเขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายถึงได้ตบะระดับปราณก่อกำเนิดมา ทว่าหานเจวี๋ย…

โม่ฟู่โฉวเองก็ไม่ใช่คนโวยวายไร้เหตุผล รีบปรับเปลี่ยนสภาพจิตใจทันที ก่อนเอ่ยขึ้น “พวกเราเคยพบหยางเทียนตงศิษย์ของท่านมาก่อน ตอนนี้เขากลายเป็นปีศาจเต็มตัวแล้ว กราบพญาอสรพิษหยกเป็นบิดาบุญธรรม ก่อนหน้านี้หากไม่ได้เขาลงมือช่วยเหลือ เกรงว่าพวกเราคงถูกพญาอสรพิษหยกกินไปเสียนานแล้ว”

ได้ยินเช่นนั้น คิ้วคมของหานเจวี๋ยก็ขมวดขึ้นทันที

อะไรกัน

กราบบิดาบุญธรรมอีกแล้วหรือ

เจ้าหนูนี่ชาติที่แล้วแซ่หลี่ว์หรืออย่างไร

หานเจวี๋ยหมดคำพูดจริงๆ

ก่อนหน้านี้ราชามารปีศาจเตี่ยนซู่หยุดสร้างปัญหาไปแล้ว หยางเทียนตงยังวิ่งหนีไปทั่ว จะหนีก็หนีไปเถอะ แต่สุดท้ายกลับไปกราบราชาปีศาจตนหนึ่งเป็นบิดาบุญธรรมเสียได้

“ระหว่างทางที่กลับมา พวกเราได้ยินว่าหยางเทียนตงและพญาฮุ่นตุ้นสมรู้ร่วมคิดกับราชาปีศาจตนอื่นเพื่อล้อมปราบพญาอสรพิษหยก แต่ถูกพญาอสรพิษหยกสังหารเรียบ พญาอสรพิษหยกเดือดดาลถึงขีดสุด ออกคำสั่งไล่สั่งหารหยางเทียนตง ทำให้เกิดเรื่องราวโกลาหลวุ่นวาย” โม่ฟู่โฉวพูดต่อ

เมื่อหานเจวี๋ยได้ฟัง จึงรีบเปิดดูค่าความสัมพันธ์และตรวจสอบจดหมาย หน้าจอของระบบมีเพียงเขาที่สามารถมองเห็นได้

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x10421

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ] x6982

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตกลงไปในสระน้ำเก้าโลกันตร์ เป็นตายไม่แน่ชัด]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส บังเอิญพบค่ายกลส่งตัวบรรพกาล รอดพ้นมาได้]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ซั่งกวนฉิวเจี้ยนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเพื่อนร่วมสำนัก] x4

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย สำนักมารปีศาจดวงชะตาอ่อนแอ ปราณวิญญาณสำนักเริ่มสลาย]

……

หานเจวี๋ยนิ่งอึ้ง บาดเจ็บสาหัสมากทีเดียว!

ดูเหมือนว่าพญาฮุ่นตุ้นก็คือสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสินะ คิดไม่ถึงว่าเมื่อเจ้าสุนัขโง่และศิษย์มหาภัยอยู่ด้วยกัน เมื่อเริ่มก็ถูกโจมตี

เซวียนซือซือพลันเอ่ยขึ้นมาว่า “พญาอสรพิษหยกนั่นอาจจะก้าวสู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์เมื่อใดก็ได้ ตบะลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง ตอนนั้นที่ข้าช่วยสองคนนี้ก็เกือบได้รับบาดเจ็บ”

ระดับรวมกายาขั้นเก้ายังสู้พญาอสรพิษหยกไม่ได้?

คิ้วของหานเจวี๋ยยิ่งขมวดแน่นมากขึ้น

หยางเทียนตงหนีออกมาจากเงื้อมมือของพญาอสรพิษหยกได้อย่างไรกัน

ดูเหมือนว่าสถานการณ์การต่อสู้จะดุเดือดมาก อีกทั้งยังมีผู้ทรงพลังอื่นๆ ที่ควบคุมพญาอสรพิษหยกไว้

หรือว่าในนั้นจะรวมหวงจุนเทียนและซั่งกวนฉิวเจี้ยนด้วย?

หวงจุนเทียน เจ้าสำนักเก้ามังกร ระดับสุญตาขั้นหนึ่ง

ซั่งกวนฉิวเจี้ยน ผู้อาวุโสคุมกระบี่ของลัทธิสัจจะยุทธ์ ระดับสุญตาขั้นเก้า

สองคนนี้ก็ไม่น่าจะใช่คู่ต่อสู้ของพญาอสรพิษหยกสิถึงจะถูก

……………………………………………………………………………..

[1] แสร้งเป็นหมู เพื่อหลอกกินเสือ หมายถึง แสร้งทำเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยา เพื่อหลอกลวงให้ศัตรูตายใจ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset