ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 376 ความฝันอันธการ ฉายาทางธรรมของหานเจวี๋ย

บทที่ 376 ความฝันอันธการ ฉายาทางธรรมของหานเจวี๋ย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดหานเจวี๋ยก็รังสวรรค์พลังวิเศษยอดมรรควิถีที่เขาต้องการได้

เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ม่านตาทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีม่วง

“เรียกพลังวิเศษนี้ว่าความฝันอันธการแล้วกัน”

เขาพึมพำกับตัวเอง เขาต้องการใช้พลังวิเศษนี้ให้กลายเป็นฝันร้ายของเหล่าศัตรู!

ขอเพียงอยู่ภายใต้มหามรรค หานเจวี๋ยก็ใช้ความฝันอันธการไปเข้าฝันได้ ขณะเดียวกันก็ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถสืบสาวมาถึงตนได้ ไม่มีบ่วงกรรมพัวพัน

หากว่าอีกฝ่ายตบะอ่อนด้อยกว่าเขา เขาถึงขั้นที่สามารถสังหารศัตรูในความฝันได้

พลังวิเศษนี้ช่างเป็นพลังที่วิเศษจริงๆ มหามรรคช่างเป็นของดีสมราคานัก!

สมกับเป็นพลังวิเศษที่ถือกำเนิดขึ้นจากการหลวมรวมของเก้าชิ้นส่วนมหามรรค!

ด้วยความหวาดระแวง หานเจวี๋ยจึงเอ่ยถามในใจ ‘หากข้าใช้ความฝันอันธการ จะถูกอริยะจับได้หรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ทำไมแค่ถามถึงพลังวิเศษก็ต้องจ่ายอายุขัยด้วยล่ะ

หานเจวี๋ยแอบบ่น ไม่เข้าใจกฏเกณฑ์ในการหักอายุของระบบวิวัฒนาการเลย

ช่างเถอะ ก็แค่พันล้านปีเท่านั้น

หานเจวี๋ยเลือกดำเนินการต่อ

[อริยะมรรคาสวรรค์จะไม่สามารถจับได้ แต่หากเข้าฝันอริยะระดับมหามรรค อริยะระดับมหามรรคจะจับได้ หากเข้าฝันสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะลงไป ไม่ว่าจะเป็นผู้วิเศษเช่นใดก็ไม่สามารถสืบสาวได้]

หือ?

มีอริยะระดับมหามรรคด้วยหรือ

หรือว่าจะเป็นนักพรตเต๋าผู้หลุดพ้นเหมือนปรมาจารย์ลัญจกรสรวง

หรือเป็นอย่างจู่ถู

หานเจวี๋ยไม่เข้าใจเลย แต่ก็ไม่เป็นไร เขาไม่ได้จะเข้าฝันอริยะสักหน่อย จะกลัวอะไร

ส่วนผู้ใดคืออริยะระดับมหามรรค เขาก็คร้านจะวิวัฒนาการดู

ถึงแม้อายุขัยจะยืนยาว แต่ก็ไม่อาจใช้สุรุ่ยสุร่ายได้ ต้องเก็บไว้พิฆาตศัตรู

หานเจวี๋ยมองอายุขัยแวบหนึ่ง พบว่าการตระหนักรู้ในพลังวิเศษระดับมหามรรคครั้งนี้ใช้เวลาถึงห้าปี

เขาสงบสติอารมณ์ลง เริ่มพิจารณาว่าจะจะนำไปทดลองกับผู้ใดก่อน

ใช่แล้ว!

นิกายเจี๋ยเข้ามาสู่แดนชำระบาปเก้าขุมมิใช่หรือ ไปสอบถามข่าวจากจิ่งเทียนกงได้พอดี

หลังจากพักผ่อนสักครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยก็เริ่มใช้ความฝันอันธการ

รูปพรรณสัณฐานของจิ่งเทียนกงผุดขึ้นมาในสมองเขา หานเจวี๋ยเตรียมจะเข้าฝันอีกฝ่าย

….

ภายในอารามเต๋า

จิ่งเทียนกงนั่งสมาธิบำเพ็ญอยู่ ไม่ทันรู้ตัว จิตรับรู้เขาก็เริ่มพร่าเบลอ

ทันทีที่เขารู้สึกตัว ก็พบว่าตนอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง โอบล้อมด้วยเขาเขียวธารใส ลมกระจ่างพัดโชย

จิ่งเทียนกงรู้สึกประหลาดใจ ที่นี่คือที่ไหนกัน

เขาหันไปตามสัญชาตญาณ พลันมองเห็นเงาดำร่างหนึ่ง ทำเอาเขาสะดุ้งโหยงกระโดดตัวลอย

ทั่วทั้งร่างของเงาดำแผ่ไอหมอกสีดำออกมา มองเห็นเพียงว่าเป็นร่างคนรวมถึงดวงตาสีม่วงคู่หนึ่ง พิสดารน่าหวาดผวา

จิ่งเทียนกงเอ่ยถามเสียงเข้ม “เจ้าเป็นใคร”

เงาดำกล่าวอย่างสงบว่า “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้า ที่นี่เป็นเพียงภาพฝันฉากหนึ่ง”

หานเจวี๋ยจงใจดัดเสียง ให้มีความแตกต่างจากเสียงเดิมของตน

ฝันหรือ

จิ่งเทียนกงตกใจ เขามีตบะระดับใดแล้ว จะฝันได้อย่างไร

ต้องเป็นพลังวิเศษของอีกฝ่ายแน่

บังคับดึงตัวเข้าสู่ความฝัน!

[จิ่งเทียนกงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]

หานเจวี๋ยก็ไม่ถือสา เพียงจ้องตรงไปที่จิ่งเทียนกง

จิ่งเทียนกงที่คิดจะลงมือกลับต้องตื่นตระหนกเมื่อพบว่าตนไม่สามารถใช้พลังเวทได้

ในความฝันอันธการ นอกเสียจากเขาจะมีตบะที่สูงกว่าหานเจวี๋ย มิเช่นนั้นจะถูกพลังวิเศษมหามรรคของอีกฝ่ายสะกดควบคุม ไม่อาจใช้วิชายุทธ์ได้

นี่คือความทรงพลังของพลังวิเศษระดับมหามรรค!

จิ่งเทียนกงพยามสงบอารมณ์ เขาค้นพบว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะลงมือเลย คล้ายอยากจะพูดคุยกับเขา

ช้าก่อน!

หรือว่าเขาก็คือ…

จิ่งเทียนกงเบิกตากว้าง ร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน

อีกฝ่ายมืดสนิทไปทั้งตัว ลึกลับอย่างยิ่ง หากมิใช่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ แล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก

เขาถามอย่างระมัดระวังยิ่ง “ท่านคือเจ้าแดนต้อง…”

หานเจวี๋ยตัดบทเขาด้วยการกล่าวว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด”

ต้องโจมตีจิตใจของผู้อื่นก่อน

จิ่งเทียนกงทรุดลงตรงหน้าเขา คุกเข่าให้ทันที เอ่ยเสียงขรึม “ข้ายินดีรับใช้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการขอรับ! มอบศีรษะเป็นประกัน แม้นตายก็มิผันแปร!”

[จิ่งเทียนกงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หือ?

ห้าดาวเชียวหรือ

มันเรื่องอะไรกัน

หานเจวี๋ยตกตะลึง หรือว่าคนผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในผู้ศรัทธาเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

เขาเพ่งพินิจจิ่งเทียนกงอย่างละเอียด แววตาของจิ่งเทียนกงกระตือรือร้นถึงเพียงนั้น ราวกับมีอาการทางประสาทอยู่เล็กน้อย

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “นิกายเจี๋ยของพวกเจ้าวางแผนอะไรอยู่”

จิ่งเทียนกงตอบโดยไม่หยุดคิดเลย “พวกเราเพียงอยากหลบเลี่ยงเคราะห์ แต่ตัวข้าอยากเข้าร่วมสังกัดของท่านขอรับ แดนเซียนในยามนี้ นอกจากอริยะแล้ว มีเพียงท่านที่ข้าเคารพศรัทธาที่สุด คอยชักใยก่อคลื่นลมอยู่ในที่ลับ หงายมือก่อเมฆ คว่ำมือเกิดฝน สี่กลุ่มอิทธิพลเจ้าจักรวรรดิ ล่มสลายด้วยน้ำมือท่านไปแล้วสาม ความสามารถระดับนี้ แข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้าแห่งมหาเคราะห์ทั้งหมดในอดีต!”

หานเจวี๋ยถามต่อ “ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้าและวังสวรรค์เป็นอย่างไร”

จิ่งเทียนกงถามด้วยความลังเล “ไม่ทราบว่าท่านกับวังสวรรค์…”

“วังสวรรค์มีดวงชะตามรรคาสวรรค์ ข้ายังไม่คิดจะหาเรื่องตอนนี้ แต่อีกไม่ช้าก็เร็วข้าจะลงมือกับพวกเขา”

หานเจวี๋ยพูดจาวางอำนาจยิ่ง ไม่ยอมให้โต้แย้งเลย

จิ่งเทียนกงตื่นเต้นอยู่ในใจ เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ

เขาก็สงสัยมาตลอด เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะเป็นคนของวังสวรรค์ไปได้อย่างไร วังสวรรค์อ่อนแอถึงเพียงนั้น!

“ความร่วมมือระหว่างนิกายเจี๋ยและวังสวรรค์เป็นการแลกเปลี่ยนทางผลประโยชน์เท่านั้น นิกายเจี๋ยช่วยเหลือวังสวรรค์ จักรพรรดิสวรรค์ก็ปลดปล่อยวิญญาณของนิกายเจี๋ยที่ถูกสะกดไว้ในรายนามสถาปนาเทพ ยามนี้สองฝ่ายหมดพันธะแล้ว นิกายเจี๋ยไม่ต้องช่วยเหลือวังสวรรค์อีกต่อไป” จิ่งเทียนกงตอบอย่างจริงจัง

หานเจวี๋ยตัดสินใจว่าจะทดสอบเขาสักหน่อย จึงเอ่ยว่า “เจ้าลองนึกตามข้า หากเจ้าก็มีสมบัติสายสาปแช่ง เจ้าคิดว่าถ้าเจ้าเป็นข้า ยามนี้สมควรจะสาปแช่งผู้ใด”

จิ่งเทียนกงตกอยู่ในห้วงความคิด

ผ่านไปพักใหญ่

เขาเงยหน้าเอ่ยตอบ “สาปแช่งเมืองนรกแห่งยมโลก นับตั้งแต่จู่ถูดับสูญ วิญญาณพยาบาทนับไม่ถ้วนที่มีอยู่เต็มแดนเซียนล้วนไปหลบซ่อนในยมโลก ถูกพญายมควบคุม ยังมีศิษย์ของวังเทพด้วย กองกำลังนี้แข็งแกร่งเกินไป หากไม่จัดการสักหน่อย รอจนเทพเซียนของวังสวรรค์และวังสวรรค์เผ่าปีศาจบาดเจ็บล้มตายกันทั้งสองฝ่าย ต้องขึ้นมากวาดล้างแดนสรวงหมื่นโลกาแน่นอนขอรับ”

“เช่นนั้นก็ดี ภารกิจนี้ขอมอบหมายให้เจ้า นับจากวันนี้ไปเจ้าเป็นผู้ติดตามของข้าแล้ว เจ้ามีความเห็นอย่างไร”

จิ่งเทียนกงได้ฟังก็ตะลึงงัน รู้สึกปรีดาจนแทบคลั่ง รีบตอบรับในทันที

หานเจวี๋ยเองก็ไม่พูดมากอีก หยุดใช้พลังวิเศษทันที

จิ่งเทียนกงรู้สึกพร่าเบลออยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงได้สติขึ้นมา

เขาพบว่าตนกลับสู่โลกแห่งความจริงแล้ว อดไม่ได้ที่จะผ่อนลมหายใจออกมา

เขาเผยสีหน้าเคารพยำเกรง พลางพึมพำว่า “สมกับเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ พลังวิเศษเลิศล้ำ”

จากนั้น เขาตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง

ความตั้งใจสมประสงค์แล้วจริงๆ!

นับจากนี้ไป นับว่าเขาเข้าสู่สังกัดของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแล้ว!

ขอเพียงมุ่งมั่นทำงาน เขาเชื่อว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่มีทางเอาเปรียบเขา และต้องให้การส่งเสริมนิกายเจี๋ยแน่!

เพราะนิกายเจี๋ยพ่ายแพ้ในมหาเคราะห์ สูญเสียโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ไปนานแล้ว จิ่งเทียนกงจำเป็นต้องหาที่พึ่งมาคลี่คลายสถานการณ์ให้นิกายเจี๋ย

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด!

เพียงเพราะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไร้เทียมทานอย่างยิ่ง

ใครก็สู้ไม่ได้!

….

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยสะท้อนใจอย่างยิ่ง

“ไม่คิดเลยว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะมีแฟนคลับมากมายขนาดนี้” หานเจวี๋ยรำพึงรำพัน

เขาไม่เคยออกไปไหนเลย เหตุใดจึงมีผู้ศรัทธามากมายปานนี้เล่า

คาดว่าผู้อื่นคงมีจุดประสงค์แอบแฝง อยากป้ายความผิดสารพัดใส่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ทำให้ข่าวลือของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแพร่สะพัดไปเรื่อยๆ

มีความฝันอันธการอยู่ หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนสามารถใช้ประโยชน์จากฐานะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้

พูดก็พูดเถอะ สมญานามนี้เป็นที่เลื่องลือนัก ภูมิฐานยิ่ง

ผู้บรรลุมรรคส่วนใหญ่ล้วนละทิ้งนามเดิมของตน เลือกใช้ฉายาทางธรรม หานเจวี๋ยรู้สึกว่านามเจ้าแดนต้องห้ามอันธการนี้ไม่เลวเลย ดีกว่านามวัฏจักรที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้เสียอีก

รอจนเขาแข็งแกร่งมากพอ การยอมรับนามเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset