ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – ตอนที่ 106 ก้าวข้ามไท่อี่ เดินอีกสามก้าว!

บทที่ 106 ก้าวข้ามไท่อี่ เดินอีกสามก้าว!
หลังจากลังเลอยู่นาน หานเจวี๋ยตัดสินใจนำหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ผสานเข้าไปในกระบี่พิพากษาอนธการ

พญาอสรพิษหยกอาจมาโจมตีได้ทุกเมื่อ เขาต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังสังหาร ให้ดีที่สุดต้องสังหารพญาอสรพิษหยกให้ได้ภายในชั่ววินาที

หากไม่ใช่พญาอสรพิษหยก บางทีหานเจวี๋ยอาจจะเก็บหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ไว้

แต่เพราะความไม่ประมาท เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้มันก่อน

เขาสาปแช่งเสียขนาดนั้น แต่พญาอสรพิษหยกยังทะลวงสำเร็จ ทั้งยังคอยสร้างเรื่องราวไปทั่วราวกับคนที่ไม่เป็นอะไรเลย แสดงให้เห็นว่าพญาอสรพิษหยกแข็งแกร่งยิ่งนัก!

หานเจวี๋ยไม่กล้าประมาท!

เขารีบนำกระบี่พิพากษาอนธการออกมา วางหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ไว้บนคมกระบี่ กรอกพลังวิญญาณหกสายเข้าไปบนสิ่งของทั้งสอง พยายามทำให้พวกมันผสมผสานเข้าด้วยกัน

กระบี่พิพากษาอนธการเป็นของวิเศษคู่ชีวิต ก่อนหน้านี้เขาเคยลองมาแล้ว กระบี่พิพากษาอนธการไม่สามารถสำแดงพลังที่เหนือกว่าระดับขอบเขตพลังของเขาได้

สิ่งนี้ต่างจากที่เขาจินตนาการไว้ เขายังคิดว่าจะเป็นแบบตงหวงไท่อีในเทพนิยายโบราณที่มือถือระฆังฮุ่นตุ้นสังหารไปทั่วทิศเสียอีก

ทว่าพอครุ่นคิดดูแล้ว ตอนที่ตงหวงไท่อีถือกำเนิด ตบะของเขาก็อยู่ระดับแนวหน้าของช่วงเวลานั้นแล้ว

ก็จริงอยู่ หากมนุษย์ธรรมดาจะทำให้ของวิเศษสำแดงพลังของเทพเซียนออกมา เช่นนั้นจะไม่ถูกบีบจนแห้งหมดตัวหรอกหรือ

[กระบี่พิพากษาอนธการไม่อาจถูกหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ยกระดับได้ กรุณาเปลี่ยนของวิเศษชิ้นใหม่]

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

ไร้เหตุผลสิ้นดี

ดูท่าคงจะเหมือนที่เขียนไว้ในนิยาย อนธการต้องสูงกว่ามรรคาสวรรค์

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง หรือไม่เช่นนั้นก็เก็บไว้ก่อน?

ใช้กับหนังสือแห่งความโชคร้ายก็รู้สึกจะสิ้นเปลืองไปสักหน่อย ยกระดับหนึ่งขั้นก็สามารถสาปแช่งพญาอสรพิษหยกให้ตายได้หรือ

หลังจากทะลวงระดับฝ่าด่านเคราะห์แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีของวิเศษที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า

หากอยากสังหารพญาอสรพิษหยกให้ได้ภายในชั่ววินาที คงต้องหาวิธีอื่น

ทำความเข้าใจมรรคากระบี่อีกครั้ง?

ก็ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นยังเฝ้ารออยู่ในแม่น้ำมรรคกระบี่หรือไม่

หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งพญาอสรพิษหยกด้วยพลังทั้งหมด

ยืดเวลาได้แค่ไหน ก็แค่นั้น

หลายวันต่อมา

หานเจวี๋ยที่มีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง เขาเช็ดเลือดบนหน้า ก่อนเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา

หลังจากใช้เวลารักษาตัวอีกหลายวัน หานเจวี๋ยก็เริ่มทำความเข้าใจมรรคกระบี่

ที่เขาทำความเข้าใจนั้นคือไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ เพราะอยากดูว่าจะสามารถทำให้ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิแข็งแกร่งกว่าเดิมได้หรือไม่

……

ชายแดนต้าเยี่ยน

หยางเทียนตงหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง รีบร้อนนั่งลงเคลื่อนย้ายลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บ บนร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด ท่าทางดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก

ตั้งแต่ร่วมมือกับสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นโจมตีพญาอสรพิษหยกจนได้รับความพ่ายแพ้กลับมา เขาก็ถูกตามล่าสังหารมาโดยตลอด หลายปีนี้หลบซ่อนไปทั่วสารทิศ ถึงขั้นกล่าวได้ว่าอยู่ไม่สู้ตาย

“ลูกทรพี เจ้าหนีต่อไปเถิด ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ใด ข้าก็จะจับเจ้าให้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะถลกหนังดึงเอ็นของเจ้า ให้เจ้าได้ลิ้มรสว่าอะไรคือความสิ้นหวัง!”

เสียงหัวเราะเยือกเย็นและเต็มไปด้วยความอาฆาตของพญาอสรพิษหยกดังขึ้นข้างหูหยางเทียนตง

หยางเทียนตงกลับไม่ได้รู้สึกตกใจแต่อย่างใด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยิน

เห็นได้ชัดว่าพญาอสรพิษหยกใช้เคล็ดวิชาบางอย่างที่ทำได้เพียงแค่ถ่ายทอดเสียง แต่ไม่อาจสังหารหยางเทียนตงโดยตรงได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกจับไปนานแล้ว

“บัดซบ…”

หยางเทียนตงกัดฟันแน่น เขารู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ

หลายปีมานี้ เขาตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสมาโดยตลอด ไม่ว่าจะหนีไปที่ใดล้วนไม่มีประโยชน์ ทั้งยังสร้างความเดือดร้อนให้กับสำนักบำเพ็ญเซียนและราชาปีศาจต่างๆ ไม่น้อย

ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาต้าเยี่ยนได้ เขาลังเลเป็นอย่างมากว่าควรกลับไปยังสำนักหยกพิสุทธิ์ดีหรือไม่

พญาอสรพิษหยกแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แข็งแกร่งเสียจนเขารู้สึกว่าไม่มีใครสามารถที่จะเอาชนะได้

หากไม่กลับสำนักหยกพิสุทธิ์ เช่นนั้นเขาก็ไม่มีสถานที่ให้ไปแล้วจริงๆ

หรือจะไปหาราชาปีศาจเตี่ยนซู่ก่อน

แต่พญาอสรพิษหยกมีราชาปีศาจที่มีความแข็งแกร่งพอๆ กับราชาปีศาจเตี่ยนซู่อยู่ใต้อำนาจจำนวนไม่น้อย ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพญาอสรพิษหยก

หยางเทียนตงรักษาอาการบาดเจ็บไปพลางคิดใคร่ครวญ

เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม เขาก็ออกเดินทางอีกครั้ง

เขาเพิ่งจากไปไม่นาน ปีศาจวิหคหลายสิบตัวก็บินเข้ามา ไล่ตามต่อไปในทิศทางที่เขาจากไป

……

ท้องนภาพลันเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดขึ้นอีกครั้ง แสงสีม่วงบดบังท้องฟ้าและดวงตะวัน แม้กระทั่งพื้นดินส่วนใหญ่ก็ถูกสะท้อนจนกลายเป็นสีม่วง

ขณะที่ผู้คนในใต้หล้ากำลังรู้สึกตกตะลึง พลังจิตของหานเจวี๋ยก็ได้เข้าไปในแม่น้ำมรรคกระบี่แล้ว

ยามนี้ เขากำลังเผชิญหน้ากับเงาร่างผู้หนึ่งเงียบๆ

“เจ้าอีกแล้ว!”

เงาร่างมนุษย์โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่

หานเจวี๋ยยิ่งรู้สึกหมดคำพูด ‘เจ้านี่สติไม่ดีหรืออย่างไร ถึงเอาแต่เฝ้าดูแลอยู่ที่นี่ทุกคืนทุกวัน’

เขาระงับความโกรธ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้อาวุโส ข้าประสบกับศัตรูแห่งความเป็นความตาย ให้ข้าก้าวเข้าไปอีกก้าวได้หรือไม่ เพียงก้าวเดียวเท่านั้น!”

เงาร่างมนุษย์เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าเข้าใจพลังวิเศษไท่อี่กับจิตกระบี่แล้ว ในโลกมนุษย์ยังมีผู้ใดที่เจ้ารับมือไม่ได้อีก นอกเสียจากตบะของเจ้ากับอีกฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไป!”

หานเจวี๋ยทอดถอนใจกล่าว “เดิมทีคิดจะรอจนสำเร็จมรรคผลแล้วค่อยมาเยี่ยมเยียนท่านผู้อาวุโส ขอบคุณที่ผู้อาวุโสคอยเตือนก่อนหน้านี้ ยามนี้คงจะต้องตายบนเส้นทางการบำเพ็ญเพียรแล้ว น่าเสียดายยิ่งนัก”

เงาร่างมนุษย์นิ่งเงียบ

ผ่านไปครู่หนึ่ง

เงาร่างมนุษย์ค่อยๆ เอ่ยปากกล่าวขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเจ้าเดินไปข้างหน้าเถอะ!”

ขณะกล่าว ร่างของเขาก็หลีกทางให้จิตของหานเจวี๋ยตามไปด้านหน้า

ขณะที่เดินไปด้านหน้าอีกครั้ง หานเจวี๋ยพลันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่ากลัวหอบหนึ่ง รู้สึกราวกับแบกภูเขาทั้งลูกไว้จนแทบจะหายใจไม่ออก

ดูท่าผู้อาวุโสท่านนี้ไม่ได้หลอกเขา มนุษย์ธรรมดาไม่อาจทำความเข้าใจข้ามขั้นพลังไท่อี่ได้!

หานเจวี๋ยกัดฟันอดทน

หนึ่งก้าว!

สองก้าว!

สามก้าว!

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยเริ่มวิงเวียน เขารีบร้อนตะโกนออกมา “ท่านผู้อาวุโสช่วยข้าด้วย!”

เมื่อวาจาสิ้นสุดลง มือข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาจับไหล่ของเขาไว้จากด้านหลัง ก่อนดึงตัวเขาออกไป จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าโลกหมุนคว้าง ก่อนที่จิตของเขาจะร่วงลงจากแม่น้ำมรรคกระบี่

“ผู้เยาว์ หากมีครั้งหน้า ข้าจะไม่ช่วยเจ้าอีก!”

น้ำเสียงฮึดฮัดดังเข้าสู่โสตประสาทของหานเจวี๋ย

จิตของหานเจวี๋ยกลับเข้าสู่กายเนื้อ เขารีบเคลื่อนย้ายลมปราณ ทำดวงจิตให้มั่นคง

อักขระแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า

[ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ–พลังวิเศษมรรคกระบี่ของท่านถูกยกระดับ]

ผ่านไปสักพัก

สภาพจิตใจของหานเจวี๋ยก็ฟื้นคืนสู่ปกติ เขาเปิดแบบจำลองการทดสอบทันที เพื่อทำการต่อสู้กับเซวียนซือซือ

ก่อนหน้านี้เขาเคยจำลองการต่อสู้กับเซวียนซือซือมาก่อน ระบบมักจะคัดลอกข้อมูลของนางอยู่เสมอ

ผ่านไปชั่วอึดใจ หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น

เขาผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ

แม้จะเป็นการสังหารภายในชั่ววินาทีเช่นกัน แต่เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ

เพียงก้าวไปด้านหน้าสามก้าว เงากระบี่ของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิก็สามารถเพิ่มขึ้นล้านเงา ล้วนเป็นกระบี่ที่มีชื่อเสียงในแม่น้ำมรรคกระบี่ เงากระบี่นับล้านเพ่งเล็งจุดสังหารไปที่เซวียนซือซือ ทั้งร่างและวิญญาณดับสลายไปพร้อมกัน!

แต่กระบวนท่านี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลาปกติไม่อาจสำแดงออกมาโดยง่าย

หานเจวี๋ยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เขามีความมั่นใจในการสังหารพญาอสรพิษหยกภายในชั่ววินาทีมากขึ้นแล้ว

หญ้าโลกาสวรรค์สั่นระริก หลังจากเห็นรอยยิ้มของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามออกมาว่า “นายท่าน กลิ่นอายพลังของท่านเมื่อครู่นี้น่ากลัวยิ่งนัก…มันทำให้ข้านึกถึงนานท่านคนก่อน”

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น ‘จะบอกว่าตอนนี้ข้าก็พอจะเทียบกับเทพเซียนได้แล้วหรือ’

เขาเพียงโอ้อวดฤทธิ์เดชเพียงเท่านี้ ไหนเลยจะเทียบกับเทพเซียนได้ หญ้าโลกาสวรรค์อ่อนแอเกินไป เดิมทีก็ไม่อาจตัดสินความแข็งแกร่งของเทพเซียนที่เป็นนายท่านคนก่อนได้

“นายท่านคนก่อนอะไรกัน เจ้าก็มีข้าเป็นนายท่านแค่คนเดียวเท่านั้น!” หานเจวี๋ยแค่นเสียงกล่าว

“อา…อือๆ”

หานเจวี๋ยลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่สนใจหญ้าโลกาสวรรค์อีก

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดบนท้องนภาสลายหายไป

สวินฉางอันเห็นหานเจวี๋ยเดินออกมา เขาก็ตะโกนกล่าวขึ้น “อาจารย์ ท้องฟ้าเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ไม่รู้ว่าครั้งนี้เป็นปีศาจชั่วระดับใดจะปรากฏออกมาอีก”

เขาไม่อาจรับรู้ได้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน ดังนั้นจึงไม่คิดว่าเป็นฝีมือของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนแอบก่นด่าในใจ ‘เจ้าสิถึงเป็นปีศาจชั่ว’

เขาไม่ได้ต่อปากต่อคำ แต่กลับทอดมองออกไปไกลๆ

มองไปตามทิศทางสายตาที่เขามองออกไป ภายในป่าแห่งหนึ่งที่ห่างไกลหลายสิบลี้ ชายแปลกประหลาดผู้หนึ่งกำลังนั่งเข้าฌานรักษาอาการบาดเจ็บ

เขาก็คือหยางเทียนตง!

หยางเทียนตงเคลื่อนย้ายลมปราณพลางแหงนหน้ามองท้องนภา เอ่ยพึมพำว่า “ผู้ปรีชาสามารถอันอัจฉริยะถือกำเนิดขึ้นอีกคนแล้ว เฮ้อ หากสามารถสังหารพญาอสรพิษหยกได้จะดีสักเพียงใดกัน”

เมื่อวาจาสิ้นสุดลง เสียงอันคุ้นเคยสายหนึ่งก็ดังเข้ามา “มาถึงประตูบ้านแล้วยังไม่เข้ามาอีก หรือเจ้าอยากจะเป็นบุตรของพญาอสรพิษหยกเข้าจริงๆ แล้ว”

เมื่อได้ยินคำนี้ หยางเทียนตงอยากจะร้องไห้ออกมาทันที ขอบตาพลันร้อนผ่าวขึ้นตามไปด้วย

อาจารย์ยังใส่ใจเขาอยู่จริงๆ!

ทันใดนั้นเขาพลันรู้สึกว่าตนเองไม่ใช่คน รู้สึกผิดต่อหานเจวี๋ยขึ้นมา

ก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยเคยบอกกับเขาแล้วว่าอย่าออกไป เป็นเขาเองที่ไม่ฟัง ตอนนี้ก็ดียิ่งนัก ถูกพญาอสรพิษหยกตามล่าสังหารจนไร้ที่ไป ถึงได้คิดที่จะกลับมา

“อา…จารย์…”

“อย่าร้อง ไปโขกศีรษะอยู่ที่ตีนเขาห้าปี ทุกวันให้ท่องคำว่าเจ้าผิดไปแล้วหนึ่งพันครั้ง!”

“หา?”

……………………………………….

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset