ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 204 ความแข็งแกร่งของเสินเผิง ความลำบากใจของลี่เหยา

บทที่ 204 ความแข็งแกร่งของเสินเผิง ความลำบากใจของลี่เหยา

[ลี่เหยา: ระดับมหายานขั้นห้า บุตรแห่งโลกา ทายาทจักรพรรดิเซียน ตอนถือกำเนิดมีหงส์ฟ้าเกิดมาคู่กัน โชควาสนาอยู่ที่โลกมนุษย์ บำเพ็ญเพียรเจ็ดร้อยปี สำเร็จมหายาน มีนิสัยระแวดระวัง เกลียดการต่อสู้ ชอบฝึกบำเพ็ญ]

หานเจวี๋ยอ่านดูข้อมูลตรงหน้าด้วยสีหน้าแปลกๆ

มารูปแบบนี้…เหมือนเขาในฉบับผู้หญิงเลยนี่!

หานเจวี๋ยเกิดความประทับใจในตัวลี่เหยาทันที

อุดมการณ์ตรงกัน!

หานเจวี๋ยยิ่งมองลี่เหยาก็ยิ่งรื่นตา ลี่เหยาที่ฝึกบำเพ็ญเงียบๆ ราวกับเทพธิดา เป็นภาพที่ดูกลมกลืนอะไรปานนั้น

ดูอยู่พักหนึ่ง หานเจวี๋ยก็ดึงพลังจิตกลับมา

เขาไม่ได้ไปรบกวนลี่เหยา

มีแต่ผีที่จะรู้ว่าลี่เหยาอยู่บนโลกแห่งใด

“นายท่าน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าในน้ำจะซ่อนโลกแห่งหนึ่งไว้” อู้เต้าเจี้ยนถาม

หานเจวี๋ยเองก็ไม่ปิดบัง พูดเรื่องพลังของวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไปหนึ่งรอบ อู้เต้าเจี้ยนฟังแล้วอุทานตกใจไม่หยุด

คาดไม่ถึงว่าวารีนี้จะสามารถสอดส่องดูโลกอื่นได้ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิอีกครั้ง จากนั้นฝึกบำเพ็ญต่อ

……

ภายในป่าดอกท้อแห่งหนึ่ง สตรีชุดกระโปรงเขียวผู้หนึ่งกำลังยืนรอคอยด้วยความขวยเขินและคาดหวังอยู่ใต้ต้นไม้ ใบหน้าของนางเพริศพริ้ง มองไปรอบด้านอยู่ตลอดเวลา

ห่างออกไปไกล มีคนสองคนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

มู่หรงฉี่กับสวินฉางอันนั่นเอง

มู่หรงฉี่กล่าวเร่งรัด “อาจารย์ ท่านยังจะรออะไรอีก คนเขารอท่านอยู่นะ”

สวินฉางอันสวมงอบที่มีผ้าโปร่งบางบิดบังใบหน้า ในใจเขากังวลมาก

“วางใจเถอะ ท่านปกป้องนางมาสิบปี นางเห็นท่านเป็นคนในดวงใจนานแล้ว รีบไปเร็ว” มู่หรงฉี่ผลักสวินฉางอันออกไป

สวินฉางอันถูกผลักจนเกือบล้ม

เจ้าเด็กบ้านี่มือไม่เบาเลย!

สวินฉางอันแอบด่า จากนั้นก็เรียกความกล้าเดินไปทางสตรีชุดเขียว

ไม่นานนัก สตรีชุดเขียวก็มองเห็นสวินฉางอันเดินเข้ามา

สวินฉางอันสวมงอบ ใส่ชุดสีดำทั้งตัว มีบุคลิกลักษณะไม่ธรรมดา สอดคล้องกับผู้บำเพ็ญทรงพลังในความคิดของนางยิ่งนัก

‘เขานี่เองที่แอบปกป้องข้ามาโดยตลอด…’

สตรีชุดเขียวดวงตาเคลิบเคลิ้ม นางจ้องมองสวินฉางอันที่เดินเข้ามาราวกับพวกคลั่งไคล้บุรุษ

ครั้นมองเห็นสีหน้าของนาง สวินฉางอันก็ตื่นเต้นขึ้นมา

ในที่สุดเชี่ยนเอ๋อร์ก็จะกลับมาเป็นของเขาแล้ว!

สวินฉางอันเร่งฝีเท้าขึ้นอีก

เมื่อมาถึงตรงหน้าสตรีชุดเขียว สวินฉางอันก็นิ่งเงียบอีก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา

ภายในป่าดอกท้อเงียบสงัดไปในชั่วเวลานั้น

สตรีชุดเขียวกัดริมฝีปากเบาๆ ก่อนกล่าวว่า “เหตุใดท่านถึง…”

สวินฉางอันระงับอาการตื่นเต้นไว้ “ข้าตามหาเจ้ามาหลายร้อยปี ชาติก่อนเจ้ากับข้าเคยเติบโตมาด้วยกัน เจ้าเป็นรักสุดซึ้งตลอดชีวิตของข้า”

คำสารภาพของเขาทำให้ลำคอและใบหูของสตรีชุดเขียวแดงก่ำ

หลายร้อยปี!

ใจของสตรีชุดเขียวถูกยึดครองโดยสมบูรณ์

บนโลกใบนี้จะมีดรุณีสักกี่คนที่ได้รับคำสารภาพรักและความลุ่มหลงเช่นนี้

สตรีชุดเขียวถามอย่างตื่นเต้น “ข้าสามารถดูหน้าท่านได้หรือไม่”

สวินฉางอันลังเล

สตรีชุดเขียวค่อยๆ เลิกผ้าคลุมหน้าของเขาขึ้น

พริบตาต่อมา สตรีชุดเขียวตัวสั่นสะท้านและก้าวถอยไปหนึ่งก้าวทันที

ก้าวนี้ราวกับน้ำเย็นที่ดับไฟในใจสวินฉางอัน

สวินฉางอันยิ้มขมขื่นและถามขึ้นมา “ข้าอัปลักษณ์มากหรือ”

สตรีชุดเขียวนิ่งเงียบไป

นางอยากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เขาอัปลักษณ์เกินไปจริงๆ นางไม่เคยเห็นคนอัปลักษณ์เช่นนี้มาก่อน ไม่ได้มีส่วนใดบกพร่อง แต่อัปลักษณ์โดยแท้

“ข้า…” สตรีชุดเขียวอยากกล่าวอะไรแต่ก็ไม่ได้กล่าวออกมา

สวินฉางอันเศร้าเสียใจ แต่ก็คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกผิดหวัง

เขาสิ้นหวังมานาน ไม่หวาดกลัวความสิ้นหวังนานแล้ว

สวินฉางอันถามด้วยความเจ็บปวด “ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวนะ?”

ในเมื่อไม่สามารถพบกันได้ เขาก็จะซ่อนตัวอยู่ในที่ลับเพื่อปกป้องนางตลอดไปชั่วชีวิตต่อ

“เอ่อ…อย่าเพิ่งไป…”

สตรีชุดเขียวทอดถอนใจ คำพูดของนางทำให้สวินฉางอันอารมณ์ดีขึ้น

หรือว่าชาตินี้เชี่ยนเอ๋อร์จะไม่รังเกียจเขา?

ห่างออกไปไกล มู่หรงฉี่ดูจนกุมท้องหัวเราะ เขาพยายามกลั้นเสียงไว้และชกต้นไม้ไม่หยุด หัวเราะจนเกือบจะตายแล้ว

……

หลังจากหานเจวี๋ยค้นพบลี่เหยา เวลาก็ผ่านไปอีกสามสิบปี

ในที่สุดเขาก็บรรลุระดับเซียนลึกล้ำระยะกลาง

แม้การทะลวงระดับจะช้ากว่าเมื่อก่อน แต่ยังอยู่ในระดับที่หานเจวี๋ยสามารถรับได้

ในเวลาสามสิบปีนี้ ทุกครั้งที่หานเจวี๋ยสาปแช่งศัตรูก็จะถือโอกาสดูลี่เหยาไปด้วย

นางผู้นี้มานะฝึกบำเพ็ญเสียจริงๆ สามสิบปีราวกับหนึ่งวัน นางนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นหลิวโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

จุดที่คู่ควรแก่การกล่าวถึงคือ ไม่มีคนมารบกวนนางเลย

ว่ากันตามหลักแล้ว ถ้าอาศัยอยู่กลางเมืองมักจะถูกรบกวนบ่อยๆ ไม่ใช่แดนสุขาวดีสักหน่อย

บางทีโลกมนุษย์ที่ลี่เหยาอยู่อาจจะยอดเยี่ยมกว่าโลกเมฆาแดงมาก และก็ด้วยเหตุนี้ ผู้คนถึงคุ้นชินกับการฝึกบำเพ็ญ สำหรับพวกเขาแล้วสามสิบปีนับว่าเป็นเวลาที่ไม่นาน

หลังจากทะลวงระดับ หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเฉลิมฉลอง

ขณะที่สาปแช่งก็ตรวจสอบผู้แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณรอบๆ โลกเมฆาแดงไปด้วย

[จอมพลเสินเผิง: ระดับเซียนทองไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ แม่ทัพสวรรค์ขั้นสองของวังสวรรค์]

หานเจวี๋ยงุนงง เหตุใดจอมพลเสินเผิงถึงมาเล่า

เขาไม่ได้ส่งพลังจิตไปสำรวจ เพื่อไม่ให้รบกวนมหาเทพทั้งสอง

หลายเดือนต่อมา หายเจวี๋ยตรวจสอบอีกครั้ง ไม่นึกว่าจอมพลเสินเผิงจะยังอยู่

ครั้นแล้วหานเจวี๋ยก็เริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบท้าประลองกับจอมพลเสินเผิง

ครึ่งชั่วยามต่อมา เขาลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าแปลกๆ

เขาพ่ายแพ้เสียอย่างนั้น!

ตี้ไท่ไป๋ที่อยู่ระดับเซียนทองไท่อี่ขั้นสมบูรณ์เหมือนกันยังสู้เขาไม่ได้ ทว่าจอมพลเสินเผิงกลับสามารถเอาชนะเขาได้

อีกทั้งหานเจวี๋ยยังถูกควบคุมตลอดการต่อสู้ ใช่ว่าจะมีกำลังพอๆ กัน

‘ใช้ได้นี่ สมกับเป็นจอมพลของวังสวรรค์ พลังการสู้รบมีของอยู่บ้าง’

หานเจี๋ยคาดเดาว่าจอมพลเสินเผิงน่าจะอยู่ระดับเดียวกับจักรพรรดิเทพกระบี่ของวังเทพ

ผ่านไปราวสามปี จอมพลเสินเผิงถึงจากไป

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล

‘สองคนนี้มีอะไรที่ต้องคุยกัน ตอนอยู่ในวังสวรรค์ก่อนหน้านี้คุยกันไม่ได้หรือ’

หานเจวี๋ยลุกขึ้น เดินมาริมวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า และสังเกตดูลี่เหยาต่อ

อู้เต้าเจี้ยนกล่าวด้วยความหึงหวง “นายท่าน ท่านถูกใจนางเข้าแล้วหรือ”

ทุกสิบปีหานเจวี๋ยจะมาจับตาดูลี่เหยา

หานเจวี๋ยตอบว่า “ถูกใจอยู่บ้าง”

อู้เต้าเจี้ยนได้ยินก็ยิ่งไม่ชอบใจกว่าเดิม

ผ่านมานานขนาดนี้ ตบะของลี่เหยาบรรลุระดับมหายานขั้นแปดแล้ว คาดว่าอีกไม่นานจะสำเร็จมรรคขึ้นสวรรค์ได้

หานเจวี๋ยลังเลว่าจะติดต่อลี่เหยาดีหรือไม่

ผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่ระดับนี้ ต่อไปจะต้องเดินไปได้ไกลอย่างแน่นอน หานเจวี๋ยสามารถเชิญนางมาฝึกบำเพ็ญที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน และสนทนาวิถีการฝึกบำเพ็ญแบบขี้ขลาดด้วยกัน

‘อะแฮ่ม วิถีแห่งการมุมานะฝึกฝน!’

หานเจวี๋ยแอบด่า เหตุใดถึงด่าตัวเองว่าขี้ขลาดล่ะ?

ในที่สุด วันนี้ลี่เหยาก็ถูกรบกวนจนตื่นจากสมาธิ

ผู้ที่มาคือบิดาของนาง ลี่เทียนซิน

“เหยาเอ๋อร์ เจ้าใกล้จะบำเพ็ญถึงระดับเซียนอิสระ ก็ควรจะแต่งงานได้แล้ว คุณชายตระกูลลู่เป็นอย่างไร ประมุขตระกูลนี้คือเซียนสวรรค์ไท่อี่เลยเชียว” ลี่เทียนซินถามกลั้วเสียงหัวเราะ

ลี่เหยาขมวดคิ้วเอ่ย “ท่านพ่อ ข้าไม่อยากแต่งงาน ข้าอยากฝึกบำเพ็ญเท่านั้น ท่านอย่าเอาแต่คิดคบหาคนที่มีฐานะสูงกว่าเลย ให้เวลาข้าหน่อย ข้าจะพาตระกูลลี่ไปสู่ความรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”

ลี่เทียนซินส่ายหน้าอดยิ้มไม่ได้ “เหยาเอ๋อร์ การฝึกบำเพ็ญไม่ได้ง่ายขนาดนั้น จำเป็นต้องอาศัยวาสนาด้วย เจ้ามานะฝึกบำเพ็ญทั้งวัน หลังจากบรรลุระดับเซียนแล้ว หนทางเดินในอนาคตจะยากลำบากมาก”

“นั่นเป็นเพราะท่านพ่อไม่รู้พรสวรรค์ของข้า ถึงแม้จะอยู่ระดับเซียน ข้าก็อาศัยคุณสมบัติของตนเองให้โดดเด่นได้”

“เหยาเอ๋อร์ นี่คือโอกาสดีที่พบเจอได้ยากในรอบหมื่นปี คุณชายตระกูลลู่ชอบเจ้า เจ้าอย่าพลาดโอกาสไปเลย”

“ท่านพ่อ ข้าไม่อยากแต่งงานจริงๆ”

“เรื่องนี้ตัดสินใจแล้ว เจ้าเตรียมตัวให้ดีเถอะ ไหนเลยพ่อจะทำร้ายเจ้าได้ พ่อหวังดีต่อเจ้า!”

ลี่เทียนซินพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

ลี่เหยานั่งขมวดคิ้วแน่นอยู่ใต้ต้นไม้เช่นนั้น

……………………………………….

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset