ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 185 ห้ามแพ้เด็ดขาด!

บทที่ 185 ห้ามแพ้เด็ดขาด!

หานเจวี๋ยไม่รู้สถานการณ์ภายในพระราชวังเทียมเมฆา ตอนนี้เขามีเพียงเป้าหมายเดียว

โจมตีหลงซั่น!

หลงซั่นแข็งแกร่งกว่าเทพยุทธ์จวี้หลิงอย่างเห็นได้ชัด แต่หานเจวี๋ยไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายเลย

แข็งแกร่งมากกว่านี้เพียงใดก็เป็นเซียนสวรรค์ไท่อี่!

ทั้งคู่นับวันยิ่งใกล้กันเรื่อยๆ อานุภาพแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุดหย่อน

ท้องนภารอบบริเวณถูกกดทับจนบิดเบี้ยว

“โปรดใช้ใจเด็ดเดี่ยวที่จะสังหารมาสู้กับข้า เพราะข้าจะลงมืออย่างไร้ปรานี!”

หลงซั่นจ้องมองหานเจวี๋ย เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

หานเจวี๋ยลอบสบถ

‘เบื้องหลังของเจ้ายังมีวังสวรรค์ มีตาแก่จักรพรรดิสวรรค์ของเจ้า เจ้าย่อมมั่นใจไร้เกรงกลัวอยู่แล้ว!

แล้วข้าเล่า’

ความรู้สึกของหานเจวี๋ยที่มีต่อหลงซั่นเพิ่มระดับความเกลียดชังเป็นสามดาว

แทบจะในเวลาเดียวกัน!

หานเจวี๋ยและหลงซั่นพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน

ตู้ม…!

แสงสว่างอันแข็งแกร่งพุ่งปรากฏ สว่างจ้าส่องขอบฟ้า!

หานเจวี๋ยโบกควงกระบี่พิพากษาอนธการอย่างรวดเร็ว สู้ตัดสินกับหลงซั่น

ทวนสามง่ามที่โบกควงอยู่ในมือทั้งสองข้างของหลงซั่น สกัดทุกกระบี่ของหานเจวี๋ยไว้ได้สบายๆ

ทั้งคู่ล้วนกำลังหยั่งเชิงอีกฝ่าย ไม่ได้ออกแรงต่อสู้สุดกำลัง

แต่การหยั่งเชิงดำเนินไปได้เพียงไม่กี่อึดใจ พลังบุกโจมตีของหลงซั่นก็พุ่งสูงขึ้น ทวนเดียวโจมตีหานเจวี๋ยลอยกระเด็นออกไป

เขาควงทวนเสียบไปเบื้องหน้าตามไปในทันที ทวนยาวดุจมังกร พลังเวทกลายเป็นมังกรทองห้ากรงเล็บตัวหนึ่งโดยพลัน เสมือนเทือกเขา แผดเสียงร้องคำรามกลางฟ้ากว้าง บุกไปทางหานเจวี๋ยด้วยอานุภาพไม่อาจต้านทาน

เมฆอัสนีโหมเดือดรุนแรง ปรากฏการณ์ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ราวกับสวรรค์กำลังเปลี่ยนหน้า

หลังจากหานเจวี๋ยมั่นใจระดับความแข็งแกร่งในพลังเวทของหลงซั่นแล้ว ก็สำแดงไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิทันที

พลังวิเศษนี้อาณาเขตทำลายล้างกว้างใหญ่ พลังฆ่าสังหารยิ่งน่าสะพรึง เป็นสุดยอดวิชาที่หานเจวี๋ยใช้สังหารศัตรูมาโดยตลอด

ทันทีที่ทะเลปราณกระบี่ทะลักออกมา เงากระบี่นับไม่หวาดไม่ไหวควบรวมอย่างฉับไว บุกฆ่าไปทางหลงซั่นอีกครั้ง

หลงซั่นไม่ได้ลนลานเลยสักนิด การต่อสู้ของหานเจวี๋ยและเทพยุทธ์จวี้หลิงก่อนหน้านี้เขาเป็นประจักษ์พยานเห็นกับตาตัวเองแล้ว

เขาสะบัดควงทวนสามง่าม พลังเวทกลายเป็นมังกรทองเก้าตัว เลื้อยพันรอบตัวอย่างรวดเร็ว ทำลายล้างเงากระบี่ทั้งหมดที่บุกโจมตีมาจากสี่ทิศแปดทาง

หลงซั่นต่อต้านไปพลางพุ่งเข้าใส่หานเจวี๋ย ใบหน้าของเขาฉายรอยยิ้มพิกลออกมา

หานเจวี๋ยแกร่งมากจริงๆ!

แต่ไม่แกร่งเท่าเขา!

หานเจวี๋ยสำแดงดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ แต่หลงซั่นหลบได้

สายตาเห็นว่าหลงซั่นจวนจะบุกเข้ามาหยุดตรงหน้าอยู่รอมร่อ หานเจวี๋ยจับกระบี่วาดควง ปราณกระบี่ไหลรินออกมาหลังจากนั้น ก่อตัวขึ้นเป็นกงล้อปราณกระบี่ใหญ่มหึมาขึ้นมาตรงหน้า หมุนโคจรด้วยความเร็วสูง ปราณกระบี่เคลื่อนตัวในกงล้อขนาดใหญ่ด้วยความเร็วสูง โหมกระพือพายุฤดูร้อนน่าสะพรึงขึ้น

มหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่!

พลังวิเศษผลกรรม!

หลงซั่นรู้สึกถึงอันตรายโดยสัญชาตญาณ สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย รีบพุ่งทะยานมาหยุดอยู่ด้านหลังหานเจวี๋ยทันที

หานเจวี๋ยหันกายโบกกระบี่ เงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนฟันเฉือนออกมา อานุภาพล้นทะลัก กระแทกใส่หลงซั่น

มังกรทองเก้าตัวที่อยู่รอบตัวหลงซั่นสกัดอุทกธารเงากระบี่ แต่เขายังคงถูกกดข่มจนลอยไปด้านหลังอยู่ดี

“ปราณกระบี่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก พลังเวทของเขาเร้ากระตุ้นไม่หยุด?”

หลงซั่นขมวดคิ้วมุ่น สัมผัสได้ถึงความรับมือยากของหานเจวี๋ย

มหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่นั่นทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายอย่างยิ่งยวด ไม่อาจเข้าใกล้

แต่หากรักษาระห่างเอาไว้ เขาทำได้เพียงแบกรับไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิอย่างผู้ถูกกระทำอย่างเดียว

สายตาของหานเจวี๋ยแน่วแน่ รู้สึกว่าไม่อาจรีรอได้อีกต่อไป

ยิ่งโจมตีกำราบหลงซั่นได้ไวเท่าไร ก็ยิ่งสามารถพิสูจน์พรสวรรค์ของตนได้มากเท่านั้น!

ไหล่ของเขาขยับไหว พลันงอกศีรษะออกมาสองหัว และมีแขนเพิ่มขึ้นมาอีกสี่แขน

พลังวิเศษ สามเศียรหกกร!

หลังจากนั้นไม่นานกระบี่กิเลนพลันปรากฏขึ้นในมือข้างหนึ่ง มือทั้งสองข้างซัดกระหน่ำโบกกระบี่ ปราณกระบี่และเงากระบี่ออกไปทางหลงซั่นไม่ยั้ง มือที่เหลืออีกสี่ข้างก็ชี้นิ้วชี้ไปทางหลงซั่น

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

พลังบุกโจมตีของหานเจวี๋ยพุ่งทะยาน จำนวนเงากระบี่และปราณกระบี่ห่างไกลจากก่อนหน้านี้ ภายใต้พลังบุกโจมตีที่เดือดคลั่งเช่นนี้ มังกรทองเก้าตัวของหลงซั่นถูกสังหารแหลกลาญอย่างต่อเนื่อง

แย่แล้ว!

หลงซั่นหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ หลบหลีกเป็นพัลวัน

ครืน!

ภายในพระราชวังเทียมเมฆาฮือฮาไปทั้งแถบ เห็นว่าหานเจวี๋ยกดกำราบหลงซั่นอย่างกร้าวแกร่ง พวกเขาล้วนทำหน้าเหมือนเห็นผีตัวเป็นๆ

“สามเศียรหกกร พลังวิเศษสำนักเต๋า!”

“เจ้านี่เป็นคนของสำนักเต๋าหรือ”

“เปล่า บนร่างของเขาไม่มีผลกรรมของสำนักเต๋าด้วยซ้ำ บางทีอาจเป็นเพียงโอกาสวาสนากระมัง”

“เก่งกาจยิ่งนัก คุณลักษณะของเขาดูเหมือนไม่ธรรมดา ถึงกับสามารถเร่งกระตุ้นพลังเวทได้เพียงนี้เชียว”

“ฝ่าบาทจะแพ้แล้วหรือ”

เหล่าเทพเซียนพากันอุทานถกประเด็นกันไม่ขาดสาย

สีพระพักตร์ของจักรพรรดิสวรรค์ราบเรียบ เขาชมการต่อสู้อย่างเงียบๆ

โลกมนุษย์

เหล่าแม่ทัพและทหารสวรรค์ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ พวกเขาล้วนพากันปากอ้าตาค้าง

เทพยุทธ์จวี้หลิงถูกสังหารจนกายเนื้อดับสลาย แม้แต่โอรสจักรพรรดิสวรรค์ก็ยังสู้หานเจวี๋ยไม่ได้

มนุษย์ธรรมดายามนี้ล้วนอำมหิตเพียงนี้กันแล้วหรือ

ในเวลาเดียวกันเขาสำแดงสามเศียรหกกร ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ ปราณกระบี่ฟ้าดิน หานเจวี๋ยข่มกำราบหลงซั่นอย่างแข็งขัน เสมือนมีหานเจวี๋ยสามคนกำลังสู้กับหลงซั่น

หลงซั่นไม่กล้าเข้าใกล้ ด้วยกลัวว่าจะถูกมหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่ทำร้ายเข้า ได้แต่หลบหลีกไม่หยุด

แต่เหล่าเทพเซียนต่างกำลังมองดูอยู่บนสวรรค์ ต่อให้เขาจะหลบอย่างไร แต่ก็ไม่กล้าวิ่งหนีตรงๆ

นี่ก็เป็นถึงศึกแห่งศักดิ์ศรี!

ก่อนหน้านี้เขาก็ได้คุยโวไว้เยอะ!

หลงซั่นกัดฟันแน่น สายตาเปี่ยมไปด้วยแววเหี้ยมเกรียม

เกราะเงินของเขาเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีเงิน พุ่งทุบเงากระบี่นับไม่ถ้วน ปราณกระบี่บุกสังหารไปทางหานเจวี๋ยด้วยอานุภาพไม่อาจต้านทาน

แววตาหานเจวี๋ยแน่วแน่ เงื้อฝ่ามือฟาดลงไป

ตราประทับหกวิถี!

พลังเวทหกสายควบรวมเป็นตราประทับสีดำมหึมาที่มีลักษณะเหมือนอักขระตัวหนึ่งพุ่งกระแทกใส่หลงซั่นที่พุ่งรุกเข้ามา สกัดเขาเอาไว้อย่างจัง

หานเจวี๋ยห้อตะบึงตามไป จนมาหยุดที่ด้านหลังหลงซั่น ปราณกระบี่ลิขิตชะตาวัฏจักรใหญ่หันเข้าหาหลงซั่นพอดี

พลังดึงดูดอันน่าสะพรึงลากหลงซั่นเข้าสู่มหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่

แย่แล้ว!

หลงซั่นหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ วิ่งหนีอุตลุด แต่พลังดึงดูดหอบนี้น่าสะพรึงกลัวจริงๆ ห้วงอากาศรอบบริเวณล้วนถูกดูดจนบิดเบี้ยวรุนแรง

มังกรทองที่อยู่รอบกายเขาพลอยแผดคำรามตามไปด้วย เสมือนถูกบีบให้เข้าสู่สถานการณ์สิ้นหวัง

หลงซั่นเองก็ไม่ได้ลนลาน สองมือร่ายเคล็ดวิชาอย่างรวดเร็ว ชั่วอึดใจ พลังเวทของเขาควบรวมออกเป็นเงาแสงสีเงินสายหนึ่ง ปรากฏอยู่เหนือศีรษะของเขา

ร่างเงาแสงสีเงินสายหนึ่งดูเผด็จการ ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่กลับแผ่ซ่านอานุภาพไร้ศัตรูทัดเทียม

“มหาจักรพรรดิ สังหารศัตรู!”

หลงซั่นตะเบ็งเสียงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด เงาแสงสีเงินเหนือศีรษะเงื้อมือขวาขึ้น ตะปบไปทางมหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่

ตู้ม!

มหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่ถูกตบจนแหลกในทันที!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว แทบจะในเวลาเดียวกัน แขนของเขาไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว ร่ายวิชาอย่างบ้าคลั่ง บุกโจมตีหลงซั่น

ถึงขั้นที่เขาอ้าปาก พ่นปราณกระบี่ออกมา

หลงซั่นไม่ทันตั้งตัว ถูกปราณกระบี่นับไม่ถ้วนกดทับจนร่วงลงบนพื้นดินกว้าง เงากระบี่นับพันนับหมื่นโปรยปรายตามลงมา ดุจดั่งฟ้าถล่ม กระหน่ำหล่นใส่ตัวหลงซั่นอย่างบ้าคลั่ง

หลงซั่นตกสู่จุดจบถูกกระทำเหมือนอย่างเทพยุทธ์จวี้หลิงก่อนหน้านี้

“แย่แล้ว!”

ในที่สุดหลงซั่นก็ลนลาน ความไวในการร่ายสำแดงพลังวิเศษของหานเจวี๋ยรวดเร็วเกินไปจริงๆ เขาตามไม่ทันเลยสักนิด

หลังจากเงาแสงสีเงินบนตัวเขาแบกรับการโจมตีของเงากระบี่และปราณกระบี่นับพันนับหมื่น ในที่สุดก็แตกสลาย

จังหวะนี้ หลงซั่นได้แต่ใช้กายเนื้อแบกรับทั้งหมดนี้เอาไว้

ตู้ม…!

หลงซั่นร่วงหล่นลงพื้น ชนทะลวงผิวพสุธา แผ่นดินกว้างแตกร้าว ยังคงมีเงากระบี่และปราณกระบี่นับจำนวนไม่ถ้วนร่วงหล่นจากฟากฟ้า มองผาดๆ เสมือนเสาทะมึนต้นหนึ่ง เชื่อมต่อระหว่างฟ้าและดิน

สีหน้าของหานเจวี๋ยไร้ความรู้สึก ร่ายสำแดงพลังวิเศษไม่หยุดหย่อน หกกรเคลื่อนขยับ เศียรทั้งสามต่างมีสีหน้าเย็นยะเยือก ดุจดั่งเทพสงครามดึกดำบรรพ์ บ้าดีเดือดเผด็จการ

เบื้องล่าง หลงซั่นที่แบกรับปราณกระบี่และเงากระบี่ของหานเจวี๋ย กายเนื้อราวกับเป็นกระสอบทรายไม่มีผิด ไม่อาจหลบหลีกได้

‘ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป…ข้าต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยแน่…’

หลงซั่นคิดอย่างเดือดดาล การต่อสู้ครั้งแรกหลังจากที่เขาปิดด่านฝึกฝนถึงกับพ่ายแพ้จนเละเทะไม่เป็นท่า!

แม้กระทั่งทำร้ายหานเจวี๋ยเขายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!

เหล่าเทพเซียนรวมถึงท่านพ่อของเขาในพระราชวังเทียมเมฆาจะมองเขาอย่างไร

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาสองข้างของหลงซั่นก็แดงก่ำ

เขาแพ้ไม่ได้!

เขาแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!

……………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset