ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 274 วังเทพเข้าร่วมสงคราม ปวงสวรรค์อลหม่าน

บทที่ 274 วังเทพเข้าร่วมสงคราม ปวงสวรรค์อลหม่าน

จักรพรรดิสวรรค์ดูราวจะยุ่งยิ่งนัก หลังจากเตือนหานเจวี๋ยแล้วก็จบบทสนทนาทันที

หานเจวี๋ยจมสู่ห้วงภวังค์ความคิด

หลังฟังคำแนะนำของจักรพรรดิสวรรค์แล้ว เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

ที่มาของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรน่ากลัว สามารถเปิดมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้ในทันที แม้กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์เองก็ยังหวาดกลัวมันมาก ของชั่วร้ายพรรค์นี้หานเจวี๋ยต่อต้านโดยสัญชาตญาณ

จนใจที่เขาไม่สามารถขับไล่บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรออกจากร่างได้

หานเจวี๋ยเริ่มย้อนนึกถึงบทสนทนาระหว่างเขากับนักพรตเต๋าอวี้จือก่อนหน้านี้

เขาลองคิดว่าหากเขาเป็นนักพรตเต๋าอวี้จือ เขาจะเชื่ออีกฝ่ายหรือไม่

ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องจ่ายในราคามหาศาล หานเจวี๋ยย่อมต้องระมัดระวังให้มาก

บทสนทนาระหว่างคนทั้งสองที่มีเพียงไม่กี่คำ แต่นักพรตเต๋าอวี้จือก็ยอมยกยอดสมบัติที่ใช้กายเนื้อแลกมาให้แล้วเช่นนี้ มันก็น่าแปลกจริงๆ

หรือว่านี่ก็คือหลุมพรางอย่างหนึ่ง?

หานเจวี๋ยนึกถึงหินซ่อมฟ้าที่ไท่ซู่เทียนจัดหามาให้ ในใจก็รู้สึกไม่สงบมากขึ้น

เขาเรียกค่าความสัมพันธ์ออกมาตรวจสอบภาพประจำตัวของนักพรตเต๋าอวี้จือ

[นักพรตเต๋าอวี้จือ: จักรพรรดิเซียนสองวัฏ ภูตผีในยมโลก เคยเป็นผู้บำเพ็ญมหามรรคในแดนเซียน แต่เนื่องด้วยครอบครัวถูกฆ่าล้างสังหาร วิญญาณจึงถูกสยบอยู่ในส่วนลึกของปรโลก ตัวเขาเองก็เผชิญกับการสาปแช่งจากผู้ทรงพลังวังเทพ ดังนั้นจึงกราบบูชาจักรพรรดิเซียนวัฏจักรผู้ลึกลับ เนื่องด้วยท่านสืบทอดกลิ่นอายของจักรพรรดิเซียนวัฏจักร อีกทั้งยอมรับบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรที่ทรมานเขาทุกวันคืน เขาจึงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

ทรมานเขาทุกวันคืน…

‘มารดามันเถอะ! เจ้าเฒ่าหน้าเนื้อใจเสือ!

มิน่าเล่าถึงไม่บอกข้าว่าสัญญาอะไร!’

หานเจวี๋ยก่นด่าในใจ คิดไว้แล้วไม่มีผิด ล้วนเป็นจิ้งจอกเฒ่าหมื่นปี ไม่มีผู้ใดเชื่อถือได้สักคน

โชคดีที่กายดาราอนธการของเขาแข็งแกร่งพอที่จะสามารถชำระบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรได้

หานเจวี๋ยหายใจเข้าลึกๆ พยายามปรับอารมณ์ให้คงที่

ไม่ว่าอย่างไร บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรก็ตกเป็นของเขาแล้ว

เพื่อประโยชน์ของปวงสวรรค์หมื่นโลกา เขาต้องชำระของสิ่งนี้ให้บริสุทธิ์!

หานเจวี๋ยสัมผัสได้ถึงความรับผิดชอบของตนที่มีมากขึ้น เหนือศีรษะแผ่รัศมี

บำเพ็ญตบะต่อไปดีกว่า

มีบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรแล้ว ยิ่งไม่อาจเข้าร่วมเคราะห์ได้!

แววตาของหานเจวี๋ยแปรเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่

ไม่ว่าจะเจอปัญหาแบบใด ความยากลำบากระดับไหน เขาจะไม่มีวันลืมความตั้งใจแรกของตนเป็นอันขาด

พริบตาเดียว เวลาผ่านไปสิบกว่าปี

หานเจวี๋ยต้อนรับอายุขัยสามพันปี

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุสามพันปีแล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ทันที ช่วงชิงดวงชะตายิ่งใหญ่ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรค สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[สอง ยังไม่ขึ้นสู่สวรรค์ชั่วคราว อยู่ห่างจากภัยพิบัติ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรค ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ

ไม่ทันรู้ตัวเขาก็อายุสามพันปีแล้ว

‘เฮ้อ! เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ!’

หานเจวี๋ยถอนหายใจออกมาพลางทอดมองข้อความแจ้งเตือนที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

[ยินดีด้วย ท่านได้รับอาภรณ์มหามรรคบัญชาสวรรค์]

[อาภรณ์มหามรรคบัญชาสวรรค์: สมบัติวิญญาณป้องกันระดับเทพ ชุดนักพรตที่กลั่นหลอมขึ้นมาท่ามกลางกฎมรรคาสวรรค์ มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งถึงที่สุด สามารถแบกรับการบุกโจมตีของระดับต่ำกว่าระดับเทพได้ แต่ไม่สามารถแบกรับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนต่อเนื่องเกินครึ่งชั่วยาม]

สมบัติวิญญาณป้องกันระดับเทพ!

ดวงตาของหานเจวี๋ยเป็นประกาย ลมหายใจพลันถี่กระชั้นขึ้นมาในทันที

มีสมบัตินี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจักรพรรดิเซียนจะโจมตีเขา!

ช่างดียิ่งนัก!

หานเจวี๋ยรีบหยิบอาภรณ์มหามรรคบัญชาสวรรค์ออกมา ชุดนี้เป็นเสื้อคลุมสีขาว บริเวณข้อต่อเลี่ยมด้วยเครื่องประดับที่ดุจดั่งหยดน้ำใสวาว กลิ่นอายเซียนโดดเด่นไร้มลทิน

หลังจากยอมรับเจ้าของแล้ว หานเจวี๋ยก็สวมมันไว้บนร่างกาย

อู้เต้าเจี้ยนกล่าวชื่นชมว่า “นายท่าน อาภรณ์นี้ของท่านช่างงดงามยิ่งนัก!”

สายตาของนางจ้องมองไปที่อาภรณ์ดวงชะตาจักรพรรดิสูงศักดิ์ที่หานเจวี๋ยถอดออกไว้ข้างกาย สายตากระตือรือร้น

หานเจวี๋ยเข้าใจสิ่งที่นางคิด แต่กลับไม่คิดให้ในสิ่งที่นางต้องการ

‘แม่นางผู้นี้ก็ไม่ได้ออกไปฝึกบำเพ็ญที่ไหนสักหน่อย จะใส่เสื้อเวทดีๆ เช่นนี้ไปด้วยเหตุใดกัน’

หานเจวี๋ยอารมณ์ดีไม่น้อย ลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ไปกันเถิด ข้าจะเตรียมเทศนาธรรม”

เมื่ออู้เต้าเจี้ยนได้ยิน ดวงตาก็สว่างวาบขึ้นอย่างอดไม่ได้

วังเทพ

ซูฉีกำลังบำเพ็ญตบะ พลันมีเสียงสายหนึ่งดังลอยเข้ามาจากนอกห้องโถง

“ศิษย์ของวังเทพทุกคน มาที่ตำหนักเทพยุทธ์!”

เสียงของจักรพรรดิเทพกระบี่!

ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงพุ่งเป้ามาที่เขา แต่กลับเป็นศิษย์ของวังเทพทั้งหมด!

ซูฉีขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

หรือจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว?

เขาลุกขึ้นและก้าวไปข้างหน้าทันที

หลังจากเหาะออกจากตำหนักบรรทม ซูฉีเห็นเหล่าศิษย์ของวังเทพกำลังบินไปในทิศทางเดียวกันอย่างมืดฟ้ามัวดินจนดูราวกับศรพิรุณ จำนวนนับไม่หวาดไม่ไหว

ซูฉีรีบร้อนเข้าขวางศิษย์หญิงนางหนึ่งไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนเอ่ยถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”

ศิษย์หญิงสีหน้าหวาดกลัว เอ่ยว่า “วังเทพจะร่วมมือกับวังสวรรค์และสำนักพุทธเพื่อล้อมปราบวังปีศาจ ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์รวมถึงทุกครอบครัวในแดนสวรรค์ทั้งหมดเริ่มเข้าร่วมทัพ มหาเคราะห์โลกาสวรรค์มาเยือนแล้ว!”

เมื่อซูฉีได้ยินเช่นนี้ ก็อดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้

เกี่ยวกับมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต เขาเคยได้ยินมาไม่น้อย ย่อมต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา

‘ดูเหมือนจะได้เวลากลับแล้วสินะ’

ซูฉีคิดอย่างเงียบๆ เขาก็ไม่อยากที่จะเข้าร่วมเคราะห์

หนึ่งปีต่อมา

หานเจวี๋ยเทศนาธรรมเสร็จแล้วก็กลับไปที่ถ้ำเทวาฟ้าประทานของตน

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งจอมปีศาจอินทรีทองไปพลางตรวจสอบกล่องจดหมาย

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพเซียน] x249821

[หลงซั่นสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x198005

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x372098

[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ] x23

[ตี้ไท่ไป๋สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[จอมเทพอู่เต๋อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ กายเนื้อถูกทำลาย]

[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากยอดแม่ทัพเทพสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากศิษย์ของวังเทพ] x427

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

หานเจวี๋ยเลื่อนสายตาไล่อ่านลงมา รู้สึกเพียงว่าน่าอเนจอนาถอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

‘นี่ก็คือมหาเคราะห์หรือ เพิ่งจะเริ่มก็เอาเรื่องขนาดนี้แล้ว?’

หานเจวี๋ยขวัญหายใจฝ่อ หวังว่าเคราะห์นี้จะไม่เกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์

เขาเพิ่งอายุสามพันปี ไม่อยากจะเสียสละทั้งอย่างนี้

ครึ่งเดือนต่อมา

หลังจากที่หานเจวี๋ยสาปแช่งจอมปีศาจอินทรีทอง จักพรรดิปีศาจและหลี่เสวียนเอ้าเสร็จ เขาก็ยังคงบำเพ็ญตบะต่อไป

ระดับของจักรพรรดิเซียนนั้นยากต่อการบำเพ็ญตบะจริงๆ หานเจวี๋ยยังคงห่างไกลจากระดับจักรพรรดิเซียนสามวัฏอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

นี่ทำให้เขารู้สึกเร่งร้อนอย่างมาก

จักรพรรดิเซียนยังอ่อนแอเกินไป!

เวลายี่สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

นับตั้งแต่ที่วังเทพเข้าร่วมสงคราม ผู้คนในแดนเซียนได้ดิ้นรนเอาชีวิตรอด ทุกแห่งหนล้วนเต็มไปด้วยการเข่นฆ่า

สรรพสิ่งบางตัวในโลกเบื้องบนค่อยๆ หลบหนีลงมายังโลกมนุษย์ บางคนถึงกับต้องการครอบครองโลกเขย่าพิภพ ผู้ที่มารุกล้ำล้วนถูกพุทธะอาภรณ์ขาวกำจัดจนหมดสิ้น

ขอเพียงไม่ใช่จักรพรรดิเซียน พุทธะอาภรณ์ขาวล้วนเป็นฝ่ายลงมือก่อนทั้งนั้น

ในขณะนี้ หานเจวี๋ยกำลังชี้แนะสิงหงเสวียนอยู่ภายในถ้ำเทวา

ตบะของสิงหงเสวียนบรรลุถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์แล้ว นางมาถามหานเจวี๋ยว่าจะสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ดีหรือไม่ แต่ถูกหานเจวี๋ยหยุดยั้งไว้

หลังจากได้รู้ถึงความน่าหวาดกลัวของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต สิงหงเสวียนก็ไม่กล้าคิดเรื่องขึ้นสวรรค์อีก

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่

เขาพูดเสียงเข้ม “เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้ายังมีเรื่องต้องทำ”

สิงหงเสวียนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่นางสังเกตเห็นว่าสีหน้าของหานเจวี๋ยไม่ชอบมาพากล จึงพยักหน้าและหยัดกายลุกขึ้นจากไปทันที

จนกระทั่งนางออกจากถ้ำเทวาไปแล้ว หานเจวี๋ยก็รีบหลับตาลง สัมผัสถึงโลกอนธการ

ในส่วนลึกของดวงดาวดวงหนึ่ง บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรขยับเต้นเหมือนหัวใจ แผ่กระจายแรงกรรมออกมาอย่างต่อเนื่อง

แรงกรรมเหล่านี้ผสานเข้ากับปราณอนธการของหานเจวี๋ย ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

จิตรับรู้ของเขากำลังจับจ้องที่บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรไม่วางตา ในใจรู้สึกประหม่าอย่างถึงที่สุด

คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกกระมัง?

ช้าก่อน!

หลังจากแรงกรรมและปราณอนธการผสานเข้าด้วยกันแล้ว ปราณอนธการของเขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังไม่ถูกแรงกรรมแปดเปื้อนด้วย

…………………………………………………..

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset